ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย! การเกิดขึ้น การตั้งอยู่ การเกิดโดยยิ่ง การปรากฏ
แห่งปฐวีธาตุ, ฯลฯ อันใด; อันนั้นเป็นการเกิดขึ้นแห่งทุกข์, เป็นการตั้งอยู่แห่งโรค
ทั้งหลาย, เป็นการปรากฏออกแห่งชราและมรณะ.
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย! และการดับไม่เหลือ การเข้าไปสงบระงับ การถึงซึ่ง
ความตั้งอยู่ไม่ได้แห่งปฐวีธาตุ, ฯลฯ อันใด; อันนั้น เป็น ความดับไม่เหลือแห่งทุกข์,
เป็นการเข้าไปสงบระงับแห่งโรคทั้งหลาย, เป็นการถึงซึ่งความตั้งอยู่ไม่ได้แห่งชราและ
มรณะ.
-ขนฺธ. สํ. ๑๗/๔๙๓-๔๙๔/๒๘๓-๒๘๗
(ข้อความในกรณีแห่งปฐวีธาตุ เป็นอย่างไร ข้อความในกรณีแห่งอาโปธาตุ เตโชธาตุ วาโยธาตุ
อากาสธาตุ วิญญาณธาตุ ก็เป็นอย่างนั้นเหมือนกัน ทุกตัวอักษร ต่างกันแต่ชื่อแห่งธาตุ แต่ละธาตุ ๆ เท่านั้น.
ผู้ศึกษาพึงสังเกตให้เห็นว่าธาตุทั้ง ๖ คือส่วนประกอบต่าง ๆ ที่จะประกอบกันเข้าเป็นนามรูปที่มีความหมาย
ของคำว่านามรูปอันแท้จริง คือทำหน้าที่ของนามรูป; ดังนั้น เป็นอันกล่าวได้ว่า ธาตุแต่ละธาตุ ซึ่งเป็น
ส่วนประกอบของนามรูปนั้น
เพิ่งจะเกิดเมื่ออายตนะภายใน อายตนะภายนอก ที่อาศัยอยู่ในนามรูปนั้น ทำ
หน้าที่ของมัน จนเกิดวิญญาณ ผัสสะ เวทนา ตามลำดับ จนกระทั่งเกิดกองทุกข์ในที่สุด. ทำให้กล่าวได้ว่า
การเกิดแห่งธาตุหนึ่ง ๆ ล้วนแต่เป็นการเกิดแห่งทุกข์ หรือเป็นที่ตั้งแห่งโรคทั้งหลาย โดยทำนองเดียวกัน.
อย่าได้เข้าใจไปว่า ธาตุแต่ละธาตุเกิดขึ้น หรือตั้งอยู่ตลอดเวลา ตามความหมายของภาษาวัตถุ เหมือนที่พูด
กันตามธรรมดานั้นเลย. ในที่นี้เป็นภาษาฝ่ายนามธรรม ซึ่งถือว่า สิ่งใด ๆ ก็ตาม เกิดขึ้นเฉพาะในเมื่อมัน
ทำหน้าที่ของมันในกรณีอันเกี่ยวกับปฏิจจสมุปบาท เป็นขณะ ๆ ไปเท่านั้น เสร็จแล้วก็ถือว่าดับไป จนกว่าจะ
มีโอกาสทำหน้าที่ใหม่ จึงจะถือว่าเกิดขึ้นมาอีก ดังนี้.)
ว่าด้วยความเกิดขึ้นตั้งอยู่และดับไปแห่งทุกข์
แห่งปฐวีธาตุ, ฯลฯ อันใด; อันนั้นเป็นการเกิดขึ้นแห่งทุกข์, เป็นการตั้งอยู่แห่งโรค
ทั้งหลาย, เป็นการปรากฏออกแห่งชราและมรณะ.
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย! และการดับไม่เหลือ การเข้าไปสงบระงับ การถึงซึ่ง
ความตั้งอยู่ไม่ได้แห่งปฐวีธาตุ, ฯลฯ อันใด; อันนั้น เป็น ความดับไม่เหลือแห่งทุกข์,
เป็นการเข้าไปสงบระงับแห่งโรคทั้งหลาย, เป็นการถึงซึ่งความตั้งอยู่ไม่ได้แห่งชราและ
มรณะ.
-ขนฺธ. สํ. ๑๗/๔๙๓-๔๙๔/๒๘๓-๒๘๗
(ข้อความในกรณีแห่งปฐวีธาตุ เป็นอย่างไร ข้อความในกรณีแห่งอาโปธาตุ เตโชธาตุ วาโยธาตุ
อากาสธาตุ วิญญาณธาตุ ก็เป็นอย่างนั้นเหมือนกัน ทุกตัวอักษร ต่างกันแต่ชื่อแห่งธาตุ แต่ละธาตุ ๆ เท่านั้น.
ผู้ศึกษาพึงสังเกตให้เห็นว่าธาตุทั้ง ๖ คือส่วนประกอบต่าง ๆ ที่จะประกอบกันเข้าเป็นนามรูปที่มีความหมาย
ของคำว่านามรูปอันแท้จริง คือทำหน้าที่ของนามรูป; ดังนั้น เป็นอันกล่าวได้ว่า ธาตุแต่ละธาตุ ซึ่งเป็น
ส่วนประกอบของนามรูปนั้น
เพิ่งจะเกิดเมื่ออายตนะภายใน อายตนะภายนอก ที่อาศัยอยู่ในนามรูปนั้น ทำ
หน้าที่ของมัน จนเกิดวิญญาณ ผัสสะ เวทนา ตามลำดับ จนกระทั่งเกิดกองทุกข์ในที่สุด. ทำให้กล่าวได้ว่า
การเกิดแห่งธาตุหนึ่ง ๆ ล้วนแต่เป็นการเกิดแห่งทุกข์ หรือเป็นที่ตั้งแห่งโรคทั้งหลาย โดยทำนองเดียวกัน.
อย่าได้เข้าใจไปว่า ธาตุแต่ละธาตุเกิดขึ้น หรือตั้งอยู่ตลอดเวลา ตามความหมายของภาษาวัตถุ เหมือนที่พูด
กันตามธรรมดานั้นเลย. ในที่นี้เป็นภาษาฝ่ายนามธรรม ซึ่งถือว่า สิ่งใด ๆ ก็ตาม เกิดขึ้นเฉพาะในเมื่อมัน
ทำหน้าที่ของมันในกรณีอันเกี่ยวกับปฏิจจสมุปบาท เป็นขณะ ๆ ไปเท่านั้น เสร็จแล้วก็ถือว่าดับไป จนกว่าจะ
มีโอกาสทำหน้าที่ใหม่ จึงจะถือว่าเกิดขึ้นมาอีก ดังนี้.)