หลังจากที่หยางฟางซวี่ได้รับบาดเจ็บจากการแข่งขันกับทีมโดมินิกันในปลายเซ็ต 3 ทุกคนต่างก็เป็นห่วงอาการบาดเจ็บของเธอ
เมื่อแข่งเสร็จทุกคนต่างก็รีบเดินออกจากสนาม เหล่านักข่าวก็เข้าใจสถานการณ์ดี ไม่มีใครเข้าไปขอสัมภาษณ์ผู้เล่น
มีเพียงสถานีโทรทัศน์ฟูจิของญี่ปุ่นที่ได้มีนัดล่วงหน้ากับจูถิงเอาไว้แล้วเพื่อถ่ายทำรายการอุ่นเครื่องเวิร์ลคัพ
นักข่าวเองก็เห็นว่าสัมภาษณ์ในเวลาเช่นนี้ดูจะไม่ค่อยเหมาะนัก จึงถามไปเพียงไม่กี่คำถาม
อีกทั้งยังพูดขอโทษอยู่ตั้งหลายรอบ
โค้ชหลาง โค้ชไล่นั่งพักอยู่ในห้องพักไม่นานสักเท่าไร โค้ชอันก็นั่งนิ่งอยู่ที่ระเบียง เมื่อทั้ง 3 คนเจอหน้ากัน ต่างก็ไม่ได้พูดอะไรกัน
คงไม่อยากพูดถึงเหตุการณ์นั้น และก็ไม่อยากคิดเลยไปถึงผลที่ตามมา ณ. เวลานั้น มีเพียงเรื่องเดียวที่เป็นหัวข้อพูดคุยกัน
คือแต่แรกได้กำหนดเอาไว้แล้วว่าจะอยู่ต่อเพื่อดูเกมระหว่างญี่ปุ่นกับอิตาลี
ดังนั้นพวกเขาจึงเลือกสถานที่ที่คนไม่พลุกพล่านนักนั่งรอเวลาการแข่งขันคู่หลัง นักกายภาพบำบัดชาวอเมริกันเอาของว่างมายื่นให้
โค้ชทั้ง 3 คนต่างก็สั่นหัว ไม่อยากกิน โค้ชไล่โทรพูดคุยกับล่ามและคนที่ติดตามหยางฟางซวี่ไปโรงพยาบาล
โค้ชหลางนั่งนิ่งไม่พูดจา แต่เหมือนจะหลุดออกมาประโยคหนึ่งที่พอใครได้ยินแล้วอดรู้สึกสะเทือนใจไม่ได้
“ เฮ่อ เพิ่งจะจัดตำแหน่งนี้ให้เข้ารูปเข้ารอย ...”
“ เจ้าเด็กคนนี้ปกติเป็นคนที่มีน้ำอดน้ำทนสูงมาก เมื่อกี้ร้องไห้เจ็บปวดซะขนาดนั้น คงต้องเจ็บปวดทรมานน่าดู ... “
โค้ชไล่กับโค้ชอันได้ฟังแล้วก็ไม่มีใครพูดตอบอะไรกลับไป นอกจากเสียงถอนหายใจ
แต่ก็ยังดี เวลาผ่านไปได้ไม่นาน ทีมญีปุ่นกับอิตาลีก็ลงสนามเริ่มทำการแข่งขัน ก็พอจะช่วยให้หันเหสมาธิไปได้
ทั้งทีมดูการแข่งขันไปได้ 2 เซ็ตก็ออกจากสนาม โค้ชไล่พูดว่ารถพยาบาลที่ส่งหยางฟางซวี่ไปโรงพยาบาล
ตอนนั้นไม่ได้ตรวจ NMR มีแต่ทำ CT สแกน บอกได้แต่ว่ากระดูกไม่มีปัญหา
เกี่ยวกับเรื่องเส้นเอ็น มีนัดตรวจ NMR ในตอนบ่ายวันรุ่งขึ้น
ตลอดทางกลับที่พักทุกอย่างอยู่ในความเงียบสงัด ทุกคนต่างแยกย้ายกลับห้องของตัวเอง
ที่จริงแล้วทุกคนอยากที่จะเอ่ยปากพูดให้กำลังใจซึ่งกันและกัน แต่ก็ไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นพูดยังไงดี !!
เวลา 3 ทุ่มกว่าแล้ว โค้ชหลางกับสต๊าฟโค้ชประชุมวางแผนในการเล่นกับทีมอิตาลีไปพลาง
และก็รอหยางฟางซวี่กลับจากโรงพยาบาลไปด้วย จนเมื่อโค้ชไล่ได้รับโทรศัพท์ หยางฟางซวี่กำลังเดินทางกลับมา
โค้ชไล่รีบลงไปชั้นล่างรอรับ และก็ไปเคาะประตูห้องหนึ่ง จูถิงเปิดประตูออกมา ...
“ จู มาเป็นเพื่อนฉันหน่อยลงไปรับหยางฟางซวี่”
“ เธอกลับมาแล้วเหรอ? ได้ ! ” จูถิงรีบวิ่งออกมา
ทางโรงแรมได้จัดเตรียมรถเข็นเอาไว้ให้แล้ว ไม่จำเป็นต้องให้โค้ชไล่กับจูถิงช่วยประคอง
หยางฟางซวี่ก็ไม่ได้ร้องไห้แล้ว กลับมามีรอยยิ้มเหมือนตอนปกติ
“ตอนนี้ไม่ค่อยจะปวดแล้ว ฉีดยาระงับปวดไป สามารถเอาขาวางราบกับพื้นได้ “
“พรุ่งนี้บ่ายโมงนัดไปตรวจ NMR “ หยางฟางซวี่บอกกับโค้ชไล่
ขึ้นลิฟท์ไปชั้น 11 เคาะประตูห้อง หยางจุนจิงรูมเมทหยางฟางซวี่กับจางฉางหนิงที่มานั่งรออยู่ในห้องด้วยรีบวิ่งมาเปิดประตู
คนอื่นๆที่เฝ้ารอข่าวคราวเมื่อรู้ต่างก็วิ่งมา ... เจิงชุนเหล่ย หวังเมิ่งเจี๋ย หยวนซินเย่ว หลิวเย่นหาน ...... ต่างก็มาให้กำลังใจ
เห็นถึงความห่วงใยที่มีต่อกันทำให้ซาบซึ้งถึงความเป็นพี่น้อง
ตอนนั้น ทีมโค้ชกับทีมแพทย์อยู่ที่ระเบียงทางเดินกำลังฟังผู้ที่ติดตามไปโรงพยาบาลกับล่ามเล่ารายงาน
หลังจากนั้นโค้ชหลางก็เข้ามาที่ห้องดูหยางฟางซวี่
*** ยังมีต่อ
หยางฟางซวี่ : 24 ชม. หลังจากได้รับบาดเจ็บ
เมื่อแข่งเสร็จทุกคนต่างก็รีบเดินออกจากสนาม เหล่านักข่าวก็เข้าใจสถานการณ์ดี ไม่มีใครเข้าไปขอสัมภาษณ์ผู้เล่น
มีเพียงสถานีโทรทัศน์ฟูจิของญี่ปุ่นที่ได้มีนัดล่วงหน้ากับจูถิงเอาไว้แล้วเพื่อถ่ายทำรายการอุ่นเครื่องเวิร์ลคัพ
นักข่าวเองก็เห็นว่าสัมภาษณ์ในเวลาเช่นนี้ดูจะไม่ค่อยเหมาะนัก จึงถามไปเพียงไม่กี่คำถาม
อีกทั้งยังพูดขอโทษอยู่ตั้งหลายรอบ
คงไม่อยากพูดถึงเหตุการณ์นั้น และก็ไม่อยากคิดเลยไปถึงผลที่ตามมา ณ. เวลานั้น มีเพียงเรื่องเดียวที่เป็นหัวข้อพูดคุยกัน
คือแต่แรกได้กำหนดเอาไว้แล้วว่าจะอยู่ต่อเพื่อดูเกมระหว่างญี่ปุ่นกับอิตาลี
โค้ชทั้ง 3 คนต่างก็สั่นหัว ไม่อยากกิน โค้ชไล่โทรพูดคุยกับล่ามและคนที่ติดตามหยางฟางซวี่ไปโรงพยาบาล
โค้ชหลางนั่งนิ่งไม่พูดจา แต่เหมือนจะหลุดออกมาประโยคหนึ่งที่พอใครได้ยินแล้วอดรู้สึกสะเทือนใจไม่ได้
แต่ก็ยังดี เวลาผ่านไปได้ไม่นาน ทีมญีปุ่นกับอิตาลีก็ลงสนามเริ่มทำการแข่งขัน ก็พอจะช่วยให้หันเหสมาธิไปได้
ตอนนั้นไม่ได้ตรวจ NMR มีแต่ทำ CT สแกน บอกได้แต่ว่ากระดูกไม่มีปัญหา
เกี่ยวกับเรื่องเส้นเอ็น มีนัดตรวจ NMR ในตอนบ่ายวันรุ่งขึ้น
ที่จริงแล้วทุกคนอยากที่จะเอ่ยปากพูดให้กำลังใจซึ่งกันและกัน แต่ก็ไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นพูดยังไงดี !!
และก็รอหยางฟางซวี่กลับจากโรงพยาบาลไปด้วย จนเมื่อโค้ชไล่ได้รับโทรศัพท์ หยางฟางซวี่กำลังเดินทางกลับมา
โค้ชไล่รีบลงไปชั้นล่างรอรับ และก็ไปเคาะประตูห้องหนึ่ง จูถิงเปิดประตูออกมา ...
หยางฟางซวี่ก็ไม่ได้ร้องไห้แล้ว กลับมามีรอยยิ้มเหมือนตอนปกติ
คนอื่นๆที่เฝ้ารอข่าวคราวเมื่อรู้ต่างก็วิ่งมา ... เจิงชุนเหล่ย หวังเมิ่งเจี๋ย หยวนซินเย่ว หลิวเย่นหาน ...... ต่างก็มาให้กำลังใจ
เห็นถึงความห่วงใยที่มีต่อกันทำให้ซาบซึ้งถึงความเป็นพี่น้อง
หลังจากนั้นโค้ชหลางก็เข้ามาที่ห้องดูหยางฟางซวี่
*** ยังมีต่อ