จากวิดีโอจะเห็นได้ว่าหากเรามีเวลาว่าง 2-3 วัน เราสามารถทำอะไรได้มากกว่าที่เราคิดมากมาย ซึ่งกระทู้นี้จะมาแนะนำกันว่าในระยะเวลา 2-3 วันเราสามารถทำกิจกรรมใครหลายๆคนคงไม่เคยได้ทำมาก่อนและจะส่งผลต่อทันศนคติ การใช้ชีวิตของพวกเราได้ ทั้งยังเป็นการสืบสานศาสตร์พระราชาได้เป็นอย่างดีอีกด้วย เรามาเริ่มกันเลยครับ........
--------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
สวัสดีครับเพื่อนๆพี่ๆ ชาว pantip ทุกท่าน วันนี้ผมอยากจะเล่าถึงประสบการณ์การเข้าร่วมกิจกรรมและการเรียนภายในคณะให้ฟัง จากการที่ผมได้เข้ามาเรียนคณะทันตแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ จากที่เคยคิดว่าหน้าที่ของทันตะฯ มีเพียงแค่การทำงานเกี่ยวกับฟันเพียงอย่างได้ หลังจากที่ได้เข้าร่วมกิจกรรมต่างๆ มากมายก็ทำให้ผมเปลี่ยนความคิดไปกลายเป็นทันตะฯ เองก็สามารถทำอย่างอื่นได้นอกเหนือจากภายในหน้าที่ที่ตนเองได้รับผิดชอบ
ต่อไปนี้ผมจะพาพี่ๆและเพื่อนๆชาวพันทิป ไปดูกิจกรรมที่พวกผมได้ไปร่วมกันทำในเวลา 3วัน 2 คืน ว่าเป็นอย่างไรกันบ้าง
#สถานที่ : ศูนย์เรียนรู้กสิกรรมไทยบ้านภูลิตา ต.ท่าชะมวง อ.รัตภูมิ จ.สงขลา 90180
#เวลา : ระหว่างวันที่ 20-23 ตุลาคม 2560
กิจกรรมพวกผมได้ไปทำนั้นมีทั้ง การปลูกป่า การทำนา การปลูกอ้อย การทำฝายและการเรียนรู้วัฒนธรรมชาวบ้านในระหว่าง 3 วันนี้โดยกิจกรรมที่สำคัญๆตามหลักศาสตร์พระราชา จะมีดังนี้
#การทำนา# : จะเป็นการหว่านเมล็ดข้าวพันธุ์ต่างๆ ผสมกันทั้งข้าวเหนียว ข้าวเจ้า ข้าวหอมมะลิ ลงในแปลงนาที่เตรียมไว้ซึ่งการทำนานี้จะใช้น้ำที่ได้จากการทำฝายเพื่อให้ข้าวได้รับน้ำอย่างเพียงพอ ข้าวที่ได้สามารถนำมาใช้บริโภคในครัวเรือน และสามารถนำไปจำหน่ายสร้างรายได้ให้กับชุมชน และ ครอบครัวได้
#การทำฝาย# : เรียนรู้โครงสร้างอย่างง่ายของฝายที่ใช้ในประเทศไทย และหลังจากการเรียนรู้ทฤษฏีต่างๆแล้ว ผมได้เริ่มการทำฝายที่ได้เตรียมไว้ภายในศูนย์เป๋นฝายที่ชำรุดเสียหาย การซ่อมแซมจะเป็นการนำทรายใส่กระสอบแล้วนำมาแทนของเดิมที่มีอยู่การทำฝายนี้จะสอดคล้องกับศาสตร์พระราชาในเรื่องฝายมีชีวิตโครงการสร้างฝายมีชีวิต เป็นการยกระดับน้ำเพื่อแก้ปัญหาภัยแล้งซ้ำซาก และชะลอน้ำมิให้กระแสน้ำไหลหลาก ลดความรุนแรงของการกัดเซาะ นอกจากนี้ ฝายมีชีวิตจะช่วยพยุงเศษซากพืช ซากสัตว์ ไม่ให้ถูกพัดพาลงสู่แหล่งน้ำตอนล่างหมด ช่วยให้คุณภาพน้ำตอนล่างดีขึ้น ขณะที่ซากสัตว์ต่างๆ ที่ถูกพยุงไว้ ก็จะเป็นอาหารให้กับสัตว์น้ำ
#การปลูกป่าไม้# : ในกิจกรรมนี้เราจะได้ปลูกต้นไม้ที่เตรียมไว้ซึ่งใช้ระยะเวลาในการโตเต็มที่ประมาณ 7 ปี โดยปลูกบริเวณ รอบๆ ศูนย์ เป็นจำนวน 100 ต้น ซึ่งกิจกรรมสอดคล่องกับศาสตร์พระราชา ปลูกป่า 3 อย่าง ประโยชน์ 4 อย่างการ ปลูกป่าถ้าจะให้ราษฎรมีประโยชน์ให้เขาได้ให้ใช้วิธีปลูกไม้ 3 อย่าง แต่มีประโยชน์ 4 อย่าง คือ ไม้ใช้สอย ไม้กินได้ ไม้เศรษฐกิจ โดยปลูกรองรับการชลประทาน ปลูกรับซับน้ำ และปลูกอุดช่วงไหล่ตามร่องห้วยโดยรับน้ำฝนอย่างเดียว ประโยชน์อย่างที่ 4 คือสามารถช่วยอนุรักษ์ดินและน้ำ
#ประโยชน์ที่ได้จากการทำกิจกรรมในครั้งนี้#
- ได้ใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์และช่วยอนุรักษ์ธรรมชาติ
- ได้รับความรู้เรื่องศาสตร์พระราชาที่มีประโยชน์ในด้านต่างๆ และสามารถนำไปประยุกต์ใช้ให้เกิดประโยชน์ในชีวิตประจำวันได้
- ได้เรียนรู้วิถีชาวบ้านภายในชุมชน ทั้งการกิน การละเล่น และอื่นๆ ที่ไม่เคยเห็นมาก่อน
- ได้ตระหนักถึงความสำคัญของธรรมชาติที่ให้ประโยชน์กับมนุษย์เสมอมาดังนั้นเราจึงควรอนุรักษ์ไว้
- เปลี่ยนทัศนคติจากที่เคยคิดว่าทันตะมีงานเพียงแค่ในช่องปากเป็นทันตะเองก็สามารถทำอะไรหลายๆ อย่างที่เป็นประโยชน์กับธรรมชาติได้เหมือนกับคนอื่นๆ
- ได้รับความสนุกสนานเพลิดเพลินจากการทำกิจกรรมร่วมกับเพื่อนๆ และพี่ๆต่างๆ ช่วยให้ลืมความเหนื่อยล้าที่ได้มาก่อนเข้าร่วมกิจกรรม
- ได้รู้จัก พี่ๆที่ทำกิจกรรม รวมทั้งชาวบ้าน และ วิทยากรที่มาบรรยาย
- ได้ข้อคิดของการทำกิจกรรม ไปใช้ต่อยอดหลังจากจบค่าย
จากกิจกรรมต่างๆ ที่ได้เข้าร่วมมา จะเห็นได้ว่า เวลาเพียง 3 วันสามารถทำอะรได้มากมายทั้ง กิจกรรม ปลูกข้าว ทำฝาย ปลูกป่าที่จะช่วยอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ แล้ว ยังเป็นการช่วยกันสืบสานศาสตร์พระราชาอีกวิธีหนึ่งอีกด้วย จึงอยากเชิญชวนให้เพื่อนๆพี่ๆ ได้เห็นคุณค่าขอศาสตร์พระราชาและการอนุรักษ์ ธรรมชาติซึ่งบางทีเราอาจมองว่าไกลตัวแต่จริงๆ แล้วสามารถนำประยุกต์ใช้ได้ในชีวิตประจำวันของพวกเราทุกคน และร่วมกันตามรอยพระบาทของในหลวง โดยไม่ว่าเราจะเป็นใคร เราล้วนต่างช่วยกันลงมือทำความดีได้ทุกครั้ง ที่มีโอกาส เพื่อนๆพี่ๆ ที่เคยทำกิจกรรมอะไรดีๆแบบนี้ เข้ามาร่วมกันแชร์ประสบการณ์ได้นะคร้าบ
ทันตะฯ รุ่นใหม่ ใส่ใจธรรมชาติ เดินตามรอยพระบาท
จากวิดีโอจะเห็นได้ว่าหากเรามีเวลาว่าง 2-3 วัน เราสามารถทำอะไรได้มากกว่าที่เราคิดมากมาย ซึ่งกระทู้นี้จะมาแนะนำกันว่าในระยะเวลา 2-3 วันเราสามารถทำกิจกรรมใครหลายๆคนคงไม่เคยได้ทำมาก่อนและจะส่งผลต่อทันศนคติ การใช้ชีวิตของพวกเราได้ ทั้งยังเป็นการสืบสานศาสตร์พระราชาได้เป็นอย่างดีอีกด้วย เรามาเริ่มกันเลยครับ........
สวัสดีครับเพื่อนๆพี่ๆ ชาว pantip ทุกท่าน วันนี้ผมอยากจะเล่าถึงประสบการณ์การเข้าร่วมกิจกรรมและการเรียนภายในคณะให้ฟัง จากการที่ผมได้เข้ามาเรียนคณะทันตแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ จากที่เคยคิดว่าหน้าที่ของทันตะฯ มีเพียงแค่การทำงานเกี่ยวกับฟันเพียงอย่างได้ หลังจากที่ได้เข้าร่วมกิจกรรมต่างๆ มากมายก็ทำให้ผมเปลี่ยนความคิดไปกลายเป็นทันตะฯ เองก็สามารถทำอย่างอื่นได้นอกเหนือจากภายในหน้าที่ที่ตนเองได้รับผิดชอบ
ต่อไปนี้ผมจะพาพี่ๆและเพื่อนๆชาวพันทิป ไปดูกิจกรรมที่พวกผมได้ไปร่วมกันทำในเวลา 3วัน 2 คืน ว่าเป็นอย่างไรกันบ้าง
#สถานที่ : ศูนย์เรียนรู้กสิกรรมไทยบ้านภูลิตา ต.ท่าชะมวง อ.รัตภูมิ จ.สงขลา 90180
#เวลา : ระหว่างวันที่ 20-23 ตุลาคม 2560
กิจกรรมพวกผมได้ไปทำนั้นมีทั้ง การปลูกป่า การทำนา การปลูกอ้อย การทำฝายและการเรียนรู้วัฒนธรรมชาวบ้านในระหว่าง 3 วันนี้โดยกิจกรรมที่สำคัญๆตามหลักศาสตร์พระราชา จะมีดังนี้
#การทำนา# : จะเป็นการหว่านเมล็ดข้าวพันธุ์ต่างๆ ผสมกันทั้งข้าวเหนียว ข้าวเจ้า ข้าวหอมมะลิ ลงในแปลงนาที่เตรียมไว้ซึ่งการทำนานี้จะใช้น้ำที่ได้จากการทำฝายเพื่อให้ข้าวได้รับน้ำอย่างเพียงพอ ข้าวที่ได้สามารถนำมาใช้บริโภคในครัวเรือน และสามารถนำไปจำหน่ายสร้างรายได้ให้กับชุมชน และ ครอบครัวได้
#การทำฝาย# : เรียนรู้โครงสร้างอย่างง่ายของฝายที่ใช้ในประเทศไทย และหลังจากการเรียนรู้ทฤษฏีต่างๆแล้ว ผมได้เริ่มการทำฝายที่ได้เตรียมไว้ภายในศูนย์เป๋นฝายที่ชำรุดเสียหาย การซ่อมแซมจะเป็นการนำทรายใส่กระสอบแล้วนำมาแทนของเดิมที่มีอยู่การทำฝายนี้จะสอดคล้องกับศาสตร์พระราชาในเรื่องฝายมีชีวิตโครงการสร้างฝายมีชีวิต เป็นการยกระดับน้ำเพื่อแก้ปัญหาภัยแล้งซ้ำซาก และชะลอน้ำมิให้กระแสน้ำไหลหลาก ลดความรุนแรงของการกัดเซาะ นอกจากนี้ ฝายมีชีวิตจะช่วยพยุงเศษซากพืช ซากสัตว์ ไม่ให้ถูกพัดพาลงสู่แหล่งน้ำตอนล่างหมด ช่วยให้คุณภาพน้ำตอนล่างดีขึ้น ขณะที่ซากสัตว์ต่างๆ ที่ถูกพยุงไว้ ก็จะเป็นอาหารให้กับสัตว์น้ำ
#การปลูกป่าไม้# : ในกิจกรรมนี้เราจะได้ปลูกต้นไม้ที่เตรียมไว้ซึ่งใช้ระยะเวลาในการโตเต็มที่ประมาณ 7 ปี โดยปลูกบริเวณ รอบๆ ศูนย์ เป็นจำนวน 100 ต้น ซึ่งกิจกรรมสอดคล่องกับศาสตร์พระราชา ปลูกป่า 3 อย่าง ประโยชน์ 4 อย่างการ ปลูกป่าถ้าจะให้ราษฎรมีประโยชน์ให้เขาได้ให้ใช้วิธีปลูกไม้ 3 อย่าง แต่มีประโยชน์ 4 อย่าง คือ ไม้ใช้สอย ไม้กินได้ ไม้เศรษฐกิจ โดยปลูกรองรับการชลประทาน ปลูกรับซับน้ำ และปลูกอุดช่วงไหล่ตามร่องห้วยโดยรับน้ำฝนอย่างเดียว ประโยชน์อย่างที่ 4 คือสามารถช่วยอนุรักษ์ดินและน้ำ
#ประโยชน์ที่ได้จากการทำกิจกรรมในครั้งนี้#
- ได้ใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์และช่วยอนุรักษ์ธรรมชาติ
- ได้รับความรู้เรื่องศาสตร์พระราชาที่มีประโยชน์ในด้านต่างๆ และสามารถนำไปประยุกต์ใช้ให้เกิดประโยชน์ในชีวิตประจำวันได้
- ได้เรียนรู้วิถีชาวบ้านภายในชุมชน ทั้งการกิน การละเล่น และอื่นๆ ที่ไม่เคยเห็นมาก่อน
- ได้ตระหนักถึงความสำคัญของธรรมชาติที่ให้ประโยชน์กับมนุษย์เสมอมาดังนั้นเราจึงควรอนุรักษ์ไว้
- เปลี่ยนทัศนคติจากที่เคยคิดว่าทันตะมีงานเพียงแค่ในช่องปากเป็นทันตะเองก็สามารถทำอะไรหลายๆ อย่างที่เป็นประโยชน์กับธรรมชาติได้เหมือนกับคนอื่นๆ
- ได้รับความสนุกสนานเพลิดเพลินจากการทำกิจกรรมร่วมกับเพื่อนๆ และพี่ๆต่างๆ ช่วยให้ลืมความเหนื่อยล้าที่ได้มาก่อนเข้าร่วมกิจกรรม
- ได้รู้จัก พี่ๆที่ทำกิจกรรม รวมทั้งชาวบ้าน และ วิทยากรที่มาบรรยาย
- ได้ข้อคิดของการทำกิจกรรม ไปใช้ต่อยอดหลังจากจบค่าย
จากกิจกรรมต่างๆ ที่ได้เข้าร่วมมา จะเห็นได้ว่า เวลาเพียง 3 วันสามารถทำอะรได้มากมายทั้ง กิจกรรม ปลูกข้าว ทำฝาย ปลูกป่าที่จะช่วยอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ แล้ว ยังเป็นการช่วยกันสืบสานศาสตร์พระราชาอีกวิธีหนึ่งอีกด้วย จึงอยากเชิญชวนให้เพื่อนๆพี่ๆ ได้เห็นคุณค่าขอศาสตร์พระราชาและการอนุรักษ์ ธรรมชาติซึ่งบางทีเราอาจมองว่าไกลตัวแต่จริงๆ แล้วสามารถนำประยุกต์ใช้ได้ในชีวิตประจำวันของพวกเราทุกคน และร่วมกันตามรอยพระบาทของในหลวง โดยไม่ว่าเราจะเป็นใคร เราล้วนต่างช่วยกันลงมือทำความดีได้ทุกครั้ง ที่มีโอกาส เพื่อนๆพี่ๆ ที่เคยทำกิจกรรมอะไรดีๆแบบนี้ เข้ามาร่วมกันแชร์ประสบการณ์ได้นะคร้าบ