สิ้นแสงสุริยา ตอนที่ 10

กระทู้สนทนา
“  เอา ตัวนี้เสร็จแล้ว แต่มันไม่ละเอียดเท่าไร ถ้าจะให้ละเอียดต้องใช้เวลาตกแต่งนานกว่านี้  ”
“  น่ารักจัง กระต่ายตัวจิ๋ว ฉันจะทำแบบนี้ได้ไหมคะนี่  ”
“  ใจเย็นๆสิครับ เพิ่งเริ่มหัดทำอย่าใจร้อน งานศิลปะต้องใจเย็นและอดทน  ”
“  ค่ะ  ทานของว่างก่อนเถอะค่ะ ดูสิน้ำแข็งละลายหมดแล้ว  ”

ตะวันยกแก้วน้ำสีเหลืองอ่อนๆขึ้นดื่ม

“  น้ำอะไรครับนี่ หอมจัง  ”
“  หอมหรือคะ มีคุณนี่แหระที่ชมว่าหอม รู้ไหมฉันทำเองเลยนะ เอาให้ใครกิน เขาว่ากลิ่นไม่ได้เรื่องกันทั้งนั้น  ”
“  ทำไมล่ะ ผมว่าหอมชื่นใจดีออก กลิ่นคล้ายๆใบเตย  ”
“  ไม่ใช่หรอกค่ะ มันเป็นดอกพิกุลตากแห้งผสมกับใบชาจีน ฉันเคยเห็นเขาเอาดอกมะลิตากแห้งผสมกับใบ  ชาชงมันหอมดี ก็เลยลองเอาดอกพิกุลตากแห้งแล้วผสมกับใบชาชงดู มันก็หอมอย่างที่คุณดื่มนั่นแหละ  ”
“  มิน่า กลิ่นมันหอมชื่นใจ หอมแปลกๆ คุณนี่เข้าใจคิดนะ แต่ระวังผิดสูตรขึ้นมาจะท้องไส้ปั่นป่วน  ”
“  ไม่หรอกค่ะ ความจริงดอกพิกุลนี่เป็นยานะคะ ใช้สำหรับบำรุงหัวใจ ฉันอ่านเจอในตำราเก่าๆของคุณปู่  ”
“  คุณปู่  ”
“  ใช่ คุณปู่ของฉันท่านชอบต้นไม้ ต้นไม้พวกนี้ป้าอองบอกว่าคุณปู่เป็นคนหาเอามาปลูก  ”

ตะวันเงียบ คุณปู่ หญิงสาวคนนี้เรียกปู่ของเขาว่าคุณปู่อย่างเต็มคำทั้งๆที่หล่อนไม่ได้เป็นสายเลือดใดๆของท่านสุรียาบดีเลย หล่อนมันลูกหลานกาฝากที่มาเกาะแล้วเจริญเติบโตที่นี่ งดงามเพราะต้นไม้ที่มาเกาะนั้นอุดมสมบูรณ์ไปด้วยปุ๋ยและน้ำอย่างดี จันทราเอามีดปาดไม้พยายามแกะให้เป็นรูป ตะวันลอบมองเธออย่างพินิจ หญิงสาวตรงหน้าเขานี้ สะสวยเกลี้ยงเกลา ผิวของเธอขาวอมชมพู รูปร่างบอบบางอ้อนแอ้น แก้มและปากของเธอแดงระเรื่อตามธรรมชาติ ขนตาที่ยาวงอนเป็นแผง จมูกโด่งน่ารัก จันทราสวยเหมือนดวงจันทร์จริงๆ ผุดผ่องเป็นยองใย เธอไม่เหมือนจามจุรี จามจุรีสวยงามฉูดฉาด ใครเห็นเป็นต้องหันมอง หล่อนแต่งตัวเปรี้ยว ทันสมัย แต่จันทราแต่งตัวน่ารักตามสบาย วันนี้เธอนุ่งกระโปรงยาวเข้ารูปกับเสื้อแขนเลยคอปาดก็ดูสวยสมวัยของเธอ จันทราอายุยี่สิบหรือยี่สิบต้นๆเพราะเธอเรียนอยู่ปีสามแล้ว

“  โอ๊ย    ”

หญิงสาวร้อง เธอโดนมีดบาดจนได้ ตะวันตกใจรีบคว้ามือของเธอมาดู

“  ทำยังไง ผมบอกแล้วให้ระวัง ไหนดูซิบาดเข้าไปเยอะไหม  ”

เลือดไหลจนหยดเพราะคมมีดบาดลึกมิใช่น้อย ตะวันกดแผลของเธอเอาไว้

“  อยู่เฉยๆนะ กดแผลเอาไว้ก่อนเลือดจะได้ไม่ออกมาก คุณเจ็บมากไหม  ”
“  ค่ะ เจ็บ มีดมันคมจังฉันเผลอหน่อยเดียว  ”

ตะวันล้วงหยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าเสื้อออกมาพันแผลให้ จันทรานิ่วหน้าเพราะปวดหนึบที่แผล

“  เลิกเลย วันนี้ไม่ต้องทำแล้ว เอาไว้ให้แผลของคุณหาย แล้วผมค่อยมาสอนให้ใหม่ก็แล้วกัน  ”
“  ฉันสะเพร่าเอง ไม่เป็นอะไรหรอกค่ะ ถ้าคุณไม่รีบกลับ ไม้นั่นยังเหลือคุณก็ทำกระต่ายให้ฉันอีกตัวหนึ่งสิ ไอ้ตัวนี้มันจะได้มีเพื่อน  ”

จันทรายังไม่วายอยากได้กระต่าย ตะวันถึงกับยิ้ม

“  คงไม่ทันแล้ว นี่จะห้าโมงเย็นแล้ว ผมต้องกลับก่อน เอาอย่างนี้ผมจะกลับไปทำแล้วเอาไปให้คุณที่มหาวิทยาลัยดีไหม วันพุธผมจะเอาไปให้คุณ จะทาสีให้ด้วยรับรองคุณต้องชอบแน่ๆ  ”
“  ดีค่ะ แล้วฉันจะซักผ้านี่ไปคืนให้คุณด้วยนะคะ  ”
“  ไม่ต้องหรอก แค่ผ้าผืนเดียว คุณเลิกใช้แล้วคุณก็ทิ้งมันไปเถอะ  ”

ตะวันเก็บของเตรียมกลับ จันทรามองนิ้วที่พันผ้าเอาไว้ก้อนโต

“  คุณต้องกินยาแก้อักเสบนะ ไม่อย่างนั้นแผลจะอักเสบคุณจะปวดมาก มีดนี่ถ้าบาดแล้วจะปวดมากเพราะคมมันลึก  ”
“  ค่ะ  ”

จันทราเดินมาส่งตะวันที่ประตูด้านหลัง เธอยังกำกระต่ายตัวน้อยไว้ในกำมือมองตามตะวันที่เดินดุ่มออกไป หญิงสาวไม่สามารถรู้ได้เลยว่า เขาผู้นี้จะทำให้ชีวิตของเธอต้องเจ็บปวดทุกทรมานขนาดไหนในภายหน้า
ทัตตั้งใจมาหาเรื่องตะวันที่บริษัทเขาเดินไปที่โต๊ะที่ตะวันนั่งกำลังทำงานอยู่
“  ตั้งอกตั้งใจทำงานจริงนะ คงกลัวจะโดนไล่ออก  ”

ตะวันเงยหน้ามอง เมื่อรู้ว่าเป็นทัตเขาก็ทำงานต่ออย่างไม่สนใจ แต่ทัตไม่รามือ  

“  นี่ กูน่ะเพื่อนของเจ้านายนะโว้ย กูพูดด้วยทำไมไม่สนใจฟัง  ”

ตะวันวางปากกามองหน้าทัตเขม็ง ชาตรีมองเพื่อนอย่างกังวน

“  คุณมีธุระอะไรล่ะ ถ้ามีธุระก็ว่ามา แต่ถ้าจะมาก่อกวนกันละก็ ผมยังไม่ว่าง  ”
“  เอ๊ะ หาว่ากูมาก่อกวนหรือวะ คนอย่างมีอะไรน่าให้กูมาก่อกวนล่ะ  ”

กุลธิดาและพนักงานที่กำลังนั่งทำงานกันอยู่พากันตกใจที่ทัตเสียงดังลั่น

“  จะไปรู้ได้อย่างไร เห็นมายืนทำท่ากร่างอยู่ตรงนี้ คุณมีอะไรก็ว่ามา  ”
“  กูมายืนดูคนหน้าด้าน ที่ขอเข้ามาทำงานที่นี่ รู้หรือเปล่าไม่มีใครเขาเต็มใจจ้างหรอก ไอ้บ้านนอกชาวสวน  ”

ตะวันผุดลุกขึ้นยืน เสียงของจามจุรีทำให้ทั้งทัตและตะวันหยุดชะงัก

“  อะไรกัน ทัต คุณมาเอะอะ อะไรที่นี่ ดูสิพนักงานของฉันแตกตื่นกันหมดแล้ว  ”
“  ไอ้นี่มันยโสกับผม คุณจามดูมันสิ  ”
“  พอค่ะ ทัตไปที่ห้องของจามดีกว่า มีอะไรเข้าไปคุยกันในนั้น เอาพวกเธอก็ทำงาน ไม่มีอะไรหรอก ตะวัน คุณก็ทำงานของคุณไป  ”

ทัตเดินตามจามจุรีเข้าไปในห้อง ชาตรีกับกุลธิดาเข้ามาหาตะวัน

“  คุณตะวัน คุณมีปัญหาอะไรกับคุณทัดหรือ ผมเห็นเขาตั้งใจมาหาเรื่องคุณ  ”
“  เปล่า ไม่มีอะไร เขาคงอยากอวดใครๆมั้งว่าเขาใหญ่  ”
“  จะเป็นไปได้อย่างไร คะ กับคนอื่นคุณทัตไม่เห็นสนใจใคร  ”
“  ไปทำงานเถอะ เดี๋ยวท่านผู้จัดการออกมาเห็นจับกลุ่มกันอย่างนี้ได้โดนด่ากันทั้งสำนักงาน  ”

ทัตเดินตามจามจุรีที่หน้างอทันทีเมื่อเข้ามาในห้อง

“  ทัต จามบอกคุณแล้วใช่ไหมว่านายตะวันนั่นน่ะเด็กฝากของคุณป้า คุณไปตอแยกับเขาทำไม  ”
“  ก็ผมยังแค้นมันไม่หาย เห็นหน้ามันทีไรอยากอัดมันทุกที  ”
“  แล้วคุณมีปัญญาไปทำอะไรเขาได้ไหมล่ะ จามกลัวคุณจะโดนเขาอัดกลับมาน่ะสิไม่ว่า  ”
“  คุณจาม นี่มันถิ่นเรานะ ถ้ามันกล้าทำอะไรผม คุณก็ไล่มันออกไปเลยสิ  ”
“  จามทำอย่างนั้นไม่ได้หรอก ถ้าใครๆทั้งบริษัทเขาเห็นว่าคุณไปหาเรื่องเขาก่อ  ”
“  คุณจาม  ”
“  ทัต จามขอร้อง ครั้งนี้เป็นครั้งที่สองแล้วนะว่าอย่าไปยุ่งกับเขา ถ้ามีครั้งที่สาม จามจะโกรธคุณไม่ยุ่งเกี่ยวอะไรด้วย คอยดูสิ  ”
“  ก็ได้ ผมจะพยายามไม่ไปหาเรื่องมัน แต่ถ้าที่อื่นไม่แน่นะครับ  ”
“  ได้ค่ะ ถ้าไม่ใช่ที่บริษัทนี่ คุณจะท้าเตะท้ายิงกับเขาก็เชิญตามสบาย แต่อย่ามาให้จามต้องไปหยอดน้ำข้าวต้มให้คุณนะ จามไม่เอาเด็ดขาด  ”
“  คุณจาม  ”

ทัตกลับไปแล้วจามจุรีเรียกตะวันเข้ามาพบ

“  จะเรียกมาด่าเรื่องเมื่อกลางวันหรือไงท่านผู้จัดการ  ”
“  แล้วทำไมฉันต้องด่านายด้วยล่ะ  ”
“  อ้าว ก็ผมเกือบมีเรื่องกับแฟนคุณ  ”
“  บ้า ใครว่าทัตเป็นแฟนของฉัน เขาเป็นเพื่อนของฉันย่ะ แล้วที่ฉันเรียกนายมานี่ก็อยากจะถามว่าเย็นนี้นายว่างไหม  ”
“  ไม่ว่าง  ”
“  ฉันนึกแล้วว่านายต้องบอกว่าไม่ว่าง มีอะไรนักหนาหลังจากเลิกงาน  ”
“  เมื่อเลิกงานแล้วก็เป็นเวลาส่วนตัวของผม ผมจะทำอะไรต้องมารายงานคุณด้วยหรือ  ”
“  นี่นายตะวัน อย่ายั่วอารมณ์ฉันจะได้ไหม นายนี่ไม่เคยสักครั้งเลยนะที่จะไม่ยั่วอารมณ์ฉัน  ”
“  เปล่า ผมจะไปยั่วคุณทำไม ผมก็พูดไปตามความจริง ผมไม่ว่างมีงานของผม  ”
“  ฉันน่ะไม่บังคับนายหรอก ไม่ว่างก็ไม่ว่างสิ ฉันก็แค่อยากชวนนายไปบ้านท่านนายพลอุเทน เอาของไปเยี่ยมท่าน ท่านไม่สบาย  ”

ตะวันชะงัก

“  แล้วทำไมคุณถึงชวนผมล่ะ คนอื่นมีตั้งเยอะ  ”
“  ก็นายอยู่ฝ่ายบัญชี เผื่อท่านจะถามถึงรายรับรายจ่ายของบริษัท นายจะได้ช่วยฉันตอบยังไง  ”
“  ถ้าอย่างนั้นผมก็ไปกับคุณได้  ”
“  แน่ใจนะว่าทิ้งงานส่วนตัวของนายได้  ”
“  แน่ใจสิ  ”
“  อย่างนั้นตอนเย็นงานเลิกนายไปกับฉัน เดี๋ยวฉันจะให้เรขาไปจัดกระเช้าผลไม้จะเอาไปเยี่ยมท่าน  ”

จามจุรีพาตะวันมาที่บ้านท่านนายพลอุเทน ท่านนายพลนอนพักผ่อนอยู่ที่ระเบียงเรือนไทยหลังใหญ่

“  หนูมากราบเยี่ยมคุณลุงค่ะ  ”
“  ขอบใจมาก ความจริงไม่ต้องลำบากมาเยี่ยมก็ได้ ลุงไม่ได้เป็นอะไร ก็แค่โรคคนแก่ธรรมดา   ”
“   คุณพ่อฝากความเป็นห่วงมาถึงคุณลุงด้วยนะคะ  ”
“  กลับไปบอกพ่อของหนูด้วยนะว่าลุงขอบใจ แล้วนี่ใครล่ะหืมม์  ”

ท่านอุเทนหันมาถามตะวันที่นั่งพับเพียบอยู่ใกล้ๆจามจุรี

“   ตะวันค่ะ เขาอยู่ฝายบัญชีของบริษัท  ”

ตะวันก้มกราบท่านนายพล ท่านผู้เฒ่าจ้องเขาเขม็ง

“  ทำไมหน้าตาเธอถึงได้คุ้นๆนะ เหมือนฉันเคยเธอที่ไหน  ”
“  ตะวันเขาเพิ่งเข้ามาทำงานที่บริษัทค่ะ  ”
“  นามสกุลอะไรล่ะ เราน่ะ  ”
“  วงพรตครับ   ”
“  หรือ อืมม์ ไม่เคยได้ยิน  ”

นายพลอุเทนหันกลับไปคุยกับจามจุรีโดยไม่ได้สนใจตะวันอีก

“  ไง  ได้ข่าวว่ายอดผลิตกับยอดสั่งซื้อไม่สัมพันธ์กันหรือไง  ”
“  ค่ะ วัตถุดิบที่เราสั่งซื้อตอนนี้แพงมาก แต่เรายังมีสัญญาผูกพันที่จะต้องขายสินค้าในราคาเดิมจนกว่าจะสิ้นเดือนกันยายนนี้  ”
“  ตอนทำสัญญาก็ไม่ได้เผื่อถึงการเปลี่ยนแปลงของค่าเงิน ก็ต้องยอมรับสภาพสิ  ”
“  ตอนนี้เราแทบไม่ได้กำไรเลย ยิ่งต้องเสียค่าปรับให้กับเขาเมื่อตอนต้นปีด้วย การเงินของบริษัทเลยค่อนข้างแย่ คุณแม่อยากไปขอเพิ่มสินเชื่อกับธนาคารแต่ติดที่ว่าหุ้นบางส่วน เราเอาเข้าธนาคารไม่ได้  ”
“  อืมม์ ลุงเข้าใจ แต่จะทำยังไงได้ ส่วนนี้เป็นของสุรียาเขา ลุงจัดการอะไรแทนเขาไม่ได้หรอก  ”
“  แต่คุณลุงคะ สุรียาอาจจะตายไปแล้วก็ได้นะคะ พวกเราไม่เคยรู้ข่าวคราวของเขาเลย เขาอาจจะไม่มีตัวตนอยู่ในโลกนี้แล้ว  ”
“  ถึงอย่างไรก็ต้องรอ รอจนกว่าจะครบสามสิบปี ถ้าถึงวันนั้นสุรียาไม่มาปรากฏตัวหุ้นทั้งหมดของเขาและบ้านสุรียาบดีก็จะโอนไปสู่ทายาทโดยธรรมของเขา ก็คงจะเป็นพี่สาวสองคนของเขาที่อัมพวา  ”

ตะวันขนลุกซ่านนี่แสดงว่าหุ้นที่เป็นส่วนของเขายังอยู่ในความดูแลของท่านนายพลผู้นี้ และบ้านสุรียาบดีมันก็ยังไม่ได้ตกไปเป็นของทุติยะ ตะวันเพิ่งได้รู้เดี๋ยวนี้เองว่าเขายังมีพี่สาวอีกสองคน

ตลอดทางที่กลับจากบ้านท่านนายพลตะวันนั่งเงียบจนจามจุรีต้องเป็นฝ่ายชวนคุย

“  ทำไมเงียบ คิดอะไรอยู่   ”
“  เปล่า  ”
“  เปล่า  เปล่านายคิดอะไรอยู่นายก็บอกว่าเปล่า นายนี่พูดคำนี้ซะจนชินหรือไง  ”
“  ก็ผมไม่ได้คิดอะไรแล้วจะให้ผมพูดอะไร  ”
“  ฉันไม่เชื่อหรอก ใครจะนั่งเฉยๆอยู่โดยไม่คิดอะไร  ”
“  แล้วเรื่องที่ผมคิด ถ้าผมพูดคุณจะฟังได้หรือ  ”
“  ก็แล้วมันเรื่องอะไรล่ะ  ”
“  ก็เรื่องนอนกับผู้หญิงทำกิจกรรมใต้สะดือกันอย่างเนี้ย  ”
“  บ้า นายนี่ทะลึ่ง พูดออกมาได้ยังไง  ”
“  นั่นไง พอผมพูดคุณก็ว่าผมทะลึ่ง แต่พอผมบอกว่าเปล่าคุณก็อยากจะรู้ให้ได้  ”
“  พอ พอ ฉันไม่อยากจะรู้ความคิดบ้าๆของนายอีกแล้ว จะให้ฉันไปส่งนายที่ที่พักหรือนายจะนั่งแท็กซี่กลับเอง  ”
“  ผมกลับเอง คุณส่งผมลงที่ป้านรถเมล์ข้างหน้านั่นก็แล้วกัน  ”
“  ก็ดี ฉันจะได้รีบไปเพราะมีนัดกับเพื่อนไว้  ”

ตะวันนั่งแท็กซี่ไปที่บ้านของมารดาของเขา เขาอยากจะรู้ว่าพี่สาวสองคนของเขาเป็นใครแล้วทำไมแม่ถึงไม่เคยพูดถึงคนทั้งสองนั่น สุทธินีมองหน้าลูกชายเมื่อเขาถามถึงพี่สาวสองคน



...พิมพ์พิลาสฒ์...
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่