สวัสดีเพื่อนๆทุกคนนะคะ วันนี้เราจะมาแชร์ประสบการณ์จริงจากการไปขอวีซ่าอเมริกาถึง 3 ครั้ง!!! J-1/ F-1 คะ

ขอวีซ่าอเมริกาไม่ยากอย่างที่คิดนะคะ เราเคยไปขอมาทั้งหมด3ครั้ง ผ่านทุกครั้งและตื่นเต้นทุกครั้งที่ไป ฮ่าๆๆๆ
ด้วยความที่ว่าอยากไปอเมริกามากคะ เลยทำให้รู้สึกว่าไปกี่ครั้งก็อยากกลับไปอีก <3
ครั้งแรก ขอวีซ่า J-1 Exchange Students (ปี2011)
พอรู้ว่าจะได้ไปเรากังวลมาก โดนส่วนตัวเป็นคนคิดมากอยู่เลยเลยยิ่งคิดมากไปอีก เราเตรียมเอกสารเป็นปึกเลยคะ มีอะไรเอาให้หมดทั้งตัวจริงเพราะเป็นครั้งแรกและพูดอังกฤษไม่ค่อยเก่งเท่าไร เพราะเป็นครั้งที่สองที่จะไปตปท. เราฝึกซ้อมพูดทุกวันเกี่ยวกับคำถามที่เขาจะถามเราคะ
วันไปสัมภาษณ์ แต่งชุดนักเรียน เตรียมเอกสารให้พร้อม ไปถึงสถาฑูตตี 5.30 am. เวลานัด 8 โมงเช้า ไปเร็วแต่ก็ต้องไปรอเจ้าหน้าที่เรียกมาตามอยู่ดี 5555 เข้าไปด่านแรกก็จะฝากของตรวจเครื่องสแกน แล้วเราก็เดินเลี้ยวซ้ายเข้าไปต่อแถวเพื่อตรวจเอกสารคะ เจ้าหน้าที่เขาก็จะหยิบเอกสารเราออกบ้าง แต่พvตรวจเสร็จเราก็เอาเอกสารที่เขาเอาออกกลับเข้าเหมือนเดิม เพราะเราอุส่าห์เตรียมมา หลังจากตรวจเอกสารเสร็จก้ไปต่อแถวด้านบนก่อนเข้าไปในห้องแอร์ จุดนั้นเจ้าหน้าที่เขาก็จะถามเราคราวๆว่า (ตรงนี้จำไม่ค่อยได้นะคะ) เคยไปอมเริกาไหม เคยขอวีซ่าไหม มีญาติอยู่นั้นไหม จะไปทำอะไร แล้วก็ขอดูเอกสารจากโรงเรียน เพราะเราไปแลกเปลี่ยนคะ อะไรประมาณนี้คะ....... เสร็จแล้วก็เข้าไปข้างในห้องแอร์แล้วก็นั่งรอเรียกคิวตามลำดับคะ ระหว่างต่อแถวจะมีประมาณ2หรือ3ช่องคะ ไม่แน่ใจ ช่องไหนออกก่อนก็เข้าไปช่องนั้น
ตอนสัมภาษณ์.... เราสัมภาษณ์เป็นภาษาอังกฤษคะ
กงศุล: สวัสดีครับ
เรา: ยกมือไหว้ สวัสดีคะ แล้วเราก็พูดว่า Hi, How are you?
กงศุล: I'm good, thank you and you?
เรา: I'm good, thank you.
กงศุล: Why do you want to go to America?
เรา: ก็ตอบเหตุผลว่าทำไมอยากไป...
กงศุล: Can I see you transcript?
เรา: Sure
กงศุล: Where are you going? (States)
เรา: PA
กงศุล: where are you going to stay?
เรา: With my host family
กงศุล: How long will you stay?
เรา: One year
กงศุล: What are you going to do after you come back?
เรา: Finish my high school
กงศุล: How many people in ur family?
เรา: 5 people
กงศุล: What is your parents job?
เรา: Business owner
กงศุล: What kind of business?
เรา: Apartments
กงศุล: How much did your parents earn per month?
เรา: ก็บอกไปตามจริงคะ Here my mom's statements เราก็ยื่นให็คะ
กงศุล: Have you ever been to other countries in the past 5 years?
เรา: Yes, Hong Kong
กงศุล: Do you have any relatives in the US?
เรา: No.
กงศุล: Your visa approved....
เรา: ดีใจมากคะแบบว่าผ่านแล้ว Thank you so much and have a good day!
(กงศุลเขาจะถามเยอะกว่านนี้อยู่คะ แต่จำได้แค่นี้อ่าาา ต้องขออภัยด้วยน๊าาา)
ครั้งที่สอง ขอวีซ่า F-1 (สิ้นปี2014) จะได้5ปีคะ เพราะเป็นวีซ่านักเรียน
ครั้งนี้เราจะไปเรียนcollegeที่นู๊นคะ แล้วก็จะไปพักกับญาติคะ ครั้งนี้ไปสัมภาษณ์ก็ยิ่งกังวลกว่าครั้งอื่นเพราะเรากรอกไปใน DS-160ว่า มีญาติ แต่ครั้งแรกที่เราไปแลกเปลี่ยนเราบอกว่าไม่มีคะ ก็เลยกลัวเขาจะถามว่า อ้าวทำไมครั้งแรกบอกไม่มีอะไรประมานนี้คะ แล้วครั้งนี้ป้าก็เป็นคนsupportคะ ไม่ใช่แม่
ถึงวันนัดสัมภาษณ์ก็เหมือนๆเดิมคะ ทำตามลำดับขั้นตอนที่เขาให้ทำ แต่ครั้งนี้เขาไปในห้องแอร์แล้วก็ไปต่อแถวเลยไม่ได้รอเรียกคิวคะ
ระหว่างที่เรายืนเข้าแถวละเราก็จะเป็นคนต่อไป มีผู้หญิง2คนมาด้วยกันแต่สัมภาษณ์คนละช่องใส่ชุดนศ.คะ คนแรกผ่าน แต่คนที่สองไม่ผ่าน ได้ยินกงศุลถามว่าจะไปทำอะไรที่นั้น แล้วคนนั้นเราตอบว่าไปหาประสบการณ์ กงศุลถามต่อ ประสบการณ์อะไร แล้วเขาก็คิดสักพักแล้วก็บอกว่าไปหาประสบการณ์คะ
สุดท้ายกงศุลเลยไม่ให้ผ่านคะ พอถึงเราก็ได้คนนี้เลย เลยกว่าว่าจะถามเยอะ ตัวสั้นเลยคะ

ตอนสัมภาษณ์
เรา: สวัสดีคะ ยกมือไหว้ แล้วก็ Hi How are you today? ประโยดนี้มาตลอด 55555 โชวความมั่นใจนิ๊ดนึง
กงศุล: Im good, What will you study?
เรา: Business
กงศุล: Why?
เรา: ก็ตอบเหตุผลตามความจริงไปคะ
กงศุล: What did ur family do?
เรา: Business owner, เราก็เลยจะยืนเอกสารเกี่ยวกับธุรกิจที่แปลมาให็ดู แต่กงศุลก็ไม่ดูคะ บอกว่าไม่เป็นไร
กงศุล: What college are you going to?
เรา: ก็บอกชื่อไปคะ
กงศุล: Who support you for this trip?
เรา: My aunt, would you like to see her statement?
กงศุล: No no. Where will you stay?
เรา: With my cousin เจอคำถามนี้กลัวมากคะ แต่ก็ตอบตามความจริงคะ
แล้วก็ถามอีกประมาณ2คำถามหลังจากนี้คะ....
กงศุล: Passport will send to your within 3-5 business days
เรา: ยิ้มเลยจ้าาาา Thank you very much, Merry Christmas

แล้วก็ยกมือไหว้ขอบคุณคะ
กงศุล: Happy holiday!
โล่งอกมากๆๆๆๆๆเลยคะ เพราะมีเรื่องญาติกับแม่ไม่ได้เป็นคนออกค่าใช้จ่ายให้คะ และทุกคำถามเราตอบตามคำจริงคะ เราคิดว่าเราบริสุทธิ์ใจและตอบด้วยความมั่นใจคะ เลยคิดว่ากงศุลคงดูออก มั่งคะ 5555555
ครั้งที่สาม ขอวีซ่า F-1 (สิ้นปี2016) เมื่อไม่นานมานี้จ้าาา ^^
ครั้งนี้ก็เป็นอีกครั้งเช่นกันที่กังวนมาก ยิ่งไปขอมากขึ้นก็ยิ่งกลัวคะ เหตุผลที่ได้ไปขออีกครั้งเพราะเราออกนอกอเมริกาเกิน5เดือน เราจำเป็นต้องมาขอใหม่คะ
ถ้าเกิน5เดือนเขาจะตัดเราออกทันทีคะ เพราะฉะนั้นถ้าไม่อยากขอใหม่ก็ห้ามอยู่เกินนะคะ อันนี้เราก็เพิ่งรู้เหมือนกันคะ นึกว่าได้วีซ่า5ปีแล้วจะอยู่นานแค่ไหนก็ได้ แต่จริงๆแล้วไม่ใช่นะคะ!!! ครั้งนี้กังวลเพราะกลัวกงศุลถามว่าทำไมมาขอวีซ่าอันเดิมใหม่ ทำไมถึงไม่กลับไปเรียน แล้วเดี๋ยวเขาจะไม่ให้เพราะเขาจะคิดว่าเราคงกลับมาอีก ประมาณนี้คะ
ตอนสัมภาษณ์ วันนี้คนเยอะมากคะ มี3ช่อง ช่องแรกฝรั่งผิวขาวผู้หญิง(ดูท่าทางใจดีมากคะ ยิ้มตลอด แต่ช่องนี้ให้ผ่านน้อยมากๆคะ) ช่องที่สองผู้หญิงผิวสี (สำหรับเราเรากลัวคนนี้เลยภาวนาว่าอย่าได้สัมภาษณ์กับเขาเลย) ส่วนช่องที่สามเป็นฝรั่งผู้ชายหัวโลน ตัวอ้วน หน้าไม่ยิ้มเลยคะ (ก็ไม่ค่อยอยากได้คงนี้เช่นกัน) ภาพรวมไม่อยากสัมภาษณ์กับใครเลย แต่ก็ต้องได้สักช่องแหละเน๊อะ ระหว่างยืนรอเข้าแถวใจเต้นแรงมากกังวลไปหมดคะ ยืนหลับตาแล้วก็สวดมนต์
พอใกล้จะถึงคิวเราก็มีผู้ชายวัยกลางคนได้ช่องที่3ช่องผู้ชาย แล้วก็ไม่ผ่าน ต่อมาเป็นผู้หญิงวัยรุ่นไปเรียนภาษาก็ผ่านอยู่ แต่สัมภาษณ์นานมากเหมือนจะคุยกันไม่ค่อยรู้เรื่อง กงศุลเลยไปเรียกเจ้าหน้าที่คนไทยมาแปลให้คะ แล้วกงศุลผู้ชายก็หน้าไม่ยิ้มเลยคะ เราก็เลยคิดหนักว่าถ้าได้ช่องนี้จะผ่านไหมว๊ะะะ
สุดท้ายก้ได้ช่องที่3 กงศุลผู้ชาย....

ตอนสัมภาษณ์
เรา: เช่นเคย ยกมือไหว้แล้วก็สวัสดีคะ Hi how are you?
กงศุล: Hi แล้วก็เงียบหันไปดูคอมแล้วก็ก้มดูเอกสาร (เราคิดในใจ เอาละวะ ตายแน่ๆๆ) What school are you going?
เรา: ชื่อมหาลัย
กงศุล: How many years?
เรา: College 2 years then transfer to another 2 years university
กงศุล: Who's paying for your trip?
เรา: My mother เรากำลังจะยืน statement ให้ แต่เขาโบกมือบ๊ายบาย
กงศุล: What is your plan after you come back to Thailand?
เรา: ตอบเหตุผลตามความจริงคะ
กงศุล: Thank you
เรา: ก็งงๆนิดนึงว่าเสร็จแล้วหรอ Thank you very much and Merry Christmas (again hahaha)
ครั้งนี้ถามน้อยมากคะ เหมือนประมาณ2-3นาทีเอง ดีใจมากเลยคะที่ผ่านทุกครั้ง

อยากจะแนะนำเพื่อนที่กำลังจะไปสัมภาษณ์วีซ่านะคะ
ก็ไม่ต้องกังวลมากคะ ทำตัวให้สบาย แต่งกายสุภาพเรียบร้อย ยิ้มแย้ม eye contact กับเจ้าหน้าที่เสมอ เวลาเขาพูดถึงเอกสารตัวนั้นเราก็จะพยายามยื่นให้เจ้าหน้าที่เลย โดยที่เขาไม่ต้องขอแล้วเราจะรู้สึกว่าเขาจะไม่ค่อยดูเวลาเราจะให้ เวลาตอบคำถามก็ให้ตอบอย่างมั่นใจไปเลยคะ มองไปที่กงศุลถึงแม้เขาจะไม่มองเราแต่มองหน้าคอม ไม่ควรมองขึ้นลงซ้ายขาว อาจจะทำให้เขามองว่าเราพยายามนึกคำตอบไม่ได้ตอบตามความจริง
เวลาเตรียมเอกสารก็เตรียมไปให้ครบทั้งตัวจริง เพราะเรารู้สึกว่าถ้าเขาขอดุแล้วเราไม่มีมันรู้สึกเหมือนเราไม่พร้อมอะไรประมานนี้
เอกสารที่เราเตรียมไป
- Passport ทุกเล่มที่มีคะ
- DS-160
- ใบเสร็จจ่ายเงิน
- I20 จากโรงเรียน
- ใบตอบรับจากโรงเรียน
- รูปถ่าย เอาไปเพื่อเฉยๆคะ
- บัตรประชาชน พร้อมสำเนา
- ทะเบียนบ้าน พร้อมสำเนา
- Transcript
- ผลภาษา TOELF/ IELTS
- Statements
- Bank letter
- ใบประกอบกิจการของผู้ที่ออกค่าใช้จ่าย
(เราจำได้แค่นี้ ขอโทษด้วยน๊าาา)
แล้วเราก็เคยถูกตม.ที่สนามบินที่อเมริกากักตัวไว้ด้วยคะ ถ้ามีเวลาจะมาแชร์ฟังกันนะคะ ขอบคุณคะ
ทั้งหมดนี้เป็นประสบการณ์จริงๆคะ เลยอยากนำมาแชร์ให้เพื่อนๆฟัง ถ้าเขียนผิดแกรมม่าหรือไม่รู้เรื่องก็ต้องขออภัยด้วยนะคะ
ถ้าหากมีข้อผิดพลาดประการใดก็ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วย
ขอบคุณมากๆๆๆคะ ^________^ I heart US
ถ้ามีคำถามหรือสงสัยตรงไหนถามได้เลยนะคะ ยินดีให้คำปรึกษาคะ :') GOOD LUCK EVERYONE
[CR] ประสบการณ์ขอวีซ่าอเมริกาหลายครั้ง ผ่านตลอดจร้าาาา

ขอวีซ่าอเมริกาไม่ยากอย่างที่คิดนะคะ เราเคยไปขอมาทั้งหมด3ครั้ง ผ่านทุกครั้งและตื่นเต้นทุกครั้งที่ไป ฮ่าๆๆๆ
ด้วยความที่ว่าอยากไปอเมริกามากคะ เลยทำให้รู้สึกว่าไปกี่ครั้งก็อยากกลับไปอีก <3
ครั้งแรก ขอวีซ่า J-1 Exchange Students (ปี2011)
พอรู้ว่าจะได้ไปเรากังวลมาก โดนส่วนตัวเป็นคนคิดมากอยู่เลยเลยยิ่งคิดมากไปอีก เราเตรียมเอกสารเป็นปึกเลยคะ มีอะไรเอาให้หมดทั้งตัวจริงเพราะเป็นครั้งแรกและพูดอังกฤษไม่ค่อยเก่งเท่าไร เพราะเป็นครั้งที่สองที่จะไปตปท. เราฝึกซ้อมพูดทุกวันเกี่ยวกับคำถามที่เขาจะถามเราคะ
วันไปสัมภาษณ์ แต่งชุดนักเรียน เตรียมเอกสารให้พร้อม ไปถึงสถาฑูตตี 5.30 am. เวลานัด 8 โมงเช้า ไปเร็วแต่ก็ต้องไปรอเจ้าหน้าที่เรียกมาตามอยู่ดี 5555 เข้าไปด่านแรกก็จะฝากของตรวจเครื่องสแกน แล้วเราก็เดินเลี้ยวซ้ายเข้าไปต่อแถวเพื่อตรวจเอกสารคะ เจ้าหน้าที่เขาก็จะหยิบเอกสารเราออกบ้าง แต่พvตรวจเสร็จเราก็เอาเอกสารที่เขาเอาออกกลับเข้าเหมือนเดิม เพราะเราอุส่าห์เตรียมมา หลังจากตรวจเอกสารเสร็จก้ไปต่อแถวด้านบนก่อนเข้าไปในห้องแอร์ จุดนั้นเจ้าหน้าที่เขาก็จะถามเราคราวๆว่า (ตรงนี้จำไม่ค่อยได้นะคะ) เคยไปอมเริกาไหม เคยขอวีซ่าไหม มีญาติอยู่นั้นไหม จะไปทำอะไร แล้วก็ขอดูเอกสารจากโรงเรียน เพราะเราไปแลกเปลี่ยนคะ อะไรประมาณนี้คะ....... เสร็จแล้วก็เข้าไปข้างในห้องแอร์แล้วก็นั่งรอเรียกคิวตามลำดับคะ ระหว่างต่อแถวจะมีประมาณ2หรือ3ช่องคะ ไม่แน่ใจ ช่องไหนออกก่อนก็เข้าไปช่องนั้น
ตอนสัมภาษณ์.... เราสัมภาษณ์เป็นภาษาอังกฤษคะ
กงศุล: สวัสดีครับ
เรา: ยกมือไหว้ สวัสดีคะ แล้วเราก็พูดว่า Hi, How are you?
กงศุล: I'm good, thank you and you?
เรา: I'm good, thank you.
กงศุล: Why do you want to go to America?
เรา: ก็ตอบเหตุผลว่าทำไมอยากไป...
กงศุล: Can I see you transcript?
เรา: Sure
กงศุล: Where are you going? (States)
เรา: PA
กงศุล: where are you going to stay?
เรา: With my host family
กงศุล: How long will you stay?
เรา: One year
กงศุล: What are you going to do after you come back?
เรา: Finish my high school
กงศุล: How many people in ur family?
เรา: 5 people
กงศุล: What is your parents job?
เรา: Business owner
กงศุล: What kind of business?
เรา: Apartments
กงศุล: How much did your parents earn per month?
เรา: ก็บอกไปตามจริงคะ Here my mom's statements เราก็ยื่นให็คะ
กงศุล: Have you ever been to other countries in the past 5 years?
เรา: Yes, Hong Kong
กงศุล: Do you have any relatives in the US?
เรา: No.
กงศุล: Your visa approved....
เรา: ดีใจมากคะแบบว่าผ่านแล้ว Thank you so much and have a good day!
(กงศุลเขาจะถามเยอะกว่านนี้อยู่คะ แต่จำได้แค่นี้อ่าาา ต้องขออภัยด้วยน๊าาา)
ครั้งที่สอง ขอวีซ่า F-1 (สิ้นปี2014) จะได้5ปีคะ เพราะเป็นวีซ่านักเรียน
ครั้งนี้เราจะไปเรียนcollegeที่นู๊นคะ แล้วก็จะไปพักกับญาติคะ ครั้งนี้ไปสัมภาษณ์ก็ยิ่งกังวลกว่าครั้งอื่นเพราะเรากรอกไปใน DS-160ว่า มีญาติ แต่ครั้งแรกที่เราไปแลกเปลี่ยนเราบอกว่าไม่มีคะ ก็เลยกลัวเขาจะถามว่า อ้าวทำไมครั้งแรกบอกไม่มีอะไรประมานนี้คะ แล้วครั้งนี้ป้าก็เป็นคนsupportคะ ไม่ใช่แม่
ถึงวันนัดสัมภาษณ์ก็เหมือนๆเดิมคะ ทำตามลำดับขั้นตอนที่เขาให้ทำ แต่ครั้งนี้เขาไปในห้องแอร์แล้วก็ไปต่อแถวเลยไม่ได้รอเรียกคิวคะ
ระหว่างที่เรายืนเข้าแถวละเราก็จะเป็นคนต่อไป มีผู้หญิง2คนมาด้วยกันแต่สัมภาษณ์คนละช่องใส่ชุดนศ.คะ คนแรกผ่าน แต่คนที่สองไม่ผ่าน ได้ยินกงศุลถามว่าจะไปทำอะไรที่นั้น แล้วคนนั้นเราตอบว่าไปหาประสบการณ์ กงศุลถามต่อ ประสบการณ์อะไร แล้วเขาก็คิดสักพักแล้วก็บอกว่าไปหาประสบการณ์คะ
สุดท้ายกงศุลเลยไม่ให้ผ่านคะ พอถึงเราก็ได้คนนี้เลย เลยกว่าว่าจะถามเยอะ ตัวสั้นเลยคะ

ตอนสัมภาษณ์
เรา: สวัสดีคะ ยกมือไหว้ แล้วก็ Hi How are you today? ประโยดนี้มาตลอด 55555 โชวความมั่นใจนิ๊ดนึง
กงศุล: Im good, What will you study?
เรา: Business
กงศุล: Why?
เรา: ก็ตอบเหตุผลตามความจริงไปคะ
กงศุล: What did ur family do?
เรา: Business owner, เราก็เลยจะยืนเอกสารเกี่ยวกับธุรกิจที่แปลมาให็ดู แต่กงศุลก็ไม่ดูคะ บอกว่าไม่เป็นไร
กงศุล: What college are you going to?
เรา: ก็บอกชื่อไปคะ
กงศุล: Who support you for this trip?
เรา: My aunt, would you like to see her statement?
กงศุล: No no. Where will you stay?
เรา: With my cousin เจอคำถามนี้กลัวมากคะ แต่ก็ตอบตามความจริงคะ
แล้วก็ถามอีกประมาณ2คำถามหลังจากนี้คะ....
กงศุล: Passport will send to your within 3-5 business days
เรา: ยิ้มเลยจ้าาาา Thank you very much, Merry Christmas

แล้วก็ยกมือไหว้ขอบคุณคะ
กงศุล: Happy holiday!
โล่งอกมากๆๆๆๆๆเลยคะ เพราะมีเรื่องญาติกับแม่ไม่ได้เป็นคนออกค่าใช้จ่ายให้คะ และทุกคำถามเราตอบตามคำจริงคะ เราคิดว่าเราบริสุทธิ์ใจและตอบด้วยความมั่นใจคะ เลยคิดว่ากงศุลคงดูออก มั่งคะ 5555555
ครั้งที่สาม ขอวีซ่า F-1 (สิ้นปี2016) เมื่อไม่นานมานี้จ้าาา ^^
ครั้งนี้ก็เป็นอีกครั้งเช่นกันที่กังวนมาก ยิ่งไปขอมากขึ้นก็ยิ่งกลัวคะ เหตุผลที่ได้ไปขออีกครั้งเพราะเราออกนอกอเมริกาเกิน5เดือน เราจำเป็นต้องมาขอใหม่คะ
ถ้าเกิน5เดือนเขาจะตัดเราออกทันทีคะ เพราะฉะนั้นถ้าไม่อยากขอใหม่ก็ห้ามอยู่เกินนะคะ อันนี้เราก็เพิ่งรู้เหมือนกันคะ นึกว่าได้วีซ่า5ปีแล้วจะอยู่นานแค่ไหนก็ได้ แต่จริงๆแล้วไม่ใช่นะคะ!!! ครั้งนี้กังวลเพราะกลัวกงศุลถามว่าทำไมมาขอวีซ่าอันเดิมใหม่ ทำไมถึงไม่กลับไปเรียน แล้วเดี๋ยวเขาจะไม่ให้เพราะเขาจะคิดว่าเราคงกลับมาอีก ประมาณนี้คะ
ตอนสัมภาษณ์ วันนี้คนเยอะมากคะ มี3ช่อง ช่องแรกฝรั่งผิวขาวผู้หญิง(ดูท่าทางใจดีมากคะ ยิ้มตลอด แต่ช่องนี้ให้ผ่านน้อยมากๆคะ) ช่องที่สองผู้หญิงผิวสี (สำหรับเราเรากลัวคนนี้เลยภาวนาว่าอย่าได้สัมภาษณ์กับเขาเลย) ส่วนช่องที่สามเป็นฝรั่งผู้ชายหัวโลน ตัวอ้วน หน้าไม่ยิ้มเลยคะ (ก็ไม่ค่อยอยากได้คงนี้เช่นกัน) ภาพรวมไม่อยากสัมภาษณ์กับใครเลย แต่ก็ต้องได้สักช่องแหละเน๊อะ ระหว่างยืนรอเข้าแถวใจเต้นแรงมากกังวลไปหมดคะ ยืนหลับตาแล้วก็สวดมนต์
พอใกล้จะถึงคิวเราก็มีผู้ชายวัยกลางคนได้ช่องที่3ช่องผู้ชาย แล้วก็ไม่ผ่าน ต่อมาเป็นผู้หญิงวัยรุ่นไปเรียนภาษาก็ผ่านอยู่ แต่สัมภาษณ์นานมากเหมือนจะคุยกันไม่ค่อยรู้เรื่อง กงศุลเลยไปเรียกเจ้าหน้าที่คนไทยมาแปลให้คะ แล้วกงศุลผู้ชายก็หน้าไม่ยิ้มเลยคะ เราก็เลยคิดหนักว่าถ้าได้ช่องนี้จะผ่านไหมว๊ะะะ
สุดท้ายก้ได้ช่องที่3 กงศุลผู้ชาย....

ตอนสัมภาษณ์
เรา: เช่นเคย ยกมือไหว้แล้วก็สวัสดีคะ Hi how are you?
กงศุล: Hi แล้วก็เงียบหันไปดูคอมแล้วก็ก้มดูเอกสาร (เราคิดในใจ เอาละวะ ตายแน่ๆๆ) What school are you going?
เรา: ชื่อมหาลัย
กงศุล: How many years?
เรา: College 2 years then transfer to another 2 years university
กงศุล: Who's paying for your trip?
เรา: My mother เรากำลังจะยืน statement ให้ แต่เขาโบกมือบ๊ายบาย
กงศุล: What is your plan after you come back to Thailand?
เรา: ตอบเหตุผลตามความจริงคะ
กงศุล: Thank you
เรา: ก็งงๆนิดนึงว่าเสร็จแล้วหรอ Thank you very much and Merry Christmas (again hahaha)
ครั้งนี้ถามน้อยมากคะ เหมือนประมาณ2-3นาทีเอง ดีใจมากเลยคะที่ผ่านทุกครั้ง

อยากจะแนะนำเพื่อนที่กำลังจะไปสัมภาษณ์วีซ่านะคะ
ก็ไม่ต้องกังวลมากคะ ทำตัวให้สบาย แต่งกายสุภาพเรียบร้อย ยิ้มแย้ม eye contact กับเจ้าหน้าที่เสมอ เวลาเขาพูดถึงเอกสารตัวนั้นเราก็จะพยายามยื่นให้เจ้าหน้าที่เลย โดยที่เขาไม่ต้องขอแล้วเราจะรู้สึกว่าเขาจะไม่ค่อยดูเวลาเราจะให้ เวลาตอบคำถามก็ให้ตอบอย่างมั่นใจไปเลยคะ มองไปที่กงศุลถึงแม้เขาจะไม่มองเราแต่มองหน้าคอม ไม่ควรมองขึ้นลงซ้ายขาว อาจจะทำให้เขามองว่าเราพยายามนึกคำตอบไม่ได้ตอบตามความจริง
เวลาเตรียมเอกสารก็เตรียมไปให้ครบทั้งตัวจริง เพราะเรารู้สึกว่าถ้าเขาขอดุแล้วเราไม่มีมันรู้สึกเหมือนเราไม่พร้อมอะไรประมานนี้
เอกสารที่เราเตรียมไป
- Passport ทุกเล่มที่มีคะ
- DS-160
- ใบเสร็จจ่ายเงิน
- I20 จากโรงเรียน
- ใบตอบรับจากโรงเรียน
- รูปถ่าย เอาไปเพื่อเฉยๆคะ
- บัตรประชาชน พร้อมสำเนา
- ทะเบียนบ้าน พร้อมสำเนา
- Transcript
- ผลภาษา TOELF/ IELTS
- Statements
- Bank letter
- ใบประกอบกิจการของผู้ที่ออกค่าใช้จ่าย
(เราจำได้แค่นี้ ขอโทษด้วยน๊าาา)
แล้วเราก็เคยถูกตม.ที่สนามบินที่อเมริกากักตัวไว้ด้วยคะ ถ้ามีเวลาจะมาแชร์ฟังกันนะคะ ขอบคุณคะ
ทั้งหมดนี้เป็นประสบการณ์จริงๆคะ เลยอยากนำมาแชร์ให้เพื่อนๆฟัง ถ้าเขียนผิดแกรมม่าหรือไม่รู้เรื่องก็ต้องขออภัยด้วยนะคะ
ถ้าหากมีข้อผิดพลาดประการใดก็ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วย
ขอบคุณมากๆๆๆคะ ^________^ I heart US
ถ้ามีคำถามหรือสงสัยตรงไหนถามได้เลยนะคะ ยินดีให้คำปรึกษาคะ :') GOOD LUCK EVERYONE