เพราะได้เจริญ ได้กระทำให้มากซึ่งธรรมเหล่าไหน?

ดูกรภิกษุทั้งหลาย ! เพราะได้เจริญ และทำให้มากซึ่งอิทธิบาทสี่ ประการ,
ตถาคตจึงเป็นผู้มีฤทธิ์มากอย่างนี้ มีอานุภาพมากอย่างนี้. อิทธิบาทสี่ประการ
อย่างไหนเล่า ?  ในเรื่องนี้ตถาคต ย่อมเจริญอิทธิบาท อันประกอบ
พร้อมด้วยธรรมเครื่องปรุงแต่ง ซึ่งสมาธิสัมปยุตต์ด้วยฉันทะเป็นประธานว่า ;
ด้วยอาการอย่างนี้, ฉันทะของเราย่อมได้, ความแห้งเหี่ยวจักไม่มีขึ้นได้ ความหยุดนิ่ง ฯลฯ
ความกวดขันเกินขีดก็จักไม่มี, ความกวัดแกว่งในภายในก็จักไม่มี, ความฟุ้งซ่าน
ไปในภายนอก ก็จักไม่มี, ตถาคตย่อมเป็นผู้มีความรู้สึกทั้งในส่วนที่จะมีมา
และส่วนที่ล่วงมาแล้วแต่กาลก่อน : และเราเป็นผู้มีสัญญาในกาลก่อนก็เหมือนภายหลัง
ภายหลังก็เหมือนกาลก่อน, เบื้องล่างก็เหมือนเบื้องบน เบื้องบนก็เหมือนเบื้องล่าง, กลางวัน
เหมือนกลางคืน กลางคืนเหมือนกลางวัน: ย่อมเจริญจิตอันประกอบด้วยแสง
สว่าง ด้วยจิตอันตนเปิดแล้ว ไม่มีอะไรพัวพัน ให้เจริญอยู่ด้วยอาการอย่างนี้ ไม่มีอะไรหุ้มห่อ.
ตถาคตมีฤทธิ์มากอย่างนี้ มีอานุภาพ
มากอย่างนี้ เพราะได้เจริญ ได้กระทำให้มากซึ่งอิทธิบาท ๔ เหล่านี้แล.
(ต่อไปนี้ทรงแสดงด้วยสมาธิอันอาศัย วิริยะ...จิตตะ...วิมังสา เป็นปธานกิจ โดยเนื้อความ
อย่างเดียวกัน แปลกกันแต่ชื่อของอิทธิบาท, จนครบทั้ง ๔ อย่าง)

ดูกรภิกษุทั้งหลาย! เพราะเจริญทำให้มากซึ่งอิทธิบาทสี่อย่างเหล่านี้แล ตถาคต
จึงเป็นผู้มีฤทธิ์มากอย่างนี้ มีอานุภาพมากอย่างนี้. ตถาคตย่อมแสดงอิทธิวิธี
มีอย่างต่าง ๆ ได้ : ผู้เดียวแปลงรูปเป็นหลายคน หลายคนเป็นคนเดียว, ทำที่
กำบังให้เป็นที่แจ้ง ทำที่แจ้งให้เป็นที่กำบัง, ไปได้ไม่ขัดข้อง ผ่านทะลุฝา
ทะลุกำแพง ทะลุภูเขา ดุจไปในอากาศว่าง ๆ, ผุดขึ้นและดำลงในแผ่นดิน
ได้เหมือนในน้ำ, เดินได้เหนือน้ำ เหมือนเดินบนแผ่นดิน, ไปได้ในอากาศ
เหมือนนกมีปีก ทั้งที่ยังนั่งขัดสมาธิคู้บัลลังก์, ลูบคลำดวงจันทร์และพระอาทิตย์
อันมีฤทธิ์อานุภาพมาก ได้ด้วยฝ่ามือ และแสดงอำนาจด้วยกาย เป็นไปตลอด
ถึงพรหมโลกได้. (พึงให้อภิญญาทั้ง ๖ พิสดาร).

ดูกรภิกษุทั้งหลาย อนึ่ง ตถาคตย่อมกระทำให้แจ้งซึ่งเจโตวิมุติ ปัญญาวิมุติ
อันหาอาสวะมิได้ เพราะอาสวะทั้งหลายสิ้นไป ด้วยปัญญาอันยิ่งเอง ในปัจจุบัน เพราะ
ได้เจริญ ได้กระทำให้มากซึ่งอิทธิบาท ๔ เหล่านี้.

ดูกรภิกษุทั้งหลาย แม่น้ำคงคาไหลไปสู่ทิศปราจีน หลั่งไปสู่ทิศปราจีน
บ่าไปสู่ทิศปราจีน แม้ฉันใด ภิกษุเจริญอิทธิบาท ๔ กระทำให้มากซึ่งอิทธิบาท ๔ ย่อมเป็นผู้
น้อมไปสู่นิพพาน โน้มไปสู่นิพพาน โอนไปสู่นิพพาน ฉันนั้นเหมือนกัน.
-มหาวาร. สํ. ๑๙/๑๒๔๕-๑๒๕๐/๓๗๒

อิทธิบาท ๔
คำว่า อิทธิบาท แปลว่า บาทฐานแห่งความสำเร็จ หมายถึง สิ่งซึ่งมีคุณธรรม
เครื่องให้ลุถึงความสำเร็จตามที่ตนประสงค์ ผู้หวังความสำเร็จในสิ่งใด ต้อง
ทำตนให้สมบูรณ์ ด้วยสิ่งที่เรียกว่า อิทธิบาท ซึ่งจำแนกไว้เป็น ๔ คือ

๑. ฉันทะ ความพอใจรักใคร่ในสิ่งนั้น
๒. วิริยะ ความพากเพียรในสิ่งนั้น
๓. จิตตะ ความเอาใจใส่ฝักใฝ่ในสิ่งนั้น
๔. วิมังสา ความหมั่นสอดส่องในเหตุผลของสิ่งนั้น
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่