Repost [ลูกไม้ลายสนธยา] ขอต้อนรับท่านสู่ดินแดนอุตรกุรุทวีป ......มาทำความรู้จักดินแดนอุตรกุรุทวีปกัน

ตามความเชื่อจากไตรภูมิพระร่วง
เขาพระสุเมรุ (เขาสิเนรุ) คือ ศูนย์กลางของจักรวาล ทั้ง 4 ทิศคือดินแดน 4 ทวีป

ทวีปใหญ่ หรือ พื้นแผ่นดินทั้ง 4 ทิศ มีชื่อและที่ตั้งดังนี้

1. อุตรกุรุทวีป  ตั้งอยู่ทางทิศเหนือ  ของเขาสิเนรุ
2. ปุพพวิเทหทวีป  ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออก  ของเขาสิเนรุ
3.  อปรโคยานทวีป  ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตก  ของเขาสิเนรุ
4.  ชมพูทวีป  ตั้งอยู่ทางทิศใต้  ของเขาสิเนรุ (คือดินแดนที่พวกเราอยู่กัน)



อุตรกุรุทวีป
  
ภูมิประเทศและสังคม  อุตตรกุรุทวีป  มีขนาดพื้นที่ประมาณ 8,000 โยชน์  ตั้งอยู่ทางทิศเหนือของเขาสิเนรุ  ซึ่งอยู่ในทิศเดียวกันกับท้าวมหาราชชื่อกุเวรหรือเวสวัณเป็นผู้ปกครองของเทพชั้นจาตุมหาราชด้านทิศนี้  แสงจากเขาสิเนรุด้านนี้เกิดจากแสงรัตนะสีทองส่องมาทางทวีปนี้  มีต้นกัลปพฤษก์เป็นไม้ประจำทวีปนี้  วัดรอบลำต้นได้ 15 โยชน์  มีกิ่งและลำต้นยาวขนาดละ 50 โยชน์  วัดส่วนสูงทั้งหมดได้ 100 โยชน์  วัดกิ่งที่แผ่ไปรอบด้านก็กว้างได้ 100 โยชน์เหมือนกัน  เป็นไม้ยืนต้น  เวลาออกดอกใบจะร่วงเกือบหมด  จะออกดอกตามกิ่งจนเต็ม  แต่สมัยนั้นดอกใหญ่มาก  พวกมนุษย์ในทวีปนี้สามารถอธิษฐานขอเสื้อผ้าและเครื่องประดับได้จากต้นไม้นี้  จะออกมาจากดอกไม้  ซึ่งก็จะได้ตามกำลังบุญ


อากาศของทวีปนี้ดีมาก  ไม่มีมลภาวะที่เป็นพิษ  น้ำใสสะอาดบริสุทธิ์  ภูมิประเทศสะอาดไร้สิ่งสกปรก  ไม่มีกลิ่นเหม็น  ไม่มีสัตว์ร้ายสัตว์พิษ  มีผลไม้หลากชนิด ผลใหญ่ รสชาติดีมาก  ไม่มีพืชหนามพืชพิษ  อร่ามไปด้วยไม้ดอกสีสันสะดุดตา  น่ามองไม่รู้เบื่อ  และไม้หอมนานาชนิดคนก็ตาม  สัตว์ก็ตามไม่วิวาทเบียดเบียนกัน  มีตัณหาน้อย  ไม่มักมากในกาม


รูปลักษณ์  มนุษย์ที่อาศัยอยู่ในทวีปนี้  มีลักษณะใบหน้ารูปทรงสี่เหลี่ยม ร่างกายไม่พิการ  ไม่มีโรคหรือเจ็บป่วย  รูปร่างใหญ่โตกว่าชาวชมพูทวีป 3 เท่า(ประมาณ 13 ศอก)  มีผิวแดงหรือขาวเท่านั้น  มีเส้นผมละเอียดอ่อน  เส้นเล็กกว่าผมชาวชมพูทวีป 8 เท่า  สตรีมีรูปร่างสมส่วน  เป็นสาวตลอดกาล  ผู้ชายก็เป็นหนุ่มตลอดกาล


คุณลักษณ์  มนุษย์ในทวีปนี้มีอายุ 1,000 ปีเท่ากันหมด  หญิงตั้งครรภ์และคลอดไม่ลำบากทั้งแม่และลูก  เด็กเวลาหิวก็จะมือน้ำนมหลั่งทางนิ้วมือ  เกิดได้ 7 วันก็โตเป็นหนุ่มเป็นสาว  เมื่อญาติพลัดพรากจากไป  ก็ไม่เศร้าเสียใจ  ไม่ต้องรับทุกขเวทนาด้วยโรคภัย  ความชราและความเสื่อมกำลัง





มีศีล 5 เป็นปกตินิสัย  ไม่ยึดถือสิ่งของอันใด เช่น ผ้า ข้าวน้ำ  เป็นต้นว่า  เป็นของตนไม่มีความหวงแหนว่า  นี้ภรรยาของเรา เป็นต้น  ความกำหนัดด้วยความพอใจย่อมไม่เกิดขึ้นเพราะเห็นมารดาหรือน้องสาว
      
      การดำเนินชีวิต  มนุษย์เหล่านั้นไม่ต้องหว่านพืช  และไม่ต้องนำไถออกไถ  หมู่มนุษย์บริโภคข้าวสาลี  อันผลิตผลในที่ไม่ต้องไถ  ข้าวสาลีนั้นไม่มีรำ  ไม่มีแกลบ  บริสุทธิ์  มีกลิ่นหอมเป็นเมล็ดข้าวสารเลยที่เดียว  เมื่อเขานำข้าวสารไปเกลี่ยลงหม้อแล้วหุง  แล้วนำไปตั้งบนเตาอันปราศจากควันและเถ้า  เตานั้นได้แก่หินที่ชื่อว่า  โชติกปาสาณะ  ที่ชนชาวอุตตรกุรุทวีปทั้งหลายวางหิน 3 ก้อน  แล้วยกหม้อขึ้นตั้งบนแผ่นหิน  ไฟก็เกิดขึ้นจากแผ่นหินนั้นทันทีโดยไม่มีควันเมื่อข้าวสุกแล้ว  ไฟก็จะดับเอง  เป็นสัญญาณให้รู้ว่าข้าวสุกแล้ว (เหมือนหม้อไฟฟ้าในปัจจุบัน)  ชาวอุตตรกุรุบริโภคข้าวจากหม้อนั้น  ไม่มีแกงหรือผัดอย่างอื่นเสริม  เพราะบริบูรณ์ด้วยโอชาครบถ้วนอยู่แล้ว  และรสชาดของข้าวนั้นเป็นรสบำรุงใจของผู้บริโภคอย่างดี  ชนเหล่านั้นย่อมให้แก่ผู้มาถึงที่นั้นทุกคน  ชื่อว่า  จิตตระหนี่ย่อมไม่มีแก่เขาเหล่านั้น

     แม้พระพุทธเจ้าและพระปัจเจกพุทธเจ้าเป็นต้น  ทรงฤทธิ์มาก  ก็มักจะเสด็จไป ณ ที่นั้นเพื่อรับบิณฑบาต  หรือ แม้แต่ฤาษีดาบสที่มีฤทธิ์ก็ชอบไปภิกขาจารที่ทวีปนี้

     อนึ่ง  อิตถีรัตนะ (นางแก้ว)  ของพระเจ้าจักรพรรดิหรือของคนมีบุญทั้งหลายเช่นโชติกะเศรษฐี  โดยมากก็นำไปจากอุตตรกุรุทวีปนี้  โดยการนำไปของเทวดา หรือมาได้เองด้วยบุญญานุภาพบ้าง หากผู้มีบุญนั้นตายไปก่อน หรือออกบวช พวกเทวดาก็จะนำนางแก้วนั้นกลับไปยังอุตตรกุรุทวีปตามเดิม

     ก็มนุษย์เหล่านั้นจะนอนบนที่นอนอันประเสริฐที่ปราสาท  และนั่งบนตั่งและวอเป็นต้น เที่ยวไป  อรรถกถาบางแห่งกล่าวว่า  ชาวทวีปนี้และชาวอปรโคยานทวีป  นอนบนแผ่นดินได้สบาย  ไม่จำเป็นต้องมีบ้านเรือน  ก็ได้  สงสัยพื้นดินน่าจะนุ่ม  ราบเรียบดีดุจปูด้วยพรหมกระมังยุงเหลือบ  ริ้นไรคงจะไม่มีด้วย

     เวลาที่มนุษย์ในทวีปนั้นตายไป  พวกญาติก็จะนำเอาผ้าชื่อ  สิเวยยกะ  ห่อหุ้มคนตายแล้วทิ้งเสีย  นกหัสดีลิงค์ทั้งหลาย (มีศีรษะเป็นช้างขนาดใหญ่)  กำหนดห่อคนตายนั้นว่า  ชิ้นเนื้อ  แล้วเฉี่ยวนำไปวางที่ยอดเขาหิมพานต์  เปลื้องออกแล้วกิน

      มนุษย์ในอุตตรกุรุทวีปนี้มีการรักษาศีล 5 เป็นปกติ เมื่อตายไปแล้วย่อมเกิดในเทวโลกแน่นอน  แต่เมื่อเวลาที่จุติจากเทวโลกแล้ว  อาจไปเกิดในอบายภูมิ 4 หรือ  เกิดในทวีปเดิมหรือในทวีปอื่นใดก็ได้  หรือไปเกิดในภูมิใดภูมิหนึ่งตามอำนาจแห่งกรรม  จะไม่ไปสู่อบายเพียงชั่วภพถัดไปจากที่กำลังเป็นมนุษย์อุตตรกุรุเท่านั้น พระผู้มีพระภาคเจ้าได้ตรัสถึงลักษณะที่เด่นของชาวอุตตรกุรุไว้ในฐานสูตร ว่า

“ดูก่อนภิกษุทั้งหลายมนุษย์ชาวอุตรกุรุทวีป  ประเสริฐกว่าเทวดาชั้นดาวดึงส์และพวกมนุษย์ชาวชมพูทวีป  ด้วยฐานะ 3 ประการ 3 ประการเป็นไฉน คือ

1. ไม่มีทุกข์  เพราะตัณหาในกาม
2. ไม่มีความหวงแหน (ยึดถือในทรัพย์สมบัติ บุตร ภริยา สามี ว่าเป็นของตน)
3. มีอายุแน่นอน คือ 1,000 ปี
จากตอนที่แล้ว ได้กล่าวถึงมนุษย์ต่างดาวในทัศนคติความเข้าใจต่างๆ นาๆ ของมนุษย์ทั่วไป และมนุษย์ต่างดาวตามหลักพระพุทธศาสนา ทำให้ทราบว่าไม่ได้มีโลกใบนี้เพียงใบเดียวที่มีมนุษย์อาศัยอยู่ ในตอนที่ 2 นี้จึงจะขอกล่าวถึงมนุษย์ต่างดาวในทวีปที่เหลือจากตอนที่แล้วดังบทความตอนล่างนี้


ขอบคุณเจ้าของรูปภาพและ
ขอบคุณข้อมูลจากเว็บ >>>> https://sites.google.com/site/thrrmthan1/home/mnusy-tang-daw-lok-thang-4-thwip-ni-xa-wkas



แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่