อยากให้ช่วยตอบ!!!
8 คำถามถึง "ดาวดิน" จาก "ศ.เขียน"
นักประชาธิปไตยจ๋า...อย่าง"ดาวดิน"หรือจะชื่อใหม่ว่า "กลุ่มประชาธิปไตยใหม่" อาจต้องฝืนอ่านและลองตอบ 8 คำถามที่ "ศ.ดร.เขียน ธีระวิทย์" ศาตราจารย์กิตติคุณ จากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยตั้งขึ้นผ่านงานเขียนชื่อ "อย่ายอมให้ไทยตกเป็นทาสของประชาธิปไตยจอมปลอมอีกเลย" ว่าคิดเห็นเช่นไรในประเด็นคำถามเหล่านั้น...อย่างน้อยก็เพื่อยืนยันว่า ตนเองนั้นบริสุทธิ์อย่างที่พูด.....หรือไม่อย่างไร???!!!
"อาจารย์เขียน" หรือ "ศ.ดร.เขียน ธีระวิทย์" ศาตราจารย์กิตติคุณ จากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ตั้งคำถามผ่านงานเขียนชื่อ "อย่ายอมให้ไทยตกเป็นทาสของประชาธิปไตยจอมปลอมอีกเลย" ถึงกลุ่มที่ออกมาเรียกร้องประชาธิปไตยในนาม "ดาวดิน"หรือในชื่อ "กลุ่มประชาธิปไตยใหม่" เอาไว้อย่างน่าสนใจ โดยศาตราจารย์กิตติคุณ จากจุฬาฯ ตั้ง 8 ประเด็นคำถามด้วยกัน อย่างน้อยหากนักอุดมคติดาวดินกล้าอ่าน และพร้อมที่จะตอบ นั่นก็เพื่อยืนยันว่า ที่พร่ำพูดว่าตนเองบริสุทธิ์และปลอดการเมืองนั้น....จริงแท้แค่ไหน...อย่างไร???!!!
โดยรายละเอียดงานเขียนทั้งหมด ที่ศาตราจารย์กิตติคุณ จากจุฬาฯ เขียนไว้มี ดังนี้
อย่ายอมให้ไทยตกเป็นทาสของประชาธิปไตยจอมปลอมอีกเลย
ระบอบประชาธิปไตยจอมปลอมของไทย ได้ผลิตครูบาอาจารย์-นิสิตนักศึกษาที่ไร้คุณธรรม – ไม่รู้อะไรผิดอะไรถูกออกมามากมาย พวกนี้รู้ปัญหาและชอบมองปัญหาแคบๆ ด้านเดียว ขาดจิตสำนึกที่จะพิจารณาว่าการทำงานการเมืองของพวกเขาจะมีผลกระทบต่อผลประโยชน์ส่วนรวมอย่างไร หรือไม่ สื่อมวลชนก็มีคุณภาพตกต่ำเช่นเดียวกัน พวกนิสิตนักศึกษา-อาจารย์ และสื่อมวลชนที่ออกมาเคลื่อนไหวส่งเสริมประชาธิปไตยจอมปลอมนั้นอาจจะมีจำนวนน้อย แต่พวกเขาสามารถทำให้บ้านเมืองปั่นป่วนได้
ปัญหาการเมืองเรื่องร้อนของไทยตั้งแต่วันที่ 22 พฤษภาคม จนถึงปัจจุบันคือ การเคลื่อนไหวต่อต้านรัฐบาลประยุทธ์ จันทร์โอชา นำโดย “กลุ่มดาวดิน” ผู้สนับสนุน และพันธมิตร พวกเขาได้ทำกิจกรรมต่อต้านรัฐบาลในเชิงสัญลักษณ์อย่างต่อเนื่อง เลือกเอาวันครบรอบหนึ่งปีของการรัฐประหารและวันครบรอบ 83 ปี ของการเปลี่ยนแปลงการปกครองจากระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์มาเป็นประชาธิปไตย แกนนำได้ถือโอกาสนี้ยกระดับ “กลุ่มดาวดิน” ให้เป็น “ขบวนการประชาธิปไตยใหม่” โดยการจุดชนวนการต่อต้านรัฐบาลทหารมาเป็นประกาย ประกาศตัวไม่ยอมรับอำนาจของรัฐบาลทหาร และไม่ยอมทำตามกฎหมายของประเทศ พวกเขาพากันออกไปแสดงสัญลักษณ์ต่อต้านรัฐบาลประยุทธ์ที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย และที่หอศิลป์ สยามสแควร์ และเดินแห่ป้ายต่อต้านรัฐบาลให้สื่อมวลชนทำข่าวหลายวันอย่างต่อเนื่อง
เมื่อแกนนำ 14 คนของขบวนการถูกหมายเรียก (ไม่ใช่หมายจับ) จากตำรวจให้ไปรายงานตัวที่สถานีตำรวจ พวกเขาก็พากันไปห้อมล้อมสถานีตำรวจนครบาลปทุมวันเมื่อวันที่ 26 มิถุนายน ใช้เครื่องโทรโข่งประกาศให้ตำรวจรับรู้ว่า พวกเขาไม่ได้มาตามหมายเรียก เพราะพวกเขาไม่ยอมรับอำนาจของรัฐบาลที่มาจากการรัฐประหาร แต่มาแจ้งความให้ตำรวจดำเนินคดีกับตำรวจที่ทำร้ายร่างกายของพวกเขาในการเข้าจับกุมพวกเขาที่หอศิลป์ 2 วันก่อนหน้านั้น
ความจริงพวกเขาต้องการพาตัวไปยัดเยียดให้ตำรวจจับ จะได้เป็นฮีโร่ในข่าวเหมือนผู้ก่อชนวน “14 ตุลา” (พ.ศ. 2516) แต่รัฐบาลก็รู้ทัน ไม่จับทันทีให้มีคนคอยผสมโรงเข้าร่วมจนเกิดความวุ่นวาย รอให้ผ่านไป 2 วันจึงได้หมายจับจับไปขัง เป็นอันว่าผู้ก่อการทั้ง 14 ได้ตามที่พวกเขาต้องการ เพื่อแสดงว่าตนเป็น วีรชนของชาติพวกเขาประกาศอย่างโจ่งแจ้งว่าจะไม่ขอประกันตัวออกมาสู้คดี
สื่อมวลชนหลายคนและหลายแหล่งก็เสนอข่าวตามที่พวกเขาต้องการ บางรายขยายข่าวให้ครึกโครม ยกเอา “นักวิชาการ” หรือ “นักวิชาเกิน” มาอ้างว่าได้พูดอย่างนั้นอย่างนี้ โดยบิดเบือนคำพูดบ้างจริงบ้าง และแถมเอาสิ่งที่ตนต้องการพูดเข้าข้างขบวนการเข้าไปบ้าง เพื่อกระพือข่าวหาพวกสนับสนุนจากภายในและภายนอกประเทศให้มากขึ้น ข้าพเจ้าอยากถาม “ฮีโร่” ทั้ง 14 – ผู้สมคบ และผู้สนับสนุนใน 8 ประเด็นต่อไปนี้
1. พวกท่านต้องการอะไร ต้องการประชาธิปไตยจอมปลอมที่มีมาก่อนถูกรัฐประหารใช่หรือไม่? ต้องการทำประเทศให้ปั่นป่วนถึงจุดที่จะมีสงครามกลางเมืองอีกใช่หรือไม่ ?
2. พวกท่านต้องการเป็น “ฮีโร่” โดยการเลียนแบบกรณี “ 14 ตุลา” ใช่หรือไม่? รัฐบาลประยุทธ์ มีอะไรที่เหมือนกับรัฐบาลถนอม-ประภาสบ้าง? มีเรื่องฉาวโฉ่ เช่นเดียวกับเรื่อง“ทุ่งใหญ่นเรศวร” หรือเปล่า?
3. การโค่นล้มรัฐบาลถนอม-ประภาส เปรียบเทียบกับการโค่นล้มรัฐบาลประยุทธ์ ถ้าทำสำเร็จ ผลจะแตกต่างกันอย่างไร? อำนาจจะเปลี่ยนมือไปให้ใคร? หลายคนที่เข้าร่วม “ขบวนการประชาธิปไตยใหม่” รู้อยู่แก่ใจแล้วว่าใครจะกลับมาแพร่พันธุ์ลัทธิประชาธิปไตยจอมปลอมใช่หรือไม่?
4. พลเอกประยุทธ์ ผู้นำรัฐประหารคนปัจจุบัน ได้สัญญากับพวกท่านแล้วว่าจะเข้ามาแก้ปัญหาประเทศชาติ (หลังจากยับยั้งสงครามกลางเมืองได้แล้ว) เขาได้ทำผิดสัญญาอะไรบ้างหรือเปล่า? เขาไม่เคยบอกพวกท่านใช่ไหมว่ารัฐบาลชั่วคราวของพวกเขาเป็นประชาธิปไตย? สิ่งที่พวกท่าน รวมทั้งสื่อมวลชนออกมากล่าวโทษรัฐบาลทหารได้อย่างเกือบเสรีอย่างทุกวันนี้ ต้องถือว่าเป็นลาภมิควรได้แล้วใช่หรือไม่? ยังจะมาเรียกร้องสิทธิเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นเหมือนประเทศประชาธิปไตยตะวันตก กระนั้นเชียวหรือ?
5. พวกท่านต้องการเอาต่างชาติมาเป็นพันธมิตรต่อต้านรัฐบาลของคนไทยใช่หรือไม่? พวกเขาไม่รู้ปัญหาจริงๆ ของไทยหรอก ถ้าประเทศไทยจะตกต่ำจนเป็นทาสของพวกเขา ท่านก็จะมีความสุขอยู่ภายใต้แอกของพวกเขาใช่หรือไม่?
6. สำหรับพวกที่คิดว่าจะสร้างขบวนการ “14 ตุลา” ยุคใหม่ขึ้นมา ท่านได้คิดถึงประเด็นเหล่านี้หรือเปล่า? จริงอยู่ พวกท่านอาจจะได้เปรียบผู้นำเคลื่อนไหว “14 ตุลา” เพราะอาศัยโทรศัพท์มือถือรวมพลังได้รวดเร็วกว่า แต่ข้อได้เปรียบของท่านก็คงถูกหักล้างโดยฝ่ายรัฐบาล ซึ่งคอยจับตาตรวจตราการเคลื่อนไหวของพวกท่านด้วยเทคโนโลยีสื่อสารสมัยใหม่เช่นกัน ใช่หรือไม่? นอกจากนั้นผู้นำการจัดตั้งของพวกท่านยังด้อยปัญญากว่าคนสมัย “14 ตุลา” มาก ท่านยอมรับหรือไม่? และที่สำคัญคือ ประชาชนคนไทยที่มีอารมณ์ร่วมต่อต้านรัฐบาลประยุทธ์ของท่านมีน้อยกว่าของ 40 ปีที่แล้ว เทียบกันไม่ได้ ทั้งจำนวนและคุณภาพใช่หรือไม่?
7. ท่านหวังจะให้รัฐบาลประยุทธ์ปล่อยตัวท่านโดยไม่ต้องขึ้นศาล หรือขึ้นศาลพลเรือนใช่หรือไม่? มูลเหตุที่บ้านเมืองเราปั่นป่วนวุ่นวายกันมาก่อนรัฐประหารนั้น เป็นเพราะรัฐบาลไม่บังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัดใช่หรือไม่? ท่านคิดว่าพลเอกประยุทธ์จะใช้อำนาจพิเศษตามรัฐธรรมนูญชั่วคราวมาตรา 44 มาระงับการทำหน้าที่ตามกฎหมายของเจ้าพนักงานกระนั้นหรือ? การนิรโทษกรรมหลังศาลตัดสินจำคุกแล้วนั่นอาจเป็นไปได้ตามหลักสากล
8. นักเคลื่อนไหวทั้งหลาย รวมทั้งสื่อมวลชนที่เป็นแนวร่วมด้วย อย่าสร้างปัญหาให้รัฐบาลชั่วคราวนี้ต้องตามแก้อีกได้ไหม? ท่านไม่กลัวหรือว่า ถ้ารัฐบาลล้มเหลวในการสร้างรากฐานประชาธิปไตยให้ประเทศ พวกเขาจะโยนความผิดมาให้พวกท่าน ทุกวันนี้ แม้จะอยู่ภายใต้รัฐบาลทหาร ท่านสามารถใช้สิทธิเสรีภาพตามครรลองระบอบประชาธิปไตยที่แท้จริงได้อยู่แล้ว ใช่หรือไม่ ถ้าท่านไม่ทำผิดกฎหมาย หรือก่อวินาศกรรมการปฏิรูปประเทศ ?
คนไทยทุกคน ไม่ว่าจะมีฐานะและอาชีพใด มีชะตากรรมร่วมกัน แต่เรามีความต้องการและทัศนคติทางการเมืองต่างกันมากบ้างน้อยบ้าง ไม่มีรัฐบาลใดสามารถทำให้คนทุกคนพอใจในทุกสิ่งทุกอย่างได้ หลักที่รัฐบาลต้องยึดถือให้มั่นคงคือ จะต้องบังคับใช้กฎหมายที่ใช้อยู่อย่างเคร่งครัด ถ้าแก้ปัญหาโดยวิธีอะลุ่มอล่วย หรือ “ปรองดอง”ทางการเมืองเพื่อเอาใจบุคคลกลุ่มหนึ่ง บุคคลกลุ่มอื่นก็จะเกาะกลุ่มขึ้นมาประท้วงบ้าง ชะตากรรมของคนไทยทุกคนก็จะจมปรักอยู่กับ “เสรีภาพในการชุมนุม”นี่เอง พอกันทีดีไหม? ถามตัวเองว่าจะช่วยชาติช่วยแผ่นดินอย่างไรดีกว่า
8 คำถามถึงดาวดิน ต้องการประชาธิปไตยจอมปลอมใช่หรือไม่ ?
8 คำถามถึง "ดาวดิน" จาก "ศ.เขียน"
นักประชาธิปไตยจ๋า...อย่าง"ดาวดิน"หรือจะชื่อใหม่ว่า "กลุ่มประชาธิปไตยใหม่" อาจต้องฝืนอ่านและลองตอบ 8 คำถามที่ "ศ.ดร.เขียน ธีระวิทย์" ศาตราจารย์กิตติคุณ จากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยตั้งขึ้นผ่านงานเขียนชื่อ "อย่ายอมให้ไทยตกเป็นทาสของประชาธิปไตยจอมปลอมอีกเลย" ว่าคิดเห็นเช่นไรในประเด็นคำถามเหล่านั้น...อย่างน้อยก็เพื่อยืนยันว่า ตนเองนั้นบริสุทธิ์อย่างที่พูด.....หรือไม่อย่างไร???!!!
"อาจารย์เขียน" หรือ "ศ.ดร.เขียน ธีระวิทย์" ศาตราจารย์กิตติคุณ จากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ตั้งคำถามผ่านงานเขียนชื่อ "อย่ายอมให้ไทยตกเป็นทาสของประชาธิปไตยจอมปลอมอีกเลย" ถึงกลุ่มที่ออกมาเรียกร้องประชาธิปไตยในนาม "ดาวดิน"หรือในชื่อ "กลุ่มประชาธิปไตยใหม่" เอาไว้อย่างน่าสนใจ โดยศาตราจารย์กิตติคุณ จากจุฬาฯ ตั้ง 8 ประเด็นคำถามด้วยกัน อย่างน้อยหากนักอุดมคติดาวดินกล้าอ่าน และพร้อมที่จะตอบ นั่นก็เพื่อยืนยันว่า ที่พร่ำพูดว่าตนเองบริสุทธิ์และปลอดการเมืองนั้น....จริงแท้แค่ไหน...อย่างไร???!!!
โดยรายละเอียดงานเขียนทั้งหมด ที่ศาตราจารย์กิตติคุณ จากจุฬาฯ เขียนไว้มี ดังนี้
อย่ายอมให้ไทยตกเป็นทาสของประชาธิปไตยจอมปลอมอีกเลย
ระบอบประชาธิปไตยจอมปลอมของไทย ได้ผลิตครูบาอาจารย์-นิสิตนักศึกษาที่ไร้คุณธรรม – ไม่รู้อะไรผิดอะไรถูกออกมามากมาย พวกนี้รู้ปัญหาและชอบมองปัญหาแคบๆ ด้านเดียว ขาดจิตสำนึกที่จะพิจารณาว่าการทำงานการเมืองของพวกเขาจะมีผลกระทบต่อผลประโยชน์ส่วนรวมอย่างไร หรือไม่ สื่อมวลชนก็มีคุณภาพตกต่ำเช่นเดียวกัน พวกนิสิตนักศึกษา-อาจารย์ และสื่อมวลชนที่ออกมาเคลื่อนไหวส่งเสริมประชาธิปไตยจอมปลอมนั้นอาจจะมีจำนวนน้อย แต่พวกเขาสามารถทำให้บ้านเมืองปั่นป่วนได้
ปัญหาการเมืองเรื่องร้อนของไทยตั้งแต่วันที่ 22 พฤษภาคม จนถึงปัจจุบันคือ การเคลื่อนไหวต่อต้านรัฐบาลประยุทธ์ จันทร์โอชา นำโดย “กลุ่มดาวดิน” ผู้สนับสนุน และพันธมิตร พวกเขาได้ทำกิจกรรมต่อต้านรัฐบาลในเชิงสัญลักษณ์อย่างต่อเนื่อง เลือกเอาวันครบรอบหนึ่งปีของการรัฐประหารและวันครบรอบ 83 ปี ของการเปลี่ยนแปลงการปกครองจากระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์มาเป็นประชาธิปไตย แกนนำได้ถือโอกาสนี้ยกระดับ “กลุ่มดาวดิน” ให้เป็น “ขบวนการประชาธิปไตยใหม่” โดยการจุดชนวนการต่อต้านรัฐบาลทหารมาเป็นประกาย ประกาศตัวไม่ยอมรับอำนาจของรัฐบาลทหาร และไม่ยอมทำตามกฎหมายของประเทศ พวกเขาพากันออกไปแสดงสัญลักษณ์ต่อต้านรัฐบาลประยุทธ์ที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย และที่หอศิลป์ สยามสแควร์ และเดินแห่ป้ายต่อต้านรัฐบาลให้สื่อมวลชนทำข่าวหลายวันอย่างต่อเนื่อง
เมื่อแกนนำ 14 คนของขบวนการถูกหมายเรียก (ไม่ใช่หมายจับ) จากตำรวจให้ไปรายงานตัวที่สถานีตำรวจ พวกเขาก็พากันไปห้อมล้อมสถานีตำรวจนครบาลปทุมวันเมื่อวันที่ 26 มิถุนายน ใช้เครื่องโทรโข่งประกาศให้ตำรวจรับรู้ว่า พวกเขาไม่ได้มาตามหมายเรียก เพราะพวกเขาไม่ยอมรับอำนาจของรัฐบาลที่มาจากการรัฐประหาร แต่มาแจ้งความให้ตำรวจดำเนินคดีกับตำรวจที่ทำร้ายร่างกายของพวกเขาในการเข้าจับกุมพวกเขาที่หอศิลป์ 2 วันก่อนหน้านั้น
ความจริงพวกเขาต้องการพาตัวไปยัดเยียดให้ตำรวจจับ จะได้เป็นฮีโร่ในข่าวเหมือนผู้ก่อชนวน “14 ตุลา” (พ.ศ. 2516) แต่รัฐบาลก็รู้ทัน ไม่จับทันทีให้มีคนคอยผสมโรงเข้าร่วมจนเกิดความวุ่นวาย รอให้ผ่านไป 2 วันจึงได้หมายจับจับไปขัง เป็นอันว่าผู้ก่อการทั้ง 14 ได้ตามที่พวกเขาต้องการ เพื่อแสดงว่าตนเป็น วีรชนของชาติพวกเขาประกาศอย่างโจ่งแจ้งว่าจะไม่ขอประกันตัวออกมาสู้คดี
สื่อมวลชนหลายคนและหลายแหล่งก็เสนอข่าวตามที่พวกเขาต้องการ บางรายขยายข่าวให้ครึกโครม ยกเอา “นักวิชาการ” หรือ “นักวิชาเกิน” มาอ้างว่าได้พูดอย่างนั้นอย่างนี้ โดยบิดเบือนคำพูดบ้างจริงบ้าง และแถมเอาสิ่งที่ตนต้องการพูดเข้าข้างขบวนการเข้าไปบ้าง เพื่อกระพือข่าวหาพวกสนับสนุนจากภายในและภายนอกประเทศให้มากขึ้น ข้าพเจ้าอยากถาม “ฮีโร่” ทั้ง 14 – ผู้สมคบ และผู้สนับสนุนใน 8 ประเด็นต่อไปนี้
1. พวกท่านต้องการอะไร ต้องการประชาธิปไตยจอมปลอมที่มีมาก่อนถูกรัฐประหารใช่หรือไม่? ต้องการทำประเทศให้ปั่นป่วนถึงจุดที่จะมีสงครามกลางเมืองอีกใช่หรือไม่ ?
2. พวกท่านต้องการเป็น “ฮีโร่” โดยการเลียนแบบกรณี “ 14 ตุลา” ใช่หรือไม่? รัฐบาลประยุทธ์ มีอะไรที่เหมือนกับรัฐบาลถนอม-ประภาสบ้าง? มีเรื่องฉาวโฉ่ เช่นเดียวกับเรื่อง“ทุ่งใหญ่นเรศวร” หรือเปล่า?
3. การโค่นล้มรัฐบาลถนอม-ประภาส เปรียบเทียบกับการโค่นล้มรัฐบาลประยุทธ์ ถ้าทำสำเร็จ ผลจะแตกต่างกันอย่างไร? อำนาจจะเปลี่ยนมือไปให้ใคร? หลายคนที่เข้าร่วม “ขบวนการประชาธิปไตยใหม่” รู้อยู่แก่ใจแล้วว่าใครจะกลับมาแพร่พันธุ์ลัทธิประชาธิปไตยจอมปลอมใช่หรือไม่?
4. พลเอกประยุทธ์ ผู้นำรัฐประหารคนปัจจุบัน ได้สัญญากับพวกท่านแล้วว่าจะเข้ามาแก้ปัญหาประเทศชาติ (หลังจากยับยั้งสงครามกลางเมืองได้แล้ว) เขาได้ทำผิดสัญญาอะไรบ้างหรือเปล่า? เขาไม่เคยบอกพวกท่านใช่ไหมว่ารัฐบาลชั่วคราวของพวกเขาเป็นประชาธิปไตย? สิ่งที่พวกท่าน รวมทั้งสื่อมวลชนออกมากล่าวโทษรัฐบาลทหารได้อย่างเกือบเสรีอย่างทุกวันนี้ ต้องถือว่าเป็นลาภมิควรได้แล้วใช่หรือไม่? ยังจะมาเรียกร้องสิทธิเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นเหมือนประเทศประชาธิปไตยตะวันตก กระนั้นเชียวหรือ?
5. พวกท่านต้องการเอาต่างชาติมาเป็นพันธมิตรต่อต้านรัฐบาลของคนไทยใช่หรือไม่? พวกเขาไม่รู้ปัญหาจริงๆ ของไทยหรอก ถ้าประเทศไทยจะตกต่ำจนเป็นทาสของพวกเขา ท่านก็จะมีความสุขอยู่ภายใต้แอกของพวกเขาใช่หรือไม่?
6. สำหรับพวกที่คิดว่าจะสร้างขบวนการ “14 ตุลา” ยุคใหม่ขึ้นมา ท่านได้คิดถึงประเด็นเหล่านี้หรือเปล่า? จริงอยู่ พวกท่านอาจจะได้เปรียบผู้นำเคลื่อนไหว “14 ตุลา” เพราะอาศัยโทรศัพท์มือถือรวมพลังได้รวดเร็วกว่า แต่ข้อได้เปรียบของท่านก็คงถูกหักล้างโดยฝ่ายรัฐบาล ซึ่งคอยจับตาตรวจตราการเคลื่อนไหวของพวกท่านด้วยเทคโนโลยีสื่อสารสมัยใหม่เช่นกัน ใช่หรือไม่? นอกจากนั้นผู้นำการจัดตั้งของพวกท่านยังด้อยปัญญากว่าคนสมัย “14 ตุลา” มาก ท่านยอมรับหรือไม่? และที่สำคัญคือ ประชาชนคนไทยที่มีอารมณ์ร่วมต่อต้านรัฐบาลประยุทธ์ของท่านมีน้อยกว่าของ 40 ปีที่แล้ว เทียบกันไม่ได้ ทั้งจำนวนและคุณภาพใช่หรือไม่?
7. ท่านหวังจะให้รัฐบาลประยุทธ์ปล่อยตัวท่านโดยไม่ต้องขึ้นศาล หรือขึ้นศาลพลเรือนใช่หรือไม่? มูลเหตุที่บ้านเมืองเราปั่นป่วนวุ่นวายกันมาก่อนรัฐประหารนั้น เป็นเพราะรัฐบาลไม่บังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัดใช่หรือไม่? ท่านคิดว่าพลเอกประยุทธ์จะใช้อำนาจพิเศษตามรัฐธรรมนูญชั่วคราวมาตรา 44 มาระงับการทำหน้าที่ตามกฎหมายของเจ้าพนักงานกระนั้นหรือ? การนิรโทษกรรมหลังศาลตัดสินจำคุกแล้วนั่นอาจเป็นไปได้ตามหลักสากล
8. นักเคลื่อนไหวทั้งหลาย รวมทั้งสื่อมวลชนที่เป็นแนวร่วมด้วย อย่าสร้างปัญหาให้รัฐบาลชั่วคราวนี้ต้องตามแก้อีกได้ไหม? ท่านไม่กลัวหรือว่า ถ้ารัฐบาลล้มเหลวในการสร้างรากฐานประชาธิปไตยให้ประเทศ พวกเขาจะโยนความผิดมาให้พวกท่าน ทุกวันนี้ แม้จะอยู่ภายใต้รัฐบาลทหาร ท่านสามารถใช้สิทธิเสรีภาพตามครรลองระบอบประชาธิปไตยที่แท้จริงได้อยู่แล้ว ใช่หรือไม่ ถ้าท่านไม่ทำผิดกฎหมาย หรือก่อวินาศกรรมการปฏิรูปประเทศ ?
คนไทยทุกคน ไม่ว่าจะมีฐานะและอาชีพใด มีชะตากรรมร่วมกัน แต่เรามีความต้องการและทัศนคติทางการเมืองต่างกันมากบ้างน้อยบ้าง ไม่มีรัฐบาลใดสามารถทำให้คนทุกคนพอใจในทุกสิ่งทุกอย่างได้ หลักที่รัฐบาลต้องยึดถือให้มั่นคงคือ จะต้องบังคับใช้กฎหมายที่ใช้อยู่อย่างเคร่งครัด ถ้าแก้ปัญหาโดยวิธีอะลุ่มอล่วย หรือ “ปรองดอง”ทางการเมืองเพื่อเอาใจบุคคลกลุ่มหนึ่ง บุคคลกลุ่มอื่นก็จะเกาะกลุ่มขึ้นมาประท้วงบ้าง ชะตากรรมของคนไทยทุกคนก็จะจมปรักอยู่กับ “เสรีภาพในการชุมนุม”นี่เอง พอกันทีดีไหม? ถามตัวเองว่าจะช่วยชาติช่วยแผ่นดินอย่างไรดีกว่า