ดูกรภิกษุทั้งหลาย เป็นลาภของเธอทั้งหลายแล้ว เธอทั้งหลาย
ได้ดีแล้ว ขณะเพื่อการอยู่ประพฤติพรหมจรรย์ เธอทั้งหลายได้เฉพาะแล้ว ดูกร
ภิกษุทั้งหลาย นรกชื่อว่าผัสสายตนิกะ ๖ มีอยู่ อันเราเห็นแล้ว ในผัสสายตนิกนรกนั้น
บุคคลยังเห็นรูปอย่างใดอย่างหนึ่งได้ด้วยนัยน์ตาได้ แต่
ได้เห็นรูปที่ไม่น่าปรารถนาอย่างเดียว รูปที่น่าปราถนาเลย;
เห็นรูปที่ไม่น่าใคร่อย่างเดียว ไม่เห็นรูปที่น่าใคร่เลย; เห็นรูป
ที่ไม่น่าพอใจอย่างเดียว ไม่เห็นรูปที่น่าพอใจเลย. ในนรกนั้น, บุคคลยังฟังเสียง
อย่างใดอย่างหนึ่งด้วยโสตะ แต่ได้ฟังเสียงที่ไม่น่าปรารถนาอย่างเดียว ไม่ได้ฟังเสียง
ที่น่าปรารถนาเลย; ฟังเสียงที่ไม่น่าใคร่อย่างเดียว ไม่ได้ฟังเสียงที่น่าใคร่เลย; ฟังเสียง
ที่ไม่น่าพอใจอย่างเดียว ไม่ได้ฟังเสียงที่น่าพอใจเลย. ในนรกนั้น, บุคคลยังรู้สึกกลิ่น
อย่างใดอย่างหนึ่งได้ด้วยฆานะ แต่ได้รู้สึกกลิ่นที่ไม่น่าปรารถนาอย่างเดียว ไม่ได้รู้สึกกลิ่น
ที่น่าปรารถนาเลย; ได้รู้สึกกลิ่นที่ไม่น่าใคร่อย่างเดียว ไม่ได้รู้สึกกลิ่นที่น่าใคร่เลย;
ได้รู้สึกกลิ่นที่ไม่น่าพอใจอย่างเดียว ไม่ได้รู้สึกกลิ่นที่น่าพอใจเลย. ในนรกนั้น, บุคคล
ยังลิ้มรสอย่างใดอย่างหนึ่งได้ด้วยชิวหา แต่ได้ลิ้มรสที่ไม่ปรารถนาอย่างเดียว ไม่ได้
ลิ้มรสที่น่าปราถนาเลย; ได้ลิ้มรสที่ไม่น่าใคร่อย่างเดียว ไม่ได้ลิ้มรสที่น่าใคร่เลย;
ได้ลิ้มรสที่ไม่น่าพอใจอย่างเดียว ไม่ได้ลิ้มรสที่น่าพอใจเลย. ในนรกนั้น, บุคคลยังถูก
ต้องโผฏฐัพพะอย่างใดอย่างหนึ่งได้ด้วยกาย แต่ได้ถูกต้องโผฏฐัพพะที่ไม่น่าปรารถนา
อย่างเดียว ไม่ได้ถูกต้องโผฏฐัพพะที่น่าปรารถนาเลย; ได้ถูกต้องโผฏฐัพพะที่ไม่น่าใคร่
อย่างเดียว ไม่ได้ถูกต้องโผฏฐัพพะที่น่าใคร่เลย; ได้ถูกต้องโผฏฐัพพะที่ไม่น่าพอใจ
อย่างเดียว ไม่ได้ถูกต้องโผฏฐัพพะที่น่าพอใจเลย, ในรกนั้น, บุคคลยังรู้สึกธัมมารมณ์
อย่างใดอย่างหนึ่งได้ด้วยมโน แต่ได้รู้สึกธัมมารมณ์ที่ไม่น่าปรารถนาอย่างเดียว ไม่ได้รู้
สึกธัมมารมณ์ที่น่าปรารถนาเลย; ได้รู้สึกธัมมารมณ์ที่ไม่น่าใคร่อย่างเดียว ไม่ได้รู้สึก
ธัมมารมณ์ที่น่าใคร่เลย; ได้รู้สึกธัมมารมณ์ที่ไม่น่าพอใจอย่างเดียว
ไม่ได้รู้สึกธัมมารมณ์ที่น่าพอใจเลย.
ดูกรภิกษุทั้งหลาย เป็นลาภของเธอทั้งหลายแล้ว เธอทั้งหลาย
ได้ดีแล้ว ขณะเพื่อการอยู่ประพฤติพรหมจรรย์ เธอทั้งหลายได้เฉพาะแล้ว ดูกร
ภิกษุทั้งหลาย สวรรค์ชื่อว่า ผัสสายตนิกะ ๖ ชั้น เราได้เห็นแล้ว
ในผัสสายตนิกสวรรค์นั บุคคลจะเห็นรูปอะไรๆ ด้วยจักษุ ก็ย่อมเห็นแต่รูปอันน่าปรารถนา
ย่อมไม่เห็นรูปอันไม่น่าปรารถนา ย่อมเห็นแต่รูปอันน่าใคร่ ย่อมไม่เห็นรูปอันไม่น่า
ใคร่ ย่อมเห็นแต่รูปอันน่าพอใจ ย่อมไม่เห็นรูปอันไม่น่าพอใจ ฯลฯ จะรู้แจ้ง
ธรรมารมณ์อะไรๆ ด้วยใจ ก็ย่อมรู้แจ้งแต่ธรรมารมณ์อันน่าปรารถนา ย่อมไม่รู้
แจ้งธรรมารมณ์อันไม่น่าปรารถนา ย่อมรู้แจ้งแต่ธรรมารมณ์ที่น่าใคร่ ย่อมไม่รู้แจ้ง
ธรรมารมณ์ที่ไม่น่าใคร่ ย่อมรู้แจ้งแต่ธรรมารมณ์อันน่าพอใจ ย่อมไม่รู้แจ้งธรรมารมณ์
อันไม่น่าพอใจ ดูกรภิกษุทั้งหลาย เป็นลาภของเธอทั้งหลายแล้ว เธอทั้งหลายได้ดี
แล้ว ขณะเพื่อการอยู่ประพฤติพรหมจรรย์ เธอทั้งหลายได้เฉพาะแล้ว ฯ
- สูตรที่ ๒ เทวทหวรรค สฬา. สํ. ๑๘/๒๑๔-๒๑๕/๑๕๘
เมื่อพระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสอย่างนี้แล้ว ภิกษุรูปหนึ่งได้ทูลถาม
พระผู้มีพระภาคเจ้าว่า "ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ!
นรกชื่อว่าความเร่าร้อนมากแท้ๆนั้น ใหญ่หลวงหนอ ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ! ความ
เร่าร้อนมากแท้ๆ ใหญ่หลวงนักหนอ. ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ! มีไหม พระเจ้าข้า: ความ
ร้อนอื่นที่ใหญ่หลวงกว่า น่ากลัวกว่า กว่าความร้อนนี้?"
ดูก่อนภิกษุ! มีอยู่: ความเร่าร้อนอื่น ที่ใหญ่หลวงกว่า น่ากลัวกว่ากว่าความร้อนนี้.
"ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ! ก็ความร้อนอื่นที่ใหญ่หลวงกว่า
น่ากลัวกว่ากว่าความร้อนนี้ เป็นอย่างไรเล่า?"
ว่าด้วยในผัสสายตนิกนรกนั้น ที่เห็นอยู่.........
ได้ดีแล้ว ขณะเพื่อการอยู่ประพฤติพรหมจรรย์ เธอทั้งหลายได้เฉพาะแล้ว ดูกร
ภิกษุทั้งหลาย นรกชื่อว่าผัสสายตนิกะ ๖ มีอยู่ อันเราเห็นแล้ว ในผัสสายตนิกนรกนั้น
บุคคลยังเห็นรูปอย่างใดอย่างหนึ่งได้ด้วยนัยน์ตาได้ แต่
ได้เห็นรูปที่ไม่น่าปรารถนาอย่างเดียว รูปที่น่าปราถนาเลย;
เห็นรูปที่ไม่น่าใคร่อย่างเดียว ไม่เห็นรูปที่น่าใคร่เลย; เห็นรูป
ที่ไม่น่าพอใจอย่างเดียว ไม่เห็นรูปที่น่าพอใจเลย. ในนรกนั้น, บุคคลยังฟังเสียง
อย่างใดอย่างหนึ่งด้วยโสตะ แต่ได้ฟังเสียงที่ไม่น่าปรารถนาอย่างเดียว ไม่ได้ฟังเสียง
ที่น่าปรารถนาเลย; ฟังเสียงที่ไม่น่าใคร่อย่างเดียว ไม่ได้ฟังเสียงที่น่าใคร่เลย; ฟังเสียง
ที่ไม่น่าพอใจอย่างเดียว ไม่ได้ฟังเสียงที่น่าพอใจเลย. ในนรกนั้น, บุคคลยังรู้สึกกลิ่น
อย่างใดอย่างหนึ่งได้ด้วยฆานะ แต่ได้รู้สึกกลิ่นที่ไม่น่าปรารถนาอย่างเดียว ไม่ได้รู้สึกกลิ่น
ที่น่าปรารถนาเลย; ได้รู้สึกกลิ่นที่ไม่น่าใคร่อย่างเดียว ไม่ได้รู้สึกกลิ่นที่น่าใคร่เลย;
ได้รู้สึกกลิ่นที่ไม่น่าพอใจอย่างเดียว ไม่ได้รู้สึกกลิ่นที่น่าพอใจเลย. ในนรกนั้น, บุคคล
ยังลิ้มรสอย่างใดอย่างหนึ่งได้ด้วยชิวหา แต่ได้ลิ้มรสที่ไม่ปรารถนาอย่างเดียว ไม่ได้
ลิ้มรสที่น่าปราถนาเลย; ได้ลิ้มรสที่ไม่น่าใคร่อย่างเดียว ไม่ได้ลิ้มรสที่น่าใคร่เลย;
ได้ลิ้มรสที่ไม่น่าพอใจอย่างเดียว ไม่ได้ลิ้มรสที่น่าพอใจเลย. ในนรกนั้น, บุคคลยังถูก
ต้องโผฏฐัพพะอย่างใดอย่างหนึ่งได้ด้วยกาย แต่ได้ถูกต้องโผฏฐัพพะที่ไม่น่าปรารถนา
อย่างเดียว ไม่ได้ถูกต้องโผฏฐัพพะที่น่าปรารถนาเลย; ได้ถูกต้องโผฏฐัพพะที่ไม่น่าใคร่
อย่างเดียว ไม่ได้ถูกต้องโผฏฐัพพะที่น่าใคร่เลย; ได้ถูกต้องโผฏฐัพพะที่ไม่น่าพอใจ
อย่างเดียว ไม่ได้ถูกต้องโผฏฐัพพะที่น่าพอใจเลย, ในรกนั้น, บุคคลยังรู้สึกธัมมารมณ์
อย่างใดอย่างหนึ่งได้ด้วยมโน แต่ได้รู้สึกธัมมารมณ์ที่ไม่น่าปรารถนาอย่างเดียว ไม่ได้รู้
สึกธัมมารมณ์ที่น่าปรารถนาเลย; ได้รู้สึกธัมมารมณ์ที่ไม่น่าใคร่อย่างเดียว ไม่ได้รู้สึก
ธัมมารมณ์ที่น่าใคร่เลย; ได้รู้สึกธัมมารมณ์ที่ไม่น่าพอใจอย่างเดียว
ไม่ได้รู้สึกธัมมารมณ์ที่น่าพอใจเลย.
ดูกรภิกษุทั้งหลาย เป็นลาภของเธอทั้งหลายแล้ว เธอทั้งหลาย
ได้ดีแล้ว ขณะเพื่อการอยู่ประพฤติพรหมจรรย์ เธอทั้งหลายได้เฉพาะแล้ว ดูกร
ภิกษุทั้งหลาย สวรรค์ชื่อว่า ผัสสายตนิกะ ๖ ชั้น เราได้เห็นแล้ว
ในผัสสายตนิกสวรรค์นั บุคคลจะเห็นรูปอะไรๆ ด้วยจักษุ ก็ย่อมเห็นแต่รูปอันน่าปรารถนา
ย่อมไม่เห็นรูปอันไม่น่าปรารถนา ย่อมเห็นแต่รูปอันน่าใคร่ ย่อมไม่เห็นรูปอันไม่น่า
ใคร่ ย่อมเห็นแต่รูปอันน่าพอใจ ย่อมไม่เห็นรูปอันไม่น่าพอใจ ฯลฯ จะรู้แจ้ง
ธรรมารมณ์อะไรๆ ด้วยใจ ก็ย่อมรู้แจ้งแต่ธรรมารมณ์อันน่าปรารถนา ย่อมไม่รู้
แจ้งธรรมารมณ์อันไม่น่าปรารถนา ย่อมรู้แจ้งแต่ธรรมารมณ์ที่น่าใคร่ ย่อมไม่รู้แจ้ง
ธรรมารมณ์ที่ไม่น่าใคร่ ย่อมรู้แจ้งแต่ธรรมารมณ์อันน่าพอใจ ย่อมไม่รู้แจ้งธรรมารมณ์
อันไม่น่าพอใจ ดูกรภิกษุทั้งหลาย เป็นลาภของเธอทั้งหลายแล้ว เธอทั้งหลายได้ดี
แล้ว ขณะเพื่อการอยู่ประพฤติพรหมจรรย์ เธอทั้งหลายได้เฉพาะแล้ว ฯ
- สูตรที่ ๒ เทวทหวรรค สฬา. สํ. ๑๘/๒๑๔-๒๑๕/๑๕๘
เมื่อพระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสอย่างนี้แล้ว ภิกษุรูปหนึ่งได้ทูลถาม
พระผู้มีพระภาคเจ้าว่า "ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ!
นรกชื่อว่าความเร่าร้อนมากแท้ๆนั้น ใหญ่หลวงหนอ ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ! ความ
เร่าร้อนมากแท้ๆ ใหญ่หลวงนักหนอ. ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ! มีไหม พระเจ้าข้า: ความ
ร้อนอื่นที่ใหญ่หลวงกว่า น่ากลัวกว่า กว่าความร้อนนี้?"
ดูก่อนภิกษุ! มีอยู่: ความเร่าร้อนอื่น ที่ใหญ่หลวงกว่า น่ากลัวกว่ากว่าความร้อนนี้.
"ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ! ก็ความร้อนอื่นที่ใหญ่หลวงกว่า
น่ากลัวกว่ากว่าความร้อนนี้ เป็นอย่างไรเล่า?"