ท่านพระอานนท์ ได้ทูลถามพระผู้มีพระภาคแม้เป็นครั้งที่ ๓ ว่า ข้าแต่
พระองค์ผู้เจริญ ข้าพระองค์ได้สดับรับฟังมาเฉพาะพระพักตร์พระผู้มีพระภาคว่า ดูกร
อานนท์ สาวกของพระสิขีสัมมาสัมพุทธเจ้าซึ่งมีนามว่า อภิภู ยืนอยู่ในพรหมโลก
ทำให้พันโลกธาตุรู้แจ้งได้ด้วยเสียง พระเจ้าข้า ส่วนพระผู้มีพระภาคอรหันต-
*สัมมาสัมพุทธเจ้าเล่า ทรงสามารถที่จะทำโลกธาตุเท่าไรให้รู้แจ้งได้ด้วยพระสุรเสียง ฯ
ดูกรอานนท์ เธอได้ฟังเรื่องพันโลกธาตุ เพียงเล็กน้อย ฯ
อา. ข้าแต่พระผู้มีพระภาค ข้าแต่พระสุคต บัดนี้เป็นกาลเวลาแห่ง
เทศนาที่พระองค์จะพึงตรัส ภิกษุทั้งหลายได้สดับธรรมเทศนาของพระผู้มีพระภาค
แล้ว จักทรงจำไว้ ฯ
พ. ดูกรอานนท์ ถ้าอย่างนั้น เธอจงฟัง จงใส่ใจให้ดี เราจักกล่าว
ท่านพระอานนท์ทูลรับสนองพระผู้มีพระภาคแล้ว พระผู้มีพระภาคได้ตรัสว่า ดูกร
อานนท์ จักรวาลหนึ่งมีกำหนดเท่ากับโอกาสที่พระจันทร์พระอาทิตย์โคจร ทั่วทิศ
สว่างไสวรุ่งโรจน์ โลกมีอยู่พันจักรวาลก่อน ในโลกพันจักรวาลนั้น มีพระจันทร์
พันดวง มีอาทิตย์พันดวง มีขุนเขาสิเนรุพันหนึ่ง มีชมพูทวีปพันหนึ่ง มี
อปรโคยานทวีปพันหนึ่ง มีอุตตรกุรุทวีปพันหนึ่ง มีปุพพวิเทหทวีปพันหนึ่ง มี
มหาสมุทรสี่พัน มีท้าวมหาราชสี่พัน มีเทวโลกชั้นจาตุมหาราชิกาพันหนึ่ง มี
เทวโลกชั้นดาวดึงส์พันหนึ่ง มีเทวโลกชั้นยามาพันหนึ่ง มีเทวโลกชั้นดุสิตพัน
หนึ่ง มีเทวโลกชั้นนิมมานรดีพันหนึ่ง มีเทวโลกชั้นปรนิมมิตวสวัสตีพันหนึ่ง มี
พรหมโลกพันหนึ่ง ดูกรอานนท์ นี้เรียกว่าโลกธาตุอย่างเล็กมีพันจักรวาล โลก
คูณโดยส่วนพันแห่งโลกธาตุอย่างเล็ก ซึ่งมีพันจักรวาลนั้น นี้เรียกว่าโลกธาตุ
อย่างกลางมีล้านจักรวาล โลกคูณโดยส่วนพันแห่งโลกธาตุ อย่างกลางมีล้าน
จักรวาลนั้น นี้เรียกว่าโลกธาตุอย่างใหญ่ประมาณแสนโกฏิจักรวาล ดูกรอานนท์
ตถาคตมุ่งหมายอยู่ พึงทำโลกธาตุอย่างใหญ่ประมาณแสนโกฏิจักรวาลให้รู้แจ้งได้
ด้วยเสียง หรือทำให้รู้แจ้งได้เท่าที่มุ่งหมาย ฯ
อา. ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ก็พระผู้มีพระภาคพึงทำโลกธาตุอย่างใหญ่
ประมาณแสนโกฏิจักรวาล ให้รู้แจ้งด้วยพระสุรเสียง หรือทำให้รู้แจ้งได้เท่าที่
พระองค์ทรงมุ่งหมายอย่างไร ฯ
พ. ดูกรอานนท์ พระตถาคตในโลกนี้ พึงแผ่รัศมีไปทั่วโลกธาตุอย่าง
ใหญ่ประมาณแสนโกฏิจักรวาล เมื่อใด หมู่สัตว์พึงจำแสงสว่างนั้นได้ เมื่อนั้น
พระตถาคตพึงเปล่งพระสุรเสียงให้สัตว์เหล่านั้นได้ยิน พระตถาคตพึงทำให้โลกธาตุ
อย่างใหญ่ประมาณแสนโกฏิจักรวาลให้รู้แจ้งได้ด้วยพระสุรเสียง หรือพึงทำให้รู้
แจ้งได้เท่าที่พระองค์ทรงมุ่งหมาย ด้วยอาการเช่นนี้แล ฯ
ถวายบังคมพระชินโคดม
ข้าพระพุทธเจ้าทั้งหลาย ขอถวายบังคมพระพุทธโคดม ผู้ถึง
พร้อมด้วยวิชชาและจรณะ อุตตรกุรุทวีปเป็นรมณียสถาน มี
ภูเขาหลวงชื่อสิเนรุแลดูงดงาม ตั้งอยู่ทิศใด พวกมนุษย์ซึ่งเกิด
ในอุตตรกุรุทวีปนั้น ไม่ยึดถือสิ่งใดว่าเป็นของตน ไม่หวงแหน
กัน มนุษย์เหล่านั้น ไม่ต้องหว่านพืช และไม่ต้องนำไถออกไถ
หมู่มนุษย์บริโภคข้าวสาลี อันผลิตผลในที่ไม่ต้องไถ ไม่มีรำ
ไม่มีแกลบ บริสุทธิ์ มีกลิ่นหอม เป็นเมล็ดข้าวสาร หุง
[ข้าวนั้น] ในเตาอันปราศจากควัน แล้วบริโภคโภชนะแต่ที่นั้น
ทำแม่โคให้มีกีบเดียว ๑- แล้วเที่ยวไปสู่ทิศน้อย ทิศใหญ่
ทำปศุสัตว์ให้มีกีบเดียว แล้วเที่ยวไปสู่ทิศน้อยทิศใหญ่ ทำ
หญิงให้เป็นพาหนะ ๒- แล้วเที่ยวไปสู่ทิศน้อยทิศใหญ่ ทำชาย
ให้เป็นพาหนะ แล้วเที่ยวไปสู่ทิศน้อยทิศใหญ่ ทำกุมารีให้เป็น
พาหนะ แล้วเที่ยวไปสู่ทิศน้อยทิศใหญ่ ทำกุมารให้เป็นพาหนะ
แล้วเที่ยวไปสู่ทิศน้อยทิศใหญ่ บรรดานางบำเรอของพระราชา
นั้น ก็ขึ้นยานเหล่านั้น ตามห้อมล้อมไปทุกทิศด้วย ยานช้าง
@๑. สัตว์กีบเดียว คือม้า คือใช้โค ใช้ปศุสัตว์ต่างๆ แทนม้า
@๒. เห็นจะใช้ขี่คน หรือใช้คนหาม
พระผู้มีพระภาคได้ตรัสไว้ว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย มนุษย์ชาวชมพูทวีป
ย่อมครอบงำมนุษย์ชาวอุตตรกุรุทวีป และเทวดาชั้นดาวดึงส์ ด้วย
ฐานะ ๓ ประการ ๓ ประการ อะไรบ้าง กล้า ๑ มีสติ ๑ มีการ
ประพฤติพรหมจรรย์ ณ ที่นี้ ๑ ดังนี้ ๑- เป็นสูตรมีอยู่จริง มิใช่หรือ?
รวมความว่าดาวกุรุนี่อยู่ด้านเหนือของโลกชมพู(โลกชม หรือชมพูทวีป
ก็คือโลกที่เราอาศัยอยู่)ถ้าจะดูทิศทางกันจริงๆ ระยะห่างก็ไม่ไกลจากโลกชมพูไปดวงจันทร์เท่าไรนัก
แต่ว่าทิศทางเยื้องๆ กันไป ดวงจันทร์เยื้องไปทางด้านทิศเหนือ (เฉียงเหนือ)
แต่ว่าดาวอุตรกุรุนี่อยู่เหนือจริงๆ ไปทางด้านทิศเหนือของโลกชมพู คือโลกที่เราอยู่
ดาวดวงนี้เป็นดาวที่มีความศิวิไลซ์มาก เป็นดินแดนของบุคคลผู้มีบุญ
ดาวกุรุ “ดาวกุรุ” นี่ท่านเรียกว่า “อุตรกุรุ” คำว่า “อุตร” คือเหนือ “
"อุตรกุรุ” แปลว่า "โลกกุรุ" อยู่ทางทิศเหนือของโลกมนุษย์คือโลกที่เราอยู่
ถ้าถามว่าทางจะไปไกลไหม ถ้าเทียบระยะกันจริงๆ จากโลกที่เราอยู่นี้ไปโลกพระอังคารกับโลกเรา
ไปโลกกุรุระยะทางพอกัน แต่ว่าอยู่กันคนละทิศ อยู่ไกลจากดวงอาทิตย์
แสงสว่างจากดวงอาทิตย์ไม่ถึงแต่โลกนี้ก็มีความสว่างไสวทั่วโลก
เพราะมีแก้วมณีทั่วโลก จะไปที่ไหนก็ตามมีภูเขา แก้วมณีตลอดไป แก้วมณีทำแสงสว่างให้เกิด
รวมความว่า โลกนี้ถ้าเราจะเรียกว่าโลกแก้วมณีคงจะไม่ผิด
แต่อย่าเรียกกันเลยนะ จะเป็นการแปลงศัพท์
โลกนี้มองดูอีกทีมีความสวยสดงดงามมาก คนทุกคนก็แลดูสวย
แล้วคนทุกคนมีแก้วมณีติดตัว แสงสว่างจากแก้วมณีเหมือนรัศมีเป็นประกายออกจากร่างกาย......
ว่าด้วยมนุษย์ชาวอุตตรกุรุทวีป...
พระองค์ผู้เจริญ ข้าพระองค์ได้สดับรับฟังมาเฉพาะพระพักตร์พระผู้มีพระภาคว่า ดูกร
อานนท์ สาวกของพระสิขีสัมมาสัมพุทธเจ้าซึ่งมีนามว่า อภิภู ยืนอยู่ในพรหมโลก
ทำให้พันโลกธาตุรู้แจ้งได้ด้วยเสียง พระเจ้าข้า ส่วนพระผู้มีพระภาคอรหันต-
*สัมมาสัมพุทธเจ้าเล่า ทรงสามารถที่จะทำโลกธาตุเท่าไรให้รู้แจ้งได้ด้วยพระสุรเสียง ฯ
ดูกรอานนท์ เธอได้ฟังเรื่องพันโลกธาตุ เพียงเล็กน้อย ฯ
อา. ข้าแต่พระผู้มีพระภาค ข้าแต่พระสุคต บัดนี้เป็นกาลเวลาแห่ง
เทศนาที่พระองค์จะพึงตรัส ภิกษุทั้งหลายได้สดับธรรมเทศนาของพระผู้มีพระภาค
แล้ว จักทรงจำไว้ ฯ
พ. ดูกรอานนท์ ถ้าอย่างนั้น เธอจงฟัง จงใส่ใจให้ดี เราจักกล่าว
ท่านพระอานนท์ทูลรับสนองพระผู้มีพระภาคแล้ว พระผู้มีพระภาคได้ตรัสว่า ดูกร
อานนท์ จักรวาลหนึ่งมีกำหนดเท่ากับโอกาสที่พระจันทร์พระอาทิตย์โคจร ทั่วทิศ
สว่างไสวรุ่งโรจน์ โลกมีอยู่พันจักรวาลก่อน ในโลกพันจักรวาลนั้น มีพระจันทร์
พันดวง มีอาทิตย์พันดวง มีขุนเขาสิเนรุพันหนึ่ง มีชมพูทวีปพันหนึ่ง มี
อปรโคยานทวีปพันหนึ่ง มีอุตตรกุรุทวีปพันหนึ่ง มีปุพพวิเทหทวีปพันหนึ่ง มี
มหาสมุทรสี่พัน มีท้าวมหาราชสี่พัน มีเทวโลกชั้นจาตุมหาราชิกาพันหนึ่ง มี
เทวโลกชั้นดาวดึงส์พันหนึ่ง มีเทวโลกชั้นยามาพันหนึ่ง มีเทวโลกชั้นดุสิตพัน
หนึ่ง มีเทวโลกชั้นนิมมานรดีพันหนึ่ง มีเทวโลกชั้นปรนิมมิตวสวัสตีพันหนึ่ง มี
พรหมโลกพันหนึ่ง ดูกรอานนท์ นี้เรียกว่าโลกธาตุอย่างเล็กมีพันจักรวาล โลก
คูณโดยส่วนพันแห่งโลกธาตุอย่างเล็ก ซึ่งมีพันจักรวาลนั้น นี้เรียกว่าโลกธาตุ
อย่างกลางมีล้านจักรวาล โลกคูณโดยส่วนพันแห่งโลกธาตุ อย่างกลางมีล้าน
จักรวาลนั้น นี้เรียกว่าโลกธาตุอย่างใหญ่ประมาณแสนโกฏิจักรวาล ดูกรอานนท์
ตถาคตมุ่งหมายอยู่ พึงทำโลกธาตุอย่างใหญ่ประมาณแสนโกฏิจักรวาลให้รู้แจ้งได้
ด้วยเสียง หรือทำให้รู้แจ้งได้เท่าที่มุ่งหมาย ฯ
อา. ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ก็พระผู้มีพระภาคพึงทำโลกธาตุอย่างใหญ่
ประมาณแสนโกฏิจักรวาล ให้รู้แจ้งด้วยพระสุรเสียง หรือทำให้รู้แจ้งได้เท่าที่
พระองค์ทรงมุ่งหมายอย่างไร ฯ
พ. ดูกรอานนท์ พระตถาคตในโลกนี้ พึงแผ่รัศมีไปทั่วโลกธาตุอย่าง
ใหญ่ประมาณแสนโกฏิจักรวาล เมื่อใด หมู่สัตว์พึงจำแสงสว่างนั้นได้ เมื่อนั้น
พระตถาคตพึงเปล่งพระสุรเสียงให้สัตว์เหล่านั้นได้ยิน พระตถาคตพึงทำให้โลกธาตุ
อย่างใหญ่ประมาณแสนโกฏิจักรวาลให้รู้แจ้งได้ด้วยพระสุรเสียง หรือพึงทำให้รู้
แจ้งได้เท่าที่พระองค์ทรงมุ่งหมาย ด้วยอาการเช่นนี้แล ฯ
ถวายบังคมพระชินโคดม
ข้าพระพุทธเจ้าทั้งหลาย ขอถวายบังคมพระพุทธโคดม ผู้ถึง
พร้อมด้วยวิชชาและจรณะ อุตตรกุรุทวีปเป็นรมณียสถาน มี
ภูเขาหลวงชื่อสิเนรุแลดูงดงาม ตั้งอยู่ทิศใด พวกมนุษย์ซึ่งเกิด
ในอุตตรกุรุทวีปนั้น ไม่ยึดถือสิ่งใดว่าเป็นของตน ไม่หวงแหน
กัน มนุษย์เหล่านั้น ไม่ต้องหว่านพืช และไม่ต้องนำไถออกไถ
หมู่มนุษย์บริโภคข้าวสาลี อันผลิตผลในที่ไม่ต้องไถ ไม่มีรำ
ไม่มีแกลบ บริสุทธิ์ มีกลิ่นหอม เป็นเมล็ดข้าวสาร หุง
[ข้าวนั้น] ในเตาอันปราศจากควัน แล้วบริโภคโภชนะแต่ที่นั้น
ทำแม่โคให้มีกีบเดียว ๑- แล้วเที่ยวไปสู่ทิศน้อย ทิศใหญ่
ทำปศุสัตว์ให้มีกีบเดียว แล้วเที่ยวไปสู่ทิศน้อยทิศใหญ่ ทำ
หญิงให้เป็นพาหนะ ๒- แล้วเที่ยวไปสู่ทิศน้อยทิศใหญ่ ทำชาย
ให้เป็นพาหนะ แล้วเที่ยวไปสู่ทิศน้อยทิศใหญ่ ทำกุมารีให้เป็น
พาหนะ แล้วเที่ยวไปสู่ทิศน้อยทิศใหญ่ ทำกุมารให้เป็นพาหนะ
แล้วเที่ยวไปสู่ทิศน้อยทิศใหญ่ บรรดานางบำเรอของพระราชา
นั้น ก็ขึ้นยานเหล่านั้น ตามห้อมล้อมไปทุกทิศด้วย ยานช้าง
@๑. สัตว์กีบเดียว คือม้า คือใช้โค ใช้ปศุสัตว์ต่างๆ แทนม้า
@๒. เห็นจะใช้ขี่คน หรือใช้คนหาม
พระผู้มีพระภาคได้ตรัสไว้ว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย มนุษย์ชาวชมพูทวีป
ย่อมครอบงำมนุษย์ชาวอุตตรกุรุทวีป และเทวดาชั้นดาวดึงส์ ด้วย
ฐานะ ๓ ประการ ๓ ประการ อะไรบ้าง กล้า ๑ มีสติ ๑ มีการ
ประพฤติพรหมจรรย์ ณ ที่นี้ ๑ ดังนี้ ๑- เป็นสูตรมีอยู่จริง มิใช่หรือ?
รวมความว่าดาวกุรุนี่อยู่ด้านเหนือของโลกชมพู(โลกชม หรือชมพูทวีป
ก็คือโลกที่เราอาศัยอยู่)ถ้าจะดูทิศทางกันจริงๆ ระยะห่างก็ไม่ไกลจากโลกชมพูไปดวงจันทร์เท่าไรนัก
แต่ว่าทิศทางเยื้องๆ กันไป ดวงจันทร์เยื้องไปทางด้านทิศเหนือ (เฉียงเหนือ)
แต่ว่าดาวอุตรกุรุนี่อยู่เหนือจริงๆ ไปทางด้านทิศเหนือของโลกชมพู คือโลกที่เราอยู่
ดาวดวงนี้เป็นดาวที่มีความศิวิไลซ์มาก เป็นดินแดนของบุคคลผู้มีบุญ
ดาวกุรุ “ดาวกุรุ” นี่ท่านเรียกว่า “อุตรกุรุ” คำว่า “อุตร” คือเหนือ “
"อุตรกุรุ” แปลว่า "โลกกุรุ" อยู่ทางทิศเหนือของโลกมนุษย์คือโลกที่เราอยู่
ถ้าถามว่าทางจะไปไกลไหม ถ้าเทียบระยะกันจริงๆ จากโลกที่เราอยู่นี้ไปโลกพระอังคารกับโลกเรา
ไปโลกกุรุระยะทางพอกัน แต่ว่าอยู่กันคนละทิศ อยู่ไกลจากดวงอาทิตย์
แสงสว่างจากดวงอาทิตย์ไม่ถึงแต่โลกนี้ก็มีความสว่างไสวทั่วโลก
เพราะมีแก้วมณีทั่วโลก จะไปที่ไหนก็ตามมีภูเขา แก้วมณีตลอดไป แก้วมณีทำแสงสว่างให้เกิด
รวมความว่า โลกนี้ถ้าเราจะเรียกว่าโลกแก้วมณีคงจะไม่ผิด
แต่อย่าเรียกกันเลยนะ จะเป็นการแปลงศัพท์
โลกนี้มองดูอีกทีมีความสวยสดงดงามมาก คนทุกคนก็แลดูสวย
แล้วคนทุกคนมีแก้วมณีติดตัว แสงสว่างจากแก้วมณีเหมือนรัศมีเป็นประกายออกจากร่างกาย......