เรื่องของเรื่องคือ ม.กำลังจะเปิดเทอมเเล้วเรามีปัญหาคือเราไม่ชอบการรับน้องเอาซะเลยเเล้วในคณะมีความคิดเป็นระบบโซตัสรุนเเรงมาก เเค่เรียนปรับพื้นฐานรุ่นพี่ก็มาดูมาตอนเรียนปรับทุกอย่างเป็นไปได้ด้วยดีจนหลังเลิกเรียนมีการซ้อมร้องเพลงรุ่นพี่ตะโกนใส่ ว้ากใส่ อย่างไม่ปราณี ตัวเราเองไม่ชอบกับการกระทำเเบบนี้เเต่ไม่พูดอะไรก็อยู่จนจบวัน เเต่วันที่ 2 ไม่ได้ไปไมเกรนขึ้นเลยหยุดอยู่บ้านไปเลย วันที่ 3'4'5 ครบสัปดาห์เรามาตามปกติอ ดทนอยู่ในครอบสัปดาห์
ตอนวันเเรก พ่อ เเม่ โทรมาว่าเป็นไงบ้าง เราเล่าให้ทั้งสองคนฟังว่า
เรา :"วันนี้เรียนสนุกมากเลย ไม่มีปัญหากับบทเรียน เข้าใจเเละทำได้ปกติ"
พ่อเเม่ :"เเล้วรุ่นพี่อะมาดูไม"
เรา : "มาเเล้ว เค้าให้ซ้อมเชียร์ โดนตะโกนใส่ ว้ากใส่ ว่าไม่ได้เรื่องบ้าง พอเพื่อนออกไปนำร้องเพลงก็บอกว่า ไม่สงสารเพื่อนเหรอ พอพี่ปีสามมากูบอกว่า พี่กูมาให้ไปถามว่าชื่ออะไร รุ่นอะไร พอลุกช้าก็ตะโกนสั้งหนักกว่าเดิม หลายอย่างที่ไม่เป็นไปตามเกมเเล้วตะโกนใส่"
พ่อเเม่: " อดทนนะ รู้ว่าไม่ชอบ เเต่เดี๋ยวก็ผ่านไป เเล้วอย่าไปทำเเบบนี้กับรุ่นน้องนะเค้าคงไม่ชอบเเล้วคิดเเบบเดียวกับเรานั้นเเหละ"
ตอนนั้นน้ำตาลไหลเเล้วตอบรับไปพ่อกับเเม่ไป
เหตุการทั้งหมดเเค่เกิดขึ้นในช่วงเรียนปรับพื้นฐานระยะเวลา 5 วันซะด้วยซ้ำมันไม่น่าจดจำเอาซะเลยจริงๆ
จากความคิดส่วนตัวเเล้วคิดว่า
การรับน้องควรเป็นทางเลือกหรือหมดไป วันเเรกที่เราได้ม.นี้เรามีความสุขมากที่ได้เรียนในคณะที่ชอบคณะที่อยากเข้าไปเเต่จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นรู้สึกไม่ดีกับพี่ๆที่ทำกับเรา เรายังไม่ได้รุ่น ถ้าไม่ทำตามจะไม่ได้รุ่น ถ้าไม่ทำจะไม่มีสังคมนะ ไม่ทำได้ไงมันคือประเพณีนะ นี่คือข้ออ้างว่าถ้าไม่ไปรับน้องจะเกิดอะไรขึ้นอีกนั้นคือสิ่งที่รุ่นพี่พูดมาทั้งหมด จริงๆเเล้วเราเป็นเราเคารพรุ่นพี่ตั้งเเต่เข้ามาเเล้วเราชื่นชมเเละอยากเข้าเพราะเรื่องราวดีๆที่ส่งต่อเเละเล่าให้ฟังจากคนที่จบไป เราเวลาคุยกับเพื่อนม.6 เพื่อนยังถามเลยว่า ระบบเเบบนี้ยังหลงเหลืออยู่อีกเหรอไอที่เรียกว่า "รับน้อง" อะ เราคิดว่ามันไม่จำเป็นที่ต้องมาตะโกนใส่กัน ทำหน้ายักษ์ใส่กันเลย ทำไปทำไมรุ่นน้องเค้าไม่ภูมิใจในตัวรุ่นพี่หรอก เเต่เเค่กลัวบ้าง รำคาญบ้าง ภาวะเเบบนี้ที่ยืนยาวหรอกนะ
เเล้วคนอื่นคิดว่ายังไงกะบ้าง
ทำไงดี เกลียดโซตัส เเต่ได้ม.โซตัส
ตอนวันเเรก พ่อ เเม่ โทรมาว่าเป็นไงบ้าง เราเล่าให้ทั้งสองคนฟังว่า
เรา :"วันนี้เรียนสนุกมากเลย ไม่มีปัญหากับบทเรียน เข้าใจเเละทำได้ปกติ"
พ่อเเม่ :"เเล้วรุ่นพี่อะมาดูไม"
เรา : "มาเเล้ว เค้าให้ซ้อมเชียร์ โดนตะโกนใส่ ว้ากใส่ ว่าไม่ได้เรื่องบ้าง พอเพื่อนออกไปนำร้องเพลงก็บอกว่า ไม่สงสารเพื่อนเหรอ พอพี่ปีสามมากูบอกว่า พี่กูมาให้ไปถามว่าชื่ออะไร รุ่นอะไร พอลุกช้าก็ตะโกนสั้งหนักกว่าเดิม หลายอย่างที่ไม่เป็นไปตามเกมเเล้วตะโกนใส่"
พ่อเเม่: " อดทนนะ รู้ว่าไม่ชอบ เเต่เดี๋ยวก็ผ่านไป เเล้วอย่าไปทำเเบบนี้กับรุ่นน้องนะเค้าคงไม่ชอบเเล้วคิดเเบบเดียวกับเรานั้นเเหละ"
ตอนนั้นน้ำตาลไหลเเล้วตอบรับไปพ่อกับเเม่ไป
เหตุการทั้งหมดเเค่เกิดขึ้นในช่วงเรียนปรับพื้นฐานระยะเวลา 5 วันซะด้วยซ้ำมันไม่น่าจดจำเอาซะเลยจริงๆ
จากความคิดส่วนตัวเเล้วคิดว่า
การรับน้องควรเป็นทางเลือกหรือหมดไป วันเเรกที่เราได้ม.นี้เรามีความสุขมากที่ได้เรียนในคณะที่ชอบคณะที่อยากเข้าไปเเต่จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นรู้สึกไม่ดีกับพี่ๆที่ทำกับเรา เรายังไม่ได้รุ่น ถ้าไม่ทำตามจะไม่ได้รุ่น ถ้าไม่ทำจะไม่มีสังคมนะ ไม่ทำได้ไงมันคือประเพณีนะ นี่คือข้ออ้างว่าถ้าไม่ไปรับน้องจะเกิดอะไรขึ้นอีกนั้นคือสิ่งที่รุ่นพี่พูดมาทั้งหมด จริงๆเเล้วเราเป็นเราเคารพรุ่นพี่ตั้งเเต่เข้ามาเเล้วเราชื่นชมเเละอยากเข้าเพราะเรื่องราวดีๆที่ส่งต่อเเละเล่าให้ฟังจากคนที่จบไป เราเวลาคุยกับเพื่อนม.6 เพื่อนยังถามเลยว่า ระบบเเบบนี้ยังหลงเหลืออยู่อีกเหรอไอที่เรียกว่า "รับน้อง" อะ เราคิดว่ามันไม่จำเป็นที่ต้องมาตะโกนใส่กัน ทำหน้ายักษ์ใส่กันเลย ทำไปทำไมรุ่นน้องเค้าไม่ภูมิใจในตัวรุ่นพี่หรอก เเต่เเค่กลัวบ้าง รำคาญบ้าง ภาวะเเบบนี้ที่ยืนยาวหรอกนะ
เเล้วคนอื่นคิดว่ายังไงกะบ้าง