ถ้าเสาร์-อาทิตย์อยู่ว่างๆ ชวนกันไปเป็นอาสาปลูกป่ากับโครงการ "ยิงเมล็ดพันธุ์พืช ปลูกป่า" กันครับ

สวัสดีครับ

กลับมาอีกครั้ง และอีกครั้ง และอีกครั้งนะครับ แหะๆ
ผมคิดว่าวันเสาร์-อาทิตย์ถ้าใครไม่รู้จะไปไหน ผมมีที่แนะนำครับ
เมื่อประมาณ 1 เดือนที่แล้ว บิวเพื่อนผมที่เป็นอาสาด้วยกัน โดยปกติแล้วเราจะเป็นอาสาช่วยเหลือคนตาบอดครับ
อยู่ดีๆนางก็เปลี่ยนแนวแล้วชวนกันไปปลูกป่า โดยเข้าร่วมในกิจกรรม



"อาสาสมัคร ยิงเมล็ดพันธุ์พืช ปลูกป่า ( Seed Bomb Project v.3 )"
ที่จากทีม อาสาสมัคร อนุรักษ์สิ่งดีงาม จัดขึ้นครับ
ซึ่งครั้งนี้จัดที่ หน่วยรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเขาน้ำพุ  เขตป่าสลักพระ จ.กาญจนบุรีครับ

ปล. ผมไม่ได้มีส่วนได้ส่วนเสียและเป็นสมาชิกกับองค์กรนี้นะครับ แต่เห็นว่าเป็นองค์กรที่เป็นประโยชน์และสนุกมากๆ
ถ้าหากใครสนใจสามารถเข้าไปดูกิจกรรมได้ตาม link ด้านล่างได้เลยครับ

http://www.arsa-dd.com/

ซึ่งกิจกรรมที่ทางพี่ๆเขาจัดมีสองแบบครับคือไปกับพี่เขาเองหรือเลือกที่จะไปเอง (กิจกรรมจัดแค่วันอาทิตย์วันเดียว ไปเช้า-เย็นกลับ)
กลุ่มผมเลือกที่จะไปเองครับ โดยนั่งรถตู้ไปวันเสาร์ แล้วกะไปเที่ยวกาญกับวันนึงนอนค้างที่โฮสเตลแล้วแล้วค่อยไปร่วมกิจกรรมวันอาทิตย์ครับ

ในที่สุดก็ถึงวันกิจกรรมผมก็ว่ารถสองแถวไปที่ หน่วยรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเขาน้ำพุ  เขตป่าสลักพระ ซึ่งอยู่ไกลจากตัวเมืองพอสมควรเลย
แต่พี่สองแถวใจดีคิดแค่คนละ 200 แล้วอยู่กับผมทั้งวัน ขอบคุณมากๆเลยครับ

รูปทางเข้าครับ รูปนี้ผมไม่ได้ถ่ายเองนะครับ พอดีเอามาจากเมลล์ที่ทางพี่เขาส่งให้ครับ


ผมมาถึงก่อนเวลากิจกรรมพอสมควรเลย ก็เลยได้มีโอกาสถ่ายรูปตอนยังไม่มีคนครับ
พอมาถึง "ป้าส้ม" หัวหน้าอุทยานที่นี่ก็เข้ามาต้อนรับพวกเราเป็นอย่างดีครับ

ลานกิจกรรมครับ


สะพานข้ามระหว่างอุทยานกับป่าที่เราจะเข้าไปยิงเมล็ดพันธ์กันครับ


มุมกว้างๆสวยของป่าอีกฟากนึงครับ อากาศดีเย็นสบายมากเลยครับ


น้องเหมียวเจ้าของบ้านที่เข้ามาต้อนรับพวกเราอย่างดี หน้าที่ของนางคือมาให้ผมเกาคางให้แล้วก็จากไปครับ ฮ่าๆ


สักพักหนึ่งรถบัสที่นำเหล่าอาสาที่มีมากหน้าหลายวัย แต่มีหัวใจรักธรรมชาติก็มารวมตัวกันโดยพร้อมเพรียงครับ


พอเรามานั่งที่ลานประชุม ก็มีกิจกรรมสนุกๆนิดหน่อย เพื่อทำให้เราไม่ค่อยเขินอายกัน
จากนั้นก็ให้มีการเป่ายิงฉุบ เพื่อแยกกันเป็นกลุ่มๆ ซึ่งด้วยความที่พวกเรามีหัวใจอาสามาทำในสิ่งเดียวกัน
เลยไม่ใช่เรื่องยากเลยที่เราจะสนิทกันอย่างรวดเร็วมาก แทบจะตบหัวเล่นกันได้เลยทีเดียว
จากนั้นพี่ๆก็จะเอาดินเหนียวมาปั้นเป็นอะไรก็ได้ รวมถึงตั้งชื่อกลุ่มให้เข้ากับที่เราปั้น
แต่ละกลุ่มก็ตั้งชื่อดูดี๊ดูดี พอพี่เขามาถามที่กลุ่มนี้ จะแลจะผงะเล็กน้อยเพราะกลุ่มของพวกผมคือ

"แรดน้อยในป่าใหญ่" ซึ่งแสดงตัวตนออกมาได้อย่างชัดเจน จนพี่เขาอยากจะส่งอิพวกนี้กลับกทมอย่างไว ฮ่าๆ
(ไม่ได้ถ่ายรูปมาอ่ะคับ มือเปื้อนอ่ะ มัวแต่ปั้นประดิษธ์ "นอ" กันเต็มที่ไปหน่อย)

พอเราแนะนำตัวกันเสร็จ มาหันหน้าเข้าหากันเพื่อช่วยกันทำกิจกรรมแรกกันเลยครับ

คือการ "ปั้น Seed Bomb"

โดยทางเจ้าหน้าที่นำดินเหนียว เมล็ดพันธ์ และปุ๋ยมาให้ จากนั้นเราก็เอาดินเหนียวมาห่อเมล็ดพันธุ์พร้อมผสมกับปุ๋ย พอเราปั้นเป็นก้อนๆเสร็จ
ก็จะนำไปตากให้แห้งครับ โดยก้อนๆที่เราปั้นนั้น จะส่งต่อให้ Project ถัดไปนำไปใช้ ส่วนเมล็ดที่เราจะนำไปยิงก็มาจาก Project ก่อนหน้าทำไว้ให้ครับ

ปั้นๆกันเข้าไป ไม่ต้องกลัวเปื้อนเลยครับ เพราะยังงัยก็เปื้อนแน่นอน แต่สนุกมากๆเลยครับ


พอปั้นเสร็จก็นำมาตากให้แห้งครับ


ฝาก Seed bomb ไว้ให้ Project ถัดไปไว้ใช้งานด้วยนะครับ


จากนั้นพี่ๆก็ให้เราทานข้าวกัน จากนั้นก็พร้อมจิลุยกิจกรรมที่สอง "ยิง Seed Bomb" กันเล้ย
และแน่นอนครับเราก็ต้องเริ่มจากข้ามสะพานเพื่อไปยังป่าอีกด้าน


อุปกรณ์ที่เราจะต้องพกติดตัวกันคนละหนึ่งอันคือนี่ครับ หนังสติ๊ก ให้ฟิวลูกกำนันกันสุดๆ


พี่เขาบอกว่าเวลายิงให้ยิงออกไปไกลๆเข้าไปในป่าลึก และไม่ต้องกลัวว่าเมล็ดพันธุ์จะออกมาจากดินเหนียวไม่ได้
เพราะว่าถ้าอยู่ในอุณหภูมิที่เหมาะสมแล้ว เมล็ดพันธุ์จะงอกออกมาแล้วกลายเป็นต้นไม้ได้เองครับ
จากนั้นผมจะเลยจัดเต็ม ง้างเต็มที่!!! ง้างจนเพื่อนข้างๆหลบเพราะเสียว เกรงว่ามันจะดีดกลับมาโดนดั้ง นางกลัวว่าจะต้องไปเกาหลีทำดั้งใหม่ อีกรอบ!!!!
(ยิงไปเกือบร้อยลูก กลับมาปวดแขนเบยยยยย)


จากนั้น กลุ่มแรดน้อยในป่าใหญ่ก็ขอรวมตัวยิงพร้อมกันเป็นที่ระลึก
ซึ่งบางคนที่ก็กระเด็นไปได้เพียงแค่หนึ่งคืบจากปลายตีน ฮากันยกใหญ่เลย


พอยิงไป เดินไปได้สักพักครับ พี่ๆเขาจะแจกต้นไม้ให้คนละต้น เพื่อทำกิจกรรมที่สามคือ
"ปลูกต้นไม้กลับสู่ป่า"


แล้วจะแจกจอบให้ขุดเพื่อให้ขุดดิน แล้วนำต้นไม้ลงไปปลูก
ซึ่งเพื่อนกระผมก็ตะโกนมาว่า "ปอนด์ เมิงไม่ต้องใช้จอบหรอก ฟันเมิงก็พอและ"
อยากจะเอาฟันเฉาะหน้าแม่มมมมมมเจงๆ

พอปลูกป่ากันเสร็จก็เดินเข้าไปอีกหน่อย ระหว่างทางก็ยิง Seed Bomb ไปเรื่อยๆครับ
แล้วก็ถึงสถานที่ที่สี่ คือการ "ทำฝายกั้นน้ำ"

ทางพี่เจ้าหน้าที่ก็ทำฝายธรรมชาติโดยใช้ไม้ไผ่ เพื่อชะลอน้ำครับ
ส่วนพวกเราก็ก้มหน้าเก็บหินเพื่อเอาไปกั้นฝายเป็นตัวทำให้น้ำไหลช้าลง


บ้างก็เก็บใหญ่บ้าง เล็กบ้าง พวกพลังเยอะๆก็เก็บหินก้อนใหญ่ พลังน้อยก็เก็บเท่ากรวด แต่เราก็ช่วยๆกันครับ
หอบหินจากมือสู่มือไปเรื่อยๆ จนไปวางที่ฝาย เป็นภาพที่น่าประทับใจมากๆเลยครับ


พอเสร็จก็เดินกลับกันมา ใครยิงเมล็ดพันธุ์ไม่หมด ก็ช่วยกันยิงระหว่างทางกันจนเกลี้ยงเลย
การเอาวันหยุด วันที่ควรจะพักผ่อนอยู่บ้านนั้น ลองเปลี่ยนแนวโดยการเลือกที่จะตื่นเช้าขึ้นอีกนิด
แล้วออกมาทำกิจกรรมเพื่อสังคมแบบนี้ ก็สนุกไม่ใช่น้อยเลยนะครับ

สุดท้ายนี้ขอขอบคุณเพื่อนที่มาด้วยกัน (บิว, จิ๊บจิ๊บ, หนิง, ลูกตา, พี่แว่น **แกไม่ชอบถ่ายรูป) มากๆนะครับที่ชวนกันมาทำกิจกรรมที่มีประโยชน์ อิ่มใจๆแบบนี้
และขอขอบคุณเพื่อนใหม่ ที่แม้จะเพิ่งรู้จักกัน แต่คุณก็อยู่ในความทรงจำของผมเรียบร้อยแล้วครับ (ใหม่, บอย, น้องแมน, ส้ม, สอง)



ขอบคุณค่าย "อนุรักษ์สิ่งดีงาม" ที่มีกิจกรรมดีๆแบบนี้ให้คนกรุงที่ไม่ค่อยจะได้กลิ่นไอดิมหอมๆ ได้สัมผัสกับธรรมชาติที่สวยงามแบบนี้ครับ


สุดท้ายนี้ผมขอฝากประโยคนึงของป้าส้ม ที่ได้ฝากพวกเราไว้ก่อนกลับครับ ป้าส้มกล่าวไว้ว่า

"ฝายที่เราทำในวันนี้ มันจะไม่ประสบความสำเร็จหรือเห็นผลในครั้งสองครั้งแรกหรอก เพราะน้ำก็ยังไหลไปได้อยู่ดี แต่สิ่งที่เราทำนั้นจะทำให้น้ำที่ไหลผ่านค่อยนำดินมาติดตรงที่ฝาย และจะเป็นฝายที่สมบูรณ์ในภายหลัง"

เป็นคำพูดที่กินใจมากๆเลยครับ เพราะผมคิดว่ามันก็เหมือนกับคนเรานี่แหล่ะ คนเราเดี๋ยวนี้จะทำอะไรก็ใจร้อน อยากรวยเร็วๆ อยากเก่งเร็วๆ มันไม่มีอะไรจะทำได้และประสบผลในเวลาอันสั้นได้ทุกคนหรอก จิงๆแล้วการค่อยๆทำ ค่อยๆเป็นค่อยๆไป การวางแผน การฝึกฝน การสะสมประสบการณ์นั้นสำคัญ
และจะทำให้เราประสบความสำเร็จในชีวิตในภายภาคหน้านั่นเองครับ



ขอบพระคุณทุกท่านที่ติดตามนะครับ

ท้ายที่สุดผมเอาภาคนิดหน่อยๆจากเมืองกาญจนบุรีที่สวยงามแห่งนี้มาฝากครับ ถ้ามีเวลาว่างๆลองไปดูนะครับ ประเทศไทยยังมีที่เราไม่เคยเห็นอีกมากมายเลยครับ













***รูปในกระทู้นี้ถ่ายจากกล้องในมือถือไอโฟน5S ธรรมดาๆพร้อม tripod selfie แค่นั้นนะครับ ขออภัยที่รูปอาจจะไม่สวยเท่าช่างกล้องมืออาชีพครับ

ฝากผลงานอื่นๆด้วยครับ

ความแตกต่างระหว่าง "ดินสอ" กับ "ปากกา"
http://ppantip.com/topic/33889928
รีวิว ร้านกาแฟ ย่านสีลม-สาธร "ROOM111" และ "Pan Cafe" (แถมๆ "พิพิธภัณฑ์ชาวบางกอก")
http://ppantip.com/topic/33824910
รีวิว ร้านกาแฟ ย่านอารีย์ "Puritan" และ "Thitaya"
http://ppantip.com/topic/33800235/
เบิ่ง "โพธาราม" แบบฮาๆไปกับคู่หูดูโอ "สเมิร์ฟ" (แถมเรื่องสยองด้วย)
http://ppantip.com/topic/33762605/
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่