[SR] รีวิว ร้านกาแฟสุดเท่ "Diva-Licious Coffee Cafe" กับเรื่องราวของ Coffeeducation

สวัสดีครับพวกเราพึ่งมีโอกาสได้มาสมัครพันทิปและนี่คือกระทู้แรก  เลยทำเป็นตอนพิเศษที่ต่างจากที่เคยทำใน Facebook ครับ
ทำไมต้องรีวิวไม่มีขา? เพราะพวกเราจะพาเพื่อนๆไปยังที่ต่างๆกินของอร่อยๆ โดยที่เพื่อนๆไม่ต้องเดินไปเองไงล่ะพวกเราจะมารีวิวโดยเล่าเรื่องแบบเพื่อนสู่เพื่อน รู้จักกับพวกเรามากขึ้นได้ที่นี่นะครับ

https://www.facebook.com/Reviewnoleg

พวกเรามีสมาชิกทั้งหมด 4 คน ที่ชอบไปที่ต่างๆกัน ชื่นชอบอะไรที่ต่างกัน แต่เราอยากจะนำเรื่องราวในมุมมองต่างๆฉบับเพื่อนมาเล่าให้ฟัง ขอแนะนำสมาชิกสั้นๆดังนี้

1.แอดเรื่องเล่า: หนุ่มตัวยาวชอบไปร้านเหล้าบรรยากาศดีๆเพลงเพราะๆอาหารอร่อยๆ
2.แอดกินหร่อย: เราคือช้อนที่จะหาของกินอร่อยๆมาให้เพื่อนๆ ถ้าถูกต้องดี ถ้าแพงต้องคุ้มค่า
3.แอดเก้าอี้: พักผ่อนหย่อนใจไปกับเสียงเพลง และ หนังเรื่องโปรด โดยมีเก้าอี้เป็นที่พักพิง
4.แอดคาเฟอิน: หนุ่มช่างฝันชื่นชอบร้านกาแฟและเสพบรรยากาศเป็นที่สุด

แนะนำตัวพอแล้ว มาเข้าสู่การรีวิวของพวกเรากันเลย กับร้าน Diva-Licious Coffee Cafe ยิ้ม

สำหรับผู้ที่หลงรักการดื่มกาแฟและชอบไปร้านกาแฟเพื่อเสพบรรยากาศ ดูผู้คนอ่านหนังสือ และใช้เวลาอยู่กับคนที่รู้ใจ ต้องติดตามอย่างใกล้ชิดเลยนะ เพราะคาเฟอินจะพาเพื่อนๆไปในโลกของกาแฟที่ไม่เหมือนใคร กับร้าน Diva-Licious Coffee Café

ณ ที่แห่งนี้ คนที่รักกาแฟอยู่แล้วจะหลงรักมันมากกว่าเดิม และคนที่ไม่ได้เคยสนใจอะไรในเครื่องดื่มชนิดนี้อาจจะเปลี่ยนมุมมองและหันมาหลงรักมันไปเลยก็เป็นไปได้



คาเฟอินกับเพื่อนๆอันเป็นที่โคตรรัก ซึ่งได้แก่ นายกินหร่อย และ เก้าอี้ ได้ขับรถอย่างตื่นเต้นเฮฮาครึกครื้นเข้าตัวเมืองมายัง Taka Town ซึ่งสามารถเข้าทางถนนเพชรบุรีตัดใหม่ตรงซอยสุขุมวิท 39 การเดินทางสะดวกมากครับ อ๋อลืมบอกไป นายเรื่องเล่าวันนี้มันไม่ว่างเนื่องจากติดภารกิจลับลมคมใน

เดินทางมาถึงก็หาที่จอดรถซึ่งหาได้ง่ายสบายมากครับ พวกเราทุกคนรีบตรงเข้าไปร้านๆหนึ่งมีประตูกระจกสีออกเทาดำขนาดใหญ่ชวนให้ น่าหลงใหล และ น่าเข้าไปค้นหามากๆ ข้างบนประตูเราสะดุดกับคำว่า Diva-Licious Coffee Café บอกเลยว่าตอนนี้พวกเราอยากจะรู้จักกับร้านนี้มากขึ้นซะแล้วสิ


บรรยากาศทางเข้าร้านกับประตูสีดำชวนน่าหลงไหล


คาเฟอินและเพื่อนๆได้นัดกับเจ้าของร้านนี้ไว้ เพื่อจะพูดคุยกันแบบยาวๆแบบเพื่อนกับเพื่อน ถึงเรื่องที่ว่าด้วยกาแฟล้วนๆ เมื่อเปิดประตูเข้าไปก็สะดุดกับ ผู้หญิงคนหนึ่งแต่งตัวดูมีไสตล์โคตร คือเห็นแล้วรู้เลยว่า Iconic มาก ที่สำคัญเจ้าของร้านยิ้มแย้มแจ่มใสมากๆครับ

พวกเราขอแนะนำให้ทุกคนได้รู้จักกับ คุณน้ำ เจ้าของร้าน แห่งนี้ ผู้ที่จะมาช่วยเราไขความลับของ Concept “Coffeeducation


คุณน้ำ เจ้าของร้านใจดีสุดชิคแห่งร้าน Diva-Licious Cafe


ไม่พูดพร่ำทำเพลง คุณน้ำทักทายพวกเราด้วยความเป็นกันเองพร้อมกับชวนพวกเราให้นั่งบนโต๊ะไม้ยาว ที่ให้อารมณ์แบบ Industrial แต่ด้วยความซนของพวกเรา จึงบอกคุณน้ำว่าขอเดินดูบรรยากาศรอบๆก่อนนะ เพื่อซึมซับความเป็น Diva-Licious และเพื่อไม่ให้เสียเวลาก็ขอเชิญตามพวกเรามาก่อนเลย

ภายในร้านนั้นตกแต่งแนว Loft มีทั้งหมดสองชั้น  โดยขนาดในร้านนั้นกำลังพอดีไม่เล็กและไม่ใหญ่กว้างโหรงเหรงจนเกินไป ด้านหน้าของพวกเราคือ Coffee Bar มีที่นั่งอยู่สองที่  เผยให้เห็น Barista ที่กำลังโชว์ลวดลายการชงกาแฟ ให้ความรู้สึกที่ Professional มากๆ มันเหมือนกับพวกเขากำลังสนุกอยู่ในโลกของกาแฟของพวกเขา





มองไปรอบๆพวกเราเห็นการตกแต่งที่นำของต่างๆมาเรียงวางไว้แบบดิบๆเท่ๆแต่ดูแล้วมันสวยดีนะ คือเพื่อนๆบอกว่ามันสวยแบบดิบๆ เหมือนกับอยู่ในโรงงานผลิตกาแฟเลยแหล่ะ บริเวณชั้นสองถูกออกแบบให้เป็นที่นั่งเช่นกัน โดยใช้โต๊ะตัวยาววางขนานแล้วล้อมรอบด้วยเก้าอี้ที่สามารถนั่งกันเป็นกลุ่มได้ โดยเมื่อมองลงมาด้านล่างแล้วก็เผยให้เห็นบรรยากาศของร้านแบบองค์รวม ซึ่งพวกเราลงความเห็นว่าร้านมันเท่มากกว่าสวยนะ และเราว่ามันดีกว่าสวย     อีกอ่ะ ยิ่งถ้าเป็นตอนกลางคืนได้เห็นแสงจากหลอดไฟ Vintage ตัดกับกำแพงอิฐและเฟอร์นิเจอร์ไม้นะ แค่บรรยากาศของร้านก็แทบจะกินขาดแล้วล่ะ







ถ่ายรูปรอบๆร้านได้สักพัก พวกเราเดินลงไปข้างล่างเพื่อจะได้พูดคุยถึงเรื่องราวที่มาที่ไปของร้านนี้กับคุณน้ำ เมื่อพวกเราเดินลงมาชั้นล่างสิ่งที่รอพวกเราอยู่ตรงหน้าก็คือ แก้วศักดิ์สิทธิ์สี่แก้วมีของเหลวสีออกน้ำตาลเข้ม แบบ On the rock จนทำให้พวกเราคิดในใจวันนี้คงได้เมากาแฟตายกันไปข้างแน่ๆ แต่ไม่เป็นไรพวกเราสู้ตายเพราะต้องไขความลับของ Coffeeducation แห่งร้าน Diva-Licious  มาให้ได้

คาเฟอินพอมีความรู้เรื่องกาแฟอยู่บ้างครับ แต่เมื่อได้ฟังคุณน้ำเล่าถึงความเป็นไปของกาแฟจากประสบการณ์ของเธอจนกลายมาเป็นร้านแห่งนี้ ต้องบอกเลยว่าประทับใจและอึ้งมากๆ ขนาดเก้าอี้กับนายกินหร่อยนี่อยากจะหันมาศึกษากาแฟแบบจริงๆจังเลยทีเดียว เพราะตั้งแต่ก้าวแรกที่เข้ามาในร้าน พวกเราก็ได้ร่วม Coffee Journey ไปกับร้านและคุณน้ำโดยปริยายครับ

จากการพูดคุยกันอยู่หลายชั่วโมง พวกเราสามารถแบ่งประสบการณ์ที่ได้จากร้านนี้ออกเป็นสองช่วงใหญ่ๆครับ คือ
1.    On the Rock ความแตกต่างของเมล็ดกาแฟนั้นย่อมสร้างคุณค่าที่เป็นเอกลักษณ์ในตัวของมัน
2.    จากเมล็ดสู่เครื่องดื่มที่เรียกว่ากาแฟ (แต่ ที่แห่งนี้ทำให้มันเป็นมากกว่านั้น)

เพื่อไม่ให้เสียเวลาเราไปร่วมการเดินทางด้วยกันเลย กับ On the Rock ที่ตั้งอยู่ตรงหน้าของพวกเรา

Chapter 1: ดม และ On the Rock



แก้วทั้งสี่แก้วถูกวางไว้อย่างสวยงามภายใต้บรรยากาศโทนอุ่นๆในวันหยุดตอนบ่าย คุณน้ำเริ่มชี้แจงถึงสิ่งที่พวกเราเรียกว่า “กาแฟ” โดยสิ่งที่อยู่ตรงหน้าพวกเราคือ กาแฟจากเมล็ดพันธ์ชั้นเลิศที่ผ่านกระบวนการเฉพาะของที่ร้านที่จะนำมาซึ่ง Essence ของมัน (คุณค่าที่แท้จริงไม่ว่าจะเป็น กลิ่น สี และรสชาติ)

คุณน้ำเปิดประเด็นที่ดีมากในเรื่องของการคั่วและการทำกาแฟ โดยเมล็ดพันธ์กาแฟนั้นมีความแตกต่างกันไม่ว่าจะเป็นพื้นที่เพาะปลูก สายพันธ์ และกรรมวิธีการปลูก หนึ่งในแก้วสี่ใบนั้นคือ กาแฟที่มาจาก Ethiopiaในโซนแอฟริกา มีรสชาติที่ออก Bright ตามธรรมชาติ ส่วนอีกสายพันธ์ที่พวกเราได้ดมและได้ลองคือเมล็ดพันธ์ที่มาจาก  Guatemala ก็จะออกเป็นดอกไม้หวานความ Bright อาจจะน้อยกว่าสายพันธ์แรก ที่นี่จะเปิดโอกาสให้ลูกค้าที่เข้ามาในร้านได้สัมผัสกับประสบการณ์ของวัฒนธรรมการดื่มกาแฟในลักษณะเดียวกันกับพวกเราด้วยนะ ด้วยความเป็นกันเองของคุณน้ำและจุดยืนของร้าน พวกเราเองขอเป็นอีกเสียงที่เชื่อว่าเพื่อนๆจะได้อะไรมากกว่าแค่การมานั่งดื่มกาแฟแน่นอน

เมื่อความแตกต่างของแต่ละสายพันธ์กาแฟนั้นสร้างคุณค่าและรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์ของมัน คุณน้ำจึงเน้นย้ำว่าการกระบวนการควบคุมคุณภาพ ตรวจสอบดูแล และการสกัดมาซึ่งกาแฟนั้นก็ต้องหาวิธีที่เหมาะสมที่สุด ไม่ใช่จะทำวิธีเดียวกันหมดกับทุกๆอย่างเพราะนั้นจะเป็นการเอาคุณค่าของกาแฟที่แท้จริงของแต่ละประเภทออกไป



เมื่อแลกเปลี่ยนมุมมองทางด้านกาแฟกันเสร็จ พวกเราก็เริ่มยกจอก เอ้ย ยกแก้วเพื่อชิม แต่นายกินหร่อยนี่สิ เล่นดื่มพรวดเดียวเข้าไปในปากอย่างกับดื่มเหล้าเพรียว พวกผมนี่ตาค้างกันเลยทีเดียว ผ่านไปยกแรกพวกเราก็ตาสว่างขึ้นมาทันที ไม่ใช่เพียงแค่ฤทธิ์ของกาแฟนะครับแต่เป็นเพราะว่าวันนี้ได้เข้าใจจริงๆสักทีว่าหลักการทำกาแฟมันละเอียดอ่อนมากนะ

Chapter 2: จากเมล็ดกาแฟสู่เครื่องดื่มที่เป็นเอกลักษณ์

คาเฟอินบอกตั้งแต่ต้นแล้วนะว่าวันนี้ เราไม่ได้มาร้านกาแฟธรรมดาทั่วไป ที่นี่ทำให้กาแฟนั้นเป็นมากกว่าคำว่ากาแฟจริงๆ พวกเรามีโอกาสได้ทดลองชิมกาแฟทั้งหมดถึงสี่เมนู และ อีกหนึ่งเมนูที่ใช้ดอกกาแฟมาทำเป็นชา จะเป็นอย่างไรนั้นเรามาร่วมชิมร่วมอร่อยด้วยกันเลยดีกว่า

แอบบอกนิดนึงนะว่าเมนูที่จะพาไปดูกันนั้นพิเศษมากๆเพราะไม่ได้ทัำบ่อยๆโดยเฉพาะเจ้า Signature ของทางร้านที่ได้ เจ้าของร้านทั้งสองมาโชว์ฝีไม้ลายมือให้ดูกันอย่างใกล้ชิด เพื่อนๆอาจจะสงสัยว่าทำไมเราถึงบอกเจ้าของร้านทั้งสอง จริงๆแล้ว Barista ที่ประจำอยู่ที่ Bar มีอีกท่านชื่อคุณโจ และเราจะพาไปรู้จักกับเขาเช่นกันผ่านเมนูที่น่าตื่นตาตื่นใจ

Menu 1: Espresso

คุณน้ำเล่าว่า Espresso ที่ดีนั้นมันมีเคล็ดลับอยู่หลายอย่างนะ แต่ที่ร้านนี้ให้ความสำคัญกับแม้กระทั่งแก้วที่ใช้ เพราะอะไรล่ะครับ ที่ต้องใส่ใจกันถึงขนาดนี้ก็เพราะต้องการรสชาติที่สมบูรณ์ของกาแฟซึ่งแก้วนั้นจะต้องเก็บความร้อนได้ดีมากโดยเฉพาะเมื่อ Espresso Shot ผ่านออกมาจากเครื่องทำกาแฟและถูกเทลงบนแก้วที่ใช้เสิร์ฟ ที่นี้แก้วที่ใช้จะมีความหนาที่พอดีและริมขอบของถ้วยนั้นจะขนานรับริมฝีปากอย่างพอดิบพอดี เมื่อได้ลองจิบแล้วจะเผยให้เห็นรอยของกาแฟที่ริมขอบชวนดูให้เป็นงานศิลปะชั้นเลิศได้อีกด้วยนะ

ทางร้านมีเมอแรงเสิร์ฟลูกค้าเป็นของแถมเพื่อแทนความหวานในแก้วกาแฟสำหรับลูกค้าที่ทานหวานครับ  ซึ่งที่มาที่ไปก็เกิดจากการที่ทางร้านไม่อยากจะใช้ Syrup แล้วไปทำลายรสชาติที่แท้จริงของกาแฟในทุกๆแก้ว มาถึงจุดนี้ คาเฟอินกับเก้าอี้ก็พลัดกันชิมนะ แต่นายกินหร่อยนี่สิเล่นซดเข้าไปจนหมดอีกแล้ว





ถ้าเพื่อนๆสังเกตให้ดูจะเห็นเหมือนนามบัตรร้านที่ติดมากับถาดที่ใช้เสิร์ฟกาแฟ นี่คือ Gimmick ที่ไม่เหมือนใครของร้านนี้ “การ์ดพลังกาแฟ” ถูกต้องแล้วครับ การ์ดพลังกาแฟ ที่เป็นเหมือนกับนามบัตรนั้นแหล่ะครับ

คุณน้ำบอกว่าที่นี่จะตรวจวัดคุณภาพของเมล็ดกาแฟทุกๆวันเพื่อดูค่าความเหมาะสมและให้เป็นไปตามมาตราฐานที่ทางร้านนั้นได้กำหนด และด้วยสิ่งนี้จึงทำให้คุณน้ำนั้นเชื่อว่าค่าต่างๆของกาแฟสามารถนำมาทำเป็นกราฟบอกถึงลักษณะของมันได้ เช่น ความขมและความสดใสของกาแฟ (Bright) เป็นต้น

Menu 2: Americano

นี่คือเมนูโปรดปรานของคุณน้ำ และจริงๆแล้วนี่คือเมนูที่คาเฟอินชอบที่สุดด้วย เพราะนี่คือกาแฟเย็นสดชื่นที่เราสามารถเลือกได้ว่าจะกินแบบใส่ Syrup หรือไม่ก็ได้ ทำให้ได้สัมผัสรสชาติของกาแฟอย่างแท้จริงพร้อมทั้งคืนความสดชื่นให้กับตัวเองสำหรับเมืองร้อนอย่างบ้านเรา

พวกเราเห็นเป็นเสียงเดียวกันว่า Americano ที่นี่อร่อยและสดชื่นจริงๆ ด้วยรสชาติที่ไม่ขมจนเกินไปและได้รสหอมกรุ่นของเมล็ดที่คั่วออกมากในเครื่องดื่มแก้วนี้ เป็นใครก็ต้องหลงนัก ขนาดนายเก้าอี้ ที่เพิ่งได้ลองเป็นครั้งแรก ยังถึงกับตกหลุมรักแย่งไปคนเดียวหมดเลย

และที่พวกเราชอบมากๆคือ หลอดดูดแสตนเลส ที่มีรูปทรงเก๋แปลกตาแต่ความสุดของมันคือ การทำให้ความเย็นของกาแฟที่ถูกดูดขึ้นมาจากแก้วนั้นคงที่ และยังทิ้งความเย็นแบบติดริมฝีปากไว้หลังจากดูดเสร็จด้วย เห็นไหมบอกแล้วที่นี่ใส่ใจมากจริงๆกับ Detail พวกเราว่ามันเพิ่มประสบการณ์ที่ดีมากๆให้กับลูกค้านะ

ชื่อสินค้า:   รีวิว ร้านกาแฟ Diva-Licious Coffee Cafe
คะแนน:     
**SR - Sponsored Review : ผู้เขียนรีวิวนี้ไม่ได้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง แต่มีผู้สนับสนุนสินค้าหรือบริการนี้ให้แก่ผู้เขียนรีวิว โดยที่ผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนอื่นใดในการเขียนรีวิว
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่