สวัสดีค่ะนี่เป็นกระทู้แรกของเรา ถ้าเขียนงงๆยังไงก็ขอโทษด้วยนะค่ะ

เริ่มจากเราไปสัมภาษณ์มาเมื่อวันที่ xx มิถุนายน 2558 เป็นวีซ่านักเรียน F-1 ไปถึงก็ทำทุกอย่างเหมือนคนอื่น คือ ฝากของ เสร็จก็ไปให้เค้าเรียงเอกสาร (นี่เป็นครั้งแรกที่เราสัมภาษณ์ แล้วเราก็ไม่เคยไปเมืองนอกเลยด้วย) จากนั้นก็สแกนนิ้ว เค้าก็ถามว่า

กงศุล: ไปทำอะไร
เรา: เรียนภาษาค่ะ

แค่นี้เองแล้วเค้าก็ให้เราไปต่อคิว พอถึงคิวก็เดินเข้าไป เป็นฝรั่งผู้ชาย ผอมๆ (ต่อจากนี้เราอาจจะไม่ได้เล่าเรียงนะ เอาแค่คร่าวๆที่จำได้)

กงศุล: สวัสดีครับ
เรา: สวัสดีค่ะ
แล้วเราก็ยื่นเอกสารที่ด้านนอกมัดรวมกันไว้ให้เค้า แล้วเค้าก็เอาไปพลิกอ่านพวก I-20 ซักพัก
กงศุล:  จะไปอเมริกากี่เดือนครับ
เรา: 5 เดือนค่ะ
กงศุล: ทำไมถึงอยากไป
เรา: ต้องการไปเรียนภาษาเพิ่มเติมค่ะ
กงศุล: ที่ไหนครับ
เรา: SOLEX CHICAGO ค่ะ
กงศุล: ทำไมไม่ลงเรียนแบบยูล่ะ

(ตอนนั้นเราไม่รู้เลยว่าพวกแบบสถาบัน กันในมหาลัยมันต่างกันยังไง เลยตอบไปประมาณว่า)

เรา: คือต้องการที่จะกลับมาที่บ้านเพื่อดูแลแม่ แล้วก็ธุรกิจที่ร้าน เลยไม่อยากไปนานมาก
(ตอนนั้นเราเบลอๆเลย อาจจะตอบแบบสั่นๆไป)

กงศุล: แม่คุณป่วยหรอ
เรา: ไม่ค่ะคือแม่เค้าทำงานที่ร้านแล้วมีพี่สาวอีกคนดูแล
(คือบ้านเราเป็นธุรกิจขายอาหารตอนกลางคืน)

กงศุล: แล้วตอนนี้ทำงานอะไร
เรา: Marketting ค่ะ
กงศุล: เงินเดือน 2x,xxx บาทค่ะ

จากนั้นเค้าก็หันหน้าเค้าหาคอมพิมไรก็ไม่รู้ เราเลยพูดออกไปประมาณว่า

เรา: คือหนูอยากไปเรียนภาษาเพื่อเอากลับมาใช้ที่ทำงาน และจะได้กลับมาดูแลแม่ด้วย เลยลงเรียนที่สถาบันนี้ค่ะ

(คือที่ๆเราทำงานมันคือบ้านญาติซึ่งร้านเค้าก็อยู่ข้างบ้าน ตามปกติพอทำงานเสร็จเราก็จะมาช่วยแม่ขายของ
ต่อ)

กงศุล: พูดภาษาอังกฤษได้ไหม
เรา: ได้นิดหน่อย
จากนั้นท่านก็พูดภาษาอังกฤษมา คงเป็นเพราะเราตื่นเต้นจัดเลยทำหน้างงๆไป ท่านก็เงียบ ก่อนจะเริ่มเป็นภาษาไทย
กงศุล: ใครเป็น สปอนเซอร์
เรา: แม่ค่ะ แต่ว่า แม่ออกเป็นคนออกค่าที่พัก ค่าใช้จ่ายอื่นๆ ส่วนค่าเรียนเราออกเองค่ะ"
กงศุล: ขอดู Statement หน่อยครับ
เราก็ยื่นให้ขอแม่มันมีอยูประมาณ 3xx,xxx บาท เค้ารับไปแต่เหมือนเค้าอยากจะได้ของเราด้วย แต่เราไม่ได้เอาไป
แล้วเค้าก็เอาไปดู เทียบกับ I-20 นานมาก

ท่านหันกลับมาหาเราก่อนจะพูดอังกฤษอีกครั้งซึ่งเราก็เหมือนเดิม อึ้ง (คือเราเป็นคนแบบพอโดนกดดันหัวมันจะตื้อ คิดไม่ทัน
แต่จริงๆเราพอจะฟังคร่าวๆออก เพราะคนที่สัมภาษณ์ก่อนเรา เราก็ลองฟัง ก็แปลออก)
จากนั้นท่านก็หันไปพิมๆ นานมากอีกเช่นกัน ก่อนจะหันมามัดพาสปอต
แล้วยื่นคืน  เราก็แบบอึ้งทานมาก ถามเค้าว่าอยากรู้เหตุผล เราจะได้อธิบายให้ได้ แต่เค้าก็ไม่พูดอะไร ให้อ่าน
ในใบที่ยื่นให้ เราเดินอึ้งออกมา เดินวนอยู่นานมาไม่รู้จะทำไง เพราะมันจะเริ่มเรียนเดือนหน้าแล้วด้วย
เราเลยตัดสินใจย้อนกลับไป แต่ไปตรงช่องสแกนนิ้ว ซึ่งเป็นคุณป้า คนไทย เราก็เอาใบที่กงศุลให้เราให้เค้าดู
แล้วบอกว่า เราอยากจะทราบเหตุผลที่ไม่ผ่าน เพราะรอบหน้าเราจะได้เตรียมตัวถูก เราพูดไปน้ำตาก็คลอไป
ป้าแกก็เลยรู้สึกสงสารมั้ง เลยหันไปคีย์ที่คอมก็จะพูดว่า

ป้า: ทำไมถึงไม่ลงเรียนที่นี่ล่ะ
เรา: หนูลงแล้ว แต่มันไม่ได้ใช้เลยอยากไปเมืองนอกค่ะ
ป้า: …เงียบไปพัก…เหมือนเรื่องภาษาหนูมันจะยังไม่ค่อยโอเค กงศุลเลยอาจจะไม่เชื่อว่าหนูจะไปเรียนจริงๆ
แล้วป้าก็ยื่นกระดาษใบมาให้ บอกว่าถ้ามีเรื่องร้องเรียนให้ไปพิมพ์ในนี้ดู เราก็รับมาก่อนจะเดินออกมา

บอกเลย ณ ตอนนั้นอึ้งทำไรไม่ถูกออก มานั่งร้องไห้นานมากกกกกกก ตอนนั้นไม่รู้เลยว่าจะไปไหนต่อดี เหมือนมันเคว้งไปหมด ก่อนจะเริ่มทำใจ โทรหาแม่
แม่บอกให้กลับบ้านแล้วมาลองเริ่มใหม่ เราเลยกลับบ้าน

คำถามค่ะ
1. การสัมภาษณ์รอบ 2 เราต้องจ่ายค่าอะไรใหม่บ้างค่ะ
2. เราควรเตรียมเอกสารอะไรเพิ่มเติมไหมค่ะ อย่างพวกบัญชีของเราเอง ( เอาไปเป็นเล่ม book bank ไปเลยได้ไหมค่ะ) แล้วพวก รูปถ่ายร้านที่ทำงาน กับบ้านว่าอยู่ติดกัน
3. เราต้องหา sponser ใหม่ไหมค่ะ หรือเอาเงินเข้าไปเพิ่มให้ได้ประมาณ 5xx,xxx บาท แล้วควรจะบอกเค้าว่า แม่เป็นคนจ่ายเงินทั้งหมดให้ เราไม่ได้เป็นคนออกแล้ว
4.คือพี่สาวเราเคยเรียนที่ชิคาโก้เหมือนกันแต่แค่คนละสถาบันกัน แต่พี่สาวก็กลับมาตรงกับที่แจ้งไป เราควรบอกกงศุลดีไหม แล้วถ้าบอก แล้วเกิดถามว่าทำไมไม่ไปเรียนที่เดียวกับพี่สาวเราควรตอบไงดีค่ะ (เหตุผลที่เราเลือกคนละที่กับพี่เพราะเค้าบอกว่าตอนอยู่ที่โ้น้น รร.ที่เราเลือกก็มีชื่อเวลาเรียนมาเต็ม จ-พฤ เลยอยากให้เราลองเรียนที่อื่นดู)
5. อันนี้คือในความคิดเรา เหตุผลที่ไม่ผ่าน คือ 1. น่าจะเป็นเรื่องที่เราตอบภาษาอังกฤษเค้าไม่ได้เลยหรือเปล่า   2. เค้าอยากจะให้เราย้ายไปเรียนในยูหรือเปล่า  3. เรื่อง statement มันน้อยเกินไป


รบกวนทุกคนช่วยเราที่ ตอนนี้เราตันมาก ไม่รู้จะทำไงดี จะเริ่มเรียนเดือนหน้าแล้วด้วย รบกวนด้วยนะค่ะ