สำหรับตอนที่แล้วหาอ่านได้ที่นี่ค่ะ http://ppantip.com/topic/33904465
ในตอนที่ 2 นี้มีชื่อว่า
Bed Bugs and Beyond เป็นการเลียนเสียงล้อเลียนร้าน Bed Bath & Beyond เจ้า "bedbugs" หรือ ตัวเรือด กลายเป็นเรื่องเด่นประเด็นร้อนประจำตอนนี้เพราะเกิดมีการแพร่ระบาดไปทั่วลิทช์ฟิลด์โดยมี "คนไข้หมายเลขศูนย์" อยู่ในถิ่นสแปนิช ฮาร์เล็ม เมื่อน้อง
ฟลาก้า ไปที่ห้องพยาบาลเพราะคิดว่าตัวเองติดโลนแต่กลับกลายเป็นตัวเรือดแทน
ส่วนสาเหตุที่ตัวเรือดเข้ามาในเรือนจำได้อย่างไรนั้นยังคงเป็นปริศนา บ้างก็โทษเด็ก (
ลูซี่ น้องสาวคนเล็กของดายาคันหัวยิกๆเมื่อ episode ที่แล้ว) บ้างก็โทษตัวเอง (ผู้คุม
เบล และ
โอนีล ไปแบกโซฟาข้างถนนที่ไหนก็ไม่รู้เข้าบ้าน)
การที่ตัวเรือดระบาดเป็นผลให้เสื้อผ้าเอย ฟูกที่นอนเอย ยันไปถึงหนังสือ ต้องนำไปถูกซักหรือเผา ในเมื่อไม่มีเสื้อผ้าให้ใส่ก็เลยต้องคิดหาแฟชั่นแนวใหม่
ได้แก่ ใส่ชุดกระดาษที่ทางเรือนจำจัดหาให้ (ซึ่งก็มีไม่พออีก) หรือไม่ก็เดินพาเหรดไปทั่วในกกน.ยานๆและยกทรงคุณย่า (บางคนก็เพลินตาดี บางคนก็...อ่ะนะ) หรือไอเดียนักประดิษฐ์งัดถุงขยะมาใช้ให้เกิดประโยชน์
เรื่องความคิดสร้างสรรค์นั้นสาวๆแห่งลิทช์ฟิลด์เชี่ยวชาญอยู่แล้ว แต่ละนางก็มีวิธีป้องกันตัวเรือดและรักษาอาการแตกต่างกันไป มีทั้งเอาสเปรย์ฉีดฆ่าเชื้อ ไม่ก็วิธีธรรมชาติอย่างใบต้นถั่วและข้าวโอ๊ต หรือพึ่งไสยศาสตร์อย่างการเอากระเทียมมาคล้องคอก็มี หรือไม่ก็ใช้จิตวิทยาแบบ
ซูแซนน์ โดยการ...เอ่อ...กินมันไปเลย
ว่ากันโดยรวมๆแล้วมาเข้าเรื่องหลักของตัวละครกันดีกว่า หลังจาก
เจ๊แดง รู้ความจริงเรื่องร้านแล้ว เจ๊แดงโกรธที่
ไพเพอร์ โกหก
ไพเพอร์อ้างว่าที่ทำไปเพราะนางอยากถนอมน้ำใจเจ๊ แต่เจ๊ก็รู้ทันอีกหาว่าที่ไพเพอร์โกหกไม่ใช่เพราะเห็นแก่เจ๊ แต่เห็นแก่ตัวเองต่างหาก
โดนเจ๊แดงด่าเพราะโกหกไม่พอ ยังต้องมาเจอ
อเล็กซ์ ด่าเพราะสารภาพความจริงอีก เมื่อถูกอเล็กซ์ต้อนจนมุมไพเพอร์จึงทนต่อความรู้สึกผิดไม่ไหวสารภาพว่าตัวเองนี่แหละที่โทรไปหา
พอลลี่ ให้ไปฟ้องกับเจ้าหน้าที่คุมประพฤติของอเล็กซ์ อเล็กซ์โกรธจัดด่าไพเพอร์ด้วยคำพูดที่แสบสันต์ (ขออภัยที่ใช้คำแปลหยาบคาย แต่คำที่อเล็กซ์ด่ามันแรงจริงๆ และมันเสียดแทงใจไพเพอร์มากถึงขนาดไม่กล้าเอ่ยกับเจ๊แดงเมื่อเล่าให้ฟังในภายหลัง ก็เลยอยากจะคงความแรงของคำนั้นเอาไว้)
ตกดึกไพเพอร์ก็นอนรำพึงให้เจ๊แดงฟังว่าไม่ว่านางจะพูดจริงหรือโกหกก็เจอเรื่องเดือดร้อนอยู่วันยังค่ำ เจ๊แดงเลยบอกให้ไพเพอร์เลิกโลกสวยซะที และปลุกความเป็นรัสเซียภายในตัวออกมา
No more bullsh*t !
วันต่อมาไพเพอร์และอเล็กซ์จึงไปสะสางเรื่องคาใจกันที่ห้องสมุด...ในสไตล์ที่ละครไทยคงเป็นปลื้ม #ตบจูบ
fun fact :
เทย์เลอร์ ชิลลิ่ง ประสบอุบัติเหตุเล็กน้อยตอนถ่ายฉากนี้ ตอนที่นางถลกเสื้อขึ้น ป้ายชื่อของนางดันบาดแก้มตัวเองเข้า ทางทีมงานเลยต้องหยุดถ่ายสักพักเพื่อให้เลือดหยุดไหล
อีกคู่ที่มีอุปสรรคมากมายไม่แพ้กันคือ
ดายา กับ
เบ็นเน็ตต์ ในตอนที่แล้วดายาได้รับจดหมายจาก
ดีเลีย พาวล์ (Mary Steenburgen) หรือหม่อมแม่ของ
ไอ้หนวดหื่น ดายาไม่ได้ตอบกลับจดหมาย แต่
อเลดา ผู้เป็นแม่ขโมยและตอบกลับเพื่อขอนัดพบเสียเองโดยมีจุดประสงค์ที่จะรีดไถเงิน แต่ดีเลียเสนอจะรับอุปการะหลานและมอบโอกาสที่ดีกว่าในชีวิตแทน
อเลดานำข้อเสนอนี้ไปบอกกับดายาและเบ็นเน็ตต์ เบ็นเน็ตต์ค้านหัวชนฝา แต่ดายาดูเหมือนจะลังเลใจ หลังจากนั้นเบ็นเน็ตต์จึงตัดสินใจขอดายาแต่งงานโดยใช้แหวนที่ทำจากกระดาษห่อหมากฝรั่งเป็นสัญลักษณ์ของครั้งแรกที่ทั้งคู่ได้พบกัน
ย้อนไปที่
flashback ประจำตอนนี้ซึ่งเป็นของเบ็นเน็ตต์ในสมัยที่เขาเป็นทหารไปประจำการอยู่ในตะวันออกกลาง ในตอนแรกสิบโทเบ็นเน็ตต์ก็ดูเป็นพระเอกนักบู๊ใจกล้าดีอยู่หรอก แต่พองานเข้า (ลูกระเบิด) เบ็นเน็ตต์ก็กลายเป็นฟ็อบบิตปอดแหกทันที
สงสัยกลัวจะหาว่า episode นี้ลำเอียงให้พวกสาวๆเดินกึ่งโป๊กันแทบทั้งตอนล่ะมั้ง ก็เลยให้ฝ่ายชายเปลือยท่อนบนบ้าง โอ้แม่เจ้า! ใครจะไปรู้ว่าเบ็นเน็ตต์อวบอึ๋มคัพซีใหญ่กว่านังไพปส์ซะอีก
fun fact :
แม็ตต์ แม็คกอรี่ เคยเป็นนักเพาะกายมาก่อน
เบ็นเน็ตต์แวะไปหา
เซซาร์ และน้องๆของดายาเพื่อบอกข่าวดี แต่ก็ต้องผงะกับเทคนิคเลี้ยงลูกสายโหดของเซซาร์ เบ็นเน็ตต์เริ่มตระหนักอย่างแท้จริงถึงภาระรับผิดชอบที่กำลังรออยู่เบื้องหน้า สัญชาตญาณขี้ขลาดจึงผุดขึ้นมา เบ็นเน็ตต์เปิดหนีทิ้งลิช์ฟิลด์ไปโดยไม่แม้แต่กล่าวลากับดายา
"...You bloody motherf*cking a$$hole."
(การที่ตัวละครจอห์น เบ็นเน็ตต์ต้องออกไปตั้งแต่ต้นซีซั่นเลยเป็นเพราะว่าแม็ตต์ แม็คกอรี่ไปได้บทใหม่ในซีรี่ย์เรื่อง How to Get Away with Murder)
เรื่องสุดท้ายแต่สำคัญเพราะจะเป็นหนึ่งใน story arc ของซีซั่นนี้คือการที่
คาปูโต ได้รู้ว่า
ลิทช์ฟิลด์กำลังจะถูกปิดตัวลงภายใน 2 เดือน
แย่แล้ว งานเข้าของจริง
จะทำยังไงกันดีล่ะที่นี้
ดู episode นี้จบแล้วมีความคิดเห็นอย่างไรก็เชิญคอมเม้นท์พูดคุยกันได้ตามสบายนะคะ ไว้ค่อยคุยกันต่อในตอนหน้า
[RECAP+ชวนคุย] Orange is the New Black - S03E02 - Bed Bugs and Beyond
ในตอนที่ 2 นี้มีชื่อว่า Bed Bugs and Beyond เป็นการเลียนเสียงล้อเลียนร้าน Bed Bath & Beyond เจ้า "bedbugs" หรือ ตัวเรือด กลายเป็นเรื่องเด่นประเด็นร้อนประจำตอนนี้เพราะเกิดมีการแพร่ระบาดไปทั่วลิทช์ฟิลด์โดยมี "คนไข้หมายเลขศูนย์" อยู่ในถิ่นสแปนิช ฮาร์เล็ม เมื่อน้อง ฟลาก้า ไปที่ห้องพยาบาลเพราะคิดว่าตัวเองติดโลนแต่กลับกลายเป็นตัวเรือดแทน
ส่วนสาเหตุที่ตัวเรือดเข้ามาในเรือนจำได้อย่างไรนั้นยังคงเป็นปริศนา บ้างก็โทษเด็ก (ลูซี่ น้องสาวคนเล็กของดายาคันหัวยิกๆเมื่อ episode ที่แล้ว) บ้างก็โทษตัวเอง (ผู้คุม เบล และ โอนีล ไปแบกโซฟาข้างถนนที่ไหนก็ไม่รู้เข้าบ้าน)
การที่ตัวเรือดระบาดเป็นผลให้เสื้อผ้าเอย ฟูกที่นอนเอย ยันไปถึงหนังสือ ต้องนำไปถูกซักหรือเผา ในเมื่อไม่มีเสื้อผ้าให้ใส่ก็เลยต้องคิดหาแฟชั่นแนวใหม่ ได้แก่ ใส่ชุดกระดาษที่ทางเรือนจำจัดหาให้ (ซึ่งก็มีไม่พออีก) หรือไม่ก็เดินพาเหรดไปทั่วในกกน.ยานๆและยกทรงคุณย่า (บางคนก็เพลินตาดี บางคนก็...อ่ะนะ) หรือไอเดียนักประดิษฐ์งัดถุงขยะมาใช้ให้เกิดประโยชน์
เรื่องความคิดสร้างสรรค์นั้นสาวๆแห่งลิทช์ฟิลด์เชี่ยวชาญอยู่แล้ว แต่ละนางก็มีวิธีป้องกันตัวเรือดและรักษาอาการแตกต่างกันไป มีทั้งเอาสเปรย์ฉีดฆ่าเชื้อ ไม่ก็วิธีธรรมชาติอย่างใบต้นถั่วและข้าวโอ๊ต หรือพึ่งไสยศาสตร์อย่างการเอากระเทียมมาคล้องคอก็มี หรือไม่ก็ใช้จิตวิทยาแบบ ซูแซนน์ โดยการ...เอ่อ...กินมันไปเลย
ว่ากันโดยรวมๆแล้วมาเข้าเรื่องหลักของตัวละครกันดีกว่า หลังจาก เจ๊แดง รู้ความจริงเรื่องร้านแล้ว เจ๊แดงโกรธที่ ไพเพอร์ โกหก ไพเพอร์อ้างว่าที่ทำไปเพราะนางอยากถนอมน้ำใจเจ๊ แต่เจ๊ก็รู้ทันอีกหาว่าที่ไพเพอร์โกหกไม่ใช่เพราะเห็นแก่เจ๊ แต่เห็นแก่ตัวเองต่างหาก
โดนเจ๊แดงด่าเพราะโกหกไม่พอ ยังต้องมาเจอ อเล็กซ์ ด่าเพราะสารภาพความจริงอีก เมื่อถูกอเล็กซ์ต้อนจนมุมไพเพอร์จึงทนต่อความรู้สึกผิดไม่ไหวสารภาพว่าตัวเองนี่แหละที่โทรไปหา พอลลี่ ให้ไปฟ้องกับเจ้าหน้าที่คุมประพฤติของอเล็กซ์ อเล็กซ์โกรธจัดด่าไพเพอร์ด้วยคำพูดที่แสบสันต์ (ขออภัยที่ใช้คำแปลหยาบคาย แต่คำที่อเล็กซ์ด่ามันแรงจริงๆ และมันเสียดแทงใจไพเพอร์มากถึงขนาดไม่กล้าเอ่ยกับเจ๊แดงเมื่อเล่าให้ฟังในภายหลัง ก็เลยอยากจะคงความแรงของคำนั้นเอาไว้)
ตกดึกไพเพอร์ก็นอนรำพึงให้เจ๊แดงฟังว่าไม่ว่านางจะพูดจริงหรือโกหกก็เจอเรื่องเดือดร้อนอยู่วันยังค่ำ เจ๊แดงเลยบอกให้ไพเพอร์เลิกโลกสวยซะที และปลุกความเป็นรัสเซียภายในตัวออกมา No more bullsh*t !
วันต่อมาไพเพอร์และอเล็กซ์จึงไปสะสางเรื่องคาใจกันที่ห้องสมุด...ในสไตล์ที่ละครไทยคงเป็นปลื้ม #ตบจูบ
fun fact : เทย์เลอร์ ชิลลิ่ง ประสบอุบัติเหตุเล็กน้อยตอนถ่ายฉากนี้ ตอนที่นางถลกเสื้อขึ้น ป้ายชื่อของนางดันบาดแก้มตัวเองเข้า ทางทีมงานเลยต้องหยุดถ่ายสักพักเพื่อให้เลือดหยุดไหล
อีกคู่ที่มีอุปสรรคมากมายไม่แพ้กันคือ ดายา กับ เบ็นเน็ตต์ ในตอนที่แล้วดายาได้รับจดหมายจาก ดีเลีย พาวล์ (Mary Steenburgen) หรือหม่อมแม่ของ ไอ้หนวดหื่น ดายาไม่ได้ตอบกลับจดหมาย แต่ อเลดา ผู้เป็นแม่ขโมยและตอบกลับเพื่อขอนัดพบเสียเองโดยมีจุดประสงค์ที่จะรีดไถเงิน แต่ดีเลียเสนอจะรับอุปการะหลานและมอบโอกาสที่ดีกว่าในชีวิตแทน
อเลดานำข้อเสนอนี้ไปบอกกับดายาและเบ็นเน็ตต์ เบ็นเน็ตต์ค้านหัวชนฝา แต่ดายาดูเหมือนจะลังเลใจ หลังจากนั้นเบ็นเน็ตต์จึงตัดสินใจขอดายาแต่งงานโดยใช้แหวนที่ทำจากกระดาษห่อหมากฝรั่งเป็นสัญลักษณ์ของครั้งแรกที่ทั้งคู่ได้พบกัน
ย้อนไปที่ flashback ประจำตอนนี้ซึ่งเป็นของเบ็นเน็ตต์ในสมัยที่เขาเป็นทหารไปประจำการอยู่ในตะวันออกกลาง ในตอนแรกสิบโทเบ็นเน็ตต์ก็ดูเป็นพระเอกนักบู๊ใจกล้าดีอยู่หรอก แต่พองานเข้า (ลูกระเบิด) เบ็นเน็ตต์ก็กลายเป็นฟ็อบบิตปอดแหกทันที
สงสัยกลัวจะหาว่า episode นี้ลำเอียงให้พวกสาวๆเดินกึ่งโป๊กันแทบทั้งตอนล่ะมั้ง ก็เลยให้ฝ่ายชายเปลือยท่อนบนบ้าง โอ้แม่เจ้า! ใครจะไปรู้ว่าเบ็นเน็ตต์อวบอึ๋มคัพซีใหญ่กว่านังไพปส์ซะอีก
fun fact : แม็ตต์ แม็คกอรี่ เคยเป็นนักเพาะกายมาก่อน
เบ็นเน็ตต์แวะไปหา เซซาร์ และน้องๆของดายาเพื่อบอกข่าวดี แต่ก็ต้องผงะกับเทคนิคเลี้ยงลูกสายโหดของเซซาร์ เบ็นเน็ตต์เริ่มตระหนักอย่างแท้จริงถึงภาระรับผิดชอบที่กำลังรออยู่เบื้องหน้า สัญชาตญาณขี้ขลาดจึงผุดขึ้นมา เบ็นเน็ตต์เปิดหนีทิ้งลิช์ฟิลด์ไปโดยไม่แม้แต่กล่าวลากับดายา
"...You bloody motherf*cking a$$hole."
(การที่ตัวละครจอห์น เบ็นเน็ตต์ต้องออกไปตั้งแต่ต้นซีซั่นเลยเป็นเพราะว่าแม็ตต์ แม็คกอรี่ไปได้บทใหม่ในซีรี่ย์เรื่อง How to Get Away with Murder)
เรื่องสุดท้ายแต่สำคัญเพราะจะเป็นหนึ่งใน story arc ของซีซั่นนี้คือการที่ คาปูโต ได้รู้ว่าลิทช์ฟิลด์กำลังจะถูกปิดตัวลงภายใน 2 เดือน
แย่แล้ว งานเข้าของจริง จะทำยังไงกันดีล่ะที่นี้
ดู episode นี้จบแล้วมีความคิดเห็นอย่างไรก็เชิญคอมเม้นท์พูดคุยกันได้ตามสบายนะคะ ไว้ค่อยคุยกันต่อในตอนหน้า