เรื่องสั้นหน้าเดียว : ถนนแห่งความฝัน
โดย รางรถไฟ
"วัยหนุ่มวัยสาว ความหอมหวานแห่งชีวิต ความฝันถึงสิ่งต่าง ๆ สารพัดสารพันล้วนเป็นจุดหมายที่นักแสวงหามุ่งเดินไปให้ถึง เราหวังว่าวันนี้คุณจะได้ยืนอยู่ในความฝันที่เป็นจริงนั้น แล้วเราจะพบกัน"
แต้มเหน็บปากกาไว้กับสมุดบันทึก ติดแสตมป์วางโปสการ์ดทำมือรูปนกแห่งทุ่งดอกกระเจียวสีสดใสไว้ข้างแก้วกาแฟเปล่า เด็กที่ร้านจะนำมันไปส่งที่ไปรษณีย์ให้เขาในวันรุ่งขึ้น สิบห้าปีที่ผ่านมาของแต้มเหมือนจะยาวนานกว่าคนอื่น ๆ การยืนหยัดต่อสู้เพียงลำพังมาจนวันนี้ได้นั้น หนุ่มใหญ่บอกกับตัวเขาเองทุกวันว่าจะอยู่ให้ได้ ทุกนาทีจะเป็นภาระให้คนรอบข้างให้น้อยที่สุด
บ้านร้างห่างไกลที่เขาได้หลบพักทบทวนการมีตัวตน บัดนี้กลายเป็นร้านกาแฟในสวนป่าตีนภู รายได้นั้นพอเลี้ยงตัวเองและจ่ายค่าแรงลูกน้องสองคน งานเขียนบทกวีของเขาก็ยังพอมีเพื่อนฝูงเก่า ๆ รับไปลงนิตยสารให้สม่ำเสมอ แต้มหยิบซองพัสดุสีน้ำตาลที่ข้างในเป็นหนังสือกวีนิพนธ์และเช็คค่าหนังสือที่ได้พิมพ์ครั้งที่สองมาเปิดดูอีกครั้ง
"พี่แต้มลงมางานเปิดตัวหนังสือพิมพ์ครั้งที่สองนะคะ พี่รับปากฝนแล้ว"
เขาอ่านโน้ตเล็กที่แทรกอยู่ในหนังสือนั่น รำลึกถึงน้ำเสียงใส ๆ ช่างฝันของเจ้าของพัสดุ ราวกับเธอมากล่าวอ้อนวอนกับเขาตรงหน้า ภาพความทรงจำที่ไม่เคยถูกลบเลือนไประหว่างเขากับเธอก็กลับมาเด่นชัดขึ้นอีกหน
...
คืนที่ทหารเพิ่มกำลังจากการควบคุมสถานการณ์เพื่อเข้าสลายการชุมนุม แต้มกำลังยืนพูดอยู่บนเวทีขอร้องให้เจ้าหน้าที่ยุติการใช้กำลังที่สองฝ่ายเริ่มเข้าปะทะกันหนักข้อขึ้นเรื่อย ๆ เขาถูกเพื่อน ๆ ดึงลงมาข้างเวทีในขณะที่เสียงปืนเริ่มดังขึ้น ไฟดับมืดทั่วบริเวณ ชายหนุ่มเห็นแต่แสงไฟข้างถนนแห่งประชาธิปไตย และเห็นแสงจากปากกระบอกปืนพุ่งขึ้นฟ้า ด้านหน้าเห็นหลายคนล้มลง ผู้ชุมนุมหลายพันคนแตกฮือความโกลาหลอลหม่านยากแก่การควบคุม
"พี่แต้ม ทางนี้"
ฝนนิสิตรุ่นน้องจากคณะอักษรศาสตร์คว้าข้อมือของแต้มพากันวิ่งไปทางตรอกบางลำพูพร้อมกับเพื่อนผู้ชุมนุมอีกหลายสิบคน
กระสุนนัดหนึ่งเจาะเข้าที่ต้นขาซ้ายของแต้ม ร่างหนุ่มสาวสองคนที่ยังจับมือกันแน่นล้มลงตรงบาทวิถี เลือดเปรอะเปื้อนเต็มร่างของชายหนุ่มและเสื้อนิสิตสีขาวของฝน ทหารนายหนึ่งวิ่งตามมาทัน พอเห็นหน้ากันชัดจึงลดปืนลงแล้วมาดึงฝนลุกขึ้น
"พี่บอกแล้วว่าอย่ามา ฝนไม่เชื่อกันบ้าง" นายทหารว่า
"พี่เขาถูกยิง พี่ปุ้มช่วยพี่หนูด้วย" ฝนเริ่มร้องไห้ ผู้ชุมนุมถูกสั่งให้นอนราบคว่ำหน้าไปกับพื้นถนน แต้มถูกนำตัวแยกไปส่งโรงพยาบาลเอกชนตรงถนนนางเลิ้ง นั่นเป็นครั้งสุดท้ายที่ฝนกับแต้มได้พบกัน
...
งานเปิดตัวหนังสือเป็นไปอย่างเรียบง่าย มีนักการเมือง นักสื่อสารมวลชนมาร่วมงานกันคึกคัก แต้มกล่าวกับผู้ร่วมงานซึ่งเป็นแฟนหนังสือบนรถเข็นของเขาสั้น ๆ ขณะที่ฝนกุมโปสการ์ดแผ่นนั้นสะอื้นไห้อยู่กับเสธ ปุ้ม สามีของเธอ
"วัยหนุ่มวัยสาว ความหอมหวานแห่งชีวิต ความฝันถึงสิ่งต่าง ๆ สารพัดสารพันล้วนเป็นจุดหมายที่นักแสวงหามุ่งเดินไปให้ถึง เราหวังว่าวันนี้คุณจะได้ยืนอยู่ในความฝันที่เป็นจริงนั้น แล้วเราจะพบกัน"
เรื่องสั้นหน้าเดียว : ถนนแห่งความฝัน
โดย รางรถไฟ
"วัยหนุ่มวัยสาว ความหอมหวานแห่งชีวิต ความฝันถึงสิ่งต่าง ๆ สารพัดสารพันล้วนเป็นจุดหมายที่นักแสวงหามุ่งเดินไปให้ถึง เราหวังว่าวันนี้คุณจะได้ยืนอยู่ในความฝันที่เป็นจริงนั้น แล้วเราจะพบกัน"
แต้มเหน็บปากกาไว้กับสมุดบันทึก ติดแสตมป์วางโปสการ์ดทำมือรูปนกแห่งทุ่งดอกกระเจียวสีสดใสไว้ข้างแก้วกาแฟเปล่า เด็กที่ร้านจะนำมันไปส่งที่ไปรษณีย์ให้เขาในวันรุ่งขึ้น สิบห้าปีที่ผ่านมาของแต้มเหมือนจะยาวนานกว่าคนอื่น ๆ การยืนหยัดต่อสู้เพียงลำพังมาจนวันนี้ได้นั้น หนุ่มใหญ่บอกกับตัวเขาเองทุกวันว่าจะอยู่ให้ได้ ทุกนาทีจะเป็นภาระให้คนรอบข้างให้น้อยที่สุด
บ้านร้างห่างไกลที่เขาได้หลบพักทบทวนการมีตัวตน บัดนี้กลายเป็นร้านกาแฟในสวนป่าตีนภู รายได้นั้นพอเลี้ยงตัวเองและจ่ายค่าแรงลูกน้องสองคน งานเขียนบทกวีของเขาก็ยังพอมีเพื่อนฝูงเก่า ๆ รับไปลงนิตยสารให้สม่ำเสมอ แต้มหยิบซองพัสดุสีน้ำตาลที่ข้างในเป็นหนังสือกวีนิพนธ์และเช็คค่าหนังสือที่ได้พิมพ์ครั้งที่สองมาเปิดดูอีกครั้ง
"พี่แต้มลงมางานเปิดตัวหนังสือพิมพ์ครั้งที่สองนะคะ พี่รับปากฝนแล้ว"
เขาอ่านโน้ตเล็กที่แทรกอยู่ในหนังสือนั่น รำลึกถึงน้ำเสียงใส ๆ ช่างฝันของเจ้าของพัสดุ ราวกับเธอมากล่าวอ้อนวอนกับเขาตรงหน้า ภาพความทรงจำที่ไม่เคยถูกลบเลือนไประหว่างเขากับเธอก็กลับมาเด่นชัดขึ้นอีกหน
...
คืนที่ทหารเพิ่มกำลังจากการควบคุมสถานการณ์เพื่อเข้าสลายการชุมนุม แต้มกำลังยืนพูดอยู่บนเวทีขอร้องให้เจ้าหน้าที่ยุติการใช้กำลังที่สองฝ่ายเริ่มเข้าปะทะกันหนักข้อขึ้นเรื่อย ๆ เขาถูกเพื่อน ๆ ดึงลงมาข้างเวทีในขณะที่เสียงปืนเริ่มดังขึ้น ไฟดับมืดทั่วบริเวณ ชายหนุ่มเห็นแต่แสงไฟข้างถนนแห่งประชาธิปไตย และเห็นแสงจากปากกระบอกปืนพุ่งขึ้นฟ้า ด้านหน้าเห็นหลายคนล้มลง ผู้ชุมนุมหลายพันคนแตกฮือความโกลาหลอลหม่านยากแก่การควบคุม
"พี่แต้ม ทางนี้"
ฝนนิสิตรุ่นน้องจากคณะอักษรศาสตร์คว้าข้อมือของแต้มพากันวิ่งไปทางตรอกบางลำพูพร้อมกับเพื่อนผู้ชุมนุมอีกหลายสิบคน
กระสุนนัดหนึ่งเจาะเข้าที่ต้นขาซ้ายของแต้ม ร่างหนุ่มสาวสองคนที่ยังจับมือกันแน่นล้มลงตรงบาทวิถี เลือดเปรอะเปื้อนเต็มร่างของชายหนุ่มและเสื้อนิสิตสีขาวของฝน ทหารนายหนึ่งวิ่งตามมาทัน พอเห็นหน้ากันชัดจึงลดปืนลงแล้วมาดึงฝนลุกขึ้น
"พี่บอกแล้วว่าอย่ามา ฝนไม่เชื่อกันบ้าง" นายทหารว่า
"พี่เขาถูกยิง พี่ปุ้มช่วยพี่หนูด้วย" ฝนเริ่มร้องไห้ ผู้ชุมนุมถูกสั่งให้นอนราบคว่ำหน้าไปกับพื้นถนน แต้มถูกนำตัวแยกไปส่งโรงพยาบาลเอกชนตรงถนนนางเลิ้ง นั่นเป็นครั้งสุดท้ายที่ฝนกับแต้มได้พบกัน
...
งานเปิดตัวหนังสือเป็นไปอย่างเรียบง่าย มีนักการเมือง นักสื่อสารมวลชนมาร่วมงานกันคึกคัก แต้มกล่าวกับผู้ร่วมงานซึ่งเป็นแฟนหนังสือบนรถเข็นของเขาสั้น ๆ ขณะที่ฝนกุมโปสการ์ดแผ่นนั้นสะอื้นไห้อยู่กับเสธ ปุ้ม สามีของเธอ
"วัยหนุ่มวัยสาว ความหอมหวานแห่งชีวิต ความฝันถึงสิ่งต่าง ๆ สารพัดสารพันล้วนเป็นจุดหมายที่นักแสวงหามุ่งเดินไปให้ถึง เราหวังว่าวันนี้คุณจะได้ยืนอยู่ในความฝันที่เป็นจริงนั้น แล้วเราจะพบกัน"