ก็เพราะหนังเล่นประเด็นนี้ไงล่ะครับ

สก๊อตพยายามแล้วครับ ที่จะกลับตัวทำแต่ความดี แต่ไม่มีที่ไหนให้โอกาส"คนที่มีประวัติไม่ดี"อย่างเขา สก๊อตอยากเจอลูกอยากอยู่กับลูกอยากมีเงินส่งเสียให้ลูกรวมทั้งอยากแสดงความรับผิดชอบต่อลูก แต่มันไม่มีทางอื่น เมื่ออับจนหนทางมากๆเข้า สุดท้าย สังคมก็บีบให้เขาต้องเลือกทางเดินที่เขาไม่ต้องการที่สุด นั่นคือการกลับไปก่ออาชญากรรมอีกครั้ง

ตรงนี้หนังประชดสังคมอย่างร้ายกาจครับ ในชีวิตจริงๆของพวกเราเนี่ยมันก็เป็นแบบนี้ครับ นั่นคือสังคมไม่ค่อยให้โอกาสคนที่มีประวัติติดคุกมาก่อนในการทำงาน เคยสงสัยบ้างมั๊ย ว่าหลายคนที่เคยต้องคดียาเสพติด ถึงได้ถูกจับกรณีค้ายาแบบเดิมๆ ก็เพราะสังคมไม่ยอมให้โอกาสเค้าไง ไปสมัครงานที่ไหนก็ไม่มีใครรับเพราะมีประวัติ เมื่อจนหนทางมากๆเข้า ปากท้องยังต้องกิน ลูกเมียครอบครัวยังต้องเลี้ยง สุดท้ายเค้าก็หันกลับไปทำสิ่งที่เค้าชำนาญและสามารถหาเงินได้ นั่นคือการค้ายานั่นเอง

ในหนังเล่นประเด็นเรื่องการให้โอกาสที่2ด้วย ในเรื่องสิ่งที่ทำให้แฮงก์เลือกสก๊อต นอกจากเรื่องที่สก๊อตมีฝีมือในการโจรกรรมขั้นเทพแล้ว แฮงก์ยังมองว่าสก๊อตคล้ายกับตนเองในประเด็นเนื่องลูกสาว แฮงก์มองว่าในอดีตตนเองเคยพลาดเรื่องการดูแลลูก(เพราะมัวแต่หมกตัวค้นคว้าหาวิธีช่วยเมีย) จนทำใหความสัมพันธ์ของเขากับลูกสาวย่ำแย่จนเข้าขั้นวิกฤติในปัจุบัน ถ้าแฮงก์ย้อนอดีตได้เค้าคงไม่เลือกการทอดทิ้งลูกสาวแบบนั้นอีก เพราะเค้าตระหนักแล้วว่าสิ่งสำคัญที่สุดสำหรับเค้าคือครอบครัว แต่เค้าไม่สามารถที่จะย้อนเวลากลับไปแก้ไขเรื่องนี้ได้ แฮงก์จึ่งมองสก๊อตเหมือนกับเป็นตัวแทนในการแก้ไขสิ่งผิดพลาด แฮงก์มองว่าสก๊อตคล้ายๆกับตัวเองในตอนที่ยังไม่ตัดสินใจทิ้งลูกไป ดังนี้นสก๊อตจึงมีสิทธิ์ที่จะเลือกทางที่ดีกว่าที่เขาเคยเลือกในอดีต แฮงก์จึงตัดสินใจเลือกสก๊อตให้รับช่วงต่อชุดจากเขานั่นเอง

ในกรณีดาเรนเองก็เช่นกัน แฮงก์มองว่าในอดีตตนเองผิดพลาดมาเยอะ จนไม่อยากให้คนอื่นผิดพลาดซ้ำๆในแบบที่ตัวเองเคยเป็น ซึ่งคงไว้ว่ากันแบบละเอียดๆคราวหน้าละกัน วันนี้ขี้เกียจพิมพ์แระ