สวัสดีค่ะชาวพันทิปทุกท่าน เมื่อหลายวันก่อนเรามีโอกาสได้ดูซีรีย์เรื่องหนึ่ง ทางช่อง gmm25 ที่ผู้หญิงสองคนเป็นเพื่อนรักกันมาหลายสิบปี แต่สุดท้ายความเป็นเพื่อนก็สิ้นสุดลงเพียงเพราะเธอทั้งสองรักผู้ชายคนเดียวกัน
ประกอบกับเมื่อเย็นวานเปิดไปเจอหนังจีนทางช่อง mono29 ซึ่งมีเนื้อหาใกล้เคียงกัน ทำให้เรานึกถึงเรื่องของตัวเองที่เกิดขึ้นเมื่อหลายปีก่อน จึงได้ตัดสินใจนำเรื่องราวเหล่านั้นมาบอกเล่าผ่านตัวอักษร เพื่อเป็นการยืนยันอีกเสียงหนึ่งว่า “ชีวิตจริงนั้นยิ่งกว่าละคร”
ซึ่งกระทู้นี้เราได้รวบรวมเอาประสบการณ์ทั้งในด้านดี และไม่ดีเอาไว้ เปรียบได้กับขยะกองใหญ่ให้ทุกท่านได้ ค้นหา และแยกเอาแต่สิ่งที่ดีๆ หยิบฉวยติดไม้ติดมือออกไปใช้ประโยชน์ หรือเป็นข้อคิดเตือนใจให้กับใครได้บ้าง
เราขออนุญาตถอดล็อกอินที่ใช้ปกติมาโพสต์กระทู้นี้นะคะ เพราะว่าเป็นเรื่องราวที่ไม่ดีและจบลงแล้ว จึงไม่อยากให้มีการขุดคุ้ยข้อมูลส่วนตัวของใคร และเราก็ทราบดีว่าจะต้องมีคำด่ามากมายจากผู้อ่านแน่นอน ซึ่งเราก็พร้อมน้อมรับไว้ค่ะ เพราะในกรณีนี้เราผิดจริง
ย้อนกลับไปเมื่อประมาณ 9ปีก่อน เราย้ายมาอยู่กับพ่อแม่ที่กรุงเทพฯ เพราะสอบติดมหาวิทยาลัยที่นี่ ทำให้เราได้รู้จักกับใครหลายๆคน มีเพื่อนบ้านที่ดี คอยช่วยเหลือเกื้อกูลกันมาตลอด
เราเป็นคนที่ชอบสัตว์มากๆ แต่ที่บ้านไม่ให้เลี้ยง บังเอิญว่าแถวนั้นมีบ้านอยู่หลังหนึ่งที่เขาเลี้ยงแมวไว้2ตัว เราจึงชอบไปเล่นกับแมวที่บ้านหลังนั้นบ่อยๆ ทำให้เราสนิทกับอาน้ำ เจ้าของบ้าน อาน้ำนางอายุน้อยกว่าแม่เราประมาณ5ปี แต่นางก็ยังทำตัวเหมือนวัยรุ่นทำให้เราชอบคุยกับนางไปด้วย
เราจำได้ว่าตั้งแต่เราเรียนอยู่ปี1 จนขึ้นปี5 อาน้ำก็คอยเป็นที่ปรึกษาทุกเรื่องให้เรามาโดยตลอด เราเป็นเด็กที่เรียนดีแต่ค่อนข้างแรง เป็นคนรักสนุก เราสามารถนอนกับผู้ชายที่รู้จักกันเพียงวันเดียว นอนเพียงคืนเดียว แล้วเราก็หายไปจากชีวิตเขาเลย ซึ่งแน่นอนว่าเราก็เอามาเล่าให้นางฟังตลอด
อาน้ำก็เช่นกัน นางแต่งงานมีลูกแล้ว ลูกสาวอาน้ำอายุน้อยกว่าเรา5-6ปี แต่นางก็แอบมีกิ๊กจ้า และนำมาเล่าให้เราฟังบ่อยๆ เราไม่เคยนำเรื่องนางไปเล่าให้ใครฟังเลย ต่างกันตรงที่อาน้ำนางชอบนำเรื่องเราไปเล่าให้คนในหมู่บ้านฟัง
แม่เราเคยเตือนเราบ่อยๆว่าอย่าไปคลุกคลีกับนางมากนัก นางไม่ได้หวังดีกับเราเท่าไหร่หรอก เอาเรื่องเราไปนินทาตลอด แต่เราก็ไม่เคยฟังแม่เลย บอกแม่ตลอดว่าคงไม่ใช่หรอก แม่คิดมากหรือเปล่า
จนเมื่อตอนเราขึ้นปี5 อาจารย์ให้ส่งรูปโครงการผ่านเฟซบุ้ค ซึ่งต้องการยอดไลค์ เราจึงยืมเฟซบุ้คนางมากดไลค์ เราเข้ากล่องข้อความ หาแชทของตัวเองเพื่อที่จะไปหน้าวอลล์ แต่บังเอิญไปกดโดนแชทที่อยู่ข้างๆกัน ตอนนั้นรู้สึกเลือดขึ้นหน้ามากๆ เพราะเราเห็นข้อความที่คุยกันนั้นคือการนินทาเรา เจ้าของแชทนั้นก็ไม่ใช่ใครที่ไหน ก็คนในหมู่บ้านเดียวกันนั่นล่ะ
เรารู้สึกไม่พอใจเป็นอย่างมากเลย เพราะเราคิดว่าการที่ใครคนหนึ่งกล้าเล่าเรื่องที่ไม่ดีของตัวเองให้ใครคนใดคนหนึ่งฟัง นั่นต้องหมายความว่าเราเห็นว่าเขาเป็นมิตร และเราก็ต้องไว้ใจเขามากๆ แล้วทำไมคนที่เราไว้ใจ รู้จักกันมาหลายปี เคยกินด้วยกัน เคยนอนด้วยกัน ช่วยเหลือกันมาตลอด ถึงหักหลังเราด้วยการเอาเรื่องเราไปเล่าให้คนอื่นฟังแบบนี้
หลังจากนั้นเราก็ไม่ได้บอกอาน้ำว่าเรารู้แล้วนะที่นางเอาเรื่องของเราไปนินทา แต่ก็พยายามห่างนางมากขึ้น เล่าเรื่องส่วนตัวให้นางฟังน้อยลง แต่ก็แอบเจ็บใจตัวเองเหมือนกันที่แม่เตือนแล้วไม่ฟัง คิดขึ้นได้ว่า ว่าแล้วว่าทำไมคนในหมู่บ้านถึงมองเราแปลกๆ นี่เขานินทาเรากันนี่เอง แหะๆ พอรู้ว่าเขานินทานี่รู้ตัวขึ้นมาทันทีเลยว่าเขามองแปลก ทั้งที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อนเลย ฮ่าฮ่า
ถามว่าเราโกรธไหม บอกเลยว่าไม่โกรธแต่เกลียด ไม่อยากออกไปสุงสิงด้วยเหมือนที่เคยเป็น พูดด้วยน้อยลง จากที่เมื่อก่อนเคยคุยกันทุกวัน คุยกันได้ทุกเรื่อง แต่เมื่อความไว้ใจมันพังลงแล้ว เราก็ไม่กล้าจะคุยอะไรอีกเลย เดี๋ยวเผลอเล่าอะไรไป ได้กลายเป็นขี้ปากชาวบ้านอีก ยิ่งพวกหัวหงอกๆนี่ยิ่งชอบนักเรื่องคาวๆของคนอื่น
ไม่นานลูกสาวสุดที่รักของอาน้ำก็ท้องจ้า เรียนไม่จบมัธยมซะด้วย แม่เราพูดกับเราเลยว่าดูอาน้ำสิ เวลาเรื่องคนอื่นทำไม่ดีแล้วชอบนินทานัก พอเกิดเรื่องไม่ดีในบ้านตัวเองแล้วหุบปากเงียบกริบ ด่าคนที่เอาเรื่องลูกสาวตัวเองไปพูดโดยไม่สำเหนียกบ้างเลยว่าตัวเองก็ชอบนินทาลูกคนอื่นเขา เคยนินทาว่าคนอย่างเราคงท้องก่อนเรียนจบด้วยนะ แต่ดันมาโดนกับลูกสาวตัวเองซะงั้น (แอบสะกิดแม่เบาๆ หยุดแม่หยุด เดี๋ยวเข้าลูกตัวเองนะ ฮ่าฮ่า)
พอลูกนางไปอยู่บ้านผัว อาน้ำนางก็คงเหงาปาก จะไปคุยกับคนในหมู่บ้านก็คงนึกอายเรื่องลูกตัวเอง ก็เลยหันกลับมาสนิทกับเราอีกครั้ง โดยปกติเราก็ไม่ค่อยจะโกรธใครซักเท่าไหร่ แอบถือคติใครดีมาก็ดีตอบ ใครร้ายมาก็จะดีตอบ แต่ถ้าร้ายมากๆก็ไม่ยุ่งด้วย อะไรประมาณนั้น
พอเห็นอาน้ำนางน่าสงสาร ดูโดดเดี่ยวเดียวดายไม่มีใคร เราก็เลยใจอ่อน กลับไปสนิทกับนางอีกครั้ง แต่ก็ระวังตัวเอง ไม่เล่าเรื่องที่มันไม่โอเคให้นางฟังมากนัก ต่างกับนางที่ตอนนี้แม้จะมีสามีเป็นตัวเป็นตนอยู่ที่บ้านแต่ก็แอบไปกินตับกับกิ๊กข้างนอก ฝรั่งเอย คนที่ทำงานด้วยกันเอย ชีวิตดี๊เด ผัวทำงานหามรุ่งหามค่ำแต่เมียก็หามรุ่งหามค่ำเหมือนกัน แต่ทำอย่างอื่นอ่ะนะ
ก็ต้องยอมรับอย่างหนึ่งว่ากลับมาสนิทกันแต่ก็ไม่ได้สนิทใจเหมือนเมื่อก่อน ก็ต้องมีแค้นในใจบ้างนั่นล่ะเนาะคนเรา สันดานดิบข้างในก็อยากจะเอาคืน แต่ก็ไม่รู้จะทำวิธีไหนที่นิ่งๆ แล้วนางเจ็บลึกๆ จึงปั้นหน้ายิ้มใส่กันโดยที่มือที่ซ่อนอยู่ข้างหลังนั้นเราถือมีดไว้แทงนางตลอดเวลา
ชีวิตจริงยิ่งกว่านิยาย เพื่อนที่ไว้ใจกับผู้ชายคนเดียวกัน
ประกอบกับเมื่อเย็นวานเปิดไปเจอหนังจีนทางช่อง mono29 ซึ่งมีเนื้อหาใกล้เคียงกัน ทำให้เรานึกถึงเรื่องของตัวเองที่เกิดขึ้นเมื่อหลายปีก่อน จึงได้ตัดสินใจนำเรื่องราวเหล่านั้นมาบอกเล่าผ่านตัวอักษร เพื่อเป็นการยืนยันอีกเสียงหนึ่งว่า “ชีวิตจริงนั้นยิ่งกว่าละคร”
ซึ่งกระทู้นี้เราได้รวบรวมเอาประสบการณ์ทั้งในด้านดี และไม่ดีเอาไว้ เปรียบได้กับขยะกองใหญ่ให้ทุกท่านได้ ค้นหา และแยกเอาแต่สิ่งที่ดีๆ หยิบฉวยติดไม้ติดมือออกไปใช้ประโยชน์ หรือเป็นข้อคิดเตือนใจให้กับใครได้บ้าง
เราขออนุญาตถอดล็อกอินที่ใช้ปกติมาโพสต์กระทู้นี้นะคะ เพราะว่าเป็นเรื่องราวที่ไม่ดีและจบลงแล้ว จึงไม่อยากให้มีการขุดคุ้ยข้อมูลส่วนตัวของใคร และเราก็ทราบดีว่าจะต้องมีคำด่ามากมายจากผู้อ่านแน่นอน ซึ่งเราก็พร้อมน้อมรับไว้ค่ะ เพราะในกรณีนี้เราผิดจริง
ย้อนกลับไปเมื่อประมาณ 9ปีก่อน เราย้ายมาอยู่กับพ่อแม่ที่กรุงเทพฯ เพราะสอบติดมหาวิทยาลัยที่นี่ ทำให้เราได้รู้จักกับใครหลายๆคน มีเพื่อนบ้านที่ดี คอยช่วยเหลือเกื้อกูลกันมาตลอด
เราเป็นคนที่ชอบสัตว์มากๆ แต่ที่บ้านไม่ให้เลี้ยง บังเอิญว่าแถวนั้นมีบ้านอยู่หลังหนึ่งที่เขาเลี้ยงแมวไว้2ตัว เราจึงชอบไปเล่นกับแมวที่บ้านหลังนั้นบ่อยๆ ทำให้เราสนิทกับอาน้ำ เจ้าของบ้าน อาน้ำนางอายุน้อยกว่าแม่เราประมาณ5ปี แต่นางก็ยังทำตัวเหมือนวัยรุ่นทำให้เราชอบคุยกับนางไปด้วย
เราจำได้ว่าตั้งแต่เราเรียนอยู่ปี1 จนขึ้นปี5 อาน้ำก็คอยเป็นที่ปรึกษาทุกเรื่องให้เรามาโดยตลอด เราเป็นเด็กที่เรียนดีแต่ค่อนข้างแรง เป็นคนรักสนุก เราสามารถนอนกับผู้ชายที่รู้จักกันเพียงวันเดียว นอนเพียงคืนเดียว แล้วเราก็หายไปจากชีวิตเขาเลย ซึ่งแน่นอนว่าเราก็เอามาเล่าให้นางฟังตลอด
อาน้ำก็เช่นกัน นางแต่งงานมีลูกแล้ว ลูกสาวอาน้ำอายุน้อยกว่าเรา5-6ปี แต่นางก็แอบมีกิ๊กจ้า และนำมาเล่าให้เราฟังบ่อยๆ เราไม่เคยนำเรื่องนางไปเล่าให้ใครฟังเลย ต่างกันตรงที่อาน้ำนางชอบนำเรื่องเราไปเล่าให้คนในหมู่บ้านฟัง
แม่เราเคยเตือนเราบ่อยๆว่าอย่าไปคลุกคลีกับนางมากนัก นางไม่ได้หวังดีกับเราเท่าไหร่หรอก เอาเรื่องเราไปนินทาตลอด แต่เราก็ไม่เคยฟังแม่เลย บอกแม่ตลอดว่าคงไม่ใช่หรอก แม่คิดมากหรือเปล่า
จนเมื่อตอนเราขึ้นปี5 อาจารย์ให้ส่งรูปโครงการผ่านเฟซบุ้ค ซึ่งต้องการยอดไลค์ เราจึงยืมเฟซบุ้คนางมากดไลค์ เราเข้ากล่องข้อความ หาแชทของตัวเองเพื่อที่จะไปหน้าวอลล์ แต่บังเอิญไปกดโดนแชทที่อยู่ข้างๆกัน ตอนนั้นรู้สึกเลือดขึ้นหน้ามากๆ เพราะเราเห็นข้อความที่คุยกันนั้นคือการนินทาเรา เจ้าของแชทนั้นก็ไม่ใช่ใครที่ไหน ก็คนในหมู่บ้านเดียวกันนั่นล่ะ
เรารู้สึกไม่พอใจเป็นอย่างมากเลย เพราะเราคิดว่าการที่ใครคนหนึ่งกล้าเล่าเรื่องที่ไม่ดีของตัวเองให้ใครคนใดคนหนึ่งฟัง นั่นต้องหมายความว่าเราเห็นว่าเขาเป็นมิตร และเราก็ต้องไว้ใจเขามากๆ แล้วทำไมคนที่เราไว้ใจ รู้จักกันมาหลายปี เคยกินด้วยกัน เคยนอนด้วยกัน ช่วยเหลือกันมาตลอด ถึงหักหลังเราด้วยการเอาเรื่องเราไปเล่าให้คนอื่นฟังแบบนี้
หลังจากนั้นเราก็ไม่ได้บอกอาน้ำว่าเรารู้แล้วนะที่นางเอาเรื่องของเราไปนินทา แต่ก็พยายามห่างนางมากขึ้น เล่าเรื่องส่วนตัวให้นางฟังน้อยลง แต่ก็แอบเจ็บใจตัวเองเหมือนกันที่แม่เตือนแล้วไม่ฟัง คิดขึ้นได้ว่า ว่าแล้วว่าทำไมคนในหมู่บ้านถึงมองเราแปลกๆ นี่เขานินทาเรากันนี่เอง แหะๆ พอรู้ว่าเขานินทานี่รู้ตัวขึ้นมาทันทีเลยว่าเขามองแปลก ทั้งที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อนเลย ฮ่าฮ่า
ถามว่าเราโกรธไหม บอกเลยว่าไม่โกรธแต่เกลียด ไม่อยากออกไปสุงสิงด้วยเหมือนที่เคยเป็น พูดด้วยน้อยลง จากที่เมื่อก่อนเคยคุยกันทุกวัน คุยกันได้ทุกเรื่อง แต่เมื่อความไว้ใจมันพังลงแล้ว เราก็ไม่กล้าจะคุยอะไรอีกเลย เดี๋ยวเผลอเล่าอะไรไป ได้กลายเป็นขี้ปากชาวบ้านอีก ยิ่งพวกหัวหงอกๆนี่ยิ่งชอบนักเรื่องคาวๆของคนอื่น
ไม่นานลูกสาวสุดที่รักของอาน้ำก็ท้องจ้า เรียนไม่จบมัธยมซะด้วย แม่เราพูดกับเราเลยว่าดูอาน้ำสิ เวลาเรื่องคนอื่นทำไม่ดีแล้วชอบนินทานัก พอเกิดเรื่องไม่ดีในบ้านตัวเองแล้วหุบปากเงียบกริบ ด่าคนที่เอาเรื่องลูกสาวตัวเองไปพูดโดยไม่สำเหนียกบ้างเลยว่าตัวเองก็ชอบนินทาลูกคนอื่นเขา เคยนินทาว่าคนอย่างเราคงท้องก่อนเรียนจบด้วยนะ แต่ดันมาโดนกับลูกสาวตัวเองซะงั้น (แอบสะกิดแม่เบาๆ หยุดแม่หยุด เดี๋ยวเข้าลูกตัวเองนะ ฮ่าฮ่า)
พอลูกนางไปอยู่บ้านผัว อาน้ำนางก็คงเหงาปาก จะไปคุยกับคนในหมู่บ้านก็คงนึกอายเรื่องลูกตัวเอง ก็เลยหันกลับมาสนิทกับเราอีกครั้ง โดยปกติเราก็ไม่ค่อยจะโกรธใครซักเท่าไหร่ แอบถือคติใครดีมาก็ดีตอบ ใครร้ายมาก็จะดีตอบ แต่ถ้าร้ายมากๆก็ไม่ยุ่งด้วย อะไรประมาณนั้น
พอเห็นอาน้ำนางน่าสงสาร ดูโดดเดี่ยวเดียวดายไม่มีใคร เราก็เลยใจอ่อน กลับไปสนิทกับนางอีกครั้ง แต่ก็ระวังตัวเอง ไม่เล่าเรื่องที่มันไม่โอเคให้นางฟังมากนัก ต่างกับนางที่ตอนนี้แม้จะมีสามีเป็นตัวเป็นตนอยู่ที่บ้านแต่ก็แอบไปกินตับกับกิ๊กข้างนอก ฝรั่งเอย คนที่ทำงานด้วยกันเอย ชีวิตดี๊เด ผัวทำงานหามรุ่งหามค่ำแต่เมียก็หามรุ่งหามค่ำเหมือนกัน แต่ทำอย่างอื่นอ่ะนะ
ก็ต้องยอมรับอย่างหนึ่งว่ากลับมาสนิทกันแต่ก็ไม่ได้สนิทใจเหมือนเมื่อก่อน ก็ต้องมีแค้นในใจบ้างนั่นล่ะเนาะคนเรา สันดานดิบข้างในก็อยากจะเอาคืน แต่ก็ไม่รู้จะทำวิธีไหนที่นิ่งๆ แล้วนางเจ็บลึกๆ จึงปั้นหน้ายิ้มใส่กันโดยที่มือที่ซ่อนอยู่ข้างหลังนั้นเราถือมีดไว้แทงนางตลอดเวลา