สนช.ซัด กสทช.ใช้งบผิดหลักการไม่สอดคล้อง


สนช.ซัด กสทช.ใช้งบผิดหลักการ
กมธ.ศึกษาผลงาน กสทช. สรุปใช้จ่ายงบไม่สอดคล้องหลัก ธรรมาภิบาล กรอบการเงินการคลัง จี้แก้ไข พ.ร.บ.-กฎระเบียบที่เกี่ยวข้อง พร้อมเสนอให้ กปต. เป็นอิสระ ขึ้นตรงวุฒิสภา เพื่อทำงานได้เต็มที่
          
วานนี้ (9 ก.ค.) ที่ประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ได้พิจารณาและให้ความเห็นชอบรายงานการพิจารณาศึกษา ติดตาม และตรวจสอบการปฏิบัติงานของคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.)  ซึ่งคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษา ติดตาม และตรวจสอบการปฏิบัติงานของ กสทช. ที่มี  พล.อ.สมเจตน์ บุญถนอม สนช. เป็นประธานฯ ได้พิจารณาเสร็จแล้ว โดยพล.อ.สมเจตน์ ได้นำเสนอรายงานพร้อมข้อสังเกต ข้อเสนอแนะ ทั้งการใช้จ่ายงบประมาณ และติดตามการดำเนินการของ กสทช. ด้านการบังคับใช้กฎหมาย และระเบียบที่เกี่ยวข้องกับปฏิบัติของ กสทช. พร้อมทั้งแจ้งไปยังรัฐบาล และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการต่อไป โดยรายงานระบุถึงการจัดทำ และการบริหารงบประมาณประจำปี  2556 ของ กสทช. ไม่ได้ดำเนินการสอดคล้องกับหลักธรรมา ภิบาลในการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี และกรอบวินัยการคลังที่ดี การเบิกจ่ายไม่เป็นไปตามแผนงานที่กำหนด จนเป็นเหตุให้มีการกันเงินเหลื่อมปีจำนวนมาก
          
พล.อ.สมเจตน์ กล่าวว่า จากการตรวจสอบค่าใช้จ่ายการดำเนินงานของปี 2556  พบข้อบกพร่องในการจากการจ้างที่ปรึกษา ไม่มีแผนงานการจัดจ้าง การดำเนินการมักมีผู้เสนอราคาเพียงรายเดียว และใช้วิธีพิเศษ ขั้นตอนในการจัดจ้างและจัดทำขอบเขตการดำเนินงาน (TOR) ไม่โปร่งใส  กำหนดกิจกรรมในแต่ละโครงการไม่ชัดเจน งบประชาสัมพันธ์พบว่าถูกใช้จ่ายไปอย่างฟุ่มเฟือยเกินความจำเป็น เน้นประชาสัมพันธ์ภาพลักษณ์ขององค์กรมากกว่าส่งเสริมความรู้ให้ประชาชน กมธ.จึงเห็นควรให้มีการพิจารณาทบทวนเพื่อนำไปสู่การพิจารณาแก้ไข พ.ร.บ.กสทช. 2553 และระเบียบต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับโครงสร้าง และความเป็นอิสระของ กสทช.ให้มีความสมบูรณ์และชัดเจน อาทิ ให้อำนาจการตัดสินใจเพื่อลงมติให้ดำเนินโครงการสำคัญ ซึ่งจำเป็นต้องใช้วงเงินงบประมาณจำนวนสูงมากนั้นให้เป็นมติของที่ประชุม กสทช. เท่านั้น เพื่อป้องกันการใช้มติ 3 ใน 5 ของ คณะกรรมการเฉพาะด้าน ในการประชุมเรื่องเรื่องสำคัญ
          
พล.อ.สมเจตน์ กล่าวอีกว่า สำหรับการปฏิบัติหน้าที่ของคณกรรมการติดตามและประเมินผล การปฏิบัติงานของ กสทช. หรือ ซูเปอร์บอร์ด ก็ประสบปัญหา ไม่สามารถวัดประสิทธิภาพและประสิทธิผลการดำเนินการของ กสทช.ได้อย่างแท้จริง เนื่องจากไม่ได้รับความร่วมมือจาก กสทช. ทั้งข้อมูล และหลักฐาน อีกทั้ง กปต.ได้รับงบประมาณสนับสนุนจาก กสทช. ทั้งที่เป็นหน่วยงานที่ต้องเข้าไปตรวจสอบ ดังนั้น จึงควรพิจารณาทบทวนว่ายังควรมี กปต. ต่อไปหรือไม่ ซึ่งหากคงไว้ จะต้องมีความเป็นอิสระ ขึ้นตรงกับวุฒิสภาเพื่อทำหน้าที่ตรวจสอบอย่าง เต็มที่
          
นอกจากนี้ เห็นควรให้แก้ไข พ.ร.บ. กสทช.  มาตรา 24 และมาตรา  59  กำหนดให้การเปิดเผยข้อมูลตามวรรคหนึ่งต้องดำเนินการภายในระยะเวลาไม่เกินสามสิบวัน นับแต่วันที่สำนักงาน กสทช.ได้รับข้อมูลเว้นแต่เหตุจำเป็นให้ขยายเวลาออกไปได้อีกไม่เกิน 15 วัน แต่ต้องแสดงเหตุผล และความจำเป็นที่ต้องขยายเวลาไว้ด้วย

ขอขอบคุณแหล่งข่าว
หนังสือพิมพ์ เอเอสทีวีผู้จัดการรายวัน ฉบับวันที่ 10 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

หมายเหตุ TAG ห้องมาบุญครอง และ สถานีโทรทัศน์ เนื่องจากอยู่ภายใต้กำกับดูแลของ กสทช
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่