อยากถามความเห็นของแต่ละคนครับ คือตอนนี้แม่ของผมป่วยเป็นมะเร็งปอดระยะสุดท้าย ลามขึ้นสมอง และได้พักรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล ตอนนี้ร่างกายไม่มีการตอบสนองแล้ว ใช้เครื่องช่วยหายใจอยู่ และอาหารก็สั่งงดไปแล้ว เพราะว่ามีเลือดออกในกระเพาะไม่สามารถให้ได้แล้ว หมอก็พูดบอกว่าให้ทำใจ คือก็พอรู้ว่าอยู่ได้ด้วยเครื่องช่วยหายใจ ผมคิดว่าไม่อยากกจะทรมานแม่ต่อไปแล้ว ทำใจไว้แล้ว เกิด แก่ เจ็บ ตาย เป็นเรื่องธรรมชาติ สังขารเป็นสิ่งไม่เที่ยง เพราะโรคนี้ยังไงเป็นแล้วก็ไม่หาย จะช้าจะเร็วก็ต้องจากเราไปอยู่ดี อยากให้ท่านไปสบายไม่ต้องทรมานทั้งแม่และคนในครอบครัว เพราะผมเห็นทีไรเวลาพยาบาลดูดเสลดออก แม่จะร้องโอดครวญมาก น้ำตาผมไหลทุกทีเลยรู้สึกเจ็บแทน แต่ ณ ตอนนี้เวลาทำไรแม่ก็ไม่รู้สึกตัวแล้ว คิดไว้ว่าถ้าให้ท่านไปสบายเสียตั้งแต่ตอนนี้แล้วไม่ยื้อไว้ ทุนทรัพย์ในการรักษาก็จะไม่มากไปกว่านี้ และคนในครอบครัวก็กลับมาดำเนินชีวิตตามปกติ ประกอบอาชีพกันปกติ เพราะตอนนี้ทุกคนก็ต้องผลัดเปลี่ยนกันเฝ้า ตอนนี้พ่อได้หยุดขายของไปเลยเพื่อมาเฝ้าแม่ ส่วนผมเองก็ทำงานคนเดียวตอนนี้ ก็ได้แต่ไปเฝ้าตอนวันหยุดหรือวันไหนที่ไม่ได้เข้ากะบ่าย ถ้ายื้อไปมากกว่านี้คิดไว้แล้วว่ายังไงก็ต้องไปกู้เงินมารักษาแน่ ลำพังคนเดียวค่าใช้จ่ายผมยอมรับเลยว่าผมแบกไว้ไม่ไหวแน่
คิดว่าถ้าถอดเครื่องช่วยหายใจออกเสียตอนนี้เลยจะเป็นการเห็นแก่ตัวหรือใจดำกับแม่เกินไปไหมครับ เพราะตอนนี้ก็มีหลายความคิดประดังเข้ามา บางคนก็บอกว่าไม่ต้องทรมานแม่แล้ว บางคนก็บอกว่าทำไมไม่ยื้อให้ถึงที่สุด บางคนก็หาว่าใจดำกับแม่ขนาดนี้เลยเหรอไม่รักแม่เหรอ คือมีหลายเหตุผลมาก อยากทราบความเห็นของเพื่อนๆว่าถ้าเป็นเพื่อนๆ คิดว่าจะทำยังไงครับ
ถ้ารู้แน่ว่าผู้ป่วยอยู่ได้ด้วยเครื่องช่วยหายใจ คุณจะทรมานผู้ป่วยต่อหรือว่าทำใจถอดเครื่องช่วยหายใจออกเลย
คิดว่าถ้าถอดเครื่องช่วยหายใจออกเสียตอนนี้เลยจะเป็นการเห็นแก่ตัวหรือใจดำกับแม่เกินไปไหมครับ เพราะตอนนี้ก็มีหลายความคิดประดังเข้ามา บางคนก็บอกว่าไม่ต้องทรมานแม่แล้ว บางคนก็บอกว่าทำไมไม่ยื้อให้ถึงที่สุด บางคนก็หาว่าใจดำกับแม่ขนาดนี้เลยเหรอไม่รักแม่เหรอ คือมีหลายเหตุผลมาก อยากทราบความเห็นของเพื่อนๆว่าถ้าเป็นเพื่อนๆ คิดว่าจะทำยังไงครับ