"ศิลปินทุกคนต้องใช้ยาเป็นเครื่องมือ" ศิลปินรุ่นพี่ผู้รอบรู้คนหนึ่งพูดให้ผมฟังบ่อยๆ ยาของแกไม่ได้เจาะจงถึงยาเสพติด แต่พูดรวมๆ ถึงสิ่งมอมเมา เช่น เหล้า บุหรี่ และสมุนไพร ซึ่งทำให้คนที่พยายามเป็นศิลปิน (คิดไปเองว่า) มองโลกสุนทรีย์และจะสร้างผลงานได้ดีขึ้น และเพราะงานที่ผมทำจัดได้ว่าเป็นศิลปะแขนงหนึ่ง คำกล่าวข้างต้นจึงเป็นข้ออ้างที่ดีทุกครั้งเมื่อผมต้องการ "เมา" ในวัยแก่ปูนนี้
ไม่รู้เป็นวัฒนธรรมที่ปลูกฝังมาตั้งแต่เมื่อไร แต่ทุกครั้งเวลาเราเครียด เศร้า ดีใจ เสียใจ ผิดหวัง สมหวัง การดื่มเหล้าเบียร์ก็มักจะตามมาเสมอ อาจไม่จริงสำหรับใครบางคน แต่มันจริงสำหรับผมและเพื่อนพี่น้องที่ผมรู้จักแทบทุกคน
ผมเริ่มดื่มเพราะชอบในความสนุกเฮฮา ทั้งมีสาระและไม่มีสาระในวงเหล้า ถ้าพูดถึงชีวิตมหาลัย คำแรกที่ผุดขึ้นมาในหัวผม ไม่เกี่ยวกับการเรียนหนังสือเลย แต่เป็นการเรียนชีวิตใน "วงเหล้า" ชายฉกรรจ์ที่มาจากคนละจังหวัด พูดภาษาถิ่นคนละสำเนียง ล้วนใช้เหล้าเบียร์เป็นเครื่องมือสร้างมิตรภาพและแสดงความห้าวหาญในแบบวัยรุ่น ผมก็เป็นหนึ่งในนั่นที่มีเพื่อนฝูงมากมายจากวงเหล้า เป็นวงเหล้าที่มีสมาชิกกระจายอยู่ทุกคณะ ทุกหอพัก ซึ่งผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันดื่มกิน พูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็น ประสบการณ์ ประสบกาม นำมาซึ่งความรักและความทุกข์ อะไรที่ไม่เคยทำ ก็ได้ทำครั้งแรกตอนเมา แต่โดยรวมก็ถือว่าเป็นความทรงจำที่ดี และจะดีมากๆ หากเรารู้จักควบคุมตัวเอง
แน่นอนครับว่า เมื่อเราควบคุมตัวเองไม่ได้ ปล่อยให้ความสนุกและความเมานำทาง ปัญหาก็ตามมามากมาย เพื่อนๆ ของผมหลายคนได้รับผลกรรมจากความเมาอย่างเป็นรูปธรรม มีสองคนที่ตายไปจากเหตุรถคว่ำ หลายคนเมาประสบอุบัติเหตุแต่รอดชีวิตมาได้ (ผมก็เคย) หลายคนเมาแล้วจับจ่ายโดยไม่คิดหน้าคิดหลัง (ผมก็เคย) จนปัจจุบันก็ยังตั้งตัวไม่ได้ หลายคนเมาจำไม่ได้ว่าสวมถุงยางหรือไม่จนเครียดกับการลุ้นผลตรวจเลือด และอีกหลายๆ คนมีปัญหากับคนรักเพราะเมาและเพราะเพื่อน ผมขอจัดตัวเองอยู่ในกลุ่มหลังสุดนี้
ความเมามายในอดีตสร้างปัญหาในปัจจุบันไว้มากมาย แต่อย่างน้อยที่สุด ตอนนี้ผมพูดได้เต็มปากเต็มคำว่า "เลิกดื่มได้แล้วเด็ดขาด" ก่อนหน้าเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา โดยเฉพาะหลังปีใหม่ ผมมีเรื่องให้ดื่มหนักได้ตลอด (คำว่าดื่มหนักของผม ค่าเฉลี่ยอยู่ที่ เบียร์ขวดใหญ่ 6 ขวด) บ่อยครั้งที่สร้างความเสียหายให้กับหน้าที่การงาน สวัสดิภาพร่างกายตัวเอง และที่สำคัญที่สุดคือความรู้สึกของคนรัก
***แอพ Time to Quit Smoke สำหรับจับเวลาการเลิกบุหรี่ ผมเลิกบุหรี่และเหล้าเบียร์พร้อมในวันเดียวกันเมื่อ 13 พฤษภาคม
ปัจจุบัน ผมก็ลดการเข้าสังคมไปบ้าง แต่ถ้าไปก็เน้นกินอาหาร เพื่อนๆ กินเบียร์ เราเน้นกินข้าวและตามด้วยน้ำเปล่า หรือไม่บางวันก็ชวนเพื่อนฝูงมานั่งกินนมปั่น ชาเขียว เป็นภาพที่เมื่อก่อนบอกไป ก็คงไม่มีใครเชื่อ
กับเพื่อนๆ เราก็ยังคุยกันสนุกสนานเหมือนเดิม แม้จะไม่มีของมึนเมา
กับคนรัก เธอสบายใจมากขึ้นที่รู้ว่าชีวิตเราหลุดพ้นจากของมึนเมา
^^
ใครว่าเราเลิก "เมา" ไม่ได้
ไม่รู้เป็นวัฒนธรรมที่ปลูกฝังมาตั้งแต่เมื่อไร แต่ทุกครั้งเวลาเราเครียด เศร้า ดีใจ เสียใจ ผิดหวัง สมหวัง การดื่มเหล้าเบียร์ก็มักจะตามมาเสมอ อาจไม่จริงสำหรับใครบางคน แต่มันจริงสำหรับผมและเพื่อนพี่น้องที่ผมรู้จักแทบทุกคน
ผมเริ่มดื่มเพราะชอบในความสนุกเฮฮา ทั้งมีสาระและไม่มีสาระในวงเหล้า ถ้าพูดถึงชีวิตมหาลัย คำแรกที่ผุดขึ้นมาในหัวผม ไม่เกี่ยวกับการเรียนหนังสือเลย แต่เป็นการเรียนชีวิตใน "วงเหล้า" ชายฉกรรจ์ที่มาจากคนละจังหวัด พูดภาษาถิ่นคนละสำเนียง ล้วนใช้เหล้าเบียร์เป็นเครื่องมือสร้างมิตรภาพและแสดงความห้าวหาญในแบบวัยรุ่น ผมก็เป็นหนึ่งในนั่นที่มีเพื่อนฝูงมากมายจากวงเหล้า เป็นวงเหล้าที่มีสมาชิกกระจายอยู่ทุกคณะ ทุกหอพัก ซึ่งผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันดื่มกิน พูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็น ประสบการณ์ ประสบกาม นำมาซึ่งความรักและความทุกข์ อะไรที่ไม่เคยทำ ก็ได้ทำครั้งแรกตอนเมา แต่โดยรวมก็ถือว่าเป็นความทรงจำที่ดี และจะดีมากๆ หากเรารู้จักควบคุมตัวเอง
แน่นอนครับว่า เมื่อเราควบคุมตัวเองไม่ได้ ปล่อยให้ความสนุกและความเมานำทาง ปัญหาก็ตามมามากมาย เพื่อนๆ ของผมหลายคนได้รับผลกรรมจากความเมาอย่างเป็นรูปธรรม มีสองคนที่ตายไปจากเหตุรถคว่ำ หลายคนเมาประสบอุบัติเหตุแต่รอดชีวิตมาได้ (ผมก็เคย) หลายคนเมาแล้วจับจ่ายโดยไม่คิดหน้าคิดหลัง (ผมก็เคย) จนปัจจุบันก็ยังตั้งตัวไม่ได้ หลายคนเมาจำไม่ได้ว่าสวมถุงยางหรือไม่จนเครียดกับการลุ้นผลตรวจเลือด และอีกหลายๆ คนมีปัญหากับคนรักเพราะเมาและเพราะเพื่อน ผมขอจัดตัวเองอยู่ในกลุ่มหลังสุดนี้
ความเมามายในอดีตสร้างปัญหาในปัจจุบันไว้มากมาย แต่อย่างน้อยที่สุด ตอนนี้ผมพูดได้เต็มปากเต็มคำว่า "เลิกดื่มได้แล้วเด็ดขาด" ก่อนหน้าเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา โดยเฉพาะหลังปีใหม่ ผมมีเรื่องให้ดื่มหนักได้ตลอด (คำว่าดื่มหนักของผม ค่าเฉลี่ยอยู่ที่ เบียร์ขวดใหญ่ 6 ขวด) บ่อยครั้งที่สร้างความเสียหายให้กับหน้าที่การงาน สวัสดิภาพร่างกายตัวเอง และที่สำคัญที่สุดคือความรู้สึกของคนรัก
***แอพ Time to Quit Smoke สำหรับจับเวลาการเลิกบุหรี่ ผมเลิกบุหรี่และเหล้าเบียร์พร้อมในวันเดียวกันเมื่อ 13 พฤษภาคม
ปัจจุบัน ผมก็ลดการเข้าสังคมไปบ้าง แต่ถ้าไปก็เน้นกินอาหาร เพื่อนๆ กินเบียร์ เราเน้นกินข้าวและตามด้วยน้ำเปล่า หรือไม่บางวันก็ชวนเพื่อนฝูงมานั่งกินนมปั่น ชาเขียว เป็นภาพที่เมื่อก่อนบอกไป ก็คงไม่มีใครเชื่อ
กับเพื่อนๆ เราก็ยังคุยกันสนุกสนานเหมือนเดิม แม้จะไม่มีของมึนเมา
กับคนรัก เธอสบายใจมากขึ้นที่รู้ว่าชีวิตเราหลุดพ้นจากของมึนเมา
^^