กราบเรียน ท่านประธาน คสช.
เรื่อง ขอให้ท่านพริจารณาออกอาชญาบัตรเป็นเรือลากคู่
ข้าพเจ้าได้ติดต่อกับบริษัท การประมงไทยพม่า(1990)จำกัด เพื่อนำเรือไปทำการประมง ที่ประเทศพม่า เรือออกไปทำการประมงกับบริษัทในปีพ.ศ. 2535 จนถึงปีพ.ศ. 2536 ได้ยกเลิกการทำประมงร่วม ข้าพเจ้าจึงได้นำเรือมาทำเป็นเรือ “ลากคู่” จนถึงปัจจุบัน และการขออาชญาบัตรจะต้องขอใหม่ในปีพ.ศ.2537 ก็ได้นำหลักฐานไปขออาชญาบัตรเป็นเรือลากคู่ ผู้ออกอาชญาบัตรก็พูดว่า “ออกไปเช่นเดิมดีแล้ว เพราะคุณเสียใบอาชญาบัตรให้แก่รัฐอีกใบละ600บาทไม่ได้หรือ” (คือ 2ใบเสีย 1,200 บาท) ส่วนเรือลากคู่เสียค่าอาชญาบัตรคู่ละ 600บาท ได้ขอกับเจ้าหน้าที่มาหลายปีเขาก็พูดคำเดิม จนมาทราบภายหลังในปี พ.ศ. 2539 เป็นการออกปีสุดท้าย และการต่ออาชญาบัตรก็ต่อมาตลอดจนถึงปัจจุบันไม่เคยขาดต่อทั้ง 2ใบ
ในกฎหมายปัจจุบันกฎหมาย 15 ข้อ ข้าพเจ้าปฎิบัติได้ 14 ข้อ ดังปรากฎตามสำเนาเอกสารท้ายหนังสือนี้
1. ทะเบียนเรือไทย มีทั้ง 2ลำ
2. ใบอนุญาติใช้เรือ มีทั้ง 2ลำ
3. ใบประกาศนายเรือของเรือประมง มีทั้ง 2ลำ
4. ใบประกาศช่างเครื่อง มีทั้ง 2ลำ
5. ใบอนุญาติตั้งสถานีวิทยุ มีทั้ง 2ลำ
6. ใบอนุญาติใช้วิทยุ มีทั้ง 2ลำ
7. ใบอาชญาบัตร (ใบค่าน้ำ) มีทั้ง 2ใบ(ผิดประเภท)
8. LOGBOOK มี 2เล่ม
9. บัตรประชาชนนายท้าย มี 2คน(คนไทย)
10. บัตรประชาชนช่างเครื่อง มี 2คน(คนไทย)
11. ทะเบียนลูกจ้าง ทำแล้ว
12. บัตรสีชมพู ทำแล้ว
13. สัญญาจ้าง ทำแล้ว
14. อุปกรณ์ความปลอดภัย พร้อมซื้อให้ครบ
15. VMS พร้อมติดตั้ง เมื่อติดแล้วจะต้องเสียรายเดือน
(ได้จดแจ้งการใช้เครื่องมือประมงเป็นเรือลากคู่ เมื่อวันที่ 29 มกราคม 2558)
จากเหตุการณ์ ข้างต้น ทำให้ผมหมดอาชีพในปัจจุบัน เพราะผมทำอาชีพนี้อย่างเดียวมาตลอดชีวิต และจะต้องเปลี่ยนเครื่องมือให้ถูกกับใบอนุญาต จะต้องใช้เงินทุนจำนวนมาก และผมเองก็ไม่มีความเชี่ยวชาญ จึงคิดว่าถึงลงทุนไปก็ต้องเจ็งในที่สุด จึงขอให้ท่านได้พิจารณาอนุญาติให้เปลี่ยนแปลงอาชญาบัตรเรือลากเดี่ยว 2ใบให้เป็นเรือลากคู่ เพื่อบรรเทาความทุกข์ของประชาชนคนหนึ่ง ผู้ที่พยายามทำทุกอย่างให้ถูกต้องตามกฎ กติกาแล้ว และหวังว่าเรื่องราวของผมจะได้รับการพิจารณาจากท่านประธาน คสช. อย่างเป็นธรรม
ขอแสดงความนับถืออย่างสูง
ถึงท่านประธาน คสช. (จากชาวประมงคนหนึ่ง)
เรื่อง ขอให้ท่านพริจารณาออกอาชญาบัตรเป็นเรือลากคู่
ข้าพเจ้าได้ติดต่อกับบริษัท การประมงไทยพม่า(1990)จำกัด เพื่อนำเรือไปทำการประมง ที่ประเทศพม่า เรือออกไปทำการประมงกับบริษัทในปีพ.ศ. 2535 จนถึงปีพ.ศ. 2536 ได้ยกเลิกการทำประมงร่วม ข้าพเจ้าจึงได้นำเรือมาทำเป็นเรือ “ลากคู่” จนถึงปัจจุบัน และการขออาชญาบัตรจะต้องขอใหม่ในปีพ.ศ.2537 ก็ได้นำหลักฐานไปขออาชญาบัตรเป็นเรือลากคู่ ผู้ออกอาชญาบัตรก็พูดว่า “ออกไปเช่นเดิมดีแล้ว เพราะคุณเสียใบอาชญาบัตรให้แก่รัฐอีกใบละ600บาทไม่ได้หรือ” (คือ 2ใบเสีย 1,200 บาท) ส่วนเรือลากคู่เสียค่าอาชญาบัตรคู่ละ 600บาท ได้ขอกับเจ้าหน้าที่มาหลายปีเขาก็พูดคำเดิม จนมาทราบภายหลังในปี พ.ศ. 2539 เป็นการออกปีสุดท้าย และการต่ออาชญาบัตรก็ต่อมาตลอดจนถึงปัจจุบันไม่เคยขาดต่อทั้ง 2ใบ
ในกฎหมายปัจจุบันกฎหมาย 15 ข้อ ข้าพเจ้าปฎิบัติได้ 14 ข้อ ดังปรากฎตามสำเนาเอกสารท้ายหนังสือนี้
1. ทะเบียนเรือไทย มีทั้ง 2ลำ
2. ใบอนุญาติใช้เรือ มีทั้ง 2ลำ
3. ใบประกาศนายเรือของเรือประมง มีทั้ง 2ลำ
4. ใบประกาศช่างเครื่อง มีทั้ง 2ลำ
5. ใบอนุญาติตั้งสถานีวิทยุ มีทั้ง 2ลำ
6. ใบอนุญาติใช้วิทยุ มีทั้ง 2ลำ
7. ใบอาชญาบัตร (ใบค่าน้ำ) มีทั้ง 2ใบ(ผิดประเภท)
8. LOGBOOK มี 2เล่ม
9. บัตรประชาชนนายท้าย มี 2คน(คนไทย)
10. บัตรประชาชนช่างเครื่อง มี 2คน(คนไทย)
11. ทะเบียนลูกจ้าง ทำแล้ว
12. บัตรสีชมพู ทำแล้ว
13. สัญญาจ้าง ทำแล้ว
14. อุปกรณ์ความปลอดภัย พร้อมซื้อให้ครบ
15. VMS พร้อมติดตั้ง เมื่อติดแล้วจะต้องเสียรายเดือน
(ได้จดแจ้งการใช้เครื่องมือประมงเป็นเรือลากคู่ เมื่อวันที่ 29 มกราคม 2558)
จากเหตุการณ์ ข้างต้น ทำให้ผมหมดอาชีพในปัจจุบัน เพราะผมทำอาชีพนี้อย่างเดียวมาตลอดชีวิต และจะต้องเปลี่ยนเครื่องมือให้ถูกกับใบอนุญาต จะต้องใช้เงินทุนจำนวนมาก และผมเองก็ไม่มีความเชี่ยวชาญ จึงคิดว่าถึงลงทุนไปก็ต้องเจ็งในที่สุด จึงขอให้ท่านได้พิจารณาอนุญาติให้เปลี่ยนแปลงอาชญาบัตรเรือลากเดี่ยว 2ใบให้เป็นเรือลากคู่ เพื่อบรรเทาความทุกข์ของประชาชนคนหนึ่ง ผู้ที่พยายามทำทุกอย่างให้ถูกต้องตามกฎ กติกาแล้ว และหวังว่าเรื่องราวของผมจะได้รับการพิจารณาจากท่านประธาน คสช. อย่างเป็นธรรม
ขอแสดงความนับถืออย่างสูง