เมื่อวานลูกสาว (ป.2) มาบอกว่าตอนเย็นก่อนกลับบ้านพี่ผู้หญิง ป.3 มาขอเงิน 20 บาท
หนูให้ไปเพราะพี่บอกว่าเงินหมด และจะเอามาคืนพรุ่งนี้
หนูกลัวพี่เค้าไปฟ้องครูว่าหนูไม่มีน้ำใจ เลยให้ไป (อันนี้ลูกสาวออกจะขี้กลัวไปหน่อยค่ะ)
พอเรารู้เรื่องเลยโทรไปที่โรงเรียน เพราะเห็นว่าเป็นเรื่องไม่ถูกต้องที่รุ่นพี่มาขอเงินรุ่นน้องแบบนี้
ลูกสาวเล่าว่าพี่คนนี้เมื่อปี่ที่แล้วเคยมาขอเงินเพื่อนที่ห้อง และไม่ยอมคืน จนถูกครูประจำชั้นพามาคืน
คงเพราะผู้ปกครองโทรมาโรงเรียนแบบเรานี่หล่ะ
เมื่อเราโทรไปที่ฝ่ายธุรการรับเรื่องและบอกจะให้ครูประจำชั้นจัดการให้
วันนี้ได้ความว่าเด็กคนนี้ไม่ได้นำเงินมาคืนลูกสาวตามที่บอกไว้ ครูได้บอกให้วันจันทร์หน้านำมาคืน
แต่ประเด็นสำคัญที่ทำให้เราทั้งตกใจและสงสารคือ น้องคนนี้ไม่ได้ลำบากด้านการเงิน
คุณพ่อเป็นตำรวจ คุณแม่เป็นหมอที่โรงพยาบาลรัฐบาล แต่ทั้งคู่ไม่มีเวลามีดูแลลูก
เวลาเกิดปัญหาทั้งการขอเงินเพื่อน ขอขนมเพื่อนจนเป็นที่เอือมระอา
ขอยืมเครื่องเขียน หรือแม้กระทั่งไม่ยอมทำการบ้าน ทุกครั้งคนที่รับเรื่องจากทางโรงเรียน
คือคุณยาย ที่รับปากว่าจะจัดการปัญหา
ตั้งแต่ ป.1 เด็กคนนี้ก็มีพฤติกรรมแบบนี้ ทั้งขอขนมและขอเงินคนอื่น เด็กคนนี้เราเห็นจากภายนอก
รูปร่างท้วมใหญ่ คงเพราะกินเก่ง เดี่ยวนี้โรงเรียนขายขนมก็ห่อละ 10-20 บาท
เด็กได้เงินมาแค่ 20 บาทต่อวัน คงไม่พอกินขนม เลยเริ่มนิสัยขอขนมและเงินจากคนอื่น
สุดท้ายครูบอกว่าจะโทรหาทางบ้าน ซึ่งก็เป็นคุณยายที่รับเรื่อง บอกแต่ว่าพ่อแม่ไม่มีเวลาสอนลูก
ยายเองก็ไม่รู้จะทำยังไง หลานดื้อมาก สอนอะไรก็ไม่ทำตาม
เห็นแบบนี้แล้วสงสารอนาคตของเด็กคนนี้จริงๆ
พ่อแม่ทำงานก็ดี แต่ไม่รู้จักแบ่งเวลามาดูแลลูก
ครั้งแรกที่ได้ฟังจากลูกสาวว่าโดนรุ่นพี่ขอเงินรู้สึกโกรธเด็กว่าทำไมมาทำแบบนี้
แต่ตอนนี้พอรู้ปัญหาเลยทำให้กลายเป็นสงสารเด็กคนนี้จับใจ
ตอนแรกเคยคิดว่าอยากคุยกับแม่ของเด็กคนนี้
แต่พอคิดอีกที ถ้าเค้าปล่อยปละละเลยลูกได้ขนาดนี้ เค้าจะมารับฟังความเห็นจากเราเหรอ
เราก็เป็นแค่แม่บ้านธรรมดา คุณหมอคงไม่มาฟังความเห็นเรื่องการดูแลลูกจากเราหรอกนะ
เลยเลือกที่จะดูแลลูกเราเอง สอนลูกเราเองให้เลี่ยงจากคนแบบนี้ดีกว่า
เมื่อรุ่นพี่มาขอเงินรุ่นน้อง ทำให้เจอความจริงที่น่าสงสาร
หนูให้ไปเพราะพี่บอกว่าเงินหมด และจะเอามาคืนพรุ่งนี้
หนูกลัวพี่เค้าไปฟ้องครูว่าหนูไม่มีน้ำใจ เลยให้ไป (อันนี้ลูกสาวออกจะขี้กลัวไปหน่อยค่ะ)
พอเรารู้เรื่องเลยโทรไปที่โรงเรียน เพราะเห็นว่าเป็นเรื่องไม่ถูกต้องที่รุ่นพี่มาขอเงินรุ่นน้องแบบนี้
ลูกสาวเล่าว่าพี่คนนี้เมื่อปี่ที่แล้วเคยมาขอเงินเพื่อนที่ห้อง และไม่ยอมคืน จนถูกครูประจำชั้นพามาคืน
คงเพราะผู้ปกครองโทรมาโรงเรียนแบบเรานี่หล่ะ
เมื่อเราโทรไปที่ฝ่ายธุรการรับเรื่องและบอกจะให้ครูประจำชั้นจัดการให้
วันนี้ได้ความว่าเด็กคนนี้ไม่ได้นำเงินมาคืนลูกสาวตามที่บอกไว้ ครูได้บอกให้วันจันทร์หน้านำมาคืน
แต่ประเด็นสำคัญที่ทำให้เราทั้งตกใจและสงสารคือ น้องคนนี้ไม่ได้ลำบากด้านการเงิน
คุณพ่อเป็นตำรวจ คุณแม่เป็นหมอที่โรงพยาบาลรัฐบาล แต่ทั้งคู่ไม่มีเวลามีดูแลลูก
เวลาเกิดปัญหาทั้งการขอเงินเพื่อน ขอขนมเพื่อนจนเป็นที่เอือมระอา
ขอยืมเครื่องเขียน หรือแม้กระทั่งไม่ยอมทำการบ้าน ทุกครั้งคนที่รับเรื่องจากทางโรงเรียน
คือคุณยาย ที่รับปากว่าจะจัดการปัญหา
ตั้งแต่ ป.1 เด็กคนนี้ก็มีพฤติกรรมแบบนี้ ทั้งขอขนมและขอเงินคนอื่น เด็กคนนี้เราเห็นจากภายนอก
รูปร่างท้วมใหญ่ คงเพราะกินเก่ง เดี่ยวนี้โรงเรียนขายขนมก็ห่อละ 10-20 บาท
เด็กได้เงินมาแค่ 20 บาทต่อวัน คงไม่พอกินขนม เลยเริ่มนิสัยขอขนมและเงินจากคนอื่น
สุดท้ายครูบอกว่าจะโทรหาทางบ้าน ซึ่งก็เป็นคุณยายที่รับเรื่อง บอกแต่ว่าพ่อแม่ไม่มีเวลาสอนลูก
ยายเองก็ไม่รู้จะทำยังไง หลานดื้อมาก สอนอะไรก็ไม่ทำตาม
เห็นแบบนี้แล้วสงสารอนาคตของเด็กคนนี้จริงๆ
พ่อแม่ทำงานก็ดี แต่ไม่รู้จักแบ่งเวลามาดูแลลูก
ครั้งแรกที่ได้ฟังจากลูกสาวว่าโดนรุ่นพี่ขอเงินรู้สึกโกรธเด็กว่าทำไมมาทำแบบนี้
แต่ตอนนี้พอรู้ปัญหาเลยทำให้กลายเป็นสงสารเด็กคนนี้จับใจ
ตอนแรกเคยคิดว่าอยากคุยกับแม่ของเด็กคนนี้
แต่พอคิดอีกที ถ้าเค้าปล่อยปละละเลยลูกได้ขนาดนี้ เค้าจะมารับฟังความเห็นจากเราเหรอ
เราก็เป็นแค่แม่บ้านธรรมดา คุณหมอคงไม่มาฟังความเห็นเรื่องการดูแลลูกจากเราหรอกนะ
เลยเลือกที่จะดูแลลูกเราเอง สอนลูกเราเองให้เลี่ยงจากคนแบบนี้ดีกว่า