คำว่า "โบกรถ" สำหรับนักเดินทางหมายความว่ายังไง? มันเหมือนกับที่เราโบกรถ Taxi หรือรถเมล์รึเปล่า?
การโบกรถ หรือที่ภาษาอังกฤษเรียกว่า Hitchhiking เป็นวิธีการเดินทางไปยังสถานที่ท่องเที่ยวหรือจุดหมายที่ต้องการด้วยการขออาศัยผู้ที่ขับรถผ่านไปในเส้นทางเดียวกันกับเรา หรือเรียกง่ายๆก็คือขอติดรถไปด้วย โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย ซึ่งเหมาะสำหรับ Backpacker เงินน้อยที่ต้องการความท้าทาย และประสบการณ์แปลกใหม่ในชีวิต
เคยโบกรถเที่ยวกันไหม?
สำหรับเราเวลาไปเที่ยวไหนก็มักจะลองโบกรถเที่ยวอยู่บ่อยๆ ทั้งแบบคนเดียวและกับกลุ่มเพื่อน โบกไปใกล้บ้างไกลบ้างแล้วแต่สถานที่ เคยโบกไกลสุดด้วยรถคันเดียวก็จากวังน้ำเขียวมารังสิต ส่วนยานพาหนะที่เคยโบกก็มีตั้งแต่รถมอเตอร์ไซด์ รถเก๋ง รถปิกอัพ รถของการไฟฟ้า หรือแม้กระทั้งรถสิบล้อที่ได้นั่งกระบะท้ายกว้างสบายมาก กระทู้นี้
http://ppantip.com/topic/32164359 เป็นตัวอย่างทริปที่เราเคยไปโบกรถเที่ยวคนเดียวที่ อช.เขาสามร้อยยอด จ.ประจวบฯ แล้วเพื่อนๆล่ะเคยโบกรถเที่ยวไหม ถ้าใครเคยมาเล่าให้ฟังบ้างนะ
แล้วมันจะอันตรายไหมอ่า?
เราว่าก็ 50/50 นะ เพราะมันก็เหมือนเป็นการวัดใจและความเชื่อใจอย่างหนึ่ง ซึ่งคนขับเองก็กลัวเรา ส่วนเราก็กลัวคนขับเหมือนกัน แต่ถ้าโบกกันไปหลายๆคนก็อาจจะอุ่นใจเพิ่มมากขึ้น ส่วนถ้าเป็นผู้หญิงควรจะมีเพื่อนผู้ชายไปด้วยจะดีที่สุด และถ้ายิ่งเป็นการนั่งซ้อนท้ายหรือกระบะหลังก็ยิ่งต้องระวังตัวมากยิ่งขึ้น เพราะอาจจะตกหรือร่วงหล่นได้ ตั้งแต่เราเคยโบกรถมาก็ยังไม่เคยเจออะไรที่อันตรายนะ เจอแต่วิวสวยๆและมิตรภาพดีดี เลยอยากให้ทุกคนได้ลองดูบ้าง ลองแล้วอาจจะติดใจก็ได้นะ
ถ้าอยากลองโบกรถเที่ยวบ้างต้องทำไงดี? เราเลยมีเทคนิคง่ายๆที่เคยทำและพอนึกออกมาแนะนำประมาณ 7 ข้อ ดังนี้
1.โบกตอนกลางวันเท่านั้น!!!
เพราะถ้าไปโบกตอนกลางคืนรถที่วิ่งมาอาจจะมองไม่เห็นเรา แล้วอาจจะเกิดอุบัติเหตุขึ้นได้ หรือไม่ก็อาจจะคิดว่าเราเป็นโจรเลยไม่มีใครกล้ารับ หรือไม่ก็อาจจะคิดว่าเราคือพลังงานบางอย่างก็เป็นไปได้
2.โบกในเส้นทางที่รถวิ่งไม่เร็วมากนัก
เพราะคนขับจะได้มีเวลาคิดว่าจะรับเราดีไหมและสามารถที่จะชะลอรถเพื่อจอดรับเราได้ทัน ห้ามโบกบนทางหลวงหรือที่รถวิ่งเร็วเด็ดขาด เพราะอาจจะทำให้เกิดอุบัติเหตุเฉี่ยวชนหรือชนท้ายกันได้ แต่ถ้าต้องการหรือจำเป็นต้องโบกจริงๆแนะนำให้เข้าไปดักโบกในปั้มน้ำมัน
3.เขียนป้ายบอกจุดหมายที่ต้องการไปให้ชัดเจน
โดยการเตรียมกระดาษและปากกาติดไปด้วย อยากไปไหนก็เขียนชื่อสถานที่ลงไปตัวใหญ่ๆ แล้วชูขึ้นสูงๆให้สามารถมองเห็นได้จากระยะไกล เมื่อมีรถจอดรับให้วิ่งเข้าไปหาพร้อมยกมือไหว้ และบอกถึงความต้องการของเรา ตัวอย่างประโยค เช่น “สวัสดีครับ พอดีพวกเราจะไปที่ทำการอุทยานฯ ไม่ทราบว่าพี่จะผ่านไปทางนั้นไหมครับ พวกเราอยากจะขออาศัยติดรถไปด้วยจะได้ไหมครับ” หากโชคดีก็อาจจะโบกแค่ต่อเดียว แต่บางครั้งเค้าอาจจะถึงก่อนหรือแยกไปคนละทางก็สามารถขอลงกลางทางแล้วโบกต่อไปเรื่อยๆได้เช่นกัน
4.แต่งตัวให้ดูเหมือนนักท่องเที่ยว
อย่างเช่นการสะพายกระเป๋าเป้ เพราะจะสามารถช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือได้ โดยไม่ควรใส่หมวกหรือโพกผ้าบังหน้า และใส่แว่นตาดำเวลาโบก แต่ถ้าโบกได้แล้วจะเอามาใส่บังแดดบังลมก็ได้นะ ส่วนถ้ามีเพื่อนผู้หญิงไปด้วยก็ควรแต่งตัวให้มิดชิดที่สุด
5.เก็บของมีค่าให้เรียบร้อย
ไม่ควรถือออกมาโชว์หรือให้เห็นง่ายๆ อย่างเช่น กล้อง โทรศัพท์มือถือ หรือสร้อยทอง ฯลฯ
6.ตรวจสอบเส้นทางก่อนทุกครั้ง
เราควรตรวจสอบเส้นทางจากจุดที่เราอยู่ไปยังจุดหมายที่เราจะไปก่อนที่จะโบกรถทุกครั้ง เพราะหากเมื่อใดที่รถขับออกนอกเส้นทางที่วางไว้ หรือตกลงกันเอาไว้จะช่วยให้เราสามารถไหวตัวได้ทันด้วยการขอลง แล้วจึงค่อยโบกไปต่อเพื่อความปลอดภัย ไม่ควรไปเส้นทางลัดที่เราไม่รู้จัก ซึ่งการตรวจสอบเส้นทางล่วงหน้าสามารถใช้ Google Map ในการช่วยค้นหาเส้นทาง หรือหากอยู่ในพื้นที่ที่ไม่มีสัญญาณอินเตอร์เน็ตแนะนำให้พกแผนที่แบบพับได้ติดกระเป๋าเอาไว้เสมอ
7.สัมผัสด้วยตา ตัดสินด้วยใจ
ข้อนี้อาจจะยากสักหน่อย เพราะต้องใช้สายตาในการสบตาผู้ที่เราจะขออาศัยไปด้วยว่ามีความจริงใจแค่ไหน เพราะสายตาสามารถบ่งบอกความคิดและความรู้สึกได้ดีที่สุด ว่าใครหวังดีหรือไม่หวังดีกับเรา แต่ก็ไม่สามารถบอกได้ทั้งหมด อาจจะต้องดูองค์ประกอบอื่นๆร่วมด้วย เช่น คำพูดฟังดูเป็นมิตรไหม ลักษณะท่าทางดูน่าไว้ใจได้ไหม และคนที่นั่งมาด้วยโอเครึเปล่า ยิ่งถ้าเป็นผู้หญิงหรือเด็กก็จะยิ่งดี แต่ทั้งหมดนี้ก็เป็นเพียงวิธีสำรวจด้วยสายตาเบื้องต้นประกอบการตัดสินใจเท่านั้น เพราะความเป็นจริงแล้วเราไม่สามารถตัดสินใครได้ว่าดีหรือไม่ดี จากที่เห็นเพียงภายนอกในช่วงระยะเวลาสั้นๆได้เสมอไป และเมื่อเค้ายินดีที่จะรับเราแล้วก็เหลือแต่เราที่ต้องใช้ใจในการตัดสินว่าจะไปหรือไม่ไป
ลองเอา 7 ข้อนี้ไปใช้กันดูนะ แรกๆอาจจะมีผิดหวังบ้างที่ไม่มีใครแวะรับ ต้องใช้ความพยามยามและอดทนโบกไปเรื่อยๆอย่างน้อย 5 คันที่โบกต้องมี 1 คันที่แวะรับเราแน่นอน และเมื่อโบกได้แล้วอย่างลืมปฏิบัติตัวเป็นผู้ร่วมทางที่ดีด้วยนะ อย่างเช่น ไม่ทานอาหารหกเลอะเทอะ ไม่ส่งเสียงดังจนเกินไป พยายามหลีกเลี่ยงการพูดคุยเรื่องที่ sensitive เช่น การเมือง ศาสนา หรือความเชื่อ แต่ถ้าคนขับชวนคุยก็ให้คล้อยตามไปก่อนจะดีที่สุด และถ้าใครมีเทคนิคอื่นเจ๋งๆแนะนำเพิ่มเติมได้นะ
เมื่อเราได้ลองแล้วจะรู้ว่า การโบกรถเที่ยว มันสนุกมากแค่ไหน ถึงแม้ว่าอาจจะต้องตากแดดจนดำหรือเสี่ยงไปบ้าง แต่ประสบการณ์ที่ได้ก็ถือว่าคุ้มมาก ได้เห็นวิวสองข้างทางในมุมที่แตกต่าง ได้เห็นความมีน้ำใจของคนไทยด้วยกันและยังช่วยประหยัดค่าเดินทางได้อีกด้วย
LIFE IS A JOURNEY | เพราะชีวิต คือ การเดินทาง...
แวะเข้าไปทักทายกันได้ที่
https://www.facebook.com/LifeIsAJourneyThailand
กระทู้อื่นๆของเรา
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้LIFE IS A JOURNEY | BACKPACK ฉายเดี่ยวตะลุยเที่ยวอุทยานแห่งชาติเขาสามร้อยยอด : http://ppantip.com/topic/32164359
LIFE IS A JOURNEY | GEORGE TOWN THROUGH MY EYE : http://ppantip.com/topic/33236305
LIFE IS A JOURNEY | BACKPACK พม่า มิงกะลาบา เรามากันสองคน ตะลุยเที่ยวย่างกุ้ง หงสาวดี และไจ๊ก์ติโย : http://ppantip.com/topic/33905679
หากถูกใจอย่าลืมกดโหวตเป็นกำลังใจให้ด้วยนะครับ ขอบคุณครับ : )
LIFE IS A JOURNEY | 7 เทคนิคการโบกรถเที่ยวสำหรับ BACKPACKER
คำว่า "โบกรถ" สำหรับนักเดินทางหมายความว่ายังไง? มันเหมือนกับที่เราโบกรถ Taxi หรือรถเมล์รึเปล่า?
การโบกรถ หรือที่ภาษาอังกฤษเรียกว่า Hitchhiking เป็นวิธีการเดินทางไปยังสถานที่ท่องเที่ยวหรือจุดหมายที่ต้องการด้วยการขออาศัยผู้ที่ขับรถผ่านไปในเส้นทางเดียวกันกับเรา หรือเรียกง่ายๆก็คือขอติดรถไปด้วย โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย ซึ่งเหมาะสำหรับ Backpacker เงินน้อยที่ต้องการความท้าทาย และประสบการณ์แปลกใหม่ในชีวิต
เคยโบกรถเที่ยวกันไหม?
สำหรับเราเวลาไปเที่ยวไหนก็มักจะลองโบกรถเที่ยวอยู่บ่อยๆ ทั้งแบบคนเดียวและกับกลุ่มเพื่อน โบกไปใกล้บ้างไกลบ้างแล้วแต่สถานที่ เคยโบกไกลสุดด้วยรถคันเดียวก็จากวังน้ำเขียวมารังสิต ส่วนยานพาหนะที่เคยโบกก็มีตั้งแต่รถมอเตอร์ไซด์ รถเก๋ง รถปิกอัพ รถของการไฟฟ้า หรือแม้กระทั้งรถสิบล้อที่ได้นั่งกระบะท้ายกว้างสบายมาก กระทู้นี้ http://ppantip.com/topic/32164359 เป็นตัวอย่างทริปที่เราเคยไปโบกรถเที่ยวคนเดียวที่ อช.เขาสามร้อยยอด จ.ประจวบฯ แล้วเพื่อนๆล่ะเคยโบกรถเที่ยวไหม ถ้าใครเคยมาเล่าให้ฟังบ้างนะ
แล้วมันจะอันตรายไหมอ่า?
เราว่าก็ 50/50 นะ เพราะมันก็เหมือนเป็นการวัดใจและความเชื่อใจอย่างหนึ่ง ซึ่งคนขับเองก็กลัวเรา ส่วนเราก็กลัวคนขับเหมือนกัน แต่ถ้าโบกกันไปหลายๆคนก็อาจจะอุ่นใจเพิ่มมากขึ้น ส่วนถ้าเป็นผู้หญิงควรจะมีเพื่อนผู้ชายไปด้วยจะดีที่สุด และถ้ายิ่งเป็นการนั่งซ้อนท้ายหรือกระบะหลังก็ยิ่งต้องระวังตัวมากยิ่งขึ้น เพราะอาจจะตกหรือร่วงหล่นได้ ตั้งแต่เราเคยโบกรถมาก็ยังไม่เคยเจออะไรที่อันตรายนะ เจอแต่วิวสวยๆและมิตรภาพดีดี เลยอยากให้ทุกคนได้ลองดูบ้าง ลองแล้วอาจจะติดใจก็ได้นะ
ถ้าอยากลองโบกรถเที่ยวบ้างต้องทำไงดี? เราเลยมีเทคนิคง่ายๆที่เคยทำและพอนึกออกมาแนะนำประมาณ 7 ข้อ ดังนี้
1.โบกตอนกลางวันเท่านั้น!!!
เพราะถ้าไปโบกตอนกลางคืนรถที่วิ่งมาอาจจะมองไม่เห็นเรา แล้วอาจจะเกิดอุบัติเหตุขึ้นได้ หรือไม่ก็อาจจะคิดว่าเราเป็นโจรเลยไม่มีใครกล้ารับ หรือไม่ก็อาจจะคิดว่าเราคือพลังงานบางอย่างก็เป็นไปได้
2.โบกในเส้นทางที่รถวิ่งไม่เร็วมากนัก
เพราะคนขับจะได้มีเวลาคิดว่าจะรับเราดีไหมและสามารถที่จะชะลอรถเพื่อจอดรับเราได้ทัน ห้ามโบกบนทางหลวงหรือที่รถวิ่งเร็วเด็ดขาด เพราะอาจจะทำให้เกิดอุบัติเหตุเฉี่ยวชนหรือชนท้ายกันได้ แต่ถ้าต้องการหรือจำเป็นต้องโบกจริงๆแนะนำให้เข้าไปดักโบกในปั้มน้ำมัน
3.เขียนป้ายบอกจุดหมายที่ต้องการไปให้ชัดเจน
โดยการเตรียมกระดาษและปากกาติดไปด้วย อยากไปไหนก็เขียนชื่อสถานที่ลงไปตัวใหญ่ๆ แล้วชูขึ้นสูงๆให้สามารถมองเห็นได้จากระยะไกล เมื่อมีรถจอดรับให้วิ่งเข้าไปหาพร้อมยกมือไหว้ และบอกถึงความต้องการของเรา ตัวอย่างประโยค เช่น “สวัสดีครับ พอดีพวกเราจะไปที่ทำการอุทยานฯ ไม่ทราบว่าพี่จะผ่านไปทางนั้นไหมครับ พวกเราอยากจะขออาศัยติดรถไปด้วยจะได้ไหมครับ” หากโชคดีก็อาจจะโบกแค่ต่อเดียว แต่บางครั้งเค้าอาจจะถึงก่อนหรือแยกไปคนละทางก็สามารถขอลงกลางทางแล้วโบกต่อไปเรื่อยๆได้เช่นกัน
4.แต่งตัวให้ดูเหมือนนักท่องเที่ยว
อย่างเช่นการสะพายกระเป๋าเป้ เพราะจะสามารถช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือได้ โดยไม่ควรใส่หมวกหรือโพกผ้าบังหน้า และใส่แว่นตาดำเวลาโบก แต่ถ้าโบกได้แล้วจะเอามาใส่บังแดดบังลมก็ได้นะ ส่วนถ้ามีเพื่อนผู้หญิงไปด้วยก็ควรแต่งตัวให้มิดชิดที่สุด
5.เก็บของมีค่าให้เรียบร้อย
ไม่ควรถือออกมาโชว์หรือให้เห็นง่ายๆ อย่างเช่น กล้อง โทรศัพท์มือถือ หรือสร้อยทอง ฯลฯ
6.ตรวจสอบเส้นทางก่อนทุกครั้ง
เราควรตรวจสอบเส้นทางจากจุดที่เราอยู่ไปยังจุดหมายที่เราจะไปก่อนที่จะโบกรถทุกครั้ง เพราะหากเมื่อใดที่รถขับออกนอกเส้นทางที่วางไว้ หรือตกลงกันเอาไว้จะช่วยให้เราสามารถไหวตัวได้ทันด้วยการขอลง แล้วจึงค่อยโบกไปต่อเพื่อความปลอดภัย ไม่ควรไปเส้นทางลัดที่เราไม่รู้จัก ซึ่งการตรวจสอบเส้นทางล่วงหน้าสามารถใช้ Google Map ในการช่วยค้นหาเส้นทาง หรือหากอยู่ในพื้นที่ที่ไม่มีสัญญาณอินเตอร์เน็ตแนะนำให้พกแผนที่แบบพับได้ติดกระเป๋าเอาไว้เสมอ
7.สัมผัสด้วยตา ตัดสินด้วยใจ
ข้อนี้อาจจะยากสักหน่อย เพราะต้องใช้สายตาในการสบตาผู้ที่เราจะขออาศัยไปด้วยว่ามีความจริงใจแค่ไหน เพราะสายตาสามารถบ่งบอกความคิดและความรู้สึกได้ดีที่สุด ว่าใครหวังดีหรือไม่หวังดีกับเรา แต่ก็ไม่สามารถบอกได้ทั้งหมด อาจจะต้องดูองค์ประกอบอื่นๆร่วมด้วย เช่น คำพูดฟังดูเป็นมิตรไหม ลักษณะท่าทางดูน่าไว้ใจได้ไหม และคนที่นั่งมาด้วยโอเครึเปล่า ยิ่งถ้าเป็นผู้หญิงหรือเด็กก็จะยิ่งดี แต่ทั้งหมดนี้ก็เป็นเพียงวิธีสำรวจด้วยสายตาเบื้องต้นประกอบการตัดสินใจเท่านั้น เพราะความเป็นจริงแล้วเราไม่สามารถตัดสินใครได้ว่าดีหรือไม่ดี จากที่เห็นเพียงภายนอกในช่วงระยะเวลาสั้นๆได้เสมอไป และเมื่อเค้ายินดีที่จะรับเราแล้วก็เหลือแต่เราที่ต้องใช้ใจในการตัดสินว่าจะไปหรือไม่ไป
ลองเอา 7 ข้อนี้ไปใช้กันดูนะ แรกๆอาจจะมีผิดหวังบ้างที่ไม่มีใครแวะรับ ต้องใช้ความพยามยามและอดทนโบกไปเรื่อยๆอย่างน้อย 5 คันที่โบกต้องมี 1 คันที่แวะรับเราแน่นอน และเมื่อโบกได้แล้วอย่างลืมปฏิบัติตัวเป็นผู้ร่วมทางที่ดีด้วยนะ อย่างเช่น ไม่ทานอาหารหกเลอะเทอะ ไม่ส่งเสียงดังจนเกินไป พยายามหลีกเลี่ยงการพูดคุยเรื่องที่ sensitive เช่น การเมือง ศาสนา หรือความเชื่อ แต่ถ้าคนขับชวนคุยก็ให้คล้อยตามไปก่อนจะดีที่สุด และถ้าใครมีเทคนิคอื่นเจ๋งๆแนะนำเพิ่มเติมได้นะ
เมื่อเราได้ลองแล้วจะรู้ว่า การโบกรถเที่ยว มันสนุกมากแค่ไหน ถึงแม้ว่าอาจจะต้องตากแดดจนดำหรือเสี่ยงไปบ้าง แต่ประสบการณ์ที่ได้ก็ถือว่าคุ้มมาก ได้เห็นวิวสองข้างทางในมุมที่แตกต่าง ได้เห็นความมีน้ำใจของคนไทยด้วยกันและยังช่วยประหยัดค่าเดินทางได้อีกด้วย
LIFE IS A JOURNEY | เพราะชีวิต คือ การเดินทาง...
แวะเข้าไปทักทายกันได้ที่ https://www.facebook.com/LifeIsAJourneyThailand
กระทู้อื่นๆของเรา [Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
หากถูกใจอย่าลืมกดโหวตเป็นกำลังใจให้ด้วยนะครับ ขอบคุณครับ : )