คุณปู่มารับแต่เช้า โรสเข้าหน้าแทบไม่ติด ตนเองยังสวมชุดนอนหลวม ๆของผู้ชายอยู่เลย ตอนมาก็ไม่ได้ขออนุญาตท่าน กะว่าไม่เกินสองทุ่มจะกลับ ปรากฏว่าเมาจนพับไป ภูมรินเหมือนรู้ความผิดของตน ถึงกับเหงื่อซก เข้ามารับหน้าด้วย เมื่อคืนคะยั้นคะยอให้เธอดื่มมากเกินจนเกิดเรื่อง ตอนเดินขึ้นบันได ท่วงท่าเหมือนจะมาเอาเรื่อง รูปร่างของท่านสูงใหญ่ ผิวกร้านแดด ผมสองสี สมัยก่อนเป็นเสือเก่า ทั้งที่วัยล่วงมาเจ็ดสิบปีแล้ว แลดูน่าเกรงขามอยู่เลย
“ปู่รู้แล้ว ว่าหลานมานอนค้างทีนี่”
ใบหน้าที่เหมือนจะขึงโกรธ กลับมีรอยยิ้ม
โรสมองภูมริน อย่างไม่เชื่อที่ได้ยิน
“เอ๊ะ ปู่รู้ได้ยังไงคะ”
“ทิวาโทรมาบอกปู่เมื่อคืนแล้ว บอกว่าโรสมาลองชิมไวน์สูตรใหม่ของเขา ไวน์ค่อนข้างแรง ดื่มไปแล้วทำท่าเมา จะให้ขับรถกลับเองไม่ไหว กลัวจะกลับไม่ถึงบ้าน ปู่กะว่าจะมารับเองแล้ว แต่มานึกอีกที ปู่เชื่อใจพวกเธอนะ พวกเธอคงไม่ทำอะไรเหลวไหลใช่ไหม”
ภูมรินยิ้มแหย ค่อยหายใจโล่งหน่อย ดีนะที่ทิวาป้องกันไว้ให้หมดแล้ว
“ผมขอคืนโรส กับคุณปู่ในสภาพเดิมครับ”
รถปาเจโร่เก่าแต่สมรรถนะดี คุณปู่ขับรถเอง ถนนในไร้ของสองพี่น้องคดเคี้ยวไปตามสภาพที่เป็นเนิน เป็นไหล่เขาสูงต่ำ ที่เห็นปลูกชาเป็นคลื่นบันได สลับกับแปลงองุ่น โรสไม่พูดจาอะไร ข้างมือ ในกล่องคือชุดราตรีที่พึ่งใส่เป็นครั้งแรก คุณปู่มองออกว่าหลานสาวเลือกสวมชุดสวยเพื่อใคร
ไหล่ทาง ดอกหญ้าขาวพลิ้วสะบัด ทิวากำลังคุมคนงานถากถางปรับทำร้านให้องุ่น รถชะลอจนหยุด คุณปู่ลงไปทักทาย สองคนพูดจากันสนิทสนมทีเดียว โรสเพียงแอบมองจากในรถ ชายหนุ่มขยันแต่เช้า เขากำลังเปลี่ยนไร่ชาสมัยรุ่นพ่อมาเป็นไร่องุ่น เป็นเรื่องที่คุณปู่ชื่นชมมาก นัยว่าเป็นคนหัวก้าวหน้า กล้าเปลี่ยนแปลง
“ถ้าปู่สมภพสนใจ จะปลูกองุ่นบ้าง ผมยินดีเป็นที่ปรึกษาให้นะครับ”
คนแก่ชอบใจ หัวเราะเสียงดังมาถึงในรถทีเดียว
“ฉันคงไม่ไหวแล้ว กว่าจะเปลี่ยนไร่ชา มาเป็นองุ่นได้ ฉันคงลงโลงเสียก่อน คนหนุ่มเรี่ยวแรงดีก็แบบนี้ นึกจะทำอะไรก็ทำได้ดั่งใจ ว่าแต่เราไม่ไปถามหนูโรสดูสิ อยากจะปลูกองุ่นไหม”
ท้ายเสียงคุณปู่เอียงหน้ามากระซิบ ทิวาเพียงมองเข้าไปที่รถ จากนั้นก็เบนสายตามาคุยกับปู่สมภพต่อ ส่ายหน้าเหมือนจะปฏิเสธ โรสนึกฉุน ทิวาก็แบบนี้ทุกที นิ่ง ๆเฉย ๆถ้าหัดเป็นคนปากกับใจตรงกันเหมือนพี่ชายบ้างก็ดี
นึกถึงสมัยเด็ก เธอเคยหลงป่า ตอนหนีคุณปู่ออกมาดูนกคนเดียว ทิวาเป็นคนแรกที่ตามหาเธอจนเจอ กับตอนที่ถูกนายอิทธิรังแก ทิวาถึงเกิดการชกต่อยกันขึ้นเพื่อเธอ ขณะที่ภูมรินชอบเอาใจเธอสารพัด ชอบเอาตุ๊กตามาให้ เอาขนมมาให้ ซึ่งของเหล่านี้เธอมีอยู่อย่างเหลือเฟืออยู่แล้ว แต่คนที่มักอยู่ด้วยตอนเธอเดือดร้อนทุกทีก็คือทิวา
ภูมรินขับรถมาถึง ท้ายกระบะมีคนงาน เขาจะไปหาซื้อเครื่องมือเกษตรกับปุ๋ย ที่ตัวจังหวัด เลยลงมาคุยด้วย ปู่สมภพมองคนหนุ่มพี่น้อง ช่างตั้งอกตั้งใจทำงานกันดีจริง คนน้องไม่เสียทีที่ไปใช้ชีวิตในฝรั่งเศส ประเทศผลิตไวน์ชั้นดี พอกลับมาเป็นหัวเรี่ยว หัวแรงให้พี่ชายได้อีก ผลผลิตรุ่นแรกก็เริ่มออกมาแล้ว ไม่ช้าที่นี่จะเป็นไร่ที่ขึ้นชื่อแน่
“ทิวาไปเรียนมาทางนี้โดยตรง ถือว่าได้ใช้ความรู้เต็มที่ดีนะ”
“ผมไปใช้แรงงาน แลกกับที่อยู่ ที่กินครับ”
ชายหนุ่มพูดเหมือนคนถ่อมตน พี่ชายอดเขม่นไม่ได้ รู้นิสัยดี นี่ไม่เชิงถ่อมตนหรอก นิสัยชอบพูดไม่ค่อยเข้าหูคนมากกว่า แต่มันก็จริง ทิวาไปเรียนศิลปะที่ฝรั่งเศสด้วยทุนรอนน้อย หาทางไปเองจนไปได้อาศัยคนรู้จัก ที่ทำไร่องุ่น โรงบ่มไวน์ ได้วิชาความรู้อีกแขนงกลับมา พวกภาพเขียนที่ทิวาเขียนเก็บไว้ ภูมรินบอกให้ขายก็ไม่ยอมขาย บอกได้ไม่กี่ตังค์ สู้เก็บไว้ดีกว่า นิสัยขวางโลกชะมัด เรียนมาไม่เขียนภาพขาย แล้วจะเรียนไปทำไม ยังดีที่รู้จักทำประโยชน์ ช่วยงานในไร่ได้มากโข
“น่าจะลองเอาไวน์ไปประกวดดูนะ ปู่เห็นเขามีประกวดกันอยู่”
ปู่สมภพให้คำแนะนำมาอีก ภูมรินโบกมือ ไม่เอาท่าเดียว
“ประกวดไปก็แพ้ เราเป็นหน้าใหม่อยู่ด้วย รายใหญ่เขากินรางวัลมาทุกปี”
“แต่ผมสนใจครับ” ทิวากลับดวงตาใส “ประกวดปีแรก คงไปเอาประสบการณ์ก่อน คนจะได้รู้จักว่าไร่ของเรา กำลังหันมาทำไร่องุ่น ทำไวน์กัน ผลการประกวดจะแพ้ยังไง ผม จะได้เอามาปรับปรุงงานของเราให้ดีขึ้นไปอีก”
เช้าวันที่อากาศสดใส..
หญิงสาวถูกปลุกด้วย เสียงโทรศัพท์จากคุณแม่ ที่บ่นใส่ทางหูโทรศัพท์เป็นชุด เกือบอาทิตย์แล้ว ที่เธอหนีแม่มาอยู่กับปู่ คุณแม่ผู้ชอบบงการยังตามมาอีกจนได้
“แม่คะ หนูเรียนจบแล้วนะ หนูขอเวลาทบทวนทางเดินชีวิตของหนูบ้าง”
เจ้าของน้ำเสียงปลายสาย ถึงกับร้องเอ๊ะลั่น
“อย่าบอกนะว่า แกจะไปเป็นชาวไร่กับปู่แก”
“ก็ไม่แน่นะ อยู่ที่นี่ดีออก”
“แกจะเอาแต่ใจอีกไม่ได้แล้วนะ เรียนก็จบแล้ว จะเถลไถลไปไหนอีก พ่อเขาอุตส่าห์ปูทาง ให้แกได้รู้จักกับผู้ชายดี ๆมีเกียรติมีหน้ามีตา เป็นลูกนักการเมืองเหมือนพ่อแกทั้งนั้น วันหน้าแต่งงานกัน แกก็จะได้ดีไปด้วย กว่าจะนัดกับทางโน่น ให้มาดูตัวแกได้ นี่มาดันผิดนัด หอบผ้าหนีมาดื้อ ๆแม่ละอายเขา ไม่รู้ลูกสาวหอบผ้าไปไหน”
“หนูหูชาแล้วนะแม่ เท่านี้ก่อนนะ”
“ด. เดี๋ยว ก่อน แกจะวางสายไม่ได้นะ ฉันมีเรื่องต้องพูดอีก”
ถึงจะวางสาย คุณแม่ก็คงตามมาถึงบ้านปู่อยู่ดี ไม่แน่คุณพ่อจะตามมาด้วย
หญิงสาวยังสวมชุดนอนตัวหลวมของเขาคนนั้นอยู่เลย เห็นทีต้องแก้เซ็งโดยการขับรถชมวิวเล่น แล้วจะเลยไปไร้ของสองพี่น้อง
หนทางผ่านไร่ของนายอิทธิ ยังคงเป็นไร่ชา ไม่ได้คิดเปลี่ยนไปทำอย่างอื่น มันก็แน่ละเพราะตั้งแต่รุ่นพ่อที่จัดว่าเป็นผู้มีอิทธิพล ทำอาชีพผิดกฎหมายหลายอย่าง เพียงทำไร่ชาบังหน้า พ่อของนายอิทธิถูกยิงตายเมื่อหลายปีก่อน คนลูกก็น่าจะสานต่ออาชีพผิดกฎหมายอีก พอพ้นโค้งเท่านั้น คนที่เธอนึกถึงก็ดันจอดรถดักอยู่ข้างหน้า แถมยังยืนขวางถนนอีกด้วย หน้าตายิ้มเยาะ กวนโทโสแต่ไหนแต่ไรไม่เคยเปลี่ยน
หญิงสาวกดแตรลั่น..
“หลบไปนะคนบ้า! เรื่องอะไรมายืนขวางถนน”
ชายหนุ่มร่างสูงใหญ่ ยืนจังก้าไม่ยี่หระกับการไล่ของหญิงสาว ใบหน้าคมสันต์กว่าคู่พี่น้องเสียอีก ที่ใบหูซ้ายติดต่างหูเพชร เขาทำท่ามือโบกไล่อย่างอิดอ่อนใจ
“ถอยไป ถ้าเธอไม่อยากมีเรื่อง”
“ถนนเป็นของนายหรือไง!”
โรสโผล่มาทั้งตัว กดแตรย้ำเสียงเสียดแก้วหู ชายหนุ่มหรี่ตาเข้ม เด็กสาวผิวเหมือนหยวกเมื่อหลายปีก่อน ที่เขาชอบหยอกเอินเล่น ตอนนี้เป็นสาวเต็มตัวแล้วสินะ น้ำลายมันสอมุมปากเสียแล้ว เสียดายมาเจอกันตอนไม่เป็นท่าเอาเวลานี้
“โรสเธอเองไม่ได้เจอกันหลายปี เธอยังขาว เนียนแล้วก็ปากร้ายกับฉันเหมือนเดิม”
มันชอบพูดจา แทะโลมเหมือนเดิมเลย
“ไม่ถอยใช่มั้ย งั้นฉันจะขับฝ่าไปเอง”
“เฮ้ย! บอกอย่าเข้ามา”
สายไปแล้วที่นายอิทธิจะห้าม ยางรถคู่หน้าระเบิดดังปัง! เจ้าตัวต้องลงมาเอามือกุมใบหน้า แข้งขาเรียวขาวผ่อง ดูจะทรงตัวไม่ได้แล้ว รถของคุณปู่ อุตส่าห์จิ๊กมายางแตกทั้งสองข้างเลย แล้วตะปูเรือใบโรยเกลื่อนเลย คนทำคงไม่ใช่ใครถ้าไม่ใช่นายอิทธิ แล้วดูที่เอว เหน็บปืนพกมาด้วย ถ้าจะมาดักฉุดเธอแน่ ตอนอายุ 17 นายคนนี้ก็เคยมาดักเธอ ครั้งนี้คิดจะทำอีก คิดว่าจะง่ายเหรอ โรสเผ่นแวบเข้าไปเอาปืนในรถ
อิทธิเอามือกุมขมับ เปะป่ายหน้าอย่างเหนื่อยหน่ายใจ
“ซวยแล้ว ทำไมมาซวยได้ซับได้ซ้อนขนาดนี้”
เสียงรถเอทีวีของทิวามาจอดข้างรถของโรส พอดีเธอกำลังถือปืนออกมา
“เกิดอะไรขึ้น โรสทำไมเธอถึงมาอยู่นี่”
“ทิวา คุณมาก็ดีแล้ว นายอิทธิมันคิดจะฉุดฉัน ดูยางรถหน้าของฉัน กับที่พื้นตะปูเรือใบทั้งนั้นเลย นายอิทธิต้องเป็นคนทำแน่” เธอฟ้องใหญ่ หน้าตาจะร้องไห้ อิทธิยืนนิ่ง ตาคู่นั้นจ้องนิ่งกับทิวา
“ทิวา แกเอายัยขี้ฟ้องนี่ไปที วันนี้ฉันท่าจะเจอโจทย์เก่าเสียแล้ว”
“เออ แน่ซี้ นายมันเคยทำแบบนี้มาแล้วนี่”
ทิวาคว้าแขนโรส พยักหน้าแล้วชี้ไปที่รถเอทีวีของตน
“คุณพอจะขับมันกลับไร่ได้ไหม ส่วนผม จะอยู่กับนายอิทธิที่นี่”
“หมายความว่ายังไง”
เธอเสียงแผ่วลง
“ไม่มีเวลาอธิบาย”
อิทธิต่อว่ามาบ้าง มือแตะต่างหูเพชร ส่ายคอลั่นกล็อกแกล็ก
“ก็ฉันบอกแล้วไง ไม่เชื่อเอง บนพื้นมันมีตะปูเรือใบ เคยฟังฉันพูดบ้างไหม”
โรสเริ่มยืนไม่นิ่งต้องหันมายืนพิงรถ ทิวาช่วยพูดมาอีก
“จริงครับ ผมมาเจอรถของอิทธิ โดนตะปูเรือใบอยู่ก่อนแล้ว ก็เลยอาสาไปตามคนงานให้ อีกเดี๋ยวพวกนั้นคงมา คุณโรสเอารถผมกลับไปก่อนดีกว่านะครับ ผมไม่แน่ใจโจทย์เก่าของนายอิทธิ จะมาโผล่มาตอนไหน”
อิทธิถึงเอามือขยุ้มผม เตเสยตะปูออกไป อย่างเป็นเดือดเป็นแค้น
“พ่อของฉันก็เสียท่าแบบนี้ รถเจอตะปูเรือใบก่อน แล้วพวกมันก็ตามมารุมยิง แต่ฉันไม่เสียท่าแบบเดียวกันแน่ ขอบใจนายมากนะทิวาที่อยู่ช่วย นายไม่ใจแคบเหมือนภูมริน ยังไงวันนี้ฉันไม่คิดหนีอยู่แล้ว”
ไม่ทันที่โรสจะเอ่ยปากเช่นไร มีรถกระบะขนคนโผล่พรวดมาอีกทาง คนพวกนั้นกรูลงมาพร้อมกับปืน มีคนหนึ่งใช้ปืนลูกซองยกเล็งยิงนำเข้ามาก่อน อิทธิเผ่นไปคว้าร่างของโรสล้มคว่ำไปด้วยกัน ลูกปืนเจาะหม้อน้ำปาเจโร่ อิทธิดันร่างตนเองขึ้น ยิงสวนเจ้าคนนั้นหงายกลิ้งไป อิทธิคว้าเอวบางด้วยท่อนแขนทรงกำลัง วิ่งพาหลบหลังรถ ทิวาฉวยได้ปืนที่โรสทำตกไว้ เปิดฉากยิงตอบโต้กลับไป เขาแค่ยิงขู่ ไม่ได้กะจะยิงให้โดนคนเหมือนนายอิทธิ
“เกิดอะไรขึ้น! ทำไมคนพวกนั้นยิงเราทำไม”
โรสถามหน้าตื่น หายใจแทบไม่ทัน
“ต้องเป็นคน ของเสี่ยจวงแน่ ”
ทิวาคว้าเอาแม่กระต่ายน้อยตื่นตูมมาหลบอยู่ก้อนหินใหญ่ไหล่ทาง สภาพรถของคุณปู่สมภพตอนนี้ไม่เหลือดีเลย ปล่อยให้อิทธิยิงต้านไป ต้องต้านเอาไว้ จนกว่าพวกคนงานจะมาถึง มีเสียงปืนดังขึ้นมาอีก มาพร้อมกับรถกระบะสองคัน คนของนายอิทธินั้นเอง คราวนี้พวกมือปืนต้องเป็นฝ่ายหาที่กำบังบ้าง พออีกฝ่ายมีคน มีปืนมากกว่า มือปืนเริ่มล่าถอย พวกมันต่างกระจัดกระจายกัน ไปคนละทิศละทาง นายอิทธิตะโกนลั่น สั่งคนของตนให้ตามไปจัดการให้หมด
เสียงปืนไปดังในป่าป่าละเมาะ ห่างไกลออกไป โรสยังนั่งเอามือกุมหู ในอ้อมแขนทิวา เขากระซิบที่ใกล้แก้มนวล เธอยังคงกอดเขาแน่น รู้กลัวจนตัวชาก้าวขาไม่ออก นานทีเดียวกว่าจะมีรถมาอีกคัน คนที่ลงมาดูคือปู่สมภพนั้นเอง แกต้องควักเอายาดมมายัดรูจมูก กับสภาพของรถคู่ทุกข์คู่ยากมาหลายสิบปี ทิวาประคองโรสเดินออกมา
“ไม่เป็นอะไรก็ดีแล้วลูก เจ้าแก่ของปู่ หมดอายุด่วนลาโลกไปก่อนก็ช่างมันเถอะ”
ทิวากับโรส ตอนที่ 2
“ปู่รู้แล้ว ว่าหลานมานอนค้างทีนี่”
ใบหน้าที่เหมือนจะขึงโกรธ กลับมีรอยยิ้ม
โรสมองภูมริน อย่างไม่เชื่อที่ได้ยิน
“เอ๊ะ ปู่รู้ได้ยังไงคะ”
“ทิวาโทรมาบอกปู่เมื่อคืนแล้ว บอกว่าโรสมาลองชิมไวน์สูตรใหม่ของเขา ไวน์ค่อนข้างแรง ดื่มไปแล้วทำท่าเมา จะให้ขับรถกลับเองไม่ไหว กลัวจะกลับไม่ถึงบ้าน ปู่กะว่าจะมารับเองแล้ว แต่มานึกอีกที ปู่เชื่อใจพวกเธอนะ พวกเธอคงไม่ทำอะไรเหลวไหลใช่ไหม”
ภูมรินยิ้มแหย ค่อยหายใจโล่งหน่อย ดีนะที่ทิวาป้องกันไว้ให้หมดแล้ว
“ผมขอคืนโรส กับคุณปู่ในสภาพเดิมครับ”
รถปาเจโร่เก่าแต่สมรรถนะดี คุณปู่ขับรถเอง ถนนในไร้ของสองพี่น้องคดเคี้ยวไปตามสภาพที่เป็นเนิน เป็นไหล่เขาสูงต่ำ ที่เห็นปลูกชาเป็นคลื่นบันได สลับกับแปลงองุ่น โรสไม่พูดจาอะไร ข้างมือ ในกล่องคือชุดราตรีที่พึ่งใส่เป็นครั้งแรก คุณปู่มองออกว่าหลานสาวเลือกสวมชุดสวยเพื่อใคร
ไหล่ทาง ดอกหญ้าขาวพลิ้วสะบัด ทิวากำลังคุมคนงานถากถางปรับทำร้านให้องุ่น รถชะลอจนหยุด คุณปู่ลงไปทักทาย สองคนพูดจากันสนิทสนมทีเดียว โรสเพียงแอบมองจากในรถ ชายหนุ่มขยันแต่เช้า เขากำลังเปลี่ยนไร่ชาสมัยรุ่นพ่อมาเป็นไร่องุ่น เป็นเรื่องที่คุณปู่ชื่นชมมาก นัยว่าเป็นคนหัวก้าวหน้า กล้าเปลี่ยนแปลง
“ถ้าปู่สมภพสนใจ จะปลูกองุ่นบ้าง ผมยินดีเป็นที่ปรึกษาให้นะครับ”
คนแก่ชอบใจ หัวเราะเสียงดังมาถึงในรถทีเดียว
“ฉันคงไม่ไหวแล้ว กว่าจะเปลี่ยนไร่ชา มาเป็นองุ่นได้ ฉันคงลงโลงเสียก่อน คนหนุ่มเรี่ยวแรงดีก็แบบนี้ นึกจะทำอะไรก็ทำได้ดั่งใจ ว่าแต่เราไม่ไปถามหนูโรสดูสิ อยากจะปลูกองุ่นไหม”
ท้ายเสียงคุณปู่เอียงหน้ามากระซิบ ทิวาเพียงมองเข้าไปที่รถ จากนั้นก็เบนสายตามาคุยกับปู่สมภพต่อ ส่ายหน้าเหมือนจะปฏิเสธ โรสนึกฉุน ทิวาก็แบบนี้ทุกที นิ่ง ๆเฉย ๆถ้าหัดเป็นคนปากกับใจตรงกันเหมือนพี่ชายบ้างก็ดี
นึกถึงสมัยเด็ก เธอเคยหลงป่า ตอนหนีคุณปู่ออกมาดูนกคนเดียว ทิวาเป็นคนแรกที่ตามหาเธอจนเจอ กับตอนที่ถูกนายอิทธิรังแก ทิวาถึงเกิดการชกต่อยกันขึ้นเพื่อเธอ ขณะที่ภูมรินชอบเอาใจเธอสารพัด ชอบเอาตุ๊กตามาให้ เอาขนมมาให้ ซึ่งของเหล่านี้เธอมีอยู่อย่างเหลือเฟืออยู่แล้ว แต่คนที่มักอยู่ด้วยตอนเธอเดือดร้อนทุกทีก็คือทิวา
ภูมรินขับรถมาถึง ท้ายกระบะมีคนงาน เขาจะไปหาซื้อเครื่องมือเกษตรกับปุ๋ย ที่ตัวจังหวัด เลยลงมาคุยด้วย ปู่สมภพมองคนหนุ่มพี่น้อง ช่างตั้งอกตั้งใจทำงานกันดีจริง คนน้องไม่เสียทีที่ไปใช้ชีวิตในฝรั่งเศส ประเทศผลิตไวน์ชั้นดี พอกลับมาเป็นหัวเรี่ยว หัวแรงให้พี่ชายได้อีก ผลผลิตรุ่นแรกก็เริ่มออกมาแล้ว ไม่ช้าที่นี่จะเป็นไร่ที่ขึ้นชื่อแน่
“ทิวาไปเรียนมาทางนี้โดยตรง ถือว่าได้ใช้ความรู้เต็มที่ดีนะ”
“ผมไปใช้แรงงาน แลกกับที่อยู่ ที่กินครับ”
ชายหนุ่มพูดเหมือนคนถ่อมตน พี่ชายอดเขม่นไม่ได้ รู้นิสัยดี นี่ไม่เชิงถ่อมตนหรอก นิสัยชอบพูดไม่ค่อยเข้าหูคนมากกว่า แต่มันก็จริง ทิวาไปเรียนศิลปะที่ฝรั่งเศสด้วยทุนรอนน้อย หาทางไปเองจนไปได้อาศัยคนรู้จัก ที่ทำไร่องุ่น โรงบ่มไวน์ ได้วิชาความรู้อีกแขนงกลับมา พวกภาพเขียนที่ทิวาเขียนเก็บไว้ ภูมรินบอกให้ขายก็ไม่ยอมขาย บอกได้ไม่กี่ตังค์ สู้เก็บไว้ดีกว่า นิสัยขวางโลกชะมัด เรียนมาไม่เขียนภาพขาย แล้วจะเรียนไปทำไม ยังดีที่รู้จักทำประโยชน์ ช่วยงานในไร่ได้มากโข
“น่าจะลองเอาไวน์ไปประกวดดูนะ ปู่เห็นเขามีประกวดกันอยู่”
ปู่สมภพให้คำแนะนำมาอีก ภูมรินโบกมือ ไม่เอาท่าเดียว
“ประกวดไปก็แพ้ เราเป็นหน้าใหม่อยู่ด้วย รายใหญ่เขากินรางวัลมาทุกปี”
“แต่ผมสนใจครับ” ทิวากลับดวงตาใส “ประกวดปีแรก คงไปเอาประสบการณ์ก่อน คนจะได้รู้จักว่าไร่ของเรา กำลังหันมาทำไร่องุ่น ทำไวน์กัน ผลการประกวดจะแพ้ยังไง ผม จะได้เอามาปรับปรุงงานของเราให้ดีขึ้นไปอีก”
เช้าวันที่อากาศสดใส..
หญิงสาวถูกปลุกด้วย เสียงโทรศัพท์จากคุณแม่ ที่บ่นใส่ทางหูโทรศัพท์เป็นชุด เกือบอาทิตย์แล้ว ที่เธอหนีแม่มาอยู่กับปู่ คุณแม่ผู้ชอบบงการยังตามมาอีกจนได้
“แม่คะ หนูเรียนจบแล้วนะ หนูขอเวลาทบทวนทางเดินชีวิตของหนูบ้าง”
เจ้าของน้ำเสียงปลายสาย ถึงกับร้องเอ๊ะลั่น
“อย่าบอกนะว่า แกจะไปเป็นชาวไร่กับปู่แก”
“ก็ไม่แน่นะ อยู่ที่นี่ดีออก”
“แกจะเอาแต่ใจอีกไม่ได้แล้วนะ เรียนก็จบแล้ว จะเถลไถลไปไหนอีก พ่อเขาอุตส่าห์ปูทาง ให้แกได้รู้จักกับผู้ชายดี ๆมีเกียรติมีหน้ามีตา เป็นลูกนักการเมืองเหมือนพ่อแกทั้งนั้น วันหน้าแต่งงานกัน แกก็จะได้ดีไปด้วย กว่าจะนัดกับทางโน่น ให้มาดูตัวแกได้ นี่มาดันผิดนัด หอบผ้าหนีมาดื้อ ๆแม่ละอายเขา ไม่รู้ลูกสาวหอบผ้าไปไหน”
“หนูหูชาแล้วนะแม่ เท่านี้ก่อนนะ”
“ด. เดี๋ยว ก่อน แกจะวางสายไม่ได้นะ ฉันมีเรื่องต้องพูดอีก”
ถึงจะวางสาย คุณแม่ก็คงตามมาถึงบ้านปู่อยู่ดี ไม่แน่คุณพ่อจะตามมาด้วย
หญิงสาวยังสวมชุดนอนตัวหลวมของเขาคนนั้นอยู่เลย เห็นทีต้องแก้เซ็งโดยการขับรถชมวิวเล่น แล้วจะเลยไปไร้ของสองพี่น้อง
หนทางผ่านไร่ของนายอิทธิ ยังคงเป็นไร่ชา ไม่ได้คิดเปลี่ยนไปทำอย่างอื่น มันก็แน่ละเพราะตั้งแต่รุ่นพ่อที่จัดว่าเป็นผู้มีอิทธิพล ทำอาชีพผิดกฎหมายหลายอย่าง เพียงทำไร่ชาบังหน้า พ่อของนายอิทธิถูกยิงตายเมื่อหลายปีก่อน คนลูกก็น่าจะสานต่ออาชีพผิดกฎหมายอีก พอพ้นโค้งเท่านั้น คนที่เธอนึกถึงก็ดันจอดรถดักอยู่ข้างหน้า แถมยังยืนขวางถนนอีกด้วย หน้าตายิ้มเยาะ กวนโทโสแต่ไหนแต่ไรไม่เคยเปลี่ยน
หญิงสาวกดแตรลั่น..
“หลบไปนะคนบ้า! เรื่องอะไรมายืนขวางถนน”
ชายหนุ่มร่างสูงใหญ่ ยืนจังก้าไม่ยี่หระกับการไล่ของหญิงสาว ใบหน้าคมสันต์กว่าคู่พี่น้องเสียอีก ที่ใบหูซ้ายติดต่างหูเพชร เขาทำท่ามือโบกไล่อย่างอิดอ่อนใจ
“ถอยไป ถ้าเธอไม่อยากมีเรื่อง”
“ถนนเป็นของนายหรือไง!”
โรสโผล่มาทั้งตัว กดแตรย้ำเสียงเสียดแก้วหู ชายหนุ่มหรี่ตาเข้ม เด็กสาวผิวเหมือนหยวกเมื่อหลายปีก่อน ที่เขาชอบหยอกเอินเล่น ตอนนี้เป็นสาวเต็มตัวแล้วสินะ น้ำลายมันสอมุมปากเสียแล้ว เสียดายมาเจอกันตอนไม่เป็นท่าเอาเวลานี้
“โรสเธอเองไม่ได้เจอกันหลายปี เธอยังขาว เนียนแล้วก็ปากร้ายกับฉันเหมือนเดิม”
มันชอบพูดจา แทะโลมเหมือนเดิมเลย
“ไม่ถอยใช่มั้ย งั้นฉันจะขับฝ่าไปเอง”
“เฮ้ย! บอกอย่าเข้ามา”
สายไปแล้วที่นายอิทธิจะห้าม ยางรถคู่หน้าระเบิดดังปัง! เจ้าตัวต้องลงมาเอามือกุมใบหน้า แข้งขาเรียวขาวผ่อง ดูจะทรงตัวไม่ได้แล้ว รถของคุณปู่ อุตส่าห์จิ๊กมายางแตกทั้งสองข้างเลย แล้วตะปูเรือใบโรยเกลื่อนเลย คนทำคงไม่ใช่ใครถ้าไม่ใช่นายอิทธิ แล้วดูที่เอว เหน็บปืนพกมาด้วย ถ้าจะมาดักฉุดเธอแน่ ตอนอายุ 17 นายคนนี้ก็เคยมาดักเธอ ครั้งนี้คิดจะทำอีก คิดว่าจะง่ายเหรอ โรสเผ่นแวบเข้าไปเอาปืนในรถ
อิทธิเอามือกุมขมับ เปะป่ายหน้าอย่างเหนื่อยหน่ายใจ
“ซวยแล้ว ทำไมมาซวยได้ซับได้ซ้อนขนาดนี้”
เสียงรถเอทีวีของทิวามาจอดข้างรถของโรส พอดีเธอกำลังถือปืนออกมา
“เกิดอะไรขึ้น โรสทำไมเธอถึงมาอยู่นี่”
“ทิวา คุณมาก็ดีแล้ว นายอิทธิมันคิดจะฉุดฉัน ดูยางรถหน้าของฉัน กับที่พื้นตะปูเรือใบทั้งนั้นเลย นายอิทธิต้องเป็นคนทำแน่” เธอฟ้องใหญ่ หน้าตาจะร้องไห้ อิทธิยืนนิ่ง ตาคู่นั้นจ้องนิ่งกับทิวา
“ทิวา แกเอายัยขี้ฟ้องนี่ไปที วันนี้ฉันท่าจะเจอโจทย์เก่าเสียแล้ว”
“เออ แน่ซี้ นายมันเคยทำแบบนี้มาแล้วนี่”
ทิวาคว้าแขนโรส พยักหน้าแล้วชี้ไปที่รถเอทีวีของตน
“คุณพอจะขับมันกลับไร่ได้ไหม ส่วนผม จะอยู่กับนายอิทธิที่นี่”
“หมายความว่ายังไง”
เธอเสียงแผ่วลง
“ไม่มีเวลาอธิบาย”
อิทธิต่อว่ามาบ้าง มือแตะต่างหูเพชร ส่ายคอลั่นกล็อกแกล็ก
“ก็ฉันบอกแล้วไง ไม่เชื่อเอง บนพื้นมันมีตะปูเรือใบ เคยฟังฉันพูดบ้างไหม”
โรสเริ่มยืนไม่นิ่งต้องหันมายืนพิงรถ ทิวาช่วยพูดมาอีก
“จริงครับ ผมมาเจอรถของอิทธิ โดนตะปูเรือใบอยู่ก่อนแล้ว ก็เลยอาสาไปตามคนงานให้ อีกเดี๋ยวพวกนั้นคงมา คุณโรสเอารถผมกลับไปก่อนดีกว่านะครับ ผมไม่แน่ใจโจทย์เก่าของนายอิทธิ จะมาโผล่มาตอนไหน”
อิทธิถึงเอามือขยุ้มผม เตเสยตะปูออกไป อย่างเป็นเดือดเป็นแค้น
“พ่อของฉันก็เสียท่าแบบนี้ รถเจอตะปูเรือใบก่อน แล้วพวกมันก็ตามมารุมยิง แต่ฉันไม่เสียท่าแบบเดียวกันแน่ ขอบใจนายมากนะทิวาที่อยู่ช่วย นายไม่ใจแคบเหมือนภูมริน ยังไงวันนี้ฉันไม่คิดหนีอยู่แล้ว”
ไม่ทันที่โรสจะเอ่ยปากเช่นไร มีรถกระบะขนคนโผล่พรวดมาอีกทาง คนพวกนั้นกรูลงมาพร้อมกับปืน มีคนหนึ่งใช้ปืนลูกซองยกเล็งยิงนำเข้ามาก่อน อิทธิเผ่นไปคว้าร่างของโรสล้มคว่ำไปด้วยกัน ลูกปืนเจาะหม้อน้ำปาเจโร่ อิทธิดันร่างตนเองขึ้น ยิงสวนเจ้าคนนั้นหงายกลิ้งไป อิทธิคว้าเอวบางด้วยท่อนแขนทรงกำลัง วิ่งพาหลบหลังรถ ทิวาฉวยได้ปืนที่โรสทำตกไว้ เปิดฉากยิงตอบโต้กลับไป เขาแค่ยิงขู่ ไม่ได้กะจะยิงให้โดนคนเหมือนนายอิทธิ
“เกิดอะไรขึ้น! ทำไมคนพวกนั้นยิงเราทำไม”
โรสถามหน้าตื่น หายใจแทบไม่ทัน
“ต้องเป็นคน ของเสี่ยจวงแน่ ”
ทิวาคว้าเอาแม่กระต่ายน้อยตื่นตูมมาหลบอยู่ก้อนหินใหญ่ไหล่ทาง สภาพรถของคุณปู่สมภพตอนนี้ไม่เหลือดีเลย ปล่อยให้อิทธิยิงต้านไป ต้องต้านเอาไว้ จนกว่าพวกคนงานจะมาถึง มีเสียงปืนดังขึ้นมาอีก มาพร้อมกับรถกระบะสองคัน คนของนายอิทธินั้นเอง คราวนี้พวกมือปืนต้องเป็นฝ่ายหาที่กำบังบ้าง พออีกฝ่ายมีคน มีปืนมากกว่า มือปืนเริ่มล่าถอย พวกมันต่างกระจัดกระจายกัน ไปคนละทิศละทาง นายอิทธิตะโกนลั่น สั่งคนของตนให้ตามไปจัดการให้หมด
เสียงปืนไปดังในป่าป่าละเมาะ ห่างไกลออกไป โรสยังนั่งเอามือกุมหู ในอ้อมแขนทิวา เขากระซิบที่ใกล้แก้มนวล เธอยังคงกอดเขาแน่น รู้กลัวจนตัวชาก้าวขาไม่ออก นานทีเดียวกว่าจะมีรถมาอีกคัน คนที่ลงมาดูคือปู่สมภพนั้นเอง แกต้องควักเอายาดมมายัดรูจมูก กับสภาพของรถคู่ทุกข์คู่ยากมาหลายสิบปี ทิวาประคองโรสเดินออกมา
“ไม่เป็นอะไรก็ดีแล้วลูก เจ้าแก่ของปู่ หมดอายุด่วนลาโลกไปก่อนก็ช่างมันเถอะ”