เซย์ไห้ค่ะ.... วันนี้มาพบกับ น้องหน่อยรีวิวกันน้าาาา
หลังจากที่ห่างหายไป อิอิ แล้ววันนี้ด้วยความที่อยาก รีวิว แน่นอนเราจะพาย้อนนนนนนนนนไปตั้งแต่ก่อนเริ่มทำใดๆทั้งสิ้นทุกสิ่งอย่าง กว่าจะมาถึงวันนี้ได้ เหน๊อยยยยยเหนื่อย ถึงจะยังไม่สุด แต่ก็คงเรียกว่าเดินมาไกล… อ้ะเริ่ม !!! ต้องยอมรับนะค่ะว่าในปัจจุบันคนเรามองเราด้วยรูปร่างหน้าตารูปลักษณ์ ภายนอกกันก่อน นิสัยทั้งนั้น ในเมื่อคนเราเลือกเกิดไม่ได้ ถ้าเลือกได้ ทุกคนก็คงอยากจะสวยหล่อ จริงมั๊ย ? แต่คนเราเลือกที่จะพัฒนาตัวเองได้ จึงเป็นที่มาของสิ่งเหล่านี้
เชื่อหรือยังว่าคนเราสามารถเปลี่ยนแปลงตัวเองกันได้ แค่ เราพยายามและตั้งใจ
Before/After
Before/After
เนื่องจากที่บ้านเลี้ยงดี ให้กินดีอยู่ดีไปหน่อย ไม่หน่อยมั้งค่ะ 5555 ตัวเลยบวมเป็นเช่นนี้ แต่ต้องบอกว่า ชีวิตนี้ไม่เคยสัมผัสได้กับคำว่าผอมที่แท้จริงเลย พอเราเริ่มโตขึ้นมาเรื่อยๆ ช่วงวัยรุ่น ช่วงนั้น เริ่มมีอาหารเสริมกำลังบูมมม แต่เราเป็นคนที่กินยายากมาก ทำยังไงก็กินไม่ได้ แต่ตอนนั้นมีพี่คนรู้จัก เอา แอลคาร์นิทีน พลัส ที่เป็นอาหารเสริม มาแนะนำด้วยความที่เริ่มอยากสวยแล้ว ก็จัดเลยย ตอนนั้นก็ลดลงจริงๆ !! แต่เราก็เริ่มออกกำลังกายนะ แต่ออกได้ประมาณ สองอาทิตย์ไรงี้ คงจะผอม !! ชีวิตเด็กอ้วนก็เริ่มมาถึงช่วง ม.ปลาย วัยฮอร์โมนพุ่งพล่าน
ช่วง ม.4 ด้วยความที่อยากมีแฟน เห็นเพื่อนมีก็อยากบ้าง 5555 เลยหายาทุกวิถีท่ง ยาตัวไหนดี ตัวไหนดัง ครีมอาบน้ำลดไขมัน ครีมนวดลดเซลลูไลท์ นานาจิตตัง หมดเป็นหมื่นแต่สุดท้ายก็ไม่ผอม แต่ตอนนั้นไม่เคยมองหาออกกำลังกายเลย เลยคิดว่า ช่วงปิดเทอมใหญ่พอ ดี เปิดเทอมมา ฉันต้องสวย !! เราจึงเลือกวิธี อดอาหาร สองวันกินหนึ่งมื้อ ซึ่งใช้เวลาเดือนครึ่ง ลดไปประมาณ 18 กิโลกรัม ซึ่งเร็วมาก แต่ยอมรับว่ามันเป็นอะไรที่ทรมาน สังขาล ตัวเองมากมาย พอเริ่มรู้ตัวว่าผอม เราก็ชล่าใจ ผอมแล้วหนิ ก็กินๆๆๆๆ ไม่มีอะไรหยุดยั้งได้ ผอมได้ไม่นาน มา ม.6 เท่านั้นแหละ กลับมาเป็นคางคกเช่นเดิน แต่ตอนั้นก็กินยามาเรื่อยๆโดยรวมถ้าเดาๆ นับๆ ก็คงเป็นร้อยยี่ห้อง โยย่งโยโย่ เอฟเฟค อะไรนี่คือไม่มีพลาด !!
จากรูปช่วงประมาณ ม.6 คางคกชัดๆ !!
ช่วง ม.ต้น-ม.ปลาย พีคขึ้น แล้วมาลด แล้วมาชึ้นใหม่ งงไปหมด ห่ะ
มหาลัย* ใสๆวัยรุ่นชอบ (ชอบกินหมูกระทะ)
ตัวเองเกิดมาเป็นคนอ้วนตั้งแต่เด็กเพราะกินเยอะมากจริงๆ จำความได้ว่าตั้งแต่อยู่ชั้น ป.4 น้ำหนักประมาณ 63 และก็ขึ้นแบบไม่มีท่าทีจะปราณีร่างกันเลยทีเดียว แต่ก็เคยลดสำเร็จมาแล้วตอนม.ปลาย ครั้งนึวแต่ตอนนั้นลดด้วยวิธัที่เรียกว่าแบบ ไม่โอเค และทรมานมาก คือ ไม่ได้ใช้การออกกำลังกายเลย แต่เลือกใช้วิธี อดอาหาร แต่อดอาหารแบบ ในเวลาสองวัน กินแค่มื้อเที่ยงของวันทั่สอง ง่ายๆก็คือ สองวันกินมื้อเดียว ทำให้ตอนนั้นระยะเวลาเดือนครึ่งลดไปเกือบ ยี่สิบกิโล เพื่อนทัก เป็นเอดส์หรอ ? 555 เล่นยาหรอ 5555 แต่ด้วยตอนนั้นเป็นช่วงปิดเทอมใหญ่หัวใจว้าวุ่น กระตุ่นรัก ไงค่ะ เลยเอาแต่นอนอยู่บนเตียง ทั้งวันไม่กินอะไรเลย แต่พอเราน้ำหนักลงมาแล้วเราก็ ปล่อยตัวแบบเอ๊ะชั้นผอมนะจนมันก็ขึ้นมาเรื่อยๆๆๆๆๆๆๆๆ จนแตะ 70 แตะ 80 เฉียด 90 ตอนขึ้นมหาลัยอีกที แต่ลืมบอกทุกคนไปว่า น้องพึ่งยาลดน้ำหนัก กับ อาหารเสริมมาตั้งแต่ประมาณช่วง ม.2 และกินมาเรื่อยๆ นับนี่ห้อไม่ได้คงเป็นร้อยอะค่ะ (ขออณุญาติแทนตัวเองว่าน้องนะค่ะ ) อันนี้คือการท้าวความ 5555 เอาเป็นว่า เราก็บวมมาเรื่อยๆบวกกับโยโย่ ด้วย จนมาถึงประมาณ สามเดือนที่แล้ว เราไปชั่งน้ำหนักอ้าว 85 คือตกใจ
1. เวลาเราส่องกระจกตัวเราเราก็บอกตัวเองทุกวันนะค่ะว่าเราก็เหมือนเดิม สวย เหมือนเดิม
2.ช่วงนั้นมีการเข้าทำกิจกรรมของมหาลัย ซึ่งมีการวอร์ม และเสียเหงื่อ แต่ไม่มากมายเราก็หลอกตัวเองว่า ชั้นเหนื่อยนะกินได้ กว่าจะเลิกกิจกรรมของมหาลัยเสร็จก็ ประมาณ สี่ทุ่มถึงห้าทุ่มแล้ว ออกมาจากมหาลัยก็จัด ข้าวมันไก่ หน้าโลตัส น้ำตกข้าวเหนียวบ้าง อุปส์ ไม่ขึ้นได้ไง
สำคัญมากคือชอบหลอกตัวเองอยู่ทุกวัน เพราะเวลาเราถ่ายรูปตัวเองในมือถือของเรา เรามักถ่ายแค่หน้าหรือเวลาให้เพื่อนถ่ายให้ก็เวลาเรา แอค ท่าสวยๆบีบตัว หันมุมนั่นนี่ ที่ดูผอมที่สุด ภาพที่ออกจากมือถือเรา จึงไม่ต่างกับตอนผอมเท่าไรมั้ง 5555 ถ่ายหน้าตัวเองมาก็เอีะ ก็สวยเหมือนเดิม นี่นาาา ไอเราเองก็ทำหน้ามาทั้งหน้าแล้วด้วย ต้องสวยสิ แต่มีวันนึงเราได้ไปดูรูปกิจกรรม ของมหาลัย ที่เพื่อนถ่ายจากกล้องโปร แล้วทำให้รู้สึกว่า นี่กูอุปโหลกมานานขนาดไหนแล้ว ไม่ต้องสงสัยว่าทำไมหาผัวไม่ได้สักที ตอบดจทย์ทุกสิ่งอย่าง ทั้งกล้องความจริง ทั้งมุมเผลอ ตายนะค่ะ
ยอมรับเลยว่ามีความคิดแบบนี้ตลอดว่า หน้ามาก่อนหุ่นเสมอ ด้วยความที่ตัวเราทำหน้ามาทั้งหน้าแล้ว ตา จมูก คาง ปาก เป็นความคิดของคนทำหน้ามาทั้งหน้า อะไรประมาณน้นว่า ยังไงหน้ากูก็สวย โอเคอะ แต่พอมาเจอรูปคือ พักก่อนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนน เราปล่อยตัวๆๆๆๆๆๆๆ บางคนอาจจะถามเอ๊ะทำไมตอนแต่งหญิงดูผอมไรงี้ แหมมมคุณพี่ ผ่านกล้องมือถือผ่านแอป มีอะไรที่เป็นไปไม่ได้บ้างค่ะ 555จากนั้นก็กินๆๆๆๆไม่ยั้ง ทั้งชีวิตที่ผ่านมา ทำทุกวิถีทางเพื่อจะผอม กินยา ทาครีม เซรั่ม ครีมอาบน้ำ ทำมาโหม้ดดดด ลดๆเพิ่มๆ ยกเว้น การออกกำลังกาย หลอกตัวเองมาทุกวัน ทั้งกล่องมือถือเอยทั้งนิสัยขี้มโนเอย จนมาเจอรูปจากกล้องโปร เป็นเช่นนี้ (ก่อนหน้านี้ประมาณ 5-6 เดือน)
อุ๊ต้ะ นี่ด้านหลังนะ ในใจตอนนั้นคือ ทำไมตุ๊ดยักษ์ขนาดนี้
ตุ๊ดยักษ์
เห็นภาพพวกนี้แล้วตี้ขี้มโนอย่างเรา เหมือนดึงตัวเองกลับมาสู้โลกแห่งความจริงว่า ถ้าปล่อยตัวแบบนี้ ต้องหาผัวไม่ได้ไปตลอดชีวิตแน่ๆ หลังจากนั้นอีกสองสามวัน ฝืนตัวเองไปวิ่งในมหาลัย คิดในใจไม่กี่อย่าง นี่จ่ายค่าเทอมมาตั้งแพงแล้วใช้สถานที่ในมหาลัยให้คุ้มหน่อย ทำเพื่อตัวเองๆ เพื่อสวยๆ บลาๆๆ 555 เราหาแรงบรรดาลใจนะก่อนที่เราจะไปวิ่ง หารูปผู้ชายในไอจี ดารา หรือคนที่เราชอบๆ อยากได้เป็นแฟน เค้าหน้าตาดี๊ดีอะ ถ้าเราอยากได้แฟนหน้าตาระดับเค้า หรือถ้าเราอยากจะดุดีแบบเค้า เราก็ต้องลดด่วนนะอีหน่อยๆๆๆๆ ทำทั้งหน้าถ้าไม่ผอมก็ดับวูบนะเว้ย 555 บอกตัวเองแบบนั้น
เริ่มแรกเราเริ่มวิ่งจาก หน้ามหาลัยไปหลังมหาลัยและวิ่งกลับ และโหลดแอพจับระยะทางมาใช้ คือแอพ Runkeeper
จากหน้าม. ไปหลังม. ได้ระยะทางประมาณ 3 กิโล แต่เราว่ามันน้อยไปวันพรุ่งนี้ต้องเพิ่มระยะทาง ในอาทิตย์แรก เราวิ่งไล่กิโลเมตร จาก 3 เป็น 4 เป็น 5 เป็น 6 เป็น 7 เป็น 8 เป็น 9 เป็น 10 ทุกวัน วิ่งทุกวันวิ่งให้มันผอม ท่องไว้แค่นี้ เรากลัวตัวเองจะขี้เกียจ มากๆ เราต้องตั้งนาฬิกาเตือนไว้ตลอดว่าถึงเวลาวิ่งแล้ว เราคงตัวที่ระยะ 6-10 กิโลเมตร ต่อวันตั้งแต่อาทิตย์ที่สองเป็นต้นมา จนถึงทุกวันนี้ หลายคนบอกว่าเราวิ่งหนักมาก บ้ามาก แต่เราก็บอกถ้าไม่ทำเมื่อไรจะสวย การออกกำลังกายไม่เคยให้ผลเสียใคร เอ๊ะบางคนต้อง งง ว่าวิ่งยังไงให้ 10 กิโล ก็วิ่งหน้ามหาลัยมาท้ายมหาลัย เจอที่จอดรถ สนามบาส สนามบอล สนามไรก็ได้ ก็วิ่งให้หมด วิ่งให้มันถึงระดับที่เราตั้งเอาไว้
จากแอพ Runkeeper
Runkeeper
คิดว่าทุกคนคงได้เห็นความแตกต่าง ความเปลี่ยนแปลงนะค่ะ ในระยะเวลาไม่นาน เราว่ามันเร็วนะ ถึงตอนนี้ก็ไม่ได้ผอมขนาดนั้น แต่ก็ผอมลงเยอะ สิ่งที่ได้รับกลับมีแต่สิ่งดีๆ ดูดีขึ้นเยอะ น่ารักขึ้น ตัวเราเองก็มีความมั้นใจขึ้น ตอนนี้รู้แล้วว่า ทั้งหน้าตาและรูปร่างมันต้องพึ่งพาอาศัยกัน ต้องทำให้มันพอดีๆกัน ถ้าหน้าเล็ก แต่ตัวใหญ่เป็นยักษ์ ก็ไม่โอเค ตัวผอมแต่หน้าแย่ก็ไม่โอเค ชิมิค่ะ น้องหน่อยขอเป็นอีกกำลังใจหนึ่งสำหรับคนที่กำลังมองหา แรงบรรดาลใจอยู่ ว่าถ้าเราพยายาม ท่องไว้ทุกวันว่าต้องสวยๆ ไม่นานเราก็ต้องสวยสิค่ะ 555555 อีกอย่างอยากบอกว่าในระยะเวลานี้ เราแทบไม่ต้องควบคุมเรื่องอาหารเลย อาจจะมีแป้งน้อยลง ของทอดบ้างๆ แต่น้ำอัดลม น้ำหมานน้ำผลไม้ คือแทบไม่มีการแตะต้องเลย และจะทำแบบนี้ไปเรื่อยๆจนถึงเป้าหมาย อยากลดอีกสิบกิโล และจะควบคุมไม่ให้กลับมาเหมือนเดิมด้วย เพราะ เตือนตัวเองว่า รู้ไว้ว่ามันเหนื่อยขนาดไหน สู้ๆนะค่ะทุกคน ^^
และแล้ววววววววววววววววว ก็มาถึงส่วนของ หนังหน้าบ้าง นะฮะ !!!
การทำศัลยกรรมได้เริ่มมาในช่วง ชีวิตม.ปลาย เรื่อง ศัลยกรรม !! ยอมรับจากที่ไกลตัว ก(เริ่มหันมาสนใจ เริ่มหารีวิวจากคนอื่นๆ จากที่อื่นๆ ตอนนั้นคิดว่า ได้ดั้ง มาก็คงสวยแล้ววว !!
1.จมูกแรกไม่ไกลที่ไหนพึ่งจบม.6 ขุ่นนแม่ก็พามาฟาดดั้งที่ คุณหมอบุญถิ่น ด้วยราคาสุดฮิต 5000 บาท ตอนนั้นยอมรับว่าไม่ได้ศึกษาอะไรมากมาย ด้วยงบไม่มาก แล้วช่วงนั้นการทำจมูก หรือศัลยกรรมยังไม่เป็นที่ยอมรับเท่าตอนนี้นะค่ะ ขุ่นแม่ก็ไม่ค่อยสนับสนุนแต่ก็พาไป
2.ได้ไปเจอการตัดปีกจมูก ว่า ถ้าเราทำ จมูกเราก็จะเล็กลง โด่งขึ้นอีกนึงนึงด้วย น้องก็เลยไม่รอช้า ดูจากคนที่ทำๆกันมา บวกกับราคา
ตัดปีกจมูก กับ หมอนก แห่ง สมชายคลีนิค ห้วยขวาง 5000 บาท (ราคา ณ ตอนนั้น)
3.ต่อมา เอ๊ะ ว่างๆ ทำตาดีกว่า หมอ จำนงค์ รังสิตคลอง 2 10000บาท (ราคา ณ ตอนนั้น)
เป็นงานนาน งานละเอียดมากค่ะ เพื่อความสวย ยอมรับว่าทำตา เป็นอะไรที่นานและทรมานมาก เพราะ ไม่สบายเหมือนทำจมูก คุณหมอทำไปด้วยและขะให้เรา หลับตาลืมตาไปด้วย
4.ตอนนั้นดูรีวิวอะไรไปเรื่อยเปื่อยเจอโปรโมชั่น สักคิ้ว 3 มิติ ราคาเบาๆ แค่ 1500 เลยไม่รอช้า โทรไปจองคิว กับที่ร้าน "คิ้ว 3 มิติ บายเคทโคเรีย" ตัวเองเป็นคนมีคิ้วคิ้วดกอยู่แล้วแต่พอเห็นราคานี้ยอมรับว่า จ่ายเลยค่ะ
5.จมูกเรา ธรรมชาติไป เราก้อ เอาอีกแระ ดูรีวิวแก้จมูก คราวนี้ต้องศึกษาดีๆ รูปทรงสวยๆ จะไม่มีการแก้อะไรหลายรอบที่จมูกอีกแน่นอน ดูหลายหมอมาก เพราะราคาแก้แต่ละที่สูงๆทั้งนั้น ช่วงนั้นก็มีหลายหมอที่ฮอตๆ จนเรามาเจอของ "วีคูณคลีนืค" แก้ จมูกรอบ 2 ที่ "วีคูณคลีนืค" ราคา 14000 (ณ ตอนนั้น)
6.ต่อมาาาาาาาา ยังไม่โหม้ดดดดดดดดด ด้วยความที่เป็นคนหน้ากลมเลยจัดคางซะเลยย เจอราคาโปรโมชั่นของ"i-face " คล่ีนิค ราคา "9000 บาทถ้วน" (ราคาโปรโมชั่นตอนนั้น)
7.อย่างสุดท้ายยยย ของการศัลยกรรมแล้วนั่นก็คือ ปากกระจับ !!!
ทำปากที่ " เอลิแกนซ์ คลีนิค " มีตัดโปรโมชั่น ศัลยกรรม 4000 บาท (บนล่าง ราคาโปรโมชั่น ณ ตอนนั้น)
7 อย่างถ้วนนน !!!!!
หลังทรานฟอเมอร์
ยินดีให้คำปรึกษา และขอเป็นกำลังใจให้คนที่กำลังอยากมีแรงบันดาลใจเพราะคนเราไม่ได้มีต้นทุนที่ดีหรือดีมรตั้งแต่เกิดแต่คนเราสามารถจะพัฒนาตัวเองได้ Facebook : Miicky M. Miicky
ปล.เร็วๆนี้จะรีบทำรีวิวความแซ่บให้เพื่อนได้ชมกันอีกแน่นอน กราบ 🙏
[CR] กว่าจะสวยยยยยยยยยยยยย !!! (ลดความอ้วน ทำศัลยกรรม)
หลังจากที่ห่างหายไป อิอิ แล้ววันนี้ด้วยความที่อยาก รีวิว แน่นอนเราจะพาย้อนนนนนนนนนไปตั้งแต่ก่อนเริ่มทำใดๆทั้งสิ้นทุกสิ่งอย่าง กว่าจะมาถึงวันนี้ได้ เหน๊อยยยยยเหนื่อย ถึงจะยังไม่สุด แต่ก็คงเรียกว่าเดินมาไกล… อ้ะเริ่ม !!! ต้องยอมรับนะค่ะว่าในปัจจุบันคนเรามองเราด้วยรูปร่างหน้าตารูปลักษณ์ ภายนอกกันก่อน นิสัยทั้งนั้น ในเมื่อคนเราเลือกเกิดไม่ได้ ถ้าเลือกได้ ทุกคนก็คงอยากจะสวยหล่อ จริงมั๊ย ? แต่คนเราเลือกที่จะพัฒนาตัวเองได้ จึงเป็นที่มาของสิ่งเหล่านี้
เชื่อหรือยังว่าคนเราสามารถเปลี่ยนแปลงตัวเองกันได้ แค่ เราพยายามและตั้งใจ
Before/After
Before/After
เนื่องจากที่บ้านเลี้ยงดี ให้กินดีอยู่ดีไปหน่อย ไม่หน่อยมั้งค่ะ 5555 ตัวเลยบวมเป็นเช่นนี้ แต่ต้องบอกว่า ชีวิตนี้ไม่เคยสัมผัสได้กับคำว่าผอมที่แท้จริงเลย พอเราเริ่มโตขึ้นมาเรื่อยๆ ช่วงวัยรุ่น ช่วงนั้น เริ่มมีอาหารเสริมกำลังบูมมม แต่เราเป็นคนที่กินยายากมาก ทำยังไงก็กินไม่ได้ แต่ตอนนั้นมีพี่คนรู้จัก เอา แอลคาร์นิทีน พลัส ที่เป็นอาหารเสริม มาแนะนำด้วยความที่เริ่มอยากสวยแล้ว ก็จัดเลยย ตอนนั้นก็ลดลงจริงๆ !! แต่เราก็เริ่มออกกำลังกายนะ แต่ออกได้ประมาณ สองอาทิตย์ไรงี้ คงจะผอม !! ชีวิตเด็กอ้วนก็เริ่มมาถึงช่วง ม.ปลาย วัยฮอร์โมนพุ่งพล่าน
ช่วง ม.4 ด้วยความที่อยากมีแฟน เห็นเพื่อนมีก็อยากบ้าง 5555 เลยหายาทุกวิถีท่ง ยาตัวไหนดี ตัวไหนดัง ครีมอาบน้ำลดไขมัน ครีมนวดลดเซลลูไลท์ นานาจิตตัง หมดเป็นหมื่นแต่สุดท้ายก็ไม่ผอม แต่ตอนนั้นไม่เคยมองหาออกกำลังกายเลย เลยคิดว่า ช่วงปิดเทอมใหญ่พอ ดี เปิดเทอมมา ฉันต้องสวย !! เราจึงเลือกวิธี อดอาหาร สองวันกินหนึ่งมื้อ ซึ่งใช้เวลาเดือนครึ่ง ลดไปประมาณ 18 กิโลกรัม ซึ่งเร็วมาก แต่ยอมรับว่ามันเป็นอะไรที่ทรมาน สังขาล ตัวเองมากมาย พอเริ่มรู้ตัวว่าผอม เราก็ชล่าใจ ผอมแล้วหนิ ก็กินๆๆๆๆ ไม่มีอะไรหยุดยั้งได้ ผอมได้ไม่นาน มา ม.6 เท่านั้นแหละ กลับมาเป็นคางคกเช่นเดิน แต่ตอนั้นก็กินยามาเรื่อยๆโดยรวมถ้าเดาๆ นับๆ ก็คงเป็นร้อยยี่ห้อง โยย่งโยโย่ เอฟเฟค อะไรนี่คือไม่มีพลาด !!
จากรูปช่วงประมาณ ม.6 คางคกชัดๆ !!
ช่วง ม.ต้น-ม.ปลาย พีคขึ้น แล้วมาลด แล้วมาชึ้นใหม่ งงไปหมด ห่ะ
มหาลัย* ใสๆวัยรุ่นชอบ (ชอบกินหมูกระทะ)
ตัวเองเกิดมาเป็นคนอ้วนตั้งแต่เด็กเพราะกินเยอะมากจริงๆ จำความได้ว่าตั้งแต่อยู่ชั้น ป.4 น้ำหนักประมาณ 63 และก็ขึ้นแบบไม่มีท่าทีจะปราณีร่างกันเลยทีเดียว แต่ก็เคยลดสำเร็จมาแล้วตอนม.ปลาย ครั้งนึวแต่ตอนนั้นลดด้วยวิธัที่เรียกว่าแบบ ไม่โอเค และทรมานมาก คือ ไม่ได้ใช้การออกกำลังกายเลย แต่เลือกใช้วิธี อดอาหาร แต่อดอาหารแบบ ในเวลาสองวัน กินแค่มื้อเที่ยงของวันทั่สอง ง่ายๆก็คือ สองวันกินมื้อเดียว ทำให้ตอนนั้นระยะเวลาเดือนครึ่งลดไปเกือบ ยี่สิบกิโล เพื่อนทัก เป็นเอดส์หรอ ? 555 เล่นยาหรอ 5555 แต่ด้วยตอนนั้นเป็นช่วงปิดเทอมใหญ่หัวใจว้าวุ่น กระตุ่นรัก ไงค่ะ เลยเอาแต่นอนอยู่บนเตียง ทั้งวันไม่กินอะไรเลย แต่พอเราน้ำหนักลงมาแล้วเราก็ ปล่อยตัวแบบเอ๊ะชั้นผอมนะจนมันก็ขึ้นมาเรื่อยๆๆๆๆๆๆๆๆ จนแตะ 70 แตะ 80 เฉียด 90 ตอนขึ้นมหาลัยอีกที แต่ลืมบอกทุกคนไปว่า น้องพึ่งยาลดน้ำหนัก กับ อาหารเสริมมาตั้งแต่ประมาณช่วง ม.2 และกินมาเรื่อยๆ นับนี่ห้อไม่ได้คงเป็นร้อยอะค่ะ (ขออณุญาติแทนตัวเองว่าน้องนะค่ะ ) อันนี้คือการท้าวความ 5555 เอาเป็นว่า เราก็บวมมาเรื่อยๆบวกกับโยโย่ ด้วย จนมาถึงประมาณ สามเดือนที่แล้ว เราไปชั่งน้ำหนักอ้าว 85 คือตกใจ
1. เวลาเราส่องกระจกตัวเราเราก็บอกตัวเองทุกวันนะค่ะว่าเราก็เหมือนเดิม สวย เหมือนเดิม
2.ช่วงนั้นมีการเข้าทำกิจกรรมของมหาลัย ซึ่งมีการวอร์ม และเสียเหงื่อ แต่ไม่มากมายเราก็หลอกตัวเองว่า ชั้นเหนื่อยนะกินได้ กว่าจะเลิกกิจกรรมของมหาลัยเสร็จก็ ประมาณ สี่ทุ่มถึงห้าทุ่มแล้ว ออกมาจากมหาลัยก็จัด ข้าวมันไก่ หน้าโลตัส น้ำตกข้าวเหนียวบ้าง อุปส์ ไม่ขึ้นได้ไง
สำคัญมากคือชอบหลอกตัวเองอยู่ทุกวัน เพราะเวลาเราถ่ายรูปตัวเองในมือถือของเรา เรามักถ่ายแค่หน้าหรือเวลาให้เพื่อนถ่ายให้ก็เวลาเรา แอค ท่าสวยๆบีบตัว หันมุมนั่นนี่ ที่ดูผอมที่สุด ภาพที่ออกจากมือถือเรา จึงไม่ต่างกับตอนผอมเท่าไรมั้ง 5555 ถ่ายหน้าตัวเองมาก็เอีะ ก็สวยเหมือนเดิม นี่นาาา ไอเราเองก็ทำหน้ามาทั้งหน้าแล้วด้วย ต้องสวยสิ แต่มีวันนึงเราได้ไปดูรูปกิจกรรม ของมหาลัย ที่เพื่อนถ่ายจากกล้องโปร แล้วทำให้รู้สึกว่า นี่กูอุปโหลกมานานขนาดไหนแล้ว ไม่ต้องสงสัยว่าทำไมหาผัวไม่ได้สักที ตอบดจทย์ทุกสิ่งอย่าง ทั้งกล้องความจริง ทั้งมุมเผลอ ตายนะค่ะ
ยอมรับเลยว่ามีความคิดแบบนี้ตลอดว่า หน้ามาก่อนหุ่นเสมอ ด้วยความที่ตัวเราทำหน้ามาทั้งหน้าแล้ว ตา จมูก คาง ปาก เป็นความคิดของคนทำหน้ามาทั้งหน้า อะไรประมาณน้นว่า ยังไงหน้ากูก็สวย โอเคอะ แต่พอมาเจอรูปคือ พักก่อนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนน เราปล่อยตัวๆๆๆๆๆๆๆ บางคนอาจจะถามเอ๊ะทำไมตอนแต่งหญิงดูผอมไรงี้ แหมมมคุณพี่ ผ่านกล้องมือถือผ่านแอป มีอะไรที่เป็นไปไม่ได้บ้างค่ะ 555จากนั้นก็กินๆๆๆๆไม่ยั้ง ทั้งชีวิตที่ผ่านมา ทำทุกวิถีทางเพื่อจะผอม กินยา ทาครีม เซรั่ม ครีมอาบน้ำ ทำมาโหม้ดดดด ลดๆเพิ่มๆ ยกเว้น การออกกำลังกาย หลอกตัวเองมาทุกวัน ทั้งกล่องมือถือเอยทั้งนิสัยขี้มโนเอย จนมาเจอรูปจากกล้องโปร เป็นเช่นนี้ (ก่อนหน้านี้ประมาณ 5-6 เดือน)
อุ๊ต้ะ นี่ด้านหลังนะ ในใจตอนนั้นคือ ทำไมตุ๊ดยักษ์ขนาดนี้
ตุ๊ดยักษ์
เห็นภาพพวกนี้แล้วตี้ขี้มโนอย่างเรา เหมือนดึงตัวเองกลับมาสู้โลกแห่งความจริงว่า ถ้าปล่อยตัวแบบนี้ ต้องหาผัวไม่ได้ไปตลอดชีวิตแน่ๆ หลังจากนั้นอีกสองสามวัน ฝืนตัวเองไปวิ่งในมหาลัย คิดในใจไม่กี่อย่าง นี่จ่ายค่าเทอมมาตั้งแพงแล้วใช้สถานที่ในมหาลัยให้คุ้มหน่อย ทำเพื่อตัวเองๆ เพื่อสวยๆ บลาๆๆ 555 เราหาแรงบรรดาลใจนะก่อนที่เราจะไปวิ่ง หารูปผู้ชายในไอจี ดารา หรือคนที่เราชอบๆ อยากได้เป็นแฟน เค้าหน้าตาดี๊ดีอะ ถ้าเราอยากได้แฟนหน้าตาระดับเค้า หรือถ้าเราอยากจะดุดีแบบเค้า เราก็ต้องลดด่วนนะอีหน่อยๆๆๆๆ ทำทั้งหน้าถ้าไม่ผอมก็ดับวูบนะเว้ย 555 บอกตัวเองแบบนั้น
เริ่มแรกเราเริ่มวิ่งจาก หน้ามหาลัยไปหลังมหาลัยและวิ่งกลับ และโหลดแอพจับระยะทางมาใช้ คือแอพ Runkeeper
จากหน้าม. ไปหลังม. ได้ระยะทางประมาณ 3 กิโล แต่เราว่ามันน้อยไปวันพรุ่งนี้ต้องเพิ่มระยะทาง ในอาทิตย์แรก เราวิ่งไล่กิโลเมตร จาก 3 เป็น 4 เป็น 5 เป็น 6 เป็น 7 เป็น 8 เป็น 9 เป็น 10 ทุกวัน วิ่งทุกวันวิ่งให้มันผอม ท่องไว้แค่นี้ เรากลัวตัวเองจะขี้เกียจ มากๆ เราต้องตั้งนาฬิกาเตือนไว้ตลอดว่าถึงเวลาวิ่งแล้ว เราคงตัวที่ระยะ 6-10 กิโลเมตร ต่อวันตั้งแต่อาทิตย์ที่สองเป็นต้นมา จนถึงทุกวันนี้ หลายคนบอกว่าเราวิ่งหนักมาก บ้ามาก แต่เราก็บอกถ้าไม่ทำเมื่อไรจะสวย การออกกำลังกายไม่เคยให้ผลเสียใคร เอ๊ะบางคนต้อง งง ว่าวิ่งยังไงให้ 10 กิโล ก็วิ่งหน้ามหาลัยมาท้ายมหาลัย เจอที่จอดรถ สนามบาส สนามบอล สนามไรก็ได้ ก็วิ่งให้หมด วิ่งให้มันถึงระดับที่เราตั้งเอาไว้
จากแอพ Runkeeper
Runkeeper
คิดว่าทุกคนคงได้เห็นความแตกต่าง ความเปลี่ยนแปลงนะค่ะ ในระยะเวลาไม่นาน เราว่ามันเร็วนะ ถึงตอนนี้ก็ไม่ได้ผอมขนาดนั้น แต่ก็ผอมลงเยอะ สิ่งที่ได้รับกลับมีแต่สิ่งดีๆ ดูดีขึ้นเยอะ น่ารักขึ้น ตัวเราเองก็มีความมั้นใจขึ้น ตอนนี้รู้แล้วว่า ทั้งหน้าตาและรูปร่างมันต้องพึ่งพาอาศัยกัน ต้องทำให้มันพอดีๆกัน ถ้าหน้าเล็ก แต่ตัวใหญ่เป็นยักษ์ ก็ไม่โอเค ตัวผอมแต่หน้าแย่ก็ไม่โอเค ชิมิค่ะ น้องหน่อยขอเป็นอีกกำลังใจหนึ่งสำหรับคนที่กำลังมองหา แรงบรรดาลใจอยู่ ว่าถ้าเราพยายาม ท่องไว้ทุกวันว่าต้องสวยๆ ไม่นานเราก็ต้องสวยสิค่ะ 555555 อีกอย่างอยากบอกว่าในระยะเวลานี้ เราแทบไม่ต้องควบคุมเรื่องอาหารเลย อาจจะมีแป้งน้อยลง ของทอดบ้างๆ แต่น้ำอัดลม น้ำหมานน้ำผลไม้ คือแทบไม่มีการแตะต้องเลย และจะทำแบบนี้ไปเรื่อยๆจนถึงเป้าหมาย อยากลดอีกสิบกิโล และจะควบคุมไม่ให้กลับมาเหมือนเดิมด้วย เพราะ เตือนตัวเองว่า รู้ไว้ว่ามันเหนื่อยขนาดไหน สู้ๆนะค่ะทุกคน ^^
และแล้ววววววววววววววววว ก็มาถึงส่วนของ หนังหน้าบ้าง นะฮะ !!!
การทำศัลยกรรมได้เริ่มมาในช่วง ชีวิตม.ปลาย เรื่อง ศัลยกรรม !! ยอมรับจากที่ไกลตัว ก(เริ่มหันมาสนใจ เริ่มหารีวิวจากคนอื่นๆ จากที่อื่นๆ ตอนนั้นคิดว่า ได้ดั้ง มาก็คงสวยแล้ววว !!
1.จมูกแรกไม่ไกลที่ไหนพึ่งจบม.6 ขุ่นนแม่ก็พามาฟาดดั้งที่ คุณหมอบุญถิ่น ด้วยราคาสุดฮิต 5000 บาท ตอนนั้นยอมรับว่าไม่ได้ศึกษาอะไรมากมาย ด้วยงบไม่มาก แล้วช่วงนั้นการทำจมูก หรือศัลยกรรมยังไม่เป็นที่ยอมรับเท่าตอนนี้นะค่ะ ขุ่นแม่ก็ไม่ค่อยสนับสนุนแต่ก็พาไป
2.ได้ไปเจอการตัดปีกจมูก ว่า ถ้าเราทำ จมูกเราก็จะเล็กลง โด่งขึ้นอีกนึงนึงด้วย น้องก็เลยไม่รอช้า ดูจากคนที่ทำๆกันมา บวกกับราคา
ตัดปีกจมูก กับ หมอนก แห่ง สมชายคลีนิค ห้วยขวาง 5000 บาท (ราคา ณ ตอนนั้น)
3.ต่อมา เอ๊ะ ว่างๆ ทำตาดีกว่า หมอ จำนงค์ รังสิตคลอง 2 10000บาท (ราคา ณ ตอนนั้น)
เป็นงานนาน งานละเอียดมากค่ะ เพื่อความสวย ยอมรับว่าทำตา เป็นอะไรที่นานและทรมานมาก เพราะ ไม่สบายเหมือนทำจมูก คุณหมอทำไปด้วยและขะให้เรา หลับตาลืมตาไปด้วย
4.ตอนนั้นดูรีวิวอะไรไปเรื่อยเปื่อยเจอโปรโมชั่น สักคิ้ว 3 มิติ ราคาเบาๆ แค่ 1500 เลยไม่รอช้า โทรไปจองคิว กับที่ร้าน "คิ้ว 3 มิติ บายเคทโคเรีย" ตัวเองเป็นคนมีคิ้วคิ้วดกอยู่แล้วแต่พอเห็นราคานี้ยอมรับว่า จ่ายเลยค่ะ
5.จมูกเรา ธรรมชาติไป เราก้อ เอาอีกแระ ดูรีวิวแก้จมูก คราวนี้ต้องศึกษาดีๆ รูปทรงสวยๆ จะไม่มีการแก้อะไรหลายรอบที่จมูกอีกแน่นอน ดูหลายหมอมาก เพราะราคาแก้แต่ละที่สูงๆทั้งนั้น ช่วงนั้นก็มีหลายหมอที่ฮอตๆ จนเรามาเจอของ "วีคูณคลีนืค" แก้ จมูกรอบ 2 ที่ "วีคูณคลีนืค" ราคา 14000 (ณ ตอนนั้น)
6.ต่อมาาาาาาาา ยังไม่โหม้ดดดดดดดดด ด้วยความที่เป็นคนหน้ากลมเลยจัดคางซะเลยย เจอราคาโปรโมชั่นของ"i-face " คล่ีนิค ราคา "9000 บาทถ้วน" (ราคาโปรโมชั่นตอนนั้น)
7.อย่างสุดท้ายยยย ของการศัลยกรรมแล้วนั่นก็คือ ปากกระจับ !!!
ทำปากที่ " เอลิแกนซ์ คลีนิค " มีตัดโปรโมชั่น ศัลยกรรม 4000 บาท (บนล่าง ราคาโปรโมชั่น ณ ตอนนั้น)
7 อย่างถ้วนนน !!!!!
หลังทรานฟอเมอร์
ยินดีให้คำปรึกษา และขอเป็นกำลังใจให้คนที่กำลังอยากมีแรงบันดาลใจเพราะคนเราไม่ได้มีต้นทุนที่ดีหรือดีมรตั้งแต่เกิดแต่คนเราสามารถจะพัฒนาตัวเองได้ Facebook : Miicky M. Miicky
ปล.เร็วๆนี้จะรีบทำรีวิวความแซ่บให้เพื่อนได้ชมกันอีกแน่นอน กราบ 🙏