ถึงแม้หลายคนอาจจะดูกันจบไปบ้างแล้ว แต่อยากเปิดกระทู้ recap และชวนคุยกันทีละตอนสำหรับคนที่ยังไม่ได้ดูค่ะ
ขึ้นตอนแรกของปี 3 ด้วยชื่อตอนว่า "Mother's Day" ง่ายๆ ตรงตัวที่สุด เปิดฉากมาด้วย
ผู้คุมเบล และ
ผู้คุมแม็กซ์เวล พา
เพ็นซาทัคกี้ ไปช็อปปิ้งของประดับวันแม่ ถึงแม้ตัวละครเพ็นซาทัคกี้จะได้เริ่ม redeem ตัวเองไปบ้างแล้วในซีซั่นก่อน แต่ก็ยังคงความเป็น ignorant racist ไม่จางหาย
* Cinco de Mayo หรือ "5 พฤษภา" วันเฉลิมฉลองของชาวเม็กซิกันที่รบชนะกองทัพฝรั่งเศส
** Saint Patrick's Day ตรงกับวันที่ 17 มีนาคม เป็นประเพณีเฉลิมฉลองของชาวไอริช
*** วันแม่ของสหรัฐตรงกับวันอาทิตย์ในสัปดาห์ที่สองของเดือนพฤษภาคม
ตัวละครเชื้อสายละตินในเรื่องส่วนใหญ่อาศัยอยู่ในรัฐนิวยอร์กซึ่งมักจะมาจากทางแคริบเบียน (โดมินิกัน, เปอร์โตริโก, คิวบา ฯลฯ) จึงไม่ใช่เม็กซิกันอย่างที่ทัคกี้เหมารวม
ignorant racist อีกคน (แต่คนนี้โปรดค่ะ)
ลอร์น่า โมเรลโล่ ถูกปลดจากตำแหน่งคนขับรถเพราะดันปล่อย
ป้าโรซ่าซิ่งแหกคุกไปได้ (อ้อ เกือบลืม ตอนต้นเรื่องคอนเฟิร์มแล้วว่าป้าแกตายจริงๆโดยการขับรถไปชนเหมืองลาโลกอย่างรุ่งโรจน์สมใจแก) ตอนนี้นางต้องไปขัดส้วมแทน
และสิ่งเดียวที่ชุบชูใจของลอร์น่าได้ก็คือการแต่งสวย ถึงขนาดโกหกว่าเป็นแม่ลูก 4 เพื่อลัดคิวขอทำผมกับโซเฟีย
โซเฟียเองก็ตั้งตาคอยวันแม่ เพราะไมเคิลลูกชายจะมาเยี่ยม แต่ก็ต้องรู้สึกอึดอัดใจ เพราะไมเคิลไม่อยากได้โซเฟียเป็นแม่คนที่สอง แถมตอนนี้แฟนใหม่ของแม่ที่เป็นบาทหลวงก็กึ่งๆเข้ามารับหน้าที่พ่อแทน โซเฟียจึงแอบอิจฉาเล็กน้อยและเกทับด้วยการสอนวิธีโกนหนวดและวิธีจีบสาวให้ไมเคิล
อีกคนที่มีลูกมาเยี่ยมก็คือ
กลอเรีย ซึ่งได้ทราบข่าวจากลูกชายคนเล็กว่าพี่ชายของเขาริอาจทำตัวเป็นเด็กเกเร ในขณะเดียวกันกลอเรียกับ
ป้านอร์ม่าก็แท็กทีมเปิดตำหนักรับปัดรังควาน
อันเป็นผลสืบเนื่องมาจากที่ช่วยกันทำคุณไสยเสกขนหมาใส่หัวฟูๆของ
เจ๊วีจนม่องเท่ง แหม ของเขาแรงขนาดนี้ตำหนักกลอนอร์ (หรือก็คือห้องครัวนั่นเอง) จึงหัวกระไดไม่แห้ง มีแต่คนมาขอให้ช่วยซึ่งรวมถึง
พูเซ ที่ดูจะสนใจไม่น้อย เพราะพักหลังนี้นางรู้สึกเคว้งคว้างเลยคิดว่านี่อาจจะช่วยเติมเต็มความรู้สึกว่างเปล่าในจิตใจได้
ส่วน
เจ๊แดง หลังจากหายดีกลับมาจากห้องพยาบาลแล้ว (พร้อมรอยแผลเป็นดูมาเฟียสุดๆ) ก็ตัดสินใจโบกปูนปิดอุโมงค์ทิ้งซะ แต่ยังไม่วายแอบกัดเจ๊วีต่อให้ตายไปแล้ว
ผัวและลูกชายทั้ง 3 คนของเจ๊แดงมาเยี่ยมกันพร้อมหน้าพร้อมตา เจ๊แดงถามว่าแห่กันมาหมดไม่มีใครเฝ้าร้านเหรอ ผัวเจ๊แกล้งทำเนียนบอกว่าไม่เป็นไรหรอก แต่เจ๊แดงจับไต๋ได้ เป็นอันว่าเจ๊รู้ความจริงที่ไพเพอร์โกหกเรื่องที่ว่าแวะไปที่ร้านตอนได้เฟอร์โลห์
พูดถึง
ไพเพอร์ นางเป็นต้นเหตุให้
อเล็กซ์ ถูกส่งตัวกลับมาลิทช์ฟิลด์ อันนี้ก็ไม่รู้ว่าจะขอบคุณหรือโกรธนางดี ถ้าเป็นอเล็กซ์ก็คงโกรธเป็นแน่ แต่สำหรับติ่งพี่อเล็กซ์อย่างเราๆพากันดีใจที่ได้เห็น "เบ็ตตี้ เพจแห่งลิทช์ฟิลด์" อีกครั้ง
ชอบตรงที่คนเขียนบทขยันแซวเรื่องความสูงของอเล็กซ์เหมือนเป็น running joke ตั้งแต่ซีซั่นแรก ( Stretch, Lurch, Sasquatch) ทั้งที่ไพเพอร์สูงพอๆกับอเล็กซ์ ต่างกันไม่เกิน 1-2 นิ้ว แต่ใครๆกลับสังเกตเห็นและแซวความสูงของอเล็กซ์มากกว่า คงเพราะเวลายืนหรือเดินแล้วอเล็กซ์ดู "ตระหง่าน" กว่าล่ะมั้ง
อเล็กซ์กลับมาลิทช์ฟิลด์ในสภาพที่ออกจะเยินเล็กน้อย (แต่ประมาณ episode 4 เป็นต้นไป หลังจากสลัดชุดส้มมาห่มชุดกากีแล้ว อเล็กซ์จะกลับมากรอบกร๊วบถูกใจติ่งทั้งหลายไปจนจบซีซั่นเลยค่ะ
) แถมเอาแต่ร้องไห้โทษตัวเองว่าโง่ที่ทำให้ตัวเองกลับเข้าคุกอีก ไพเพอร์รู้แก่ใจว่านางเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้อเล็กซ์ถูกส่งกลับมา แต่นางก็ยังไม่กล้าสารภาพกับอเล็กซ์
ฉากที่ชอบโดยส่วนตัวใน episode นี้คือฉากที่
บูใหญ่ ปลอบใจทัคกี้ ถึงแม้จะไม่ได้เห็นด้วยทั้งหมดกับทฤษฎีที่ยกมา แต่ก็เป็นอะไรที่น่าคิดดี ในซีซั่นที่แล้วเหตุผลที่ทัคกี้ตีซี้กับบูก็เพื่อเข้าร่วม "gay agenda" แต่ในซีซั่นนี้มิตรภาพของบูและทัคกี้พัฒนาขึ้นอย่างจริงใจ เป็นคู่ที่ไม่น่าจะเป็นเพื่อนกันได้แต่ขอบอกเลยว่าน่าประทับใจค่ะ
นอกจากตัวละครขาประจำแล้ว ซีซั่นนี้มีตัวละครใหม่เพิ่มขึ้นมาได้แก่
เจ้าหน้าที่เบอร์ดี้ โรเจอร์ส (Marsha Stephanie Blake) และ
มัวรีน คูคูดิโอ (Emily Althaus) ตัวหลังนี้ไม่ได้สำคัญนักแต่ช่วงท้ายๆจะโผล่มาให้เห็นบ่อยขึ้น
เก็บตกสุดท้ายเป็นอะไรที่ขาดไม่ได้ของ OitNB คือฉาก flashback ซึ่งโดยปกติหนึ่งตอนจะมี flashback ของตัวละครแค่ตัวเดียวหรือไม่ก็ไพเพอร์+ตัวละครอีกตัวหนึ่งเท่านั้น แต่ episode นี้เป็นครั้งแรกที่มี flashback แบบ"รวมมิตร"โดยมีธีมหลักคือ motherhood นั่นเอง
ดู episode นี้จบแล้วมีความคิดเห็นอย่างไรก็เชิญคอมเม้นท์พูดคุยกันได้ตามสบายนะคะ ไว้ค่อยคุยกันต่อในตอนหน้า
[RECAP+ชวนคุย] Orange is the New Black - S03E01 - Mother's Day
ขึ้นตอนแรกของปี 3 ด้วยชื่อตอนว่า "Mother's Day" ง่ายๆ ตรงตัวที่สุด เปิดฉากมาด้วย ผู้คุมเบล และ ผู้คุมแม็กซ์เวล พา เพ็นซาทัคกี้ ไปช็อปปิ้งของประดับวันแม่ ถึงแม้ตัวละครเพ็นซาทัคกี้จะได้เริ่ม redeem ตัวเองไปบ้างแล้วในซีซั่นก่อน แต่ก็ยังคงความเป็น ignorant racist ไม่จางหาย
* Cinco de Mayo หรือ "5 พฤษภา" วันเฉลิมฉลองของชาวเม็กซิกันที่รบชนะกองทัพฝรั่งเศส
** Saint Patrick's Day ตรงกับวันที่ 17 มีนาคม เป็นประเพณีเฉลิมฉลองของชาวไอริช
*** วันแม่ของสหรัฐตรงกับวันอาทิตย์ในสัปดาห์ที่สองของเดือนพฤษภาคม
ตัวละครเชื้อสายละตินในเรื่องส่วนใหญ่อาศัยอยู่ในรัฐนิวยอร์กซึ่งมักจะมาจากทางแคริบเบียน (โดมินิกัน, เปอร์โตริโก, คิวบา ฯลฯ) จึงไม่ใช่เม็กซิกันอย่างที่ทัคกี้เหมารวม
ignorant racist อีกคน (แต่คนนี้โปรดค่ะ) ลอร์น่า โมเรลโล่ ถูกปลดจากตำแหน่งคนขับรถเพราะดันปล่อยป้าโรซ่าซิ่งแหกคุกไปได้ (อ้อ เกือบลืม ตอนต้นเรื่องคอนเฟิร์มแล้วว่าป้าแกตายจริงๆโดยการขับรถไปชนเหมืองลาโลกอย่างรุ่งโรจน์สมใจแก) ตอนนี้นางต้องไปขัดส้วมแทน และสิ่งเดียวที่ชุบชูใจของลอร์น่าได้ก็คือการแต่งสวย ถึงขนาดโกหกว่าเป็นแม่ลูก 4 เพื่อลัดคิวขอทำผมกับโซเฟีย
โซเฟียเองก็ตั้งตาคอยวันแม่ เพราะไมเคิลลูกชายจะมาเยี่ยม แต่ก็ต้องรู้สึกอึดอัดใจ เพราะไมเคิลไม่อยากได้โซเฟียเป็นแม่คนที่สอง แถมตอนนี้แฟนใหม่ของแม่ที่เป็นบาทหลวงก็กึ่งๆเข้ามารับหน้าที่พ่อแทน โซเฟียจึงแอบอิจฉาเล็กน้อยและเกทับด้วยการสอนวิธีโกนหนวดและวิธีจีบสาวให้ไมเคิล
อีกคนที่มีลูกมาเยี่ยมก็คือ กลอเรีย ซึ่งได้ทราบข่าวจากลูกชายคนเล็กว่าพี่ชายของเขาริอาจทำตัวเป็นเด็กเกเร ในขณะเดียวกันกลอเรียกับป้านอร์ม่าก็แท็กทีมเปิดตำหนักรับปัดรังควาน อันเป็นผลสืบเนื่องมาจากที่ช่วยกันทำคุณไสยเสกขนหมาใส่หัวฟูๆของเจ๊วีจนม่องเท่ง แหม ของเขาแรงขนาดนี้ตำหนักกลอนอร์ (หรือก็คือห้องครัวนั่นเอง) จึงหัวกระไดไม่แห้ง มีแต่คนมาขอให้ช่วยซึ่งรวมถึง พูเซ ที่ดูจะสนใจไม่น้อย เพราะพักหลังนี้นางรู้สึกเคว้งคว้างเลยคิดว่านี่อาจจะช่วยเติมเต็มความรู้สึกว่างเปล่าในจิตใจได้
ส่วน เจ๊แดง หลังจากหายดีกลับมาจากห้องพยาบาลแล้ว (พร้อมรอยแผลเป็นดูมาเฟียสุดๆ) ก็ตัดสินใจโบกปูนปิดอุโมงค์ทิ้งซะ แต่ยังไม่วายแอบกัดเจ๊วีต่อให้ตายไปแล้ว
ผัวและลูกชายทั้ง 3 คนของเจ๊แดงมาเยี่ยมกันพร้อมหน้าพร้อมตา เจ๊แดงถามว่าแห่กันมาหมดไม่มีใครเฝ้าร้านเหรอ ผัวเจ๊แกล้งทำเนียนบอกว่าไม่เป็นไรหรอก แต่เจ๊แดงจับไต๋ได้ เป็นอันว่าเจ๊รู้ความจริงที่ไพเพอร์โกหกเรื่องที่ว่าแวะไปที่ร้านตอนได้เฟอร์โลห์
พูดถึง ไพเพอร์ นางเป็นต้นเหตุให้ อเล็กซ์ ถูกส่งตัวกลับมาลิทช์ฟิลด์ อันนี้ก็ไม่รู้ว่าจะขอบคุณหรือโกรธนางดี ถ้าเป็นอเล็กซ์ก็คงโกรธเป็นแน่ แต่สำหรับติ่งพี่อเล็กซ์อย่างเราๆพากันดีใจที่ได้เห็น "เบ็ตตี้ เพจแห่งลิทช์ฟิลด์" อีกครั้ง
ชอบตรงที่คนเขียนบทขยันแซวเรื่องความสูงของอเล็กซ์เหมือนเป็น running joke ตั้งแต่ซีซั่นแรก ( Stretch, Lurch, Sasquatch) ทั้งที่ไพเพอร์สูงพอๆกับอเล็กซ์ ต่างกันไม่เกิน 1-2 นิ้ว แต่ใครๆกลับสังเกตเห็นและแซวความสูงของอเล็กซ์มากกว่า คงเพราะเวลายืนหรือเดินแล้วอเล็กซ์ดู "ตระหง่าน" กว่าล่ะมั้ง
อเล็กซ์กลับมาลิทช์ฟิลด์ในสภาพที่ออกจะเยินเล็กน้อย (แต่ประมาณ episode 4 เป็นต้นไป หลังจากสลัดชุดส้มมาห่มชุดกากีแล้ว อเล็กซ์จะกลับมากรอบกร๊วบถูกใจติ่งทั้งหลายไปจนจบซีซั่นเลยค่ะ ) แถมเอาแต่ร้องไห้โทษตัวเองว่าโง่ที่ทำให้ตัวเองกลับเข้าคุกอีก ไพเพอร์รู้แก่ใจว่านางเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้อเล็กซ์ถูกส่งกลับมา แต่นางก็ยังไม่กล้าสารภาพกับอเล็กซ์
ฉากที่ชอบโดยส่วนตัวใน episode นี้คือฉากที่ บูใหญ่ ปลอบใจทัคกี้ ถึงแม้จะไม่ได้เห็นด้วยทั้งหมดกับทฤษฎีที่ยกมา แต่ก็เป็นอะไรที่น่าคิดดี ในซีซั่นที่แล้วเหตุผลที่ทัคกี้ตีซี้กับบูก็เพื่อเข้าร่วม "gay agenda" แต่ในซีซั่นนี้มิตรภาพของบูและทัคกี้พัฒนาขึ้นอย่างจริงใจ เป็นคู่ที่ไม่น่าจะเป็นเพื่อนกันได้แต่ขอบอกเลยว่าน่าประทับใจค่ะ
นอกจากตัวละครขาประจำแล้ว ซีซั่นนี้มีตัวละครใหม่เพิ่มขึ้นมาได้แก่ เจ้าหน้าที่เบอร์ดี้ โรเจอร์ส (Marsha Stephanie Blake) และ มัวรีน คูคูดิโอ (Emily Althaus) ตัวหลังนี้ไม่ได้สำคัญนักแต่ช่วงท้ายๆจะโผล่มาให้เห็นบ่อยขึ้น
เก็บตกสุดท้ายเป็นอะไรที่ขาดไม่ได้ของ OitNB คือฉาก flashback ซึ่งโดยปกติหนึ่งตอนจะมี flashback ของตัวละครแค่ตัวเดียวหรือไม่ก็ไพเพอร์+ตัวละครอีกตัวหนึ่งเท่านั้น แต่ episode นี้เป็นครั้งแรกที่มี flashback แบบ"รวมมิตร"โดยมีธีมหลักคือ motherhood นั่นเอง
ดู episode นี้จบแล้วมีความคิดเห็นอย่างไรก็เชิญคอมเม้นท์พูดคุยกันได้ตามสบายนะคะ ไว้ค่อยคุยกันต่อในตอนหน้า