กุหลาบในรอยหิน

กระทู้สนทนา
เพราะชีวิตต้องพบกับมรสุม งานในวงการนางแบบถูกคนให้ร้าย ทำให้โรสหันหลังให้กับชีวิตในเมือง
ชีวิตสาวชาวไร่บนแผ่นดินของคุณปู่ ที่นี่เธอได้พบกับทิวาอดีตเพื่อนเรียนสมัยประถม ภุมรินทร์พี่ชายของทิวา
สองพี่น้องนิสัยตรงกันข้ามกัน เมื่อคนหนึ่งแสดงเจตนาจะคบหากับเธอ ส่วนน้องชายคอยเก็บคำพูดและพรางสีหน้า
โรสในวัยเด็กเคยถูกเพื่อนแกล้งจนหลงป่า และก่อนหมดสติคลับคล้ายทิวาคือคนที่ช่วยเธอไว้

นับวันที่จำต้องคลุกคลี ทิวาเริ่มเปิดใจคบหาด้วย
หากเเต่มีอิทธิเพื่อนสมัยประถมอีกคน ที่มักบีบบังคับทิวาด้วยความลับบางอย่าง
จนเขาต้องถอยห่างจากโรสไปทุกที



ปล. นิยายเรื่องนี้มีกลิ่นอายนิยายบู๊นักเลงบ้านนอกนิดหน่อย ผูกปมไม่มาก
พยายามเขียนให้เป็นนิยายโรแมนติกดราม่า มีผูกปมให้ตาม คนอ่านเดาได้ไม่ยาก
ยังไงก็ขอโอกาสติชมบ้างนะครับ!


# ตอนที่1  ดินเนอร์ใต้เเสงเทียน

แสงวับแวมจากเปลวเทียน แม้ริบรี่แต่มากดวงทำความสว่างไสวอบอุ่นไปทั้งเรือนใจกลางหุบเขา ภูมรินจัดแต่งสถานที่เอง เขาล้อเล่นกับเปลวเทียน       ฮัมเพลงลูกทุ่งที่โปรดปราน  ส่วนทิวาเจ้าน้องชายผู้ขวางโลก เดินถือขลุ่ยลงจากเรือนไป ไม่วายหันมาเบี้ยวปากหน้าทู่ เท้าเหยียบบันไดลูกสุดท้ายมองขึ้นมา เพราะเบื่อสำเนียงลูกทุ่งผิดเพี้ยนที่ขัดหูเสียเหลือเกิน

“แกไปได้ก็ดี จะได้ไม่ขวางหูขวางตา งานดินเนอร์ของฉัน กับว่าที่พี่สะใภ้ของแก อย่าโผล่มาช่วงเข้าด้ายเข้าเข็มนะโว้ย” ภูมรินว่าตามหลัง ทิวาแยกเขี้ยว ชูกำปั้นตอบ

แขกคนแรกของเรือนเกือบร้าง หลังคู่พี่น้องมาปัดกวาดอยู่อาศัย โรส หญิงสาวงามดั่งกลีบกุหลาบ ปรากฏตัวในชุดราตรีสีเลือดนก ทำเอาเลือดในกายหนุ่มสูบฉีดเต้นแรง

อากาศแม้ชั่วหัวค่ำ อุณหภูมิลดลงเร็วมาก เธอต้องนั่งห่อไหล่ สองมือลูบไล้ท่อนแขนเรียวงาม ให้ทุเลาจากความเหน็บหนาว ภูมรินถือเสื้อคลุมออกมา บรรจงสวมให้ เธอตอบขอบคุณ ขนตางอนเป็นแพกระพริบปริบ แต่ก็คอยมองหาชายหนุ่มคนนั้น

“ไอ้ทิวา มันไปเป่าขลุ่ยของมัน ที่ไร่องุ่นโน่นครับ รับรองมันไม่มาเกะกะหรอก”

เขาเป็นบริกรด้วยตนเอง ใช้เกลียวเจาะหมุน เอาจุกก๊อกขวดไวน์ออก

“ไวน์นี่ คุณหมักเองหรือคะ แค่กลิ่นยังรู้สึกละมุนทีเดียว”

“ไม่อยากโกหกครับ ทิวามันหมัก ได้สูตรมาจากเมืองนอก ว่าแต่คุณโรสมาอยู่บ้านนอกอย่างนี้ ทนความเหงาไหวไหมครับ”

อภิรักษ์รินไวน์ให้  เธอสั่นหน้า มือเรียวรองใต้คาง

“ไม่เลยค่ะ ฉันมีงานต้องทำเหมือนกัน วัน ๆช่วยปู่ทำสวนองุ่น ปู่มีวิชาความรู้ถ่ายทอดให้เยอะแยะมาก แต่ท่านไม่ดุเลย ท่านแบบเป็นกันเอง ผิดกับคุณแม่ของฉัน ที่วัน ๆเอาแต่จู้จี้ขี้บ่น คุณพ่อก้จะจับฉันแต่งงาน ฉันเลยหนีมาอยู่กับปู่เสียเลย อันที่จริงทั้งคนงาน ทั้งชาวเขาที่นี่เป็นมิตรกับฉันดีออก ฉันเดินไปไหนได้ แม้จะในป่าข้างไร่ สบายใจกว่าเดินตามห้างสรรพสินค้าเป็นไหน ๆ”

ภูมรินกุลีกุจอดึงผ้ากันเปื้อนไปปูบนตัก เลียนแบบมารยาทผู้ดี ที่ตนเคยดูในละคร มือก็เลือนมือไปหยิบแก้วไวน์ของตนมาจิบ ตามองหญิงสาวในชุดงามสีเลือดนก

“น่าแปลกนะครับ คำพูดแบบนี้ ดันเป็นคำพูดของผู้หญิง ไม่ใช่ผู้ชาย”

ดวงตาสวยคู่นั้น สะท้อนแสงเทียนเป็นประกาย

“ใครเค้าก็ว่าฉัน แบบว่านิสัยเหมือนผู้ชาย หาว่าเป็นทอมบ้าง เป็นเลสเบี้ยนบ้าง  ไม่มาถามฉันสักนิด ว่าเป็นแบบไหนกันแน่ ดูสิ ก็ขนาดชุดที่คุณปู่ชื้อให้ตั้งนาน ฉันพึ่งจะมีโอกาสเอามาใส่ แต่ดันมาใส่ให้คุณดูคนเดียว ในที่แบบนี้”

“ผมเปล่า ว่าอย่างนั้นนะ”

ชายหนุ่มจะสำลักไวน์ เพราะกลั้วหัวเราะ

“ว่าแต่ขับรถผ่าน ไร่ของนายอิทธิ ไม่กลัวมันมาดักฉุดรึครับ ผมเสียวใจจริง ๆผู้หญิงสวย ๆอย่างคุณ เสือผู้หญิงอย่างมันชอบนัก กลัวมันมาดักเอากลางทาง”

ดวงตากลมโต ชายกลับมา แรกทีเหมือนกำลังมองหาใครอยู่ จนภูมรินต้องเรียกอีกครั้ง เธอกระพริบตาปริบ ดูจะตกใจ แต่ก็เก็บสีหน้าได้ไว

“เอ๊ะ เมื่อครู่ คุณพูดว่าอะไรนะ”

“ผมพูดถึง นายอิทธิกับลูกน้องของมันครับ”

ผู้หญิงวงหน้ารูปไข่ เหมือนจะขบขันด้วยซ้ำกับชื่อนี้

“ไม่กลัวหรอกค่ะ แล้วอีกอย่าง ฉันมีแม่ลูกสิบเป็นเพื่อนมาด้วย เลยไม่กลัวอะไร”

ชายหนุ่มมาดนิ่มเอียงใบหน้า เลิกคิ้ว

หญิงสาวเลิกชายกระโปรง ที่โคนขาอ่อนของเธอ คาดซองปืน ชายหนุ่มครางในลำคอ  ขยับปากพูดไม่ออกในทีแรก “มีเพื่อนแบบนี้ มันอุ่นใจจริง ๆคุณโรสต้องยิงปืนแม่นด้วยแน่ ใครจะกล้ามารังแกละเนี่ย”

“ก็ไม่แน่นะ อาจเป็นคนแถวนี้ก็ได้”

ชายหนุ่มหัวเราะเสียงทุ้ม มือลูบลูกคาง ที่ผ่านโกนหนวดเครา เส้นผมถูกหวีเรียบเป็นเงา อายุสามสิบกว่า ดูภูมิฐานดี โรสมองเขาแล้วยิ้มใสเหมือนเด็ก รู้ว่าเขาคงเหงาฐานะก็เข้าขั้นเศรษฐีเก่า แต่แปลกที่ รสนิยมการใช้ชีวิตเรียบง่าย มาทำไร่องุ่นในที่ห่างไกลขนาดนี้ นิสัยเหมือนปู่ของเธอเลย ถือว่าเป็นเพอร์เฟคแมนคนหนึ่ง สองคนพูดคุยกันไป คร่าเวลาด้วยจิบไวน์ไป รอเวลาแสงจันทร์ฉาดฉาย

“รู้ไหมว่า ที่ห้องพักฉันติดภูเขา อากาศยามเช้า ทิวทัศน์สวยก็จริง แต่ยามกลางคืนมันมืด วังเวงน่ากลัวยังไงไม่รู้ ยิ่งถ้าคุณปู่ไม่อยู่ด้วย มันขนลุกไงไม่รู้ แต่ตรงนี้ที่เรานั่งอยู่ ได้เห็นดวงจันทร์ โผล่ขึ้นจากภูเขา มันเหมือนอยู่ใกล้มากเลย ฉันรู้สึกเหมือนทีเพื่อน แม้จะอยู่คนเดียว คุณเคยรู้สึกเหมือนฉันบ้างไหม”

ภูมริน พยักหน้ารับเร็วมาก

“ครับ มองพระจันทร์วันเพ็ญเต็มดวงจากตรงนี้ มันสวยจริงครับ ผมเห็นทิวามันชอบมานั่งเอกเขนก เป่าขลุ่ยของมันตรงนี้ คงเพราะมองพระจันทร์สวยนี้เอง”

มือเรียววางซ้อนกันหนุนคาง วงหน้ารูปไข่นั้นเอียงนิด ตามองไปยังไพรกว้าง ท่ามกลางความมืดมิด อันน่าหวาดระแวง รอเวลาแห่งแสงจันทร์สาดส่องมาถึง

“สมัยเด็ก พ่อกับแม่มักพาฉันมาช่วยงานคุณปู่ ที่แห่งนี้ คุณพ่อกับคุณแม่มือท่านกลัวฉันจะดำมากเลยค่ะ ห่อตัวฉันด้วยเสื้อผ้าหนา ๆแล้วยังทาครีมอะไรอีก เยอะแยะไปหมด แต่ฉันชอบแอบตามคุณปู่เข้าป่าไปดูนกมากกว่า คุณปู่บอกว่า แถวนี้มีช้างป่ามาหากินด้วย สัตว์ป่าจมูกมันไหวกับกลิ่นของหอม ให้ฉันเอาใบไม้มาขยี้ มาถูตัวดับกลิ่น ฉันสนุกมากเลยนะ เหมือนได้ฝึกรด.อีกครั้งเลย แล้วมาลุ้นว่าจะมีช้าง เก้ง กวางโผล่มาให้เราดูเหลือเปล่า เสียแต่กลับมา ฉันโดนพ่อกับแม่โวยเอาลั่นบ้านเลย พลางจะดุคุณปู่อีกคน เราสองคนเหมือนเป็นเด็กเลยนะคะ”

หญิงสาวพูดไป หัวเราะไป ภูมรินเบิกตาค้าง พยักหน้ารับผงก ๆ

“มิน่า คุณถึงเก่งกาจ เพราะสายเลือดเข้มข้นนี้เอง”

โรสกระดกไวน์  รู้รสชั้นเยี่ยม รู้สึกแก้มร้อนผ่าว

“ไม่ถึงขั้นนั้นหรอกค่ะ ถึงฉันมีเลือดปู่เยอะ แต่เลือดพ่อเลือดแม่ก็แรงเหมือนกัน ฉันก็ชอบเดินห้าง ชื้อของแพง ๆช๊อปของที่ยี่ห้อ เหมือนที่คนทั่วไปเค้านินทากันว่าลูกนักการเมืองดีแต่ผลาญเงิน เงินที่พ่อโกงบ้านเมืองมา”

“อย่าพูดอย่างนั้นสิครับ ใครเขาจะว่ายังไงก็ช่าง ผมรู้เต็มอก โรสคุณเป็นคนเรียบง่ายเหมือนคุณปู่ ถึงแม้จะเติบโตมาในสภาพ ถูกเอาใจขนาดนั้น”

พอดีที่ทิวาโผล่หัวบันไดขึ้นมา เนื้อตัวมอมแมม เลอะเทอะด้วยโคลน ใบหน้าหล่อเหลาด้วยดูไม่ต่างอะไรกับผีที่มันโผล่ออกมาจากป่า  คนเป็นพี่ชายร้องเฮ้ย! ลั่น โรสถึงกับเอามืออุบปาก ขำพรืด ๆเห็นมาตั้งแต่ไกลแล้ว คนอะไรซุ่มซ่ามไม่เคยเปลี่ยน แต่ยังดีที่ไม่ค่อยเก๊กเหมือนพี่ชาย

“ฉันขออาบน้ำเดี๋ยว พอล้างตัว แล้วจะรีบไป”

“เออ..”พี่ชายโบกมือไล่ ทำเสียงหนักในลำคอ

ภูมรินมองเธอ ด้วยสีหน้ารู้สึกผิดมาก

“ต้องขอโทษแทนมันด้วยนะครับ ดินเนอร์ทั้งทีกลับมีสกั๊งค์โผล่มา”

“ไม่หรอกค่ะ เห็นอย่างนี้แล้ว ฉันขำมากกว่า คุณทิวาชอบทำอะไรที่ฉันคาดเดาไม่ออก เป็นคนอินดี้ก็งั้น แถมชอบศิลปะทั้งวาดรูป ทั้งเล่นดนตรีเก่งหลายอย่าง”

บรรยายคุณความดีเสียจนคนทางหน้างอ โรสพลันหยุดยิ้ม เพียงมองตามหลังคนนั้นหายเข้าไปในห้องน้ำ เปิดฝักบัวเสียงดังมาถึงทางนี้ ยังอดยิ้มไม่หาย รู้สึกอบอุ่นอย่างประหลาดที่ได้อยู่ใกล้สองพี่น้องคู่นี้  ทิวากลับออกมาด้วยเสื้อผ้าหลวม ๆเส้นผมถูกรวบเป็นทรงไม่ฟูกระเซิง ใบหน้านั้น ริมฝีปากสวยกว่าพี่ชายเสียอีก  โรสกวักมือเรียกให้มาทานอาหารก่อน นี่ก็ค่ำมืดแล้ว ไม่รู้จะไปไหนอีก ฝ่ายพี่ชายก็แค่หน้าบูดบึ้งไปตามเรื่อง

“ผมกินมูมมาม ไปหรือเปล่าครับ”

ทิวาพูด หยิบผ้ามาซับมันที่ปาก หญิงสาวยิ้มส่ายหน้า

“ไม่เลย คุณกินอย่างเป็นธรรมชาติมาก”

ภูมรินเห็นจะตะหงิด ๆเอามาก

“แล้วมันเรื่องอะไร ไปตกบ่อขี้ม้ามาหรือไง มันถึงเหม็นขนาดนี้ แกเป็นคนสั่งคนงานขุดหลุมทำปุ๋ยหมักเอง  ยังทะเล่อทะล่าไปตกเสียเองอีก ฉันขายหน้าคุณโรสนะ ช่วยฉันรักษาหน้าไว้บ้าง”

“ก็มันมืดนี่นา ใครมันจะมองเห็นตรงนั้น”

ครู่ต่อมา คนถูกบ่นก็หายเข้าไปในห้อง เพียงกินอิ่มเท่านั้น ภูมรินมองตามตาขวางแล้วมาทำเป็นยิ้ม ยกขวดไวน์รินให้ ชายหนุ่มหญิงสาวพูดจากันพึมพำ ไม่ค่อยจะไว้ท่าทีอีกแล้ว คงเพราะฤทธิ์ไวน์  ในมุมมืดไม่ไกลนัก ทิวายืนแอบอยู่หลังเสา มองกลับเข้ามา โรสทันมองไปเห็นเพียงแผ่นหลังของเขา ก่อนจะปิดประตูห้อง

“ไวน์สูตรของทิวามัน รสชาติเด็ดจริง เห็นทีไร่ของผมจะดังคราวนี้”



เสียงนาฬิกาลั่นเหง่งหง่าง บอกเวลาเที่ยงคืน..

หญิงสาวสะดุ้ง ลุกขึ้นจากเตียง พบว่าเสื้อผ้าของเธอถูกเปลี่ยนมาเป็นชุดนอน     มีคนมาลอกคราบเธอเสียแล้ว แม้แต่ปืนก็หายไป พอหันซ้ายมาอักที มีเด็กผู้หญิงมานอนอยู่ใต้เตียง เด็กนี่น่าจะเป็นคนถอดเปลี่ยนชุดให้สินะ สองพี่น้องถือว่ายังเป็นสุภาพบุรุษที่รู้งาน เธอพยักหน้ากับตัวเอง จากนั้นคว้าเสื้อคลุมได้ เธอเดินออกจากห้อง ฝ่าลมหนาว ออกมาที่นอกระเบียง แสงจันทร์สาดแสงราง ขับผิวสาวนวลผ่อง เห็นชายหนุ่มนั่งนอนเอกเขนกอยู่ที่หมู่โต๊ะ พอเธอเงยหน้า สิ่งสวยงามที่หมายตาจะมาดูก็ปรากฏกลมชัด สุกสกาวยู่เหนือยอดเขา เหมือนภาพฝัน ผู้ชายผู้มีนัยน์ตาเหมือนแมวตาเพชรคนนั้น เพียงหันมาเมื่อได้ยินเสียงฝีเท้า

หญิงสาวรู้สึกอายตัวเองอย่างบอกไม่ถูก ที่คิดอกุศลว่าตนเองจะถูกลวนลาม

“ฉันค่อยยังช่วยแล้ว ต้องขอโทษด้วยนะ ที่ทำตัวเป็นภาระให้”

ช่างน่าอายเสียจริง เธอเดินมือกุมขมับกลับไปห้องพักอีกครั้ง
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่