กระทู้ แรก จ้าาาาาาาา

จะขอเล่า ตั้งแต่การไปขอครั้งแรกเลยนะคับ   
ก่อนอื่นขอแนะนำตัวเองก่อนนะคับ ตัวเราเองเป็น เป็นเพศที่สามคับ หรือ ที่ เรียกได้ว่า Trsnsgender Male (👩🏻 > 👦🏻)

โอเค เข้าเรื่องเลยละกันนะคับ
ครั้งแรกที่ไปขอวีซ่า ตอน 2014 เพราะว่า ได้เข้าร่วมโครงการ Aupair ของ ประเทศ นี้ไว้ ละเหลือขั้นตอนของการขอวีซ่า อย่างเดียว
เริ่มโดยกรอกข้อมูล DS 160 online วีซ่า ที่ขอ เป็น J1 วันที่ไปสัมภาษณ์ มีเพื่อน ออแพร์ไปด้วยกัน 5 คน เรา สัม คนสุดท้าย ไม่ผ่าน จ้าาาาาาาาาา !!
โดยบท สนทนา หลังจากทักทาย เรียบร้อย (บทสนทนาอาจจะไม่ตรงเป๊ะนะคับ เราจำได้ คร่าวๆ 😂)
กง : what are you going to do in America ?
เรา : I'm going to be an Aupair
กง : why do you want to go to America ?
เรา : I want to know more about culture and traditions and have more experience
กง : Are you from Chiang Mai ?
เรา : Yes
กง : Why don't you apply for a VISA in Chiang Mai ?
เรา : The agency want me to do it here
กง : What's the plans ? (เสียงเบามาก ถามในลำคอ 🙄)
เรา : HUH ?
กง : What's the plans ? (เสียงเบามาก ถามในลำคอ 🙄) รอบที่สอง
เรา : (คิดละ ก็บอกไปแล้วว่า จะไปเป็น ออแพร์ เลยถามกงกลับไป) plan when I come back ? (ต้องบอกก่อนเลย ว่า ตอนนั้น ภาษา อังกฤษ ง่อยมากกก ตอบได้แค่นี้ก็บุญละ ไม่เหมือน ที่ เอเจนซ้อมมาเลย 😂)
กง : ส่ายหน้า แล้วยื่นพาสปอร์ต กลับมาพร้อม ใบสีขาว สรุป ไม่ผ่านนนนนนนน
เรา : หยิบแล้วเดินออกมาเจอเพื่อน ที่ ผ่านกันหมด

ณ. ตอนนั้น ยังงง อยู่เลย ไม่คิดว่าจะไม่ผ่าน เพราะว่า มั่นใจสุดๆ เพราะเอเจนบอก ไม่มีใครไม่ผ่านหรอก !!! ในใจ กุเนี่ยแหละ

หลังจากนั้น 1 อาทิตย์ถัดไป ก็ไปสัมภาษณ์ อีก คราวนี้ มีจดหมายรับรอง จากโฮส แฟมิลี่ ด้วย แต่ๆๆๆ กดดันกว่าเดิม กลัวไม่ผ่านมากกกกกกกก

ตอนต่อคิว แอบเห็น อิคนที่เคย สัมภาษณ์ อยู่ช่องกลางๆ ได้แต่ภาวนา ขออย่าได้คนเดิม !! สุดท้าย ก็ได้สัมภาษณ์ กับอีกคน รอดไป ด่านแรก 555555
ได้เวลาของบทสนทนา ครั้งที่ 2 (บทสนทนาอาจจะไม่ตรงเป๊ะนะคับ เราจำได้ คร่าวๆ 😂)
กง : why are you going to America ?
เรา : I'm going to be an Aupair
กง : why ครั้งที่แล้วไม่ผ่าน (พร้อมดูเอกสารไปด้วย)
เรา : เพราะว่าเอกสารไม่เพียงพอ ( เราก็ตอบไปตามที่เราได้จากกระดาษสีขาวครั้งก่อน ว่าเหตุผลที่เราไม่ผ่าน )
กง : who support you for this time ?
เรา : My mother
แล้ว ตอนนี้ กง ก็อ่าน จม. รับรองจากโฮส
กง : how many hours you have ที่เลี้ยงเด็ก (คือถามหาชั่วโมงเลี้ยงเด็ก)
เรา : 200 hours from Foster home and 1,800 from private nanny  
กง :  OK !! your Visa Is Approved !!
เรา : Thank you !!! ( รีบเก็บเอกสารทุกสิ่ง แล้วรีบเดินออกมา 55555 กลัว กง เปลี่ยนใจ 😂 )

ครั้งที่สอง ก็ผ่านไปได้ด้วยดี

หลังจากนั้น ก็ไปใช้ชีวิตที่ เมกาได้ 2 ปี โชคดีได้โฮสที่ ดี มากกกกก พูดได้ว่า The Best !! ( เดียวรอบหน้า มารีวิว เรื่องออแพร์ 😝 ถ้ามีคนรออ่าน 😂)

ก่อนจะไปขอวีซ่า ครั้งที่  3 ก็กลับมาอยู่ ไทย ได้ 1 ปี ครึ่ง ก็ได้ ตัดสินใจ ไปขอ แต่รอบนี้เป็น วีซ่า ท่องเที่ยว B2 รอบนี้ขอที่เชียงใหม่ คับ
ก่อนไปขอก็กรอก DS 160 ตามเสตป ก็อ่านตัวอย่างจาก พันทิพย์ เนี่ยแหละ 😝
เกริ่นก่อน ว่า เรา กลับมา เปิดร้าน กาแฟ อยู่บ้านนอก 55555 เงินในบัญชี 100,000 นิดเดียว 555555 แต่ก็ยังกล้า support ตัวเอง 😂

เอาละเริ่มตอนกรอก
เริ่ม จาก วัตถุประสงค์ ของ เรา
- เราขอวีซ่า ครั้งนี้เพื่อไปร่วมงานแต่งงานของเพื่อน มีจดหมาย กับ การ์ด เชิญจากเพื่อน
- ไปกี่วัน เรากรอกไป 10 วัน
- ต่อจากนั้น ก็เป็นส่วนของ หน้าที่การงาน เราก็บอกไป ว่าเราเป็นเจ้าของกิจการ และเราเตรียม ทะเบียนพานิชย์ ที่เรามี พร้อม english version ไปด้วย
- sponser เราก็ใส่ไปว่าเราออกค่าใช้จ่ายเอง
- พีค คือตรงนี้ เคยโดน ปฎิเสธ วีซ่าหรือไม่ เราก็ตอบไปตามตรง เลย ว่า เราเคยโดนปฎิเสธวีซ่า เมื่อ 2014 ครั้งแรกที่เรา ขอไป แต่ หลังจากขอครั้งที่ 2 อีก 1 อาทิตย์ ถัดไป เราได้รับวีซ่า

หลังจากนั้นก็ไปจ่ายเงิน 5,440 บาท ที่ ธ. กรุงศรี หลังจากนั้น ก็มาทำนัดสัมภาษณ์ เราเลือก วันที่เร็วที่สุด และรอบเช้า ที่สุด เท่าที่มีให้เลือก 55555 (อ่านมาหลายรีวิว เค้าบอกให้เลือกรอบเช้าเข้าไว้ กง กำลังอารมณ์ ดีอยู่ )

ก่อนถึงวัน นัด 1 วัน เราไปบน มา !!! 555555 ที่วัด ดอยคำ หลังพืชสวนโลก เราก็ ขอว่าให้ สิ่งที่เรากำลังจะทำผ่านไปได้ โดยง่ายดาย เราไม่พูดอะไรมาก เพราะไม่ได้มีทุกคนที่เชื่อเหมือน เรา 😂

และแล้ว วันนั้นก็มาถึง !!!!
วันที่ 12 มกราคม 2018 เราได้คิว 08.30 มาถึงหน้าสถานทูต 07.00
พอเข้าไปปุ๊บ เจอคนรับเอกสาร คนไทย ขอแค่ DS 160 ที่เราต้องปริ๊นออกมา กับ รูป 1 ใบ เราบอกไปว่าเรามีจม. เชิญ ด้วย นางบอกไม่เอา เอาแค่ DS 160

ด่านต่อไป
เข้าไปเจอเจ้าหน้าที่คนไทยก่อน ทำการพิมลายนิ้วมือ และเจ้าหน้าที่ก็ทำการตรวจสอบข้อมูล ที่เรากรอกไป
เจ้าหน้าที่คน ไทย : เงินเดือนเฉลี่ยน เท่าไหร่ ? ( เราเลือกตอนกรอกไปว่า ไม่โชว์ เงินเดือน ) ประมาณมาก็ได้
เรา : 20,000 บาท เราก็โม้ไป 555555
เจ้าหน้าที่คน ไทย : มีหน้าวีซ่าตัวเก่ารึป่าว
เรา : ยื่น พาสปอร​์ต ให้เจ้าหน้าที่ไป
เจ้าหน้าที่คน ไทย : วู้ๆ ยังดูใหม่อยู่เลย
เรา : ยิ้ม จ้าาา ไม่รู้จะตอบอะไร 😂
พอแสกน ลายนิ้วมือเสร็จเจ้าหน้าที่ บอกว่า ลายนิ้วมือสวยมาก เราก็ยิ้มละขอบคุณ พี่เค้าไป

ระหว่างนั่งรอ เราที่หายใจไม่ทั่วท้องเลย หัวใจที่เหมือนกับจะหลุดออกมา  55555 เพราะว่าครั้งนั้ มันชี้ชะตาเราเลย
เลยปลอบตัวเองไป เอาวะอย่างน้อย ก็ลอง แต่ในใจนี่ ขอให้ผ่าน ด้วยเถ้อ สิ่งศักดิ์สิทธ์ ทั้งหลาย 55555555

มาถึงตอนเจอ กง (ยังไม่รู้ตัวเลยว่าเป็น กง นีกว่าแสกนนิ้วอีก 1 รอบ เพราะว่าที่ กทม. เป็นแบบนั้น จ้าาา แล้วเรียกอีกที ถึงจะเป็น กง)
ประเด็น คือ สวยมากกกกกกกกก 555555
กง : แสกนนิ้วมือข้างซ้าย (กง พูดไทย)
เรา : แสกน ไป พอเสร็จ ข้าง ซ้าย ก็ถามกลับไปเลย Just one hand ?
กง : oh! You speak English  
เรา : yes ละ กง ก็ english มารัวๆ เลยจ้าาาาา
กง : what are you going to do in America
เรา : I'm gonna go to my best friend wedding
กง : Are you going alone ?
เรา : Yes I am. Actually I planed to go with my friend and since she cannot have her leave days that's why I have to go alone.
กง : How long will you be there ?
เรา : 10 days And After that I will go to Jakarta  to see My host Family that I used to live with in America (พูดให้ กง เชื่อว่ายังไงเรากลับมาแน่นอน !)
กง : For how many days ?
เรา : 5 days
กง : How many days total will you be out of Thailand
เรา : 15 days
กง : You had lived in America before right ?
เรา : yes
กง : For how long ?
เรา : 2 years (ต้องยิ้ม และสบตา กง ตลอด เพื่อ สื่อถึงสิ่งที่เราตอบไปเป็น ความจริง)
กง : When did you come back ?
เรา : 2016 June
กง : Ok so is your friend American Citizen ?
เรา : No my friend is Thai but her fiancé is American citizen
กง : How did you know her ?
เรา : we'd met through the Aupair program
กง : For how long ?
เรา : Almost 4 years
ยาวมากกกกกกก แต่เรารู้สึกๆไม่กดดันเลย
กง : How's your coffee shop ขายดีไม๊ ?
เรา : It depends on the weather 😂
กง : who are your customer ? local people or tourist ?
เรา : Mostly are local people sometimes I get a tourist too but not often because the cafe is in my home town it's kinda country side 😂 go away further to the south. Pass Chom Thong district same way to the Highest spot in Thailand.
กง : Is that Doi Intanon ?
เรา : yes
กง : I have been there
เรา : Have you been traveling around Chiang Mai ? ( ถาม กง ซะงั้น 555555 ตกลงใคร สัมภาษณ์ ใคร 😂 )
กง : Yes I have
เรา : ได้แต่ยิ้มมมมมม 55555555
กง : หยิบพาสส เก่า ขึ้นมาดูวันที่เข้าประเทศ แล้วถาม This  is the Date you came back right?
เรา : YES !
กง : Who do you live with ?
เรา : My mom and my Family
กง : ปั๊ม cancel VISA อันเก่าที่หมดอายุ แล้ว ละ พูดต่อว่า   >>> all right Your VISA is APPROVED !!
เรา : Thank you !!! ยิ้มหน้าบานเลย

เสร็จแล้ว กง ก็คืน พาสส อันเก่าให้ ก่อนออกไป เรา ยังมีหน้ากลับไปบอกเค้าอีก
เรา : by the way you are so beautiful
กง : Thank you
!!! เอกสารที่เราเตรียมไป ไม่ขอดูสักอย่างเลย !!!!
เป็นอันจบบท สนทนา 😝

โล่งมากกกกกกกกก ทำอะไรไม่ถูกเลย ยืนยิ้มเหมือน คนบ้า อยู่หน้าสถานทูต 😂 ที่เหลือก็รอลุ้นว่าจะได้กี่ปี ระหว่างรอ ก็มีคนแชร์เรื่อง กฎ ต่างๆ ของการขอวีซ่า ที่ถูกเปลี่ยนแปลง แบบ จำกัดจำนวนครั้ง ที่เข้าได้ จำนวนอายุวีซ่า ที่ปกติ ได้ 10 ปีกันถ้วนหน้า ให้สั้นลง บลาๆๆๆ กำหนดสนามบินที่ต้องไปลง  ก็แอบกังวลอยู่เหมือนกัน ลุ้นมากกกกกก

และแล้ว 3 วัน ก็ได้รับ พาสปอร์ต คืน เปิด ดู 10 ปี Multiple ดีใจสุดๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ


ในส่วน คำแนะนำ ที่ เรา พอจะแนะนำได้ก็คือ พยายามตอบสิ่งที่เป็นความจริง ตอบตามที่เรากรอกไป และเราต้องกรอก เอง นะคับ
เป็นกำลังใจให้สำหรับคน ที่จะไปขอนะคับ มีอะไรสอบถามได้ หรือมี ประสบการณ์ ก็มาแลกเปลี่ยนกันได้ คับ

ปล. ไปเมกามาแล้วครับ เดียวครั้งหน้ามา รีวิว ทริป นะครับ รวมถึงสายการบิน ที่บินไปเลย์โอเวอร์ 14 ชม. ที่โดฮา และ การผ่าน ตม. ที่ JFK คับ 😝
ปล. 2 ปกติไม่เขียนรีวิว ครับ แต่ เหตุที่ตั้งกระทู้นี้ เพราะสัญญาไว้ว่าถ้า ได้วีซ่า เมกา บวกกับเดินทางปลอดภัย จะมารีวิว ครับ 5555555 (แก้บน 😂)

ถ้ามีอะไรผิดพลาด ก็ต้องขออภัย ด้วยคับ 🙏🏻