ประสบการณ์สัมภาษณ์วีซ่าอเมริกา | กรกฎาคม 2015

ขอเล่าประสบการณ์การสมัครวีซ่าอเมริกาของตัวเองบ้างนะคะ หลังจากอ่านกระทู้ของคนอื่นมาเยอะ (เพิ่งผ่านมาวันนี้สดๆร้อนๆ กำลังอยู่ในโหมดอยากแบ่งปัน อิอิ) คิดว่ากระทู้วีซ่าอเมริกาน่าจะมีคนอยากอ่านเรื่อยๆ เพราะสำหรับคนที่ขอครั้งแรก มักจะรู้สึกมึนงง สับสนชีวิต อันนี้อิชั้นเข้าใจดีมากกกก เพราะตัวเองก็เครียดอยู่หลายสัปดาห์เลยค่ะ กลัวอะไรไม่เท่ากลัวเสียตังค์ฟรี ว่ามั้ยคะทั่นผู้ชม

แผนของเราคือไปเที่ยวฮาวายในช่วงเดือนสิงหาคม เนื่องจากมีวันแม่เป็น Public Holiday 1 วัน บวกกับใช้ Annual Leave อีก 4 วัน คิดเอาน่ะ น่าจะโอเค ไป 9 วันบวกเสาร์อาทิตย์ปิดหัวท้าย

ด้วยความที่จะต้องไปในเดือนสิงหาแล้ว ก็เลยค่อนข้างรีบร้อน เพราะกลัวว่าจะต้องรอคิวสัมภาษณ์นานแล้วจะต้องมาฉุกละหุกช่วงใกล้วันไป เราก็เลยอยากจะจัดการเรื่องวีซ่าให้เรียบร้อยก่อนไปสัก 1 เดือน ทำไปทำมาคือ ตอนกรอก DS-160 ก็รีบร้อน ไม่ทันได้เช็คราคาตั๋ว เอาเข้าจริงราคาตั๋วที่หาได้ในราคาที่รับไหว เป็น period ที่ยาวกว่าที่ระบุไปใน DS-160 เอาล่ะสิ period ไม่ตรงกันจะเป็นอะไรไหมนี่ เราปรึกษาเรื่องนี้กับ Travel Agent แล้ว เค้าบอกว่าไม่เป็นไร ถ้าเหตุผลของเราฟังขึ้น เจ้าหน้าที่เค้ารับฟังอยู่แล้ว แต่ยังไงเราก็ยังใจตุ๊มๆต่อมๆอยู่ดี

เอกสารที่เราเตรียมไปมีดังนี้

1. DS-160

ตอนกรอกสิ่งนี้ก็มึนงงมาก งงตรง Have you ever been ten printed? จำไม่ได้จริงๆว่าเคยพิมพ์นิ้วทั้งสิบนิ้วรึเปล่า (ซึ่งเป็นเรื่องที่ซื่อบื้อมาก เคยไปอเมริกาแล้ว ก็ต้องเคยพิมพ์สิบนิ้วแล้วสิ) แต่ยังไงเค้าก็ให้ทุกคนพิมพ์ลายมือทั้ง 10 นิ้วอยู่ดีนะคะเท่าที่เห็น

2. ใบโอนเงินที่ไปจ่ายค่าวีซ่าที่ธนาคารกรุงศรีอยุธยา อัพเดทตอนนี้คือคนละ 5,440 บาท รวมค่าส่งพาสปอร์ทคืนทางไปรษณีย์แล้วนะคะ

3. ใบนัดสัมภาษณ์

4. รูปถ่ายให้เห็นหู ของเราก็ตามสเป๊คเป๊ะๆ ถ่ายได้ตามร้านทั่วไป

5. บัตรประชาชน พร้อมสำเนา

6. ทะเบียนบ้านตัวจริง พร้อมสำเนา

7. หนังสือรับรองจากบริษัท ระบุว่าทำงานที่นี่มาตั้งแต่เมื่อไหร่ ตำแหน่งอะไร เงินเดือนเท่าไหร่ ยินยอมให้นางสาวคนนี้ไปเที่ยวอเมริกาได้เป็นเวลากี่วัน ช่วงไหน พร้อมสลิปเงินเดือนย้อนหลังหลายๆเดือนเข้าไว้ ของเราเอาย้อนหลังไปปีนึงเลย

8. สมุดบัญชีและสเตทเมนท์ ของเราขอย้อนหลัง 6 เดือนจากธนาคารกสิกรไทย ราคา 200 บาท

9. เอกสารการซื้อบ้านและใบเสร็จเพื่อแสดงว่าเราผ่อนมาเรื่อยๆอย่างมั่นคงไม่เคยบิดพลิ้วนะจ๊ะ  

10. เอกสารด้านการศึกษาว่าเรียนจบที่ไหน << เราว่าอันนี้ไม่ค่อยจำเป็นเลย แต่อ่านว่าคนอื่นเค้าพกกันไปก็พกๆไปเถอะ

11. เอกสารการเช่าอพาร์ทเมนท์ที่พักอยู่ และใบเสร็จว่าอยู่จริง จ่ายตังค์จริง << อันนี้ก็เผื่อมากกก เหมือนจะไม่จำเป็นเลย

12. ใบจองตั๋วเครื่องบินที่จองผ่านเอเจนท์ << อันนี้เอเจนท์บอกให้ทำ

13. ใบจองโรงแรม << เอเจนท์บอกให้ทำ แต่เราจองเอง เราใช้ Booking.com แคนเซิลภายหลังได้

14. Itinerary ของทริปนี้ << ทำเอง มีภาพประกอบสวยงาม ประหนึ่งตัวเองเป็นการท่องเที่ยวฮาวาย

ทุกอย่างจัดใส่แฟ้มใสเรียบร้อยค่ะ

สรุปว่าใช้จริงๆแค่...

1. DS-160

5. บัตรประชาชนตัวจริง เพราะเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยจะเก็บไปตอนเราฝากโทรศัพท์

7. หนังสือรับรองจากที่ทำงาน


เอกสารที่เหลือไม่ได้เรียกดูเลยแม้แต่นิด แม้แต่รูปถ่ายเค้าก็ยังไม่ได้ขอไว้เลยค่ะ แต่ก็เหมือนที่กระทู้อื่นๆบอกแหละค่ะ พกไปเถอะ มีเกินดีกว่ามีไม่พอเนอะ เงินตั้งครึ่งหมื่น ถ้าสูญไปเพราะการที่เราไม่เตรียมพร้อมเองคงจะน่าเสียดายมาก


ก่อนจะเล่าว่าคุณเจ้าหน้าที่ผู้น่ารักสัมภาษณ์ว่าอะไรบ้าง ขอบอกเรื่องการเตรียมตัวในวันสัมภาษณ์ก่อนนะคะ

1. ตื่นแต่เช้า ไหว้สิ่งศ้กดิ์สิทธิ์ที่ท่านศรัทธา มีเวลาตักบาตรและกรวดน้ำให้เจ้านายนายเวรทั้งหลายด้วยจะดีมาก โทรหาบุพการีเพื่อขอพรจากท่าน พ่อแม่อาจจะงงๆว่าอะไรมันจะซีเรียสขนาดนั้น แต่ท่านจะอวยพรให้เราอยู่ดี (แบบงงๆ) ถ้าใครไม่เคยเครียดเรื่องขอวีซ่าอเมริกาคงไม่เข้าใจ

2. ถ้าคุณเอารถไป เอาไปจอดที่ตึกสินธรฝั่งตรงข้ามได้เลย สะดวกสุด ซื้อ Starbucks หรือ Au Bon Pain มาทานสักนิดก็จะได้ประทับตราบัตรจอดรถแล้วค่ะ ของเราจ่ายเพิ่ม 30 บาท จอดไปประมาณ 3 ชั่วโมงเศษ

3. เวลานัดสัมภาษณ์ควรนัดให้เช้า ไปให้ไว จะได้สัมภาษณ์ได้อย่างรวดเร็ว ของเราจองไปตอน 9 โมง 45 นาที ไปถึงหน้าสถานทูตตอน 8 โมง 10 นาที คนเยอะมากค่ะ ดังนั้นกว่าจะผ่านเครื่องสแกน กว่าจะได้เข้าไปยื่นแบบฟอร์ม กว่าจะต่อคิวสแกนนิ้ว สัมภาษณ์จริงๆเกือบ 11 โมงค่ะ

4. ตอนรอด้านหน้าก่อนจะเข้าเครื่องสแกน ให้เตรียม DS-160 พาสปอร์ทเล่มปัจจุบัน บัตรประชาชน และโทรศัพท์ที่ปิดเครื่องแล้วไว้ในมือเลย กระบวนการตรวจความปลอดภัยต่างๆจะรวดเร็วขึ้นค่ะ



ณ ตอนสัมภาษณ์...

หลังจากต่อคิวมายาวนาน เราก็ได้สัมภาษณ์กับเจ้าหน้าที่หนุ่มหน้าตาเอเชียช่อง 6 ถึงแม้กระจกที่กั้นกลางระหว่างเราจะมัวซัวมาก แต่ก็เห็นได้ว่าคุณเจ้าหน้าที่ดูน่ารักและใจดีนะ แอบปลิ้มนิด ฮิๆ

---- เปิดบทสนทนามาด้วยภาษาไทย แล้วเปลี่ยนเป็นภาษาอังกฤษตอนไหนไม่รู้ อันนี้เวอร์ชั่นแปลแล้วนะคะ อาจจะไม่เรียงลำดับตามนี้เป๊ะๆ แต่นี่คือบทสนทนาที่คุณเจ้าหน้าที่คุยกับเรานะคะ ----

จนท.หน้าตาน่ารัก: ไปทำอะไรอเมริกาครับ
ตอบ: ไปเที่ยวค่ะ

จนท.หน้าตาน่ารัก: ที่ไหนครับ
ตอบ: ฮาวายค่ะ

จนท.หน้าตาน่ารัก: ไปกับใครครับ
ตอบ: ไปคนเดียวค่ะ

จนท.หน้าตาน่ารัก: /เริ่มทำหน้าเบ้/ ไปกี่วันครับ
ตอบ: 10 วันค่ะ จริงๆแพลนไว้ว่าสัปดาห์นึง แต่สู้ค่าตั๋วไม่ไหวค่ะ เลยต้องปรับให้ยาวขึ้น

จนท.หน้าตาน่ารัก: ไปเจอใครที่นั่นรึเปล่าครับ
ตอบ: ไม่ค่ะ

จนท.หน้าตาน่ารัก: รู้จักใครที่นั่นไหมครับ
ตอบ: ไม่ค่ะ

จนท.หน้าตาน่ารัก: คุณอายุ 32 ใช่ไหม
ตอบ: ค่ะ ย่าง 33 (แหงล่ะ อายุ 32 มันก็ต้องย่าง 33 มันจะย่าง 34 ได้มั้ยล่ะยัยทึ่มมม)

จนท.หน้าตาน่ารัก: แต่งงานรึยังครับ
ตอบ: ยังค่ะ

จนท.หน้าตาน่ารัก: มีแฟนไหมครับ
ตอบ: ไม่มีค่ะ โสด /พร้อมกับยิ้มหวานที่สุดในชีวิต/ (ในใจอยากจะบอกว่าโสดสุด!! จีบมั้ยล่ะ จีบชั้นเลยซี่!!)

จนท.หน้าตาน่ารัก: ตอนไปจะไปพักที่ไหนครับ
ตอบ: พักที่ Waikiki XXX XXX ค่ะ (ซึ่งฮีก็ไม่ได้ถามนะคะว่าทำไมตอบไม่ตรงกับใน DS-160)

จนท.หน้าตาน่ารัก: จริงๆแล้วมันแปลกๆอยู่น้าที่คุณจะไปเที่ยวฮาวายคนเดียวเนี่ย (เราเริ่มใจแป้ว ณ ประโยคนี้) แล้วนี่เคยไปประเทศไหนมาบ้างแล้วครับ
ตอบ: ฟิลิปปินส์ บรูไน มาเลเซีย สิงคโปร์ ญี่ปุ่น และเคยไปอเมริกาด้วยค่ะ

จนท.หน้าตาน่ารัก: ไปทำอะไรที่อเมริกาครับ
ตอบ: ตอนนั้นไปทำงานเรือ XXX Cruise Lines ค่ะ ช่วงปี 2010

จนท.หน้าตาน่ารัก: แล้วตอนนี้ทำงานอะไรครับ
ตอบ: ทำอยู่บริษัท XXX ค่ะ เป็น XXX Manager

จนท.หน้าตาน่ารัก: /กวักมือหยอยๆขอดูเอกสาร/ เราจึงยื่นหนังสือรับรองจากที่ทำงานไปให้ เค้าก็เอาไปพิจารณา ไตร่ตรอง นึกคิด พินิจพิจารณาอยู่ 2 วิ และมือฮีก็เริ่มพิมพ์ๆ

จนท.หน้าตาน่ารัก: คุณเป็น Manager เหรอ
ตอบ: ใช่ค่ะ

จนท.หน้าตาน่ารัก: บริษัทคุณทำอะไร
ตอบ: อ๋อ ก็เป็นธุรกิจ XXX น่ะค่ะ เหมือนกับ XXX และ XXX อะไรพวกนั้น (ยกตัวอย่างชื่อคู่แข่งไป เผื่อเค้าจะรู้จักว่าธุรกิจบริษัทที่เราทำงานอยู่เป็นแนวไหน)

จนท.หน้าตาน่ารัก: ทำไมถึงอยากไปเที่ยว
ตอบ: คิดว่าช่วงเดือนสิงหาเป็นจังหวะที่ดีค่ะ เพราะช่วงปลายปีที่ออฟฟิศจะยุ่งมาก ถึงจะอยากไปตอนนั้นก็คงไปไม่ได้

จนท.หน้าตาน่ารัก: ทำไมต้องเป็นฮาวายครับ
ตอบ: ก็เห็นเค้าว่าฮาวายเป็น Paradise on earth อีกอย่าง ที่ผ่านมาได้แต่ไปต่างประเทศเพราะเรื่องงานหรือไม่ก็ไปเพราะโครงการพิเศษ ไม่เคยได้ไปเที่ยวเพื่อตัวเองเลยค่ะ (จริงๆอยากไปเซิร์ฟและตามรอยโลเคชั่นที่เค้าถ่าย 50 First Dates อ่ะค่ะ แต่บอกตามตรงว่าพอบทสนทนาถึงตอนนี้เรารู้สึกว่าเริ่มจะหมดมุขมาโน้มน้าวฮีแล้วนะ เริ่มเหงื่อออกมือหนักกว่าเดิม คิดไปต่างๆนาๆว่าทำไมถามตูเยอะจังฟระ คนอื่นเค้าถามแป๊บเดียวเอง ท่าจะเสียตังค์ฟรีซะละมั้งเนี่ยยย -_-')

จนท.หน้าตาน่ารัก: ระวังตัวด้วยนะ รู้ไหมว่าที่นั่นมีธุรกิจที่เอาผู้หญิงไทยไปเป็นโสเภณีด้วย
ตอบ: หน้าตาชั้นดูเหมือนผู้หญิงแบบนั้นเหรอคะ? << เป็นประโยคที่แย่มาก รู้สึกว่าตัวเองกวนตีนมาก ดิฉันนึกตำหนิตัวเองในใจตอนออกมาแล้วว่าจะไปย้อนฮีทำม้ายยย แต่ก็นะ ตอนนั้นมันเริ่มเครียดแล้วอ่ะค่ะ T_T

จนท.หน้าตาน่ารัก: ไม่ใช่อย่างนั้นครับมาดาม ที่ผมบอกให้คุณระวังตัวด้วยเพราะผมกำลังออกวีซ่าให้คุณอยู่นี่ไง
ตอบ: หาาา    me/ตาเป็นประกายวิ้งๆ/    "จริงเหรอคะ" (ในใจกรีดร้องยาวนานมาก)

จนท.หน้าตาน่ารัก: ครับ แต่ผมบอกเลยว่าฮาวายมันไม่ได้ปลอดภัยไปซะทั้งหมดนะครับ ต้องระวังตัวให้ดีๆนะ
ตอบ: ชั้นจะเอากระเป๋าตังค์ไว้ด้านหน้าตลอดค่ะ (คิดว่าตัวเองพูดอะไรที่ฉลาดสุดแระตอนนั้น 55)

จนท.หน้าตาน่ารัก: ไม่ใช่เรื่องกระเป๋าตังค์ครับ ผมพูดถึงธุรกิจแบบนั้น มันมีอยู่จริงๆนะครับเรื่องที่มีธุรกิจเอาผู้หญิงไทยไปเป็นโสเภณี บลาๆๆ ... แล้วฮีก็เตือนเรามาอีกพอสมควร แลดูเป็นห่วงเป็นใยอิชั้นยิ่งนัก (มโน)
ตอบ: โอเคค่ะ ชั้นจะระวังตัวเป็นอย่างดีค่ะ

จนท.หน้าตาน่ารัก: แต่ถึงยังไงฮาวายก็ยังเป็น Paradise on earth อยู่นะครับ (ยิ้ม)
ตอบ: me/มองหน้าคุณเจ้าหน้าที่ด้วยน้ำตารื้น โมเมนท์นั้นเหมือนนางงามได้มง/ ขอบคุณมากนะคะ (ใจจริงอยากจะกระโดดหอมแก้มสองข้างเลย แต่มีกระจกนิรภัยมัวซัวมากั้นกลางระหว่างเรา)

จบแล้วค่ะ

แค่อยากจะแชร์ว่าความเครียดที่อิชั้นมีมาหลายสัปดาห์มลายหายไปในบัดดล อยากจะกึ่งเดินกึ่งกระโดดออกมาแล้วกระโดดเอาเท้าสองข้างประกบกันเหมือนตามในหนังมันก็จะเว่อร์ไป ได้แต่เดินยิ้มอยู่คนเดียว อิๆๆ ต้องขอขอบคุณคุณเจ้าหน้าที่สุดหล่อมากๆที่เตือนมาซะเยอะเลยนะคะ (จากตอนแรกเหมือนจะดูมึนตึงกับน้องนิดนึงนะ) คนก็ต่อคิวเยอะยังสละเวลามาคุยกับเราอยู่นานสองนาน ตอนไปจะระวังตัวอย่างดีเลยคร่าาา

ท้ายนี้ก็ขอให้ทุกคนที่ไปขอวีซ่าอเมริกาโชคดีนะคะ เตรียมตัวไปดีๆ ไม่น่ามีปัญหาค่า


ปล. เหมือนเคยได้อ่านมาในกระทู้เก่าๆว่าคุณป้าสุดโหดจะอยู่ช่อง 11 ขออัพเดทว่า ณ ปัจจุบันช่อง 11 ปิดนะคะ ไม่ได้เจอคุณป้าสุดโหดคนนั้นเลยค่ะ มีแต่คุณพี่หล่อๆหน้าตาดีๆพูดไทยด้วยสำเนียงน่ารักๆอยู่ช่อง 6 ถึง 9  

ปล. 2 ที่บอกว่าบางทีเจ้าหน้าที่จะโยนเอกสารคืนให้เรา ไม่จริงนะคะ เพราะช่องยื่นเอกสารจะเป็นรูเล็กๆ พอเอามือลอดได้เท่านั้นเอง ดังนั้นการที่เจ้าหน้าที่จะโยนเอกสารคืนให้เรานั้นเป็นไปไม่ได้ค่า 555

ปล. 3 ระหว่างที่รอคิวอยู่นั้น ได้ยินสามีภรรยาคู่นึงกำลังสัมภาษณ์กับเจ้าหน้าที่อยู่ น่าจะเจอคำถามที่ว่า "คุณทำธุรกิจอะไร" คำตอบของคุณพี่สองท่านนี้คือ "พืชไร่และการเกษตร" คุณเจ้าหน้าที่ก็ "หืมมม?? กามิกาเซ่?" อิชั้นยืนต่อแถวอยู่ขำพรืดดด จริงๆแล้วถึงแม้จะไม่พูดภาษาอังกฤษเลย แต่สำหรับบางคำ เตรียมคำศัพท์เป็นภาษาอังกฤษไปอธิบายเจ้าหน้าที่บ้างก็ดีนะคะ จะได้ไม่ฟังการเกษตรเป็นกามิกาเซ่ งงทั้งคนถามคนตอบเลยค่ะ


ปล. 4 ส่งท้ายด้วยวีดีโอที่ทำให้อยากไปฮาวาย ดูวีดีโอฮาวายมาก็เยอะ แต่อันนี้น่ารักสุดเลยน้า ยิ้ม
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่