"ปลาทับทิม" มีที่มาที่ไปมากกว่าที่คุณคิด ...

เมื่อวันก่อนเห็น Infographic [Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ แชร์มาเกี่ยวกับเรื่องของปลาทับทิม ทำให้สงสัยว่า ทำไมตอนชีวิตวัยเด็กไม่เห็นเคยได้ยินชื่อปลาชนิดนี้มาก่อนเลย เลยทำให้อยากรู้ข้อมูลถึงประวัติความเป็นมาของปลาชนิดนี้ พออ่านข้อมูลความเป็นมาของปลาทับทิมแล้ว เห็นว่าเป็นข้อมูลที่น่าสนใจ จึงนำมาเผยแพร่ข้อมูลให้เพื่อนๆ

แต่ทุกคนรู้หรือไม่ว่า "ปลาทับทิม" นั้นไม่ใช่ปลาพื้นถิ่นของประเทศไทย ไม่มีต้นกำเนิดสายพันธุ์ที่หาพบได้ตามธรรมชาติของประเทศไทยเลย แต่เป็นการคัดเลือกสายพันธุ์ปลานิลในหลายๆ ประเทศมาผสม และพัฒนาปรับปรุงสายพันธุ์จนได้ออกมาเป็นปลาทับทิมในปัจจุบัน


ประวัติความเป็นมาของปลาทับทิม เริ่มมาจากปลานิล [Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ มีคุณลักษณะพิเศษหลายอย่าง เช่น กินอาหารได้ทุกชนิด เช่น ไรน้ำ ตะไคร่น้ำ ตัวอ่อนของแมลง และสัตว์น้ำเล็ก ๆ มีขนาดลำตัวใหญ่ ความยาวประมาณ 10-30 เซนติเมตร แพร่ขยายพันธุ์ง่าย และมีรสชาติดี

ต่อมาในปีพ.ศ.2532 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระราชทานแนวพระราชดำริแก่ นายธนินท์ เจียรวนนท์ ประธานกรรมการ และประธานคณะผู้บริหาร เครือเจริญโภคภัณฑ์ ให้พัฒนาปรับปรุงสายพันธุ์ปลานิล เนื่องจากขณะนั้นกระแสความนิยมบริโภคเนื้อปลาเพื่อรักษาสุขภาพมีมากขึ้น แต่ปลาทะเลกลับลดปริมาณลงเรื่อยๆ กลุ่มธุรกิจเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำซีพีเอฟ จึงได้เริ่มวาง โครงการพัฒนาสายพันธุ์ปลา ด้วยการนำปลานิลจิตรลดาพระราชทาน มาเป็นต้นตระกูลเพื่อพัฒนาสายพันธุ์ตามแนวพระราชดำริ โดยคัดเลือกสายพันธุ์ปลานิล ทั้งจากอเมริกา อิสราเอล และไต้หวัน ซึ่งแต่ละสายพันธุ์มีลักษณะเด่นมากในด้านต่างๆ

ปลานิลอเมริกา - เป็นปลาสีแดงสวย และทนต่อความเค็มของน้ำ
ปลานิลอิสราเอง - เป็นปลาที่เลี้ยงในความหนาแน่นสุงได้
ปลานิลไต้หวัน - เจริญเติบโตเร็ว

ด้วยการใช้วิธีการตามธรรมชาติ โดยนำปลานิลต่างสายพันธุ์มาผสม และพัฒนาปรับปรุงสายพันธ์ให้มีคุณภาพดียิ่งขึ้น แล้วจึงได้คัดเลือกลักษณะเด่นต่างๆ จนกระทั่งสามารถได้ปลาเนื้อพันธุ์ใหม่ ที่มีลักษณะภายนอกโดดเด่น คือ สีของเกล็ด และตัวปลาที่มีสีขาวอมแดงเรื่อๆ ถึงสีแดงอมชมพู คล้ายทับทิม โดยเมื่อวันที่ 22 มกราคม พ.ศ.2541 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระราชทานนามปลาชนิดใหม่นี้ว่า “ปลาทับทิม” ที่สำคัญยังมีลักษณะเด่นที่ความอดทนสามารถเลี้ยงได้ดีในน้ำกร่อย (ทั้งปลาทับทิม และปลานิลถูกเรียกว่าเป็นปลา 2 น้ำ) เนื้อแน่น มีรสชาติอร่อยกว่าปลานิลธรรมดา

ด้วยข้อดีด้านคุณค่าทางโภชนาการ มีปริมาณเนื้อมาก และมีอัตราการเจริญเติบโตที่รวดเร็วในระยะเวลาเพียง 4-5 เดือน ทางกรมประมงจึงส่งเสริมให้เกษตรกรเลี้ยงปลาทับทิมเป็นอาชีพในแหล่งน้ำธรรมชาติที่ใสสะอาด ปราศจากมลภาวะ ไม่มีการใช้ยา และสารเคมีที่ทำให้เกิดสารพิษตกค้างในตัวปลา และได้วางมาตรฐานการปฏิบัติทางการประมงที่ดีสำหรับฟาร์มเลี้ยงสัตว์น้ำ (Good Aquaculture Practice : GAP) ที่เป็นเหมือนเครื่องหมายยืนยันคุณภาพของสินค้า ซึ่งจะทำให้ปลาที่เลี้ยงออกมามีมาตรฐาน ปลอดภัยต่อผู้บริโภค

ทำให้ปลาทั้ง 2 ชนิด   (ปลานิล และปลาทับทิม) ถูกเลี้ยงกันอย่างแพร่หลายในประเทศไทยจนกลายเป็น “ปลาเศรษฐกิจ” อยู่ในปัจจุบันนี้
ที่มา : ปลานิล wikipedia และ ย้อนรอยที่มา “ปลาทับทิม” โปรตีนคุณภาพ สร้างอาชีพเกษตรกรไทย โดย ไทยรัฐออนไลน์
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่