ผู้ว่าฯ กทม.ยันสถานการณ์ภัยแล้งยังไม่วิกฤติ ปชช.ไม่ต้องตื่นตระหนก วอนใช้น้ำอย่างระมัดระวัง - ภาวนาให้ฝนตก
14 ก.ค. 58 เมื่อเวลา 10.30 น. ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) พร้อมคณะลงพื้นที่ซอยสุวินทวงศ์ 42 เขตหนองจอก เพื่อตรวจความเสียหายจากถนนที่ทรุดตัว ภายหลังถนนริมคลองลำนกแขวกเกิดการทรุดลึกกว่า 20 เซ็นติเมตร ตั้งแต่วันที่ 8 ก.ค.ที่ผ่านมา โดยขณะนี้สำนักงานเขตหนองจอกได้นำรถขนาดใหญ่มาเกลี่ยอัดดินให้สภาพถนนกลับมาใช้งานได้ชั่วคราว
ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ กล่าวว่า หลังจากที่มีการคาดการณ์ว่าปัญหาภัยแล้งจะเกิดขึ้นในกรุงเทพฯ หลังจากฤดูฝนปีที่แล้วผ่านไป ตนได้สั่งการให้หน่วยงานเตรียมความพร้อมรับมือกับปัญหาภัยแล้ง แต่มีปัญหาอีกเรื่องที่เกิดขึ้นคือถนนเลียบคลองทรุดตัว เพราะปกติน้ำในคลองได้ช่วยยันตลิ่ง แต่เมื่อน้ำน้อยลงก็เกิดการทรุดตัว ซึ่งปีที่แล้วในพื้นที่เขตหนองจอกมีถนนทรุดตัวกว่า 14 เส้นทาง แต่ในปีนี้เหลือ 8 เส้นทาง ทางสำนักงานเขตจึงได้ติดตามดูแลถนนเลียบคลองทุกเส้นทางเพื่อซ่อมแซมให้กลับมาใช้งานได้อีกครั้ง โดยในซอยสุวินทวงศ์ 42 แห่งนี้ถนนเพิ่งทรุดตัว แต่ทางสำนักงานเขตได้เร่งซ่อมแซมให้ถนนกลับมาใช้งานได้ จึงขอความร่วมมือกับประชาชนอย่านำรถ 6 ล้อ และรถ 10 ล้อ เข้ามาในบริเวณถนนเลียบคลอง หากมีความจำเป็นให้ติดต่อไปยังสำนักงานเขตเพื่อรับทราบและแก้ปัญหา
ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ กล่าวต่อว่า ส่วนสถานการณ์ทางภาคเกษตร ขณะนี้ถือว่ายังโชคดีที่ยังไม่อยู่ในขั้นวิกฤต เพราะมีฝนตกลงมาในกรุงเทพฯ ฝั่งตะวันออก แต่ถ้าฝนไม่ตกลงมาอีกสักพักใหญ่ พื้นที่เกษตรอาจได้รับความเดือดร้อนได้ ขณะที่เรื่องน้ำประปา กทม.ได้ร่วมกับการประปานครหลวง (กปน.) ขยายการให้บริการในทุกพื้นที่ แต่ยังมีในเขตหนอกจอกอีก 59 ครัวเรือน ที่ยังมีปัญหาเรื่องน้ำประปา สำนักงานเขตหนอกจอกจึงได้นำแทงค์น้ำมาติดตั้งเพื่อช่วยเหลือประชาชน อย่างไรก็ตามปัญหาภัยแล้งต้องติดตามสถานการณ์ต่อไป ไม่ใช่เรื่องปัญหาขาดน้ำอย่างเดียว ตนยังเป็นห่วงอย่างมากทั้งเรื่องเกษตรกร การปลูกข้าว หรือถนนทรุด แต่หากไม่มีฝนตกลงมาภายใน 15 วัน ก็ยังคิดว่านาข้าวที่เคยปลูกไว้ก็จะยังอยู่ได้อีก 15-20 วันเช่นกัน เพราะขณะนี้บริเวณรอบนอกกรุงเทพฯ เริ่มมีปริมาณฝนตกลงมาแล้ว
"ยังไม่อยากให้ประชาชนตื่นตระหนก แต่ถ้าสัปดาห์หน้าเหลืออีก 2 สัปดาห์ฝนยังไม่ตกลงมา สถานการณ์คงจะหนัก เพราะน้ำบริเวณต้นน้ำยังไม่มาเลย พื้นที่หนองจอกคงไม่มีน้ำเหลือ จึงขอให้ช่วยกันภาวนาให้ฝนตกลงมา แต่ กทม.ได้ประสานกับกรมชลประทานอยู่ตลอดเวลา เพราะ กทม.ไม่มีต้นน้ำของตัวเอง ยืนยันว่าสถานการณ์ยังไม่วิกฤติ ยังไม่ต้องไปตื่นตระหนก เเละไม่อยากให้ประชาชนรู้สึกว่าน้ำจะหมดในวันพรุ่งนี้ แต่อยากให้ประชาชนช่วยใช้น้ำอย่างระมัดระวังด้วย"
จากนั้น ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ เดินทางต่อไปยังซอยสุวินทวงศ์ 110 เพื่อตรวจสภาพภัยแล้งบริเวณประตูระบายน้ำคลอง 1 แขวงกระทุ่มลาย โดยพบว่ามีน้ำแห้งขอด ซึ่งคลอง 1 ได้รับน้ำมาจากคลองระพีพัฒน์ คลองสิบสาม เข้าคลองหลวงแพ่ง ซึ่งปีที่ผ่านมาปัญหาภัยแล้งจะเกิดขึ้นในเดือน ก.พ. แต่ปีนี้เกิดขึ้นในเดือน ก.ค. และแห้งแล้งกว่าทุกปีที่ผ่านมา
คมชัดลึก 'สุขุมพันธุ์'วอนช่วยกันภาวนาให้ฝนตก
ผู้ว่าฯ กทม.ยันสถานการณ์ภัยแล้งยังไม่วิกฤติ ปชช.ไม่ต้องตื่นตระหนก วอนใช้น้ำอย่างระมัดระวัง - ภาวนาให้ฝนตก
14 ก.ค. 58 เมื่อเวลา 10.30 น. ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) พร้อมคณะลงพื้นที่ซอยสุวินทวงศ์ 42 เขตหนองจอก เพื่อตรวจความเสียหายจากถนนที่ทรุดตัว ภายหลังถนนริมคลองลำนกแขวกเกิดการทรุดลึกกว่า 20 เซ็นติเมตร ตั้งแต่วันที่ 8 ก.ค.ที่ผ่านมา โดยขณะนี้สำนักงานเขตหนองจอกได้นำรถขนาดใหญ่มาเกลี่ยอัดดินให้สภาพถนนกลับมาใช้งานได้ชั่วคราว
ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ กล่าวว่า หลังจากที่มีการคาดการณ์ว่าปัญหาภัยแล้งจะเกิดขึ้นในกรุงเทพฯ หลังจากฤดูฝนปีที่แล้วผ่านไป ตนได้สั่งการให้หน่วยงานเตรียมความพร้อมรับมือกับปัญหาภัยแล้ง แต่มีปัญหาอีกเรื่องที่เกิดขึ้นคือถนนเลียบคลองทรุดตัว เพราะปกติน้ำในคลองได้ช่วยยันตลิ่ง แต่เมื่อน้ำน้อยลงก็เกิดการทรุดตัว ซึ่งปีที่แล้วในพื้นที่เขตหนองจอกมีถนนทรุดตัวกว่า 14 เส้นทาง แต่ในปีนี้เหลือ 8 เส้นทาง ทางสำนักงานเขตจึงได้ติดตามดูแลถนนเลียบคลองทุกเส้นทางเพื่อซ่อมแซมให้กลับมาใช้งานได้อีกครั้ง โดยในซอยสุวินทวงศ์ 42 แห่งนี้ถนนเพิ่งทรุดตัว แต่ทางสำนักงานเขตได้เร่งซ่อมแซมให้ถนนกลับมาใช้งานได้ จึงขอความร่วมมือกับประชาชนอย่านำรถ 6 ล้อ และรถ 10 ล้อ เข้ามาในบริเวณถนนเลียบคลอง หากมีความจำเป็นให้ติดต่อไปยังสำนักงานเขตเพื่อรับทราบและแก้ปัญหา
ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ กล่าวต่อว่า ส่วนสถานการณ์ทางภาคเกษตร ขณะนี้ถือว่ายังโชคดีที่ยังไม่อยู่ในขั้นวิกฤต เพราะมีฝนตกลงมาในกรุงเทพฯ ฝั่งตะวันออก แต่ถ้าฝนไม่ตกลงมาอีกสักพักใหญ่ พื้นที่เกษตรอาจได้รับความเดือดร้อนได้ ขณะที่เรื่องน้ำประปา กทม.ได้ร่วมกับการประปานครหลวง (กปน.) ขยายการให้บริการในทุกพื้นที่ แต่ยังมีในเขตหนอกจอกอีก 59 ครัวเรือน ที่ยังมีปัญหาเรื่องน้ำประปา สำนักงานเขตหนอกจอกจึงได้นำแทงค์น้ำมาติดตั้งเพื่อช่วยเหลือประชาชน อย่างไรก็ตามปัญหาภัยแล้งต้องติดตามสถานการณ์ต่อไป ไม่ใช่เรื่องปัญหาขาดน้ำอย่างเดียว ตนยังเป็นห่วงอย่างมากทั้งเรื่องเกษตรกร การปลูกข้าว หรือถนนทรุด แต่หากไม่มีฝนตกลงมาภายใน 15 วัน ก็ยังคิดว่านาข้าวที่เคยปลูกไว้ก็จะยังอยู่ได้อีก 15-20 วันเช่นกัน เพราะขณะนี้บริเวณรอบนอกกรุงเทพฯ เริ่มมีปริมาณฝนตกลงมาแล้ว
"ยังไม่อยากให้ประชาชนตื่นตระหนก แต่ถ้าสัปดาห์หน้าเหลืออีก 2 สัปดาห์ฝนยังไม่ตกลงมา สถานการณ์คงจะหนัก เพราะน้ำบริเวณต้นน้ำยังไม่มาเลย พื้นที่หนองจอกคงไม่มีน้ำเหลือ จึงขอให้ช่วยกันภาวนาให้ฝนตกลงมา แต่ กทม.ได้ประสานกับกรมชลประทานอยู่ตลอดเวลา เพราะ กทม.ไม่มีต้นน้ำของตัวเอง ยืนยันว่าสถานการณ์ยังไม่วิกฤติ ยังไม่ต้องไปตื่นตระหนก เเละไม่อยากให้ประชาชนรู้สึกว่าน้ำจะหมดในวันพรุ่งนี้ แต่อยากให้ประชาชนช่วยใช้น้ำอย่างระมัดระวังด้วย"
จากนั้น ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ เดินทางต่อไปยังซอยสุวินทวงศ์ 110 เพื่อตรวจสภาพภัยแล้งบริเวณประตูระบายน้ำคลอง 1 แขวงกระทุ่มลาย โดยพบว่ามีน้ำแห้งขอด ซึ่งคลอง 1 ได้รับน้ำมาจากคลองระพีพัฒน์ คลองสิบสาม เข้าคลองหลวงแพ่ง ซึ่งปีที่ผ่านมาปัญหาภัยแล้งจะเกิดขึ้นในเดือน ก.พ. แต่ปีนี้เกิดขึ้นในเดือน ก.ค. และแห้งแล้งกว่าทุกปีที่ผ่านมา