“ เอา ตัวนี้เสร็จแล้ว แต่มันไม่ละเอียดเท่าไร ถ้าจะให้ละเอียดต้องใช้เวลาตกแต่งนานกว่านี้ ”
“ น่ารักจัง กระต่ายตัวจิ๋ว ฉันจะทำแบบนี้ได้ไหมคะนี่ ”
“ ใจเย็นๆสิครับ เพิ่งเริ่มหัดทำอย่าใจร้อน งานศิลปะต้องใจเย็นและอดทน ”
“ ค่ะ ทานของว่างก่อนเถอะค่ะ ดูสิน้ำแข็งละลายหมดแล้ว ”
ตะวันยกแก้วน้ำสีเหลืองอ่อนๆขึ้นดื่ม
“ น้ำอะไรครับนี่ หอมจัง ”
“ หอมหรือคะ มีคุณนี่แหระที่ชมว่าหอม รู้ไหมฉันทำเองเลยนะ เอาให้ใครกิน เขาว่ากลิ่นไม่ได้เรื่องกันทั้งนั้น ”
“ ทำไมล่ะ ผมว่าหอมชื่นใจดีออก กลิ่นคล้ายๆใบเตย ”
“ ไม่ใช่หรอกค่ะ มันเป็นดอกพิกุลตากแห้งผสมกับใบชาจีน ฉันเคยเห็นเขาเอาดอกมะลิตากแห้งผสมกับใบ ชาชงมันหอมดี ก็เลยลองเอาดอกพิกุลตากแห้งแล้วผสมกับใบชาชงดู มันก็หอมอย่างที่คุณดื่มนั่นแหละ ”
“ มิน่า กลิ่นมันหอมชื่นใจ หอมแปลกๆ คุณนี่เข้าใจคิดนะ แต่ระวังผิดสูตรขึ้นมาจะท้องไส้ปั่นป่วน ”
“ ไม่หรอกค่ะ ความจริงดอกพิกุลนี่เป็นยานะคะ ใช้สำหรับบำรุงหัวใจ ฉันอ่านเจอในตำราเก่าๆของคุณปู่ ”
“ คุณปู่ ”
“ ใช่ คุณปู่ของฉันท่านชอบต้นไม้ ต้นไม้พวกนี้ป้าอองบอกว่าคุณปู่เป็นคนหาเอามาปลูก ”
ตะวันเงียบ คุณปู่ หญิงสาวคนนี้เรียกปู่ของเขาว่าคุณปู่อย่างเต็มคำทั้งๆที่หล่อนไม่ได้เป็นสายเลือดใดๆของท่านสุรียาบดีเลย หล่อนมันลูกหลานกาฝากที่มาเกาะแล้วเจริญเติบโตที่นี่ งดงามเพราะต้นไม้ที่มาเกาะนั้นอุดมสมบูรณ์ไปด้วยปุ๋ยและน้ำอย่างดี จันทราเอามีดปาดไม้พยายามแกะให้เป็นรูป ตะวันลอบมองเธออย่างพินิจ หญิงสาวตรงหน้าเขานี้ สะสวยเกลี้ยงเกลา ผิวของเธอขาวอมชมพู รูปร่างบอบบางอ้อนแอ้น แก้มและปากของเธอแดงระเรื่อตามธรรมชาติ ขนตาที่ยาวงอนเป็นแผง จมูกโด่งน่ารัก จันทราสวยเหมือนดวงจันทร์จริงๆ ผุดผ่องเป็นยองใย เธอไม่เหมือนจามจุรี จามจุรีสวยงามฉูดฉาด ใครเห็นเป็นต้องหันมอง หล่อนแต่งตัวเปรี้ยว ทันสมัย แต่จันทราแต่งตัวน่ารักตามสบาย วันนี้เธอนุ่งกระโปรงยาวเข้ารูปกับเสื้อแขนเลยคอปาดก็ดูสวยสมวัยของเธอ จันทราอายุยี่สิบหรือยี่สิบต้นๆเพราะเธอเรียนอยู่ปีสามแล้ว
“ โอ๊ย ”
หญิงสาวร้อง เธอโดนมีดบาดจนได้ ตะวันตกใจรีบคว้ามือของเธอมาดู
“ ทำยังไง ผมบอกแล้วให้ระวัง ไหนดูซิบาดเข้าไปเยอะไหม ”
เลือดไหลจนหยดเพราะคมมีดบาดลึกมิใช่น้อย ตะวันกดแผลของเธอเอาไว้
“ อยู่เฉยๆนะ กดแผลเอาไว้ก่อนเลือดจะได้ไม่ออกมาก คุณเจ็บมากไหม ”
“ ค่ะ เจ็บ มีดมันคมจังฉันเผลอหน่อยเดียว ”
ตะวันล้วงหยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าเสื้อออกมาพันแผลให้ จันทรานิ่วหน้าเพราะปวดหนึบที่แผล
“ เลิกเลย วันนี้ไม่ต้องทำแล้ว เอาไว้ให้แผลของคุณหาย แล้วผมค่อยมาสอนให้ใหม่ก็แล้วกัน ”
“ ฉันสะเพร่าเอง ไม่เป็นอะไรหรอกค่ะ ถ้าคุณไม่รีบกลับ ไม้นั่นยังเหลือคุณก็ทำกระต่ายให้ฉันอีกตัวหนึ่งสิ ไอ้ตัวนี้มันจะได้มีเพื่อน ”
จันทรายังไม่วายอยากได้กระต่าย ตะวันถึงกับยิ้ม
“ คงไม่ทันแล้ว นี่จะห้าโมงเย็นแล้ว ผมต้องกลับก่อน เอาอย่างนี้ผมจะกลับไปทำแล้วเอาไปให้คุณที่มหาวิทยาลัยดีไหม วันพุธผมจะเอาไปให้คุณ จะทาสีให้ด้วยรับรองคุณต้องชอบแน่ๆ ”
“ ดีค่ะ แล้วฉันจะซักผ้านี่ไปคืนให้คุณด้วยนะคะ ”
“ ไม่ต้องหรอก แค่ผ้าผืนเดียว คุณเลิกใช้แล้วคุณก็ทิ้งมันไปเถอะ ”
ตะวันเก็บของเตรียมกลับ จันทรามองนิ้วที่พันผ้าเอาไว้ก้อนโต
“ คุณต้องกินยาแก้อักเสบนะ ไม่อย่างนั้นแผลจะอักเสบคุณจะปวดมาก มีดนี่ถ้าบาดแล้วจะปวดมากเพราะคมมันลึก ”
“ ค่ะ ”
จันทราเดินมาส่งตะวันที่ประตูด้านหลัง เธอยังกำกระต่ายตัวน้อยไว้ในกำมือมองตามตะวันที่เดินดุ่มออกไป หญิงสาวไม่สามารถรู้ได้เลยว่า เขาผู้นี้จะทำให้ชีวิตของเธอต้องเจ็บปวดทุกทรมานขนาดไหนในภายหน้า
ทัตตั้งใจมาหาเรื่องตะวันที่บริษัทเขาเดินไปที่โต๊ะที่ตะวันนั่งกำลังทำงานอยู่
“ ตั้งอกตั้งใจทำงานจริงนะ คงกลัวจะโดนไล่ออก ”
ตะวันเงยหน้ามอง เมื่อรู้ว่าเป็นทัตเขาก็ทำงานต่ออย่างไม่สนใจ แต่ทัตไม่รามือ
“ นี่ กูน่ะเพื่อนของเจ้านายนะโว้ย กูพูดด้วยทำไมไม่สนใจฟัง ”
ตะวันวางปากกามองหน้าทัตเขม็ง ชาตรีมองเพื่อนอย่างกังวน
“ คุณมีธุระอะไรล่ะ ถ้ามีธุระก็ว่ามา แต่ถ้าจะมาก่อกวนกันละก็ ผมยังไม่ว่าง ”
“ เอ๊ะ หาว่ากูมาก่อกวนหรือวะ คนอย่างมีอะไรน่าให้กูมาก่อกวนล่ะ ”
กุลธิดาและพนักงานที่กำลังนั่งทำงานกันอยู่พากันตกใจที่ทัตเสียงดังลั่น
“ จะไปรู้ได้อย่างไร เห็นมายืนทำท่ากร่างอยู่ตรงนี้ คุณมีอะไรก็ว่ามา ”
“ กูมายืนดูคนหน้าด้าน ที่ขอเข้ามาทำงานที่นี่ รู้หรือเปล่าไม่มีใครเขาเต็มใจจ้างหรอก ไอ้บ้านนอกชาวสวน ”
ตะวันผุดลุกขึ้นยืน เสียงของจามจุรีทำให้ทั้งทัตและตะวันหยุดชะงัก
“ อะไรกัน ทัต คุณมาเอะอะ อะไรที่นี่ ดูสิพนักงานของฉันแตกตื่นกันหมดแล้ว ”
“ ไอ้นี่มันยโสกับผม คุณจามดูมันสิ ”
“ พอค่ะ ทัตไปที่ห้องของจามดีกว่า มีอะไรเข้าไปคุยกันในนั้น เอาพวกเธอก็ทำงาน ไม่มีอะไรหรอก ตะวัน คุณก็ทำงานของคุณไป ”
ทัตเดินตามจามจุรีเข้าไปในห้อง ชาตรีกับกุลธิดาเข้ามาหาตะวัน
“ คุณตะวัน คุณมีปัญหาอะไรกับคุณทัดหรือ ผมเห็นเขาตั้งใจมาหาเรื่องคุณ ”
“ เปล่า ไม่มีอะไร เขาคงอยากอวดใครๆมั้งว่าเขาใหญ่ ”
“ จะเป็นไปได้อย่างไร คะ กับคนอื่นคุณทัตไม่เห็นสนใจใคร ”
“ ไปทำงานเถอะ เดี๋ยวท่านผู้จัดการออกมาเห็นจับกลุ่มกันอย่างนี้ได้โดนด่ากันทั้งสำนักงาน ”
ทัตเดินตามจามจุรีที่หน้างอทันทีเมื่อเข้ามาในห้อง
“ ทัต จามบอกคุณแล้วใช่ไหมว่านายตะวันนั่นน่ะเด็กฝากของคุณป้า คุณไปตอแยกับเขาทำไม ”
“ ก็ผมยังแค้นมันไม่หาย เห็นหน้ามันทีไรอยากอัดมันทุกที ”
“ แล้วคุณมีปัญญาไปทำอะไรเขาได้ไหมล่ะ จามกลัวคุณจะโดนเขาอัดกลับมาน่ะสิไม่ว่า ”
“ คุณจาม นี่มันถิ่นเรานะ ถ้ามันกล้าทำอะไรผม คุณก็ไล่มันออกไปเลยสิ ”
“ จามทำอย่างนั้นไม่ได้หรอก ถ้าใครๆทั้งบริษัทเขาเห็นว่าคุณไปหาเรื่องเขาก่อ ”
“ คุณจาม ”
“ ทัต จามขอร้อง ครั้งนี้เป็นครั้งที่สองแล้วนะว่าอย่าไปยุ่งกับเขา ถ้ามีครั้งที่สาม จามจะโกรธคุณไม่ยุ่งเกี่ยวอะไรด้วย คอยดูสิ ”
“ ก็ได้ ผมจะพยายามไม่ไปหาเรื่องมัน แต่ถ้าที่อื่นไม่แน่นะครับ ”
“ ได้ค่ะ ถ้าไม่ใช่ที่บริษัทนี่ คุณจะท้าเตะท้ายิงกับเขาก็เชิญตามสบาย แต่อย่ามาให้จามต้องไปหยอดน้ำข้าวต้มให้คุณนะ จามไม่เอาเด็ดขาด ”
“ คุณจาม ”
ทัตกลับไปแล้วจามจุรีเรียกตะวันเข้ามาพบ
“ จะเรียกมาด่าเรื่องเมื่อกลางวันหรือไงท่านผู้จัดการ ”
“ แล้วทำไมฉันต้องด่านายด้วยล่ะ ”
“ อ้าว ก็ผมเกือบมีเรื่องกับแฟนคุณ ”
“ บ้า ใครว่าทัตเป็นแฟนของฉัน เขาเป็นเพื่อนของฉันย่ะ แล้วที่ฉันเรียกนายมานี่ก็อยากจะถามว่าเย็นนี้นายว่างไหม ”
“ ไม่ว่าง ”
“ ฉันนึกแล้วว่านายต้องบอกว่าไม่ว่าง มีอะไรนักหนาหลังจากเลิกงาน ”
“ เมื่อเลิกงานแล้วก็เป็นเวลาส่วนตัวของผม ผมจะทำอะไรต้องมารายงานคุณด้วยหรือ ”
“ นี่นายตะวัน อย่ายั่วอารมณ์ฉันจะได้ไหม นายนี่ไม่เคยสักครั้งเลยนะที่จะไม่ยั่วอารมณ์ฉัน ”
“ เปล่า ผมจะไปยั่วคุณทำไม ผมก็พูดไปตามความจริง ผมไม่ว่างมีงานของผม ”
“ ฉันน่ะไม่บังคับนายหรอก ไม่ว่างก็ไม่ว่างสิ ฉันก็แค่อยากชวนนายไปบ้านท่านนายพลอุเทน เอาของไปเยี่ยมท่าน ท่านไม่สบาย ”
ตะวันชะงัก
“ แล้วทำไมคุณถึงชวนผมล่ะ คนอื่นมีตั้งเยอะ ”
“ ก็นายอยู่ฝ่ายบัญชี เผื่อท่านจะถามถึงรายรับรายจ่ายของบริษัท นายจะได้ช่วยฉันตอบยังไง ”
“ ถ้าอย่างนั้นผมก็ไปกับคุณได้ ”
“ แน่ใจนะว่าทิ้งงานส่วนตัวของนายได้ ”
“ แน่ใจสิ ”
“ อย่างนั้นตอนเย็นงานเลิกนายไปกับฉัน เดี๋ยวฉันจะให้เรขาไปจัดกระเช้าผลไม้จะเอาไปเยี่ยมท่าน ”
จามจุรีพาตะวันมาที่บ้านท่านนายพลอุเทน ท่านนายพลนอนพักผ่อนอยู่ที่ระเบียงเรือนไทยหลังใหญ่
“ หนูมากราบเยี่ยมคุณลุงค่ะ ”
“ ขอบใจมาก ความจริงไม่ต้องลำบากมาเยี่ยมก็ได้ ลุงไม่ได้เป็นอะไร ก็แค่โรคคนแก่ธรรมดา ”
“ คุณพ่อฝากความเป็นห่วงมาถึงคุณลุงด้วยนะคะ ”
“ กลับไปบอกพ่อของหนูด้วยนะว่าลุงขอบใจ แล้วนี่ใครล่ะหืมม์ ”
ท่านอุเทนหันมาถามตะวันที่นั่งพับเพียบอยู่ใกล้ๆจามจุรี
“ ตะวันค่ะ เขาอยู่ฝายบัญชีของบริษัท ”
ตะวันก้มกราบท่านนายพล ท่านผู้เฒ่าจ้องเขาเขม็ง
“ ทำไมหน้าตาเธอถึงได้คุ้นๆนะ เหมือนฉันเคยเธอที่ไหน ”
“ ตะวันเขาเพิ่งเข้ามาทำงานที่บริษัทค่ะ ”
“ นามสกุลอะไรล่ะ เราน่ะ ”
“ วงพรตครับ ”
“ หรือ อืมม์ ไม่เคยได้ยิน ”
นายพลอุเทนหันกลับไปคุยกับจามจุรีโดยไม่ได้สนใจตะวันอีก
“ ไง ได้ข่าวว่ายอดผลิตกับยอดสั่งซื้อไม่สัมพันธ์กันหรือไง ”
“ ค่ะ วัตถุดิบที่เราสั่งซื้อตอนนี้แพงมาก แต่เรายังมีสัญญาผูกพันที่จะต้องขายสินค้าในราคาเดิมจนกว่าจะสิ้นเดือนกันยายนนี้ ”
“ ตอนทำสัญญาก็ไม่ได้เผื่อถึงการเปลี่ยนแปลงของค่าเงิน ก็ต้องยอมรับสภาพสิ ”
“ ตอนนี้เราแทบไม่ได้กำไรเลย ยิ่งต้องเสียค่าปรับให้กับเขาเมื่อตอนต้นปีด้วย การเงินของบริษัทเลยค่อนข้างแย่ คุณแม่อยากไปขอเพิ่มสินเชื่อกับธนาคารแต่ติดที่ว่าหุ้นบางส่วน เราเอาเข้าธนาคารไม่ได้ ”
“ อืมม์ ลุงเข้าใจ แต่จะทำยังไงได้ ส่วนนี้เป็นของสุรียาเขา ลุงจัดการอะไรแทนเขาไม่ได้หรอก ”
“ แต่คุณลุงคะ สุรียาอาจจะตายไปแล้วก็ได้นะคะ พวกเราไม่เคยรู้ข่าวคราวของเขาเลย เขาอาจจะไม่มีตัวตนอยู่ในโลกนี้แล้ว ”
“ ถึงอย่างไรก็ต้องรอ รอจนกว่าจะครบสามสิบปี ถ้าถึงวันนั้นสุรียาไม่มาปรากฏตัวหุ้นทั้งหมดของเขาและบ้านสุรียาบดีก็จะโอนไปสู่ทายาทโดยธรรมของเขา ก็คงจะเป็นพี่สาวสองคนของเขาที่อัมพวา ”
ตะวันขนลุกซ่านนี่แสดงว่าหุ้นที่เป็นส่วนของเขายังอยู่ในความดูแลของท่านนายพลผู้นี้ และบ้านสุรียาบดีมันก็ยังไม่ได้ตกไปเป็นของทุติยะ ตะวันเพิ่งได้รู้เดี๋ยวนี้เองว่าเขายังมีพี่สาวอีกสองคน
ตลอดทางที่กลับจากบ้านท่านนายพลตะวันนั่งเงียบจนจามจุรีต้องเป็นฝ่ายชวนคุย
“ ทำไมเงียบ คิดอะไรอยู่ ”
“ เปล่า ”
“ เปล่า เปล่านายคิดอะไรอยู่นายก็บอกว่าเปล่า นายนี่พูดคำนี้ซะจนชินหรือไง ”
“ ก็ผมไม่ได้คิดอะไรแล้วจะให้ผมพูดอะไร ”
“ ฉันไม่เชื่อหรอก ใครจะนั่งเฉยๆอยู่โดยไม่คิดอะไร ”
“ แล้วเรื่องที่ผมคิด ถ้าผมพูดคุณจะฟังได้หรือ ”
“ ก็แล้วมันเรื่องอะไรล่ะ ”
“ ก็เรื่องนอนกับผู้หญิงทำกิจกรรมใต้สะดือกันอย่างเนี้ย ”
“ บ้า นายนี่ทะลึ่ง พูดออกมาได้ยังไง ”
“ นั่นไง พอผมพูดคุณก็ว่าผมทะลึ่ง แต่พอผมบอกว่าเปล่าคุณก็อยากจะรู้ให้ได้ ”
“ พอ พอ ฉันไม่อยากจะรู้ความคิดบ้าๆของนายอีกแล้ว จะให้ฉันไปส่งนายที่ที่พักหรือนายจะนั่งแท็กซี่กลับเอง ”
“ ผมกลับเอง คุณส่งผมลงที่ป้านรถเมล์ข้างหน้านั่นก็แล้วกัน ”
“ ก็ดี ฉันจะได้รีบไปเพราะมีนัดกับเพื่อนไว้ ”
ตะวันนั่งแท็กซี่ไปที่บ้านของมารดาของเขา เขาอยากจะรู้ว่าพี่สาวสองคนของเขาเป็นใครแล้วทำไมแม่ถึงไม่เคยพูดถึงคนทั้งสองนั่น สุทธินีมองหน้าลูกชายเมื่อเขาถามถึงพี่สาวสองคน
...พิมพ์พิลาสฒ์...
สิ้นแสงสุริยา ตอนที่ 10
“ น่ารักจัง กระต่ายตัวจิ๋ว ฉันจะทำแบบนี้ได้ไหมคะนี่ ”
“ ใจเย็นๆสิครับ เพิ่งเริ่มหัดทำอย่าใจร้อน งานศิลปะต้องใจเย็นและอดทน ”
“ ค่ะ ทานของว่างก่อนเถอะค่ะ ดูสิน้ำแข็งละลายหมดแล้ว ”
ตะวันยกแก้วน้ำสีเหลืองอ่อนๆขึ้นดื่ม
“ น้ำอะไรครับนี่ หอมจัง ”
“ หอมหรือคะ มีคุณนี่แหระที่ชมว่าหอม รู้ไหมฉันทำเองเลยนะ เอาให้ใครกิน เขาว่ากลิ่นไม่ได้เรื่องกันทั้งนั้น ”
“ ทำไมล่ะ ผมว่าหอมชื่นใจดีออก กลิ่นคล้ายๆใบเตย ”
“ ไม่ใช่หรอกค่ะ มันเป็นดอกพิกุลตากแห้งผสมกับใบชาจีน ฉันเคยเห็นเขาเอาดอกมะลิตากแห้งผสมกับใบ ชาชงมันหอมดี ก็เลยลองเอาดอกพิกุลตากแห้งแล้วผสมกับใบชาชงดู มันก็หอมอย่างที่คุณดื่มนั่นแหละ ”
“ มิน่า กลิ่นมันหอมชื่นใจ หอมแปลกๆ คุณนี่เข้าใจคิดนะ แต่ระวังผิดสูตรขึ้นมาจะท้องไส้ปั่นป่วน ”
“ ไม่หรอกค่ะ ความจริงดอกพิกุลนี่เป็นยานะคะ ใช้สำหรับบำรุงหัวใจ ฉันอ่านเจอในตำราเก่าๆของคุณปู่ ”
“ คุณปู่ ”
“ ใช่ คุณปู่ของฉันท่านชอบต้นไม้ ต้นไม้พวกนี้ป้าอองบอกว่าคุณปู่เป็นคนหาเอามาปลูก ”
ตะวันเงียบ คุณปู่ หญิงสาวคนนี้เรียกปู่ของเขาว่าคุณปู่อย่างเต็มคำทั้งๆที่หล่อนไม่ได้เป็นสายเลือดใดๆของท่านสุรียาบดีเลย หล่อนมันลูกหลานกาฝากที่มาเกาะแล้วเจริญเติบโตที่นี่ งดงามเพราะต้นไม้ที่มาเกาะนั้นอุดมสมบูรณ์ไปด้วยปุ๋ยและน้ำอย่างดี จันทราเอามีดปาดไม้พยายามแกะให้เป็นรูป ตะวันลอบมองเธออย่างพินิจ หญิงสาวตรงหน้าเขานี้ สะสวยเกลี้ยงเกลา ผิวของเธอขาวอมชมพู รูปร่างบอบบางอ้อนแอ้น แก้มและปากของเธอแดงระเรื่อตามธรรมชาติ ขนตาที่ยาวงอนเป็นแผง จมูกโด่งน่ารัก จันทราสวยเหมือนดวงจันทร์จริงๆ ผุดผ่องเป็นยองใย เธอไม่เหมือนจามจุรี จามจุรีสวยงามฉูดฉาด ใครเห็นเป็นต้องหันมอง หล่อนแต่งตัวเปรี้ยว ทันสมัย แต่จันทราแต่งตัวน่ารักตามสบาย วันนี้เธอนุ่งกระโปรงยาวเข้ารูปกับเสื้อแขนเลยคอปาดก็ดูสวยสมวัยของเธอ จันทราอายุยี่สิบหรือยี่สิบต้นๆเพราะเธอเรียนอยู่ปีสามแล้ว
“ โอ๊ย ”
หญิงสาวร้อง เธอโดนมีดบาดจนได้ ตะวันตกใจรีบคว้ามือของเธอมาดู
“ ทำยังไง ผมบอกแล้วให้ระวัง ไหนดูซิบาดเข้าไปเยอะไหม ”
เลือดไหลจนหยดเพราะคมมีดบาดลึกมิใช่น้อย ตะวันกดแผลของเธอเอาไว้
“ อยู่เฉยๆนะ กดแผลเอาไว้ก่อนเลือดจะได้ไม่ออกมาก คุณเจ็บมากไหม ”
“ ค่ะ เจ็บ มีดมันคมจังฉันเผลอหน่อยเดียว ”
ตะวันล้วงหยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าเสื้อออกมาพันแผลให้ จันทรานิ่วหน้าเพราะปวดหนึบที่แผล
“ เลิกเลย วันนี้ไม่ต้องทำแล้ว เอาไว้ให้แผลของคุณหาย แล้วผมค่อยมาสอนให้ใหม่ก็แล้วกัน ”
“ ฉันสะเพร่าเอง ไม่เป็นอะไรหรอกค่ะ ถ้าคุณไม่รีบกลับ ไม้นั่นยังเหลือคุณก็ทำกระต่ายให้ฉันอีกตัวหนึ่งสิ ไอ้ตัวนี้มันจะได้มีเพื่อน ”
จันทรายังไม่วายอยากได้กระต่าย ตะวันถึงกับยิ้ม
“ คงไม่ทันแล้ว นี่จะห้าโมงเย็นแล้ว ผมต้องกลับก่อน เอาอย่างนี้ผมจะกลับไปทำแล้วเอาไปให้คุณที่มหาวิทยาลัยดีไหม วันพุธผมจะเอาไปให้คุณ จะทาสีให้ด้วยรับรองคุณต้องชอบแน่ๆ ”
“ ดีค่ะ แล้วฉันจะซักผ้านี่ไปคืนให้คุณด้วยนะคะ ”
“ ไม่ต้องหรอก แค่ผ้าผืนเดียว คุณเลิกใช้แล้วคุณก็ทิ้งมันไปเถอะ ”
ตะวันเก็บของเตรียมกลับ จันทรามองนิ้วที่พันผ้าเอาไว้ก้อนโต
“ คุณต้องกินยาแก้อักเสบนะ ไม่อย่างนั้นแผลจะอักเสบคุณจะปวดมาก มีดนี่ถ้าบาดแล้วจะปวดมากเพราะคมมันลึก ”
“ ค่ะ ”
จันทราเดินมาส่งตะวันที่ประตูด้านหลัง เธอยังกำกระต่ายตัวน้อยไว้ในกำมือมองตามตะวันที่เดินดุ่มออกไป หญิงสาวไม่สามารถรู้ได้เลยว่า เขาผู้นี้จะทำให้ชีวิตของเธอต้องเจ็บปวดทุกทรมานขนาดไหนในภายหน้า
ทัตตั้งใจมาหาเรื่องตะวันที่บริษัทเขาเดินไปที่โต๊ะที่ตะวันนั่งกำลังทำงานอยู่
“ ตั้งอกตั้งใจทำงานจริงนะ คงกลัวจะโดนไล่ออก ”
ตะวันเงยหน้ามอง เมื่อรู้ว่าเป็นทัตเขาก็ทำงานต่ออย่างไม่สนใจ แต่ทัตไม่รามือ
“ นี่ กูน่ะเพื่อนของเจ้านายนะโว้ย กูพูดด้วยทำไมไม่สนใจฟัง ”
ตะวันวางปากกามองหน้าทัตเขม็ง ชาตรีมองเพื่อนอย่างกังวน
“ คุณมีธุระอะไรล่ะ ถ้ามีธุระก็ว่ามา แต่ถ้าจะมาก่อกวนกันละก็ ผมยังไม่ว่าง ”
“ เอ๊ะ หาว่ากูมาก่อกวนหรือวะ คนอย่างมีอะไรน่าให้กูมาก่อกวนล่ะ ”
กุลธิดาและพนักงานที่กำลังนั่งทำงานกันอยู่พากันตกใจที่ทัตเสียงดังลั่น
“ จะไปรู้ได้อย่างไร เห็นมายืนทำท่ากร่างอยู่ตรงนี้ คุณมีอะไรก็ว่ามา ”
“ กูมายืนดูคนหน้าด้าน ที่ขอเข้ามาทำงานที่นี่ รู้หรือเปล่าไม่มีใครเขาเต็มใจจ้างหรอก ไอ้บ้านนอกชาวสวน ”
ตะวันผุดลุกขึ้นยืน เสียงของจามจุรีทำให้ทั้งทัตและตะวันหยุดชะงัก
“ อะไรกัน ทัต คุณมาเอะอะ อะไรที่นี่ ดูสิพนักงานของฉันแตกตื่นกันหมดแล้ว ”
“ ไอ้นี่มันยโสกับผม คุณจามดูมันสิ ”
“ พอค่ะ ทัตไปที่ห้องของจามดีกว่า มีอะไรเข้าไปคุยกันในนั้น เอาพวกเธอก็ทำงาน ไม่มีอะไรหรอก ตะวัน คุณก็ทำงานของคุณไป ”
ทัตเดินตามจามจุรีเข้าไปในห้อง ชาตรีกับกุลธิดาเข้ามาหาตะวัน
“ คุณตะวัน คุณมีปัญหาอะไรกับคุณทัดหรือ ผมเห็นเขาตั้งใจมาหาเรื่องคุณ ”
“ เปล่า ไม่มีอะไร เขาคงอยากอวดใครๆมั้งว่าเขาใหญ่ ”
“ จะเป็นไปได้อย่างไร คะ กับคนอื่นคุณทัตไม่เห็นสนใจใคร ”
“ ไปทำงานเถอะ เดี๋ยวท่านผู้จัดการออกมาเห็นจับกลุ่มกันอย่างนี้ได้โดนด่ากันทั้งสำนักงาน ”
ทัตเดินตามจามจุรีที่หน้างอทันทีเมื่อเข้ามาในห้อง
“ ทัต จามบอกคุณแล้วใช่ไหมว่านายตะวันนั่นน่ะเด็กฝากของคุณป้า คุณไปตอแยกับเขาทำไม ”
“ ก็ผมยังแค้นมันไม่หาย เห็นหน้ามันทีไรอยากอัดมันทุกที ”
“ แล้วคุณมีปัญญาไปทำอะไรเขาได้ไหมล่ะ จามกลัวคุณจะโดนเขาอัดกลับมาน่ะสิไม่ว่า ”
“ คุณจาม นี่มันถิ่นเรานะ ถ้ามันกล้าทำอะไรผม คุณก็ไล่มันออกไปเลยสิ ”
“ จามทำอย่างนั้นไม่ได้หรอก ถ้าใครๆทั้งบริษัทเขาเห็นว่าคุณไปหาเรื่องเขาก่อ ”
“ คุณจาม ”
“ ทัต จามขอร้อง ครั้งนี้เป็นครั้งที่สองแล้วนะว่าอย่าไปยุ่งกับเขา ถ้ามีครั้งที่สาม จามจะโกรธคุณไม่ยุ่งเกี่ยวอะไรด้วย คอยดูสิ ”
“ ก็ได้ ผมจะพยายามไม่ไปหาเรื่องมัน แต่ถ้าที่อื่นไม่แน่นะครับ ”
“ ได้ค่ะ ถ้าไม่ใช่ที่บริษัทนี่ คุณจะท้าเตะท้ายิงกับเขาก็เชิญตามสบาย แต่อย่ามาให้จามต้องไปหยอดน้ำข้าวต้มให้คุณนะ จามไม่เอาเด็ดขาด ”
“ คุณจาม ”
ทัตกลับไปแล้วจามจุรีเรียกตะวันเข้ามาพบ
“ จะเรียกมาด่าเรื่องเมื่อกลางวันหรือไงท่านผู้จัดการ ”
“ แล้วทำไมฉันต้องด่านายด้วยล่ะ ”
“ อ้าว ก็ผมเกือบมีเรื่องกับแฟนคุณ ”
“ บ้า ใครว่าทัตเป็นแฟนของฉัน เขาเป็นเพื่อนของฉันย่ะ แล้วที่ฉันเรียกนายมานี่ก็อยากจะถามว่าเย็นนี้นายว่างไหม ”
“ ไม่ว่าง ”
“ ฉันนึกแล้วว่านายต้องบอกว่าไม่ว่าง มีอะไรนักหนาหลังจากเลิกงาน ”
“ เมื่อเลิกงานแล้วก็เป็นเวลาส่วนตัวของผม ผมจะทำอะไรต้องมารายงานคุณด้วยหรือ ”
“ นี่นายตะวัน อย่ายั่วอารมณ์ฉันจะได้ไหม นายนี่ไม่เคยสักครั้งเลยนะที่จะไม่ยั่วอารมณ์ฉัน ”
“ เปล่า ผมจะไปยั่วคุณทำไม ผมก็พูดไปตามความจริง ผมไม่ว่างมีงานของผม ”
“ ฉันน่ะไม่บังคับนายหรอก ไม่ว่างก็ไม่ว่างสิ ฉันก็แค่อยากชวนนายไปบ้านท่านนายพลอุเทน เอาของไปเยี่ยมท่าน ท่านไม่สบาย ”
ตะวันชะงัก
“ แล้วทำไมคุณถึงชวนผมล่ะ คนอื่นมีตั้งเยอะ ”
“ ก็นายอยู่ฝ่ายบัญชี เผื่อท่านจะถามถึงรายรับรายจ่ายของบริษัท นายจะได้ช่วยฉันตอบยังไง ”
“ ถ้าอย่างนั้นผมก็ไปกับคุณได้ ”
“ แน่ใจนะว่าทิ้งงานส่วนตัวของนายได้ ”
“ แน่ใจสิ ”
“ อย่างนั้นตอนเย็นงานเลิกนายไปกับฉัน เดี๋ยวฉันจะให้เรขาไปจัดกระเช้าผลไม้จะเอาไปเยี่ยมท่าน ”
จามจุรีพาตะวันมาที่บ้านท่านนายพลอุเทน ท่านนายพลนอนพักผ่อนอยู่ที่ระเบียงเรือนไทยหลังใหญ่
“ หนูมากราบเยี่ยมคุณลุงค่ะ ”
“ ขอบใจมาก ความจริงไม่ต้องลำบากมาเยี่ยมก็ได้ ลุงไม่ได้เป็นอะไร ก็แค่โรคคนแก่ธรรมดา ”
“ คุณพ่อฝากความเป็นห่วงมาถึงคุณลุงด้วยนะคะ ”
“ กลับไปบอกพ่อของหนูด้วยนะว่าลุงขอบใจ แล้วนี่ใครล่ะหืมม์ ”
ท่านอุเทนหันมาถามตะวันที่นั่งพับเพียบอยู่ใกล้ๆจามจุรี
“ ตะวันค่ะ เขาอยู่ฝายบัญชีของบริษัท ”
ตะวันก้มกราบท่านนายพล ท่านผู้เฒ่าจ้องเขาเขม็ง
“ ทำไมหน้าตาเธอถึงได้คุ้นๆนะ เหมือนฉันเคยเธอที่ไหน ”
“ ตะวันเขาเพิ่งเข้ามาทำงานที่บริษัทค่ะ ”
“ นามสกุลอะไรล่ะ เราน่ะ ”
“ วงพรตครับ ”
“ หรือ อืมม์ ไม่เคยได้ยิน ”
นายพลอุเทนหันกลับไปคุยกับจามจุรีโดยไม่ได้สนใจตะวันอีก
“ ไง ได้ข่าวว่ายอดผลิตกับยอดสั่งซื้อไม่สัมพันธ์กันหรือไง ”
“ ค่ะ วัตถุดิบที่เราสั่งซื้อตอนนี้แพงมาก แต่เรายังมีสัญญาผูกพันที่จะต้องขายสินค้าในราคาเดิมจนกว่าจะสิ้นเดือนกันยายนนี้ ”
“ ตอนทำสัญญาก็ไม่ได้เผื่อถึงการเปลี่ยนแปลงของค่าเงิน ก็ต้องยอมรับสภาพสิ ”
“ ตอนนี้เราแทบไม่ได้กำไรเลย ยิ่งต้องเสียค่าปรับให้กับเขาเมื่อตอนต้นปีด้วย การเงินของบริษัทเลยค่อนข้างแย่ คุณแม่อยากไปขอเพิ่มสินเชื่อกับธนาคารแต่ติดที่ว่าหุ้นบางส่วน เราเอาเข้าธนาคารไม่ได้ ”
“ อืมม์ ลุงเข้าใจ แต่จะทำยังไงได้ ส่วนนี้เป็นของสุรียาเขา ลุงจัดการอะไรแทนเขาไม่ได้หรอก ”
“ แต่คุณลุงคะ สุรียาอาจจะตายไปแล้วก็ได้นะคะ พวกเราไม่เคยรู้ข่าวคราวของเขาเลย เขาอาจจะไม่มีตัวตนอยู่ในโลกนี้แล้ว ”
“ ถึงอย่างไรก็ต้องรอ รอจนกว่าจะครบสามสิบปี ถ้าถึงวันนั้นสุรียาไม่มาปรากฏตัวหุ้นทั้งหมดของเขาและบ้านสุรียาบดีก็จะโอนไปสู่ทายาทโดยธรรมของเขา ก็คงจะเป็นพี่สาวสองคนของเขาที่อัมพวา ”
ตะวันขนลุกซ่านนี่แสดงว่าหุ้นที่เป็นส่วนของเขายังอยู่ในความดูแลของท่านนายพลผู้นี้ และบ้านสุรียาบดีมันก็ยังไม่ได้ตกไปเป็นของทุติยะ ตะวันเพิ่งได้รู้เดี๋ยวนี้เองว่าเขายังมีพี่สาวอีกสองคน
ตลอดทางที่กลับจากบ้านท่านนายพลตะวันนั่งเงียบจนจามจุรีต้องเป็นฝ่ายชวนคุย
“ ทำไมเงียบ คิดอะไรอยู่ ”
“ เปล่า ”
“ เปล่า เปล่านายคิดอะไรอยู่นายก็บอกว่าเปล่า นายนี่พูดคำนี้ซะจนชินหรือไง ”
“ ก็ผมไม่ได้คิดอะไรแล้วจะให้ผมพูดอะไร ”
“ ฉันไม่เชื่อหรอก ใครจะนั่งเฉยๆอยู่โดยไม่คิดอะไร ”
“ แล้วเรื่องที่ผมคิด ถ้าผมพูดคุณจะฟังได้หรือ ”
“ ก็แล้วมันเรื่องอะไรล่ะ ”
“ ก็เรื่องนอนกับผู้หญิงทำกิจกรรมใต้สะดือกันอย่างเนี้ย ”
“ บ้า นายนี่ทะลึ่ง พูดออกมาได้ยังไง ”
“ นั่นไง พอผมพูดคุณก็ว่าผมทะลึ่ง แต่พอผมบอกว่าเปล่าคุณก็อยากจะรู้ให้ได้ ”
“ พอ พอ ฉันไม่อยากจะรู้ความคิดบ้าๆของนายอีกแล้ว จะให้ฉันไปส่งนายที่ที่พักหรือนายจะนั่งแท็กซี่กลับเอง ”
“ ผมกลับเอง คุณส่งผมลงที่ป้านรถเมล์ข้างหน้านั่นก็แล้วกัน ”
“ ก็ดี ฉันจะได้รีบไปเพราะมีนัดกับเพื่อนไว้ ”
ตะวันนั่งแท็กซี่ไปที่บ้านของมารดาของเขา เขาอยากจะรู้ว่าพี่สาวสองคนของเขาเป็นใครแล้วทำไมแม่ถึงไม่เคยพูดถึงคนทั้งสองนั่น สุทธินีมองหน้าลูกชายเมื่อเขาถามถึงพี่สาวสองคน