แล้วอะไรจะเป็นเครื่องชี้วัดว่าใครถูกใครผิด?
---------------------
นั่นสิครับ
ถ้าเอาตามความรู้สึกของหลวงพี่ หลวงพี่ก็ต้องว่าหลวงพี่เป็นคนถูก
ถ้าเอาตามความรู้สึกของผม ผมก็ต้องว่าผมเป็นคนถูก
ดังนั้น สำหรับผม ผมเอาพระธรรมของพระพุทธองค์ที่บรรจุอยู่ในพระไตรปิฎกเป็นเกณฑ์วัด
ส่วนหลวงพี่เอาอะไรเป็นเกณฑ์วัด ผมไม่รู้
ถ้าหลวงพี่คิดขึ้นมาเอง ผมก็บาย เท่านั้นเอง
นิแรน (
http://ppantip.com/topic/33915233 )
******************************
ก็อยากจะถามโยมนิแรนว่า แล้วเราจะรู้ได้อย่างไรว่า ข้อความที่บรรจุอยู่ในพระไตรปิฎกนั้นเป็นคำสอนที่แท้จริงของพระพุทธเจ้า?
ถ้าสมมติข้อความในพระไตรปิฎกนั้น ได้ถูกแก้ไขเปลี่ยนแปลงให้ผิดเพี้ยนไม่ตรงตามคำสอนที่แท้จริงของพระพุทธเจ้ามาก่อน แล้วเราก็เชื่อถือ ก็จะทำให้เราได้รับคำสอนที่ผิดเพี้ยนมายึดถือปฏิบัติโดยไม่รู้ตัว? ซึ่งเรื่องนี้พระพุทธเจ้าก็ต้องทรงรู้ดีอยู่แล้ว ดังนั้นพระพุทธองค์จึงได้ทรงวางหลักเอาไว้ว่า อย่าเชื่อเพียงเพราะเหตุว่า มีตำราอ้างอิง เป็นต้น (จากหลักกาลามสูตร)
ส่วนสิ่งที่จะเป็นเครื่องชี้วัดว่าคำสอนใดคือคำสอนที่แท้จริงของพระพุทธเจ้านั้น ก็คือ ความทุกข์ของจิตใจในปัจจุบัน
โดยหลักกาลามสูตรจะสรุปว่า เมื่อได้เรียนรู้คำสอนใดมา ก็ให้นำมาพิจารณาดูก่อน ว่ามีโทษหรือประโยชน์ ถ้าพิจารณาแล้วเห็นว่ามีโทษก็ให้ละทิ้งเสีย แต่ถ้าเห็นว่ามีประโยชน์ ไม่มีโทษ ก็ให้นำมาทดลองปฏิบัติดูก่อน
ถ้าปฏิบัติจนเต็มความสามารถแล้วความทุกข์ของจิตใจในปัจจุบันไม่ลดงหรือดับลงจริง (แม้เพียงชั่วคราว) ก็ให้ละทิ้งอีกเหมือนกัน
แต่ถ้าได้ทดลงปฏิบัติดูแล้วความทุกข์ของจิตใจในปัจจุบันได้ลดลงหรือดับลงจริง (แม้เพียงชั่วคราว) ก็ให้ปลงใจเชื่อได้ และให้นำมาปฏิบัติให้ยิ่งๆขึ้นต่อไปจนดับทุกข์ได้อย่างถาวร (คือตลอดชีวิต)
สรุปได้ว่า สิ่งที่จะชี้วัดว่าคำสอนใดถูก คำสอนใดผิด ก็ให้ดูที่ความทุกข์ของจิตใจในปัจจุบัน ถ้าปฏิบัติแล้วความทุกข์ของจิตใจในปัจจุบันไม่ลดลงหรือดับลงจริงแม้เพียงชั่วคราว ก็แสดงว่าคำสอนนั้นผิด แต่ถ้าความทุกข์ของจิตใจในปัจจุบันดับลงหรือลดลงจริงแม้เพียงชั่วคราว ก็แสดงว่าคำสอนนั้นถูก
แต่ว่าหลักการนี้จะใช้ไม่ได้ถ้าไม่ยอมรับว่าคำสอนเรื่องการดับทุกข์ของพระพุทธเจ้า (หลักอริยสัจ ๔) นั้นคือคำสอนเรื่องการดับทุกข์ของจิตใจในปัจจุบันเท่านั้น เพราะเมื่อเข้าใจผิดไปว่าหลักอริสัจ ๔ นั้นคือคำสอนเรื่องการดับทุกข์ในชาติหน้าหรืออีกหมื่นชาติแสนชาติอย่างที่เชื่อกันอยู่ ก็จะทำให้ไม่สามารถพิสูจน์หรือทดลองตามหลักกาลามสูตรได้ ดังนั้นคนที่มีความเข้าใจผิดๆและเชื่อผิดๆเช่นนี้ จึงไม่ยอมรับหลักกาลามสูตร เพราะหลักกาลามสูตรนั้นเป็นหลักวิทยาศาสตร์ ที่มีเหตุผล พิสูจน์ได้ แต่ความเข้าใจและความเชื่อที่ผิดๆของเขานั้นเป็นไสยศาสตร์ ที่งมงาย ไม่มีเหตุผล มีแต่ความเชื่อที่สืบๆกันมาเท่านั้น
แล้วอะไรจะเป็นเครื่องชี้วัดว่าใครถูกใครผิด?
---------------------
นั่นสิครับ
ถ้าเอาตามความรู้สึกของหลวงพี่ หลวงพี่ก็ต้องว่าหลวงพี่เป็นคนถูก
ถ้าเอาตามความรู้สึกของผม ผมก็ต้องว่าผมเป็นคนถูก
ดังนั้น สำหรับผม ผมเอาพระธรรมของพระพุทธองค์ที่บรรจุอยู่ในพระไตรปิฎกเป็นเกณฑ์วัด
ส่วนหลวงพี่เอาอะไรเป็นเกณฑ์วัด ผมไม่รู้
ถ้าหลวงพี่คิดขึ้นมาเอง ผมก็บาย เท่านั้นเอง
นิแรน ( http://ppantip.com/topic/33915233 )
******************************
ก็อยากจะถามโยมนิแรนว่า แล้วเราจะรู้ได้อย่างไรว่า ข้อความที่บรรจุอยู่ในพระไตรปิฎกนั้นเป็นคำสอนที่แท้จริงของพระพุทธเจ้า?
ถ้าสมมติข้อความในพระไตรปิฎกนั้น ได้ถูกแก้ไขเปลี่ยนแปลงให้ผิดเพี้ยนไม่ตรงตามคำสอนที่แท้จริงของพระพุทธเจ้ามาก่อน แล้วเราก็เชื่อถือ ก็จะทำให้เราได้รับคำสอนที่ผิดเพี้ยนมายึดถือปฏิบัติโดยไม่รู้ตัว? ซึ่งเรื่องนี้พระพุทธเจ้าก็ต้องทรงรู้ดีอยู่แล้ว ดังนั้นพระพุทธองค์จึงได้ทรงวางหลักเอาไว้ว่า อย่าเชื่อเพียงเพราะเหตุว่า มีตำราอ้างอิง เป็นต้น (จากหลักกาลามสูตร)
ส่วนสิ่งที่จะเป็นเครื่องชี้วัดว่าคำสอนใดคือคำสอนที่แท้จริงของพระพุทธเจ้านั้น ก็คือ ความทุกข์ของจิตใจในปัจจุบัน
โดยหลักกาลามสูตรจะสรุปว่า เมื่อได้เรียนรู้คำสอนใดมา ก็ให้นำมาพิจารณาดูก่อน ว่ามีโทษหรือประโยชน์ ถ้าพิจารณาแล้วเห็นว่ามีโทษก็ให้ละทิ้งเสีย แต่ถ้าเห็นว่ามีประโยชน์ ไม่มีโทษ ก็ให้นำมาทดลองปฏิบัติดูก่อน
ถ้าปฏิบัติจนเต็มความสามารถแล้วความทุกข์ของจิตใจในปัจจุบันไม่ลดงหรือดับลงจริง (แม้เพียงชั่วคราว) ก็ให้ละทิ้งอีกเหมือนกัน
แต่ถ้าได้ทดลงปฏิบัติดูแล้วความทุกข์ของจิตใจในปัจจุบันได้ลดลงหรือดับลงจริง (แม้เพียงชั่วคราว) ก็ให้ปลงใจเชื่อได้ และให้นำมาปฏิบัติให้ยิ่งๆขึ้นต่อไปจนดับทุกข์ได้อย่างถาวร (คือตลอดชีวิต)
สรุปได้ว่า สิ่งที่จะชี้วัดว่าคำสอนใดถูก คำสอนใดผิด ก็ให้ดูที่ความทุกข์ของจิตใจในปัจจุบัน ถ้าปฏิบัติแล้วความทุกข์ของจิตใจในปัจจุบันไม่ลดลงหรือดับลงจริงแม้เพียงชั่วคราว ก็แสดงว่าคำสอนนั้นผิด แต่ถ้าความทุกข์ของจิตใจในปัจจุบันดับลงหรือลดลงจริงแม้เพียงชั่วคราว ก็แสดงว่าคำสอนนั้นถูก
แต่ว่าหลักการนี้จะใช้ไม่ได้ถ้าไม่ยอมรับว่าคำสอนเรื่องการดับทุกข์ของพระพุทธเจ้า (หลักอริยสัจ ๔) นั้นคือคำสอนเรื่องการดับทุกข์ของจิตใจในปัจจุบันเท่านั้น เพราะเมื่อเข้าใจผิดไปว่าหลักอริสัจ ๔ นั้นคือคำสอนเรื่องการดับทุกข์ในชาติหน้าหรืออีกหมื่นชาติแสนชาติอย่างที่เชื่อกันอยู่ ก็จะทำให้ไม่สามารถพิสูจน์หรือทดลองตามหลักกาลามสูตรได้ ดังนั้นคนที่มีความเข้าใจผิดๆและเชื่อผิดๆเช่นนี้ จึงไม่ยอมรับหลักกาลามสูตร เพราะหลักกาลามสูตรนั้นเป็นหลักวิทยาศาสตร์ ที่มีเหตุผล พิสูจน์ได้ แต่ความเข้าใจและความเชื่อที่ผิดๆของเขานั้นเป็นไสยศาสตร์ ที่งมงาย ไม่มีเหตุผล มีแต่ความเชื่อที่สืบๆกันมาเท่านั้น