James Buchanan Barnes หรือ “Bucky” เกิดวันที่ 10 มีนาคม ปี 1917 ที่บรูคลิน นิวยอร์ค บัคกี้มีพี่น้องอยู่สี่คน และเขาเป็นลูกคนโต ในช่วงวัยเด็ก บัคกี้มักพบเห็นเด็กรุ่นราวคราวเดียวกันกับตน กำลังโดนเด็กเกเรที่ตัวโตกว่าซ้อมและรังแกอย่างสนุกสนาน แต่เด็กชายร่างเล็กผู้นี้กลับมีหัวใจนักสู้ที่ไม่ยอมแพ้และไม่หนี แม้จะถูกรังแกจนบาดเจ็บขนาดไหนก็ตาม นานวันเข้าบัคกี้ก็ทนไม่ไหว จึงเข้าไปตะลุมบอนกับเด็กโตพวกนั้นเพื่อช่วยเพื่อนในวัยเดียวกันผู้น่าสงสารคนนี้ ทั้งคู่จึงถูกเด็กเกเรซ้อมซะน่วมไปทั้งตัว แต่ทั้งคู่ก็ยืนหยัดต่อสู้โดยไม่ถอย จนในที่สุดพวกเด็กเกเรก็ล่าถอยไปเอง ตั้งแต่นั้นมาทั้งคู่ก็เป็นเพื่อนรักที่ตัวติดกัน ไปไหนไปกัน และเด็กน้อยเพื่อนรักของบัคกี้คนนี้ก็คือ Steve Rogers นั่นเอง
บัคกี้เติบโตขึ้นเป็นนักกีฬาประจำโรงเรียน แถมยังเรียนเก่งอีกด้วย เรียกได้ว่าเป็นหนุ่มป็อบปูล่ามาตั้งแต่เด็กจนเข้าสู่ช่วงวัยรุ่นเลยทีเดียว แตกต่างกับสตีฟ ที่เล่นกีฬาก็สู้ใครไม่ได้ และมักไม่มีใครยอมเล่นด้วย แต่ก็พยายามจะเล่น และสาวๆวัยรุ่นราวคราวเดียวกันก็ไม่เคยชายตามองสตีฟ เพราะเขาตัวเล็ก แต่บัคกี้ก็ไม่เคยทอดทิ้งสตีฟเลย
ปี 1940 บัคกี้ในวัย 23 ปี ซาร่าห์แม่ของสตีฟก็เสียชีวิตด้วยวัณโรค หลังจากงานศพของซาร่าห์ บัคกี้พยายามที่จะชวนให้สตีฟไปอยู่กับตนที่บ้าน แต่สตีฟก็ปฏิเสธ และบอกกับบัคกี้ว่า เขาดูแลตัวเองได้ ไม่ต้องห่วง บัคกี้จึงเคารพการตัดสินใจของเพื่อนรัก
“ไม่ว่าจะยังไง ชั้นจะอยู่เคียงข้างนายจนสุดทาง..”
ปี 1941 บัคกี้ในวัย 24 ปี ระหว่างที่ทั้งคู่กำลังเรียนศิลปะที่มหาลัย บัคกี้และสตีฟก็รับทราบข่าวจากสื่อและรัฐบาลว่า อเมริกาได้เข้าร่วมสงครามโลกครั้งที่สองอย่างเป็นทางการแล้ว เด็กหนุ่มในบรูคลินต่างถูกเกณฑ์ไปอบรมที่ Goldie’s Boxing Gym เพื่อให้รับทราบข้อมูลเบื้องต้นของสงครามครั้งนี้
กว่าสองสัปดาห์ต่อ มาที่ Goldie’s Boxing Gym หลังจากบัคกี้และสตีฟ รวมถึงเด็กหนุ่มอีกนับร้อย ผ่านการอบรมหลักสูตรเพื่อไปรบเบื้องต้น ทุกอย่างก็เริ่มเข้าสู่กระบวนการคัดเลือกของกองทัพสหรัฐฯ สตีฟได้รับการจัดเป็น 4F ซึ่งไม่ผ่านเกณฑ์นั่นเอง แต่บัคกี้ผ่านฉลุยและถูกเกณฑ์เข้ากองทัพนับตั้งแต่นั้น
ปี 1942 บัคกี้ในวัย 25 ปีก็กลับมาที่บรูคลินอีกครั้ง และบอกกับสตีฟเพื่อนรักของเค้าว่า บัดนี้ตนเองได้ติดยศจ่าแล้ว และประจำหน่วยรบ 107 คืนนั้นบัคกี้ยังได้ชวนสตีฟไปเดินเล่นที่งานเวิร์ลเอ๊กซ์โปว์ ซึ่งฮาเวิร์ด สตาร์ค นำเทคโนโลยีของสตาร์อินดรัสทรีส์มาร่วมงานด้วย
และในวันรุ่งขึ้นบัคกี้จะต้องขึ้นเรือและเดินทางไปที่เกาะอังกฤษ ซึ่งเป็นฐานที่มั่นแนวหน้าของฝ่ายสัมพันธมิตร ซึ่งหน่วยรบ 107 ของบัคกี้ก็คือแแนวหน้าของกองทัพสหรัฐฯ
บัคกี้ และ สตีฟ ในงานเวิร์ลเอ๊กซ์โปว์
ปี 1943 บัคกี้ในวัย 26 ปี ที่อังกฤษ หลังจากจ่าบัคกี้ไปประจำหน่วยรบ107และอยู่ในแนวหน้า บัคกี้ได้รับมอบหมายให้เป็นพลแม่นปืน หรือ “สไนเปอร์” เพราะความยิงแม่นที่โดดเด่นของเขานั่นเอง แต่การต่อสู้ประชิดตัวบัคกี้ก็ทำได้ไม่เป็นรองใคร เพราะมีพื้นฐานเป็นนักกีฬาอยู่แล้ว และยังได้รับการฝึกฝนการต่อสู้จากกองทัพเพิ่มเติมเข้าไปด้วย บวกกับตลอดระยะเวลาหนึ่งปีที่ได้ต่อสู้กับพวกเยอรมัน ทำให้ทักษะการสู้รบของบัคกี้สูงพอสมควรเลยทีเดียว
จ่า บูคาแนน “บัคกี้” บานส์ สไนเปอร์มือฉมัง
เดือนตุลาคม ปี 1943 ที่ออสเตรีย ระหว่างการสู้รบอย่างหนักหน่วงนั้น หน่วย107ของบัคกี้ก็ถูกกองกำลังไฮดร้าจับตัวเป็นเชลยไว้ในเขตประเทศออสเตรีย ซึ่งอยู่ในการยึดครองของเยอรมัน ทุกคนในหน่วยถูกจับขังไว้ในคุกใต้ดินที่โรงงานอาวุธไฮดร้า ยกเว้นเพียงจ่าบัคกี้ที่ถูกดร.อานิม โซล่า จับตัวมาทดลองโปรเจคสำคัญของตนเอง นั่นคือการล้างสมองเพื่อให้ผู้ถูกทดลองทำตามคำสั่งทุกๆอย่าง และบัคกี้นั้นก็ถูกทดลองอย่างทารุณในโรงงานอาวุธไฮดราแห่งนี้..
เดือนพฤศจิกายน ปี 1943 ที่อิตาลี สตีฟในฐานะกัปตันอเมริกา หลังจากโดนเปลี่ยนแปลงร่างกายและประสาทสัมผัสเพิ่มขึ้นอย่างมากมายแล้ว เพกกี้ก็เปรยให้สตีฟรับรู้ว่า หน่วย107ถูกเยอรมันจับเป็นเชลย สตีฟจึงลอบเข้าเขตประเทศออสเตรีย เพื่อบุกช่วยเชลยและบัคกี้ โดยได้รับการช่วยเหลือจากฮาเวิร์ดและเพกกี้ แอบขับเครื่องบินพาสตีฟมาโดดร่มที่ออสเตรีย และระหว่างที่บัคกี้กำลังสะลึมสะลือและสติเกือบหลุด เขาก็เห็นสตีฟเพื่อนรักของเขาโผล่เข้ามาช่วย สตีฟรีบเรียกสติบัคกี้กลับมา และรีบพาบัคกี้หนี
สตีฟ – “ชั้นคิดว่านายตายไปแล้ว” /บัคกี้ – “ชั้นก็คิดว่านายตัวเล็กกว่านี้..”
ด้านทางเร้ดสกัลล์นั้นหลังจากรู้ว่ากัปตันอเมริกาบุกโรงงานอาวุธไฮดราในเทือกเขาแอลป์ เร้ดสกัลล์จึงกดปุ่มนับถอยหลังเพื่อทำลายโรงงานอาวุธไฮดราแห่งนี้กลบเกลื่อนร่องรอย ระหว่างที่เพื่อนรักทั้งสองกำลังจะหนีข้ามสะพานเหล็ก เร้ดสกัลล์ก็โผล่มาขวางสตีฟ เร้ดสกัลล์และสตีฟสู้กันอย่างดุเดือด ดร.โซล่าเกรงว่าการปะทะกันจะยืดเยื้อ และจะหนีระเบิดไม่ทัน จึงสับสวิทย์ให้สะพานเหล็กแยกจากกัน และบัคกี้กับสตีฟก็หนีออกมาได้พร้อมกับบรรดาหน่วยรบ107
สตีฟนำพาบัคกี้และหน่วย107เดินเท้าสามสิบไมล์กลับมายังฐานของหน่วยSSRในอิตาลี บัคกี้เริ่มปรบมือให้กัปตันอเมริกาเพื่อนรักเป็นคนแรก ก่อนที่ทั้งกองทัพจะไชโยโห่ร้องชื่มชมสตีฟกันอื้ออึงไปทั่วทั้งฐาน
ผู้พันฟิลิปส์ไว้วางใจให้สตีฟตามถล่มฐานที่มั่นไฮดร้าไปทั่วทั้งยุโรป สตีฟจึงขอจัดตั้งหน่วยเฉพาะกิจนี้ขึ้นมาเอง ในชื่อว่าหน่วย Howling Commandos และคัดเลือกสมาชิกทีมเองอีกด้วย และแน่นอนว่าหนึ่งในสมาชิกทีมฮาวลิ่งคอมมานโดต้องมีจ่าบัคกี้ด้วยแน่นอน
“ชั้นไม่ตามกัปตันอเมริกาไปรบหรอกนะ.. แต่ถ้าเป็นไอ้ซื่อบิ้อจากบรูคลิน ที่ยืนให้จิ๊กโก้ต่อย คนนี้โอเค..”
ปี 1945 ตลอดระยะเวลาสามปีที่ผ่านมานับตั้งแต่จัดตั้งหน่วยฮาวลิ่งคอมมานโด บัคกี้ก็ทำหน้าที่ช่วยเพื่อนๆในทีมอย่างเป็นอย่างดี ทีมฮาวลิงฯของกัปตันโรเจอร์ตามถล่มฐานไฮดร้าไปทั่วยุโรป สร้างความเสียหายให้ไฮดร้าเป็นอย่างมาก เร้ดสกัลล์จึงวางแผนกำจัดทีมฮาวลิ่งคอมมานโดนี้ซะ
ในช่วงฤดูหนาว(Winter) ไฮดร้าจึงปล่อยข่าวลวงให้ทีมฮาวลิ่งคอมมานโดไปติดกับดักบนรถไฟ ผลคือทำให้บัคกี้เสียท่าและตกหน้าผาไป บัคกี้บาดเจ็บสาหัสและแขนขาด ไฮดร้าออกไปค้นหาศพของบัคกี้ และพบว่าบัคกี้ยังไม่ตาย จึงจับบัคกี้มายังห้องทดลองลับของไฮดร้าในสหภาพโซเวียต และไฮดร้าก็ช่วยชีวิตจ่าบัคกี้(Soldier) เพื่อจะนำมาทดลองต่อไป พร้อมกับใส่แขนเทียมที่เป็นไซเบอร์เนติคให้
ระหว่างนั้นบัคกี้ก็ฟื้นคืนสติขึ้นมา เมื่อพบว่าตนเองมีแขนเป็นเหล็กก็อาละวาดไปทั่ว นักวิทยาศาสตร์ไฮดร้าจึงฉีดยาสลบและจับบัคกี้แช่แข็งไว้ไม่มีกำหนด เพื่อรอการกลับมาของดร.โซล่ามาทดลองต่อไป จึงกำเนิด Winter Soldier ขึ้นมาในปี 1945 นี่เอง..
บัคกี้ถูกใส่แขนไซเบอร์เนติค
ปี 1947-1948 ดร.โซล่าก็เป็นอิสระจากการคุมขัง ซ้ำยังได้เป็นนักวิทยาศาสตร์ประจำชิลด์อีกด้วย ดร.โซล่ายังได้วิชาสะกดจิตใหม่มาจากดร.อิฟเชนโกขณะที่ติดคุกSSRอยู่ จึงนำมาใช้ล้างสมองบัคกี้ได้อย่างเสร็จสรรพ พร้อมกับสูตรยาจอมพลังของดร.เอิลสกิน ดร.โซล่าก็วิจัยสำเร็จ จึงทดลองกับบัคกี้ และได้ผล บัคกี้กลายเป็นมนุษย์ทรงพลังเทียบเท่ากัปตันอเมริกา และไม่มีความทรงจำใดๆหลงเหลืออยู่เลย
ไฮดร้าจะละลายน้ำแข็งบัคกี้ก็ต่อเมื่อมีเหตุการสำคัญให้บัคกี้ลอบสังหารเท่านั้น บัคกี้จึงอยู่ในสภาพโดนแช่แข็งซะเป็นส่วนใหญ่ในชีวิตที่ผ่านมา..
Winter Soldier ฮีโร่มือเปื้อนเลือดแห่งมาร์เวล by หลวงจีนหอไตร
Facebook Fanpage :หลวงจีนหอไตร
James Buchanan Barnes หรือ “Bucky” เกิดวันที่ 10 มีนาคม ปี 1917 ที่บรูคลิน นิวยอร์ค บัคกี้มีพี่น้องอยู่สี่คน และเขาเป็นลูกคนโต ในช่วงวัยเด็ก บัคกี้มักพบเห็นเด็กรุ่นราวคราวเดียวกันกับตน กำลังโดนเด็กเกเรที่ตัวโตกว่าซ้อมและรังแกอย่างสนุกสนาน แต่เด็กชายร่างเล็กผู้นี้กลับมีหัวใจนักสู้ที่ไม่ยอมแพ้และไม่หนี แม้จะถูกรังแกจนบาดเจ็บขนาดไหนก็ตาม นานวันเข้าบัคกี้ก็ทนไม่ไหว จึงเข้าไปตะลุมบอนกับเด็กโตพวกนั้นเพื่อช่วยเพื่อนในวัยเดียวกันผู้น่าสงสารคนนี้ ทั้งคู่จึงถูกเด็กเกเรซ้อมซะน่วมไปทั้งตัว แต่ทั้งคู่ก็ยืนหยัดต่อสู้โดยไม่ถอย จนในที่สุดพวกเด็กเกเรก็ล่าถอยไปเอง ตั้งแต่นั้นมาทั้งคู่ก็เป็นเพื่อนรักที่ตัวติดกัน ไปไหนไปกัน และเด็กน้อยเพื่อนรักของบัคกี้คนนี้ก็คือ Steve Rogers นั่นเอง
บัคกี้เติบโตขึ้นเป็นนักกีฬาประจำโรงเรียน แถมยังเรียนเก่งอีกด้วย เรียกได้ว่าเป็นหนุ่มป็อบปูล่ามาตั้งแต่เด็กจนเข้าสู่ช่วงวัยรุ่นเลยทีเดียว แตกต่างกับสตีฟ ที่เล่นกีฬาก็สู้ใครไม่ได้ และมักไม่มีใครยอมเล่นด้วย แต่ก็พยายามจะเล่น และสาวๆวัยรุ่นราวคราวเดียวกันก็ไม่เคยชายตามองสตีฟ เพราะเขาตัวเล็ก แต่บัคกี้ก็ไม่เคยทอดทิ้งสตีฟเลย
ปี 1940 บัคกี้ในวัย 23 ปี ซาร่าห์แม่ของสตีฟก็เสียชีวิตด้วยวัณโรค หลังจากงานศพของซาร่าห์ บัคกี้พยายามที่จะชวนให้สตีฟไปอยู่กับตนที่บ้าน แต่สตีฟก็ปฏิเสธ และบอกกับบัคกี้ว่า เขาดูแลตัวเองได้ ไม่ต้องห่วง บัคกี้จึงเคารพการตัดสินใจของเพื่อนรัก
ปี 1941 บัคกี้ในวัย 24 ปี ระหว่างที่ทั้งคู่กำลังเรียนศิลปะที่มหาลัย บัคกี้และสตีฟก็รับทราบข่าวจากสื่อและรัฐบาลว่า อเมริกาได้เข้าร่วมสงครามโลกครั้งที่สองอย่างเป็นทางการแล้ว เด็กหนุ่มในบรูคลินต่างถูกเกณฑ์ไปอบรมที่ Goldie’s Boxing Gym เพื่อให้รับทราบข้อมูลเบื้องต้นของสงครามครั้งนี้
กว่าสองสัปดาห์ต่อ มาที่ Goldie’s Boxing Gym หลังจากบัคกี้และสตีฟ รวมถึงเด็กหนุ่มอีกนับร้อย ผ่านการอบรมหลักสูตรเพื่อไปรบเบื้องต้น ทุกอย่างก็เริ่มเข้าสู่กระบวนการคัดเลือกของกองทัพสหรัฐฯ สตีฟได้รับการจัดเป็น 4F ซึ่งไม่ผ่านเกณฑ์นั่นเอง แต่บัคกี้ผ่านฉลุยและถูกเกณฑ์เข้ากองทัพนับตั้งแต่นั้น
ปี 1942 บัคกี้ในวัย 25 ปีก็กลับมาที่บรูคลินอีกครั้ง และบอกกับสตีฟเพื่อนรักของเค้าว่า บัดนี้ตนเองได้ติดยศจ่าแล้ว และประจำหน่วยรบ 107 คืนนั้นบัคกี้ยังได้ชวนสตีฟไปเดินเล่นที่งานเวิร์ลเอ๊กซ์โปว์ ซึ่งฮาเวิร์ด สตาร์ค นำเทคโนโลยีของสตาร์อินดรัสทรีส์มาร่วมงานด้วย
และในวันรุ่งขึ้นบัคกี้จะต้องขึ้นเรือและเดินทางไปที่เกาะอังกฤษ ซึ่งเป็นฐานที่มั่นแนวหน้าของฝ่ายสัมพันธมิตร ซึ่งหน่วยรบ 107 ของบัคกี้ก็คือแแนวหน้าของกองทัพสหรัฐฯ
ปี 1943 บัคกี้ในวัย 26 ปี ที่อังกฤษ หลังจากจ่าบัคกี้ไปประจำหน่วยรบ107และอยู่ในแนวหน้า บัคกี้ได้รับมอบหมายให้เป็นพลแม่นปืน หรือ “สไนเปอร์” เพราะความยิงแม่นที่โดดเด่นของเขานั่นเอง แต่การต่อสู้ประชิดตัวบัคกี้ก็ทำได้ไม่เป็นรองใคร เพราะมีพื้นฐานเป็นนักกีฬาอยู่แล้ว และยังได้รับการฝึกฝนการต่อสู้จากกองทัพเพิ่มเติมเข้าไปด้วย บวกกับตลอดระยะเวลาหนึ่งปีที่ได้ต่อสู้กับพวกเยอรมัน ทำให้ทักษะการสู้รบของบัคกี้สูงพอสมควรเลยทีเดียว
เดือนตุลาคม ปี 1943 ที่ออสเตรีย ระหว่างการสู้รบอย่างหนักหน่วงนั้น หน่วย107ของบัคกี้ก็ถูกกองกำลังไฮดร้าจับตัวเป็นเชลยไว้ในเขตประเทศออสเตรีย ซึ่งอยู่ในการยึดครองของเยอรมัน ทุกคนในหน่วยถูกจับขังไว้ในคุกใต้ดินที่โรงงานอาวุธไฮดร้า ยกเว้นเพียงจ่าบัคกี้ที่ถูกดร.อานิม โซล่า จับตัวมาทดลองโปรเจคสำคัญของตนเอง นั่นคือการล้างสมองเพื่อให้ผู้ถูกทดลองทำตามคำสั่งทุกๆอย่าง และบัคกี้นั้นก็ถูกทดลองอย่างทารุณในโรงงานอาวุธไฮดราแห่งนี้..
เดือนพฤศจิกายน ปี 1943 ที่อิตาลี สตีฟในฐานะกัปตันอเมริกา หลังจากโดนเปลี่ยนแปลงร่างกายและประสาทสัมผัสเพิ่มขึ้นอย่างมากมายแล้ว เพกกี้ก็เปรยให้สตีฟรับรู้ว่า หน่วย107ถูกเยอรมันจับเป็นเชลย สตีฟจึงลอบเข้าเขตประเทศออสเตรีย เพื่อบุกช่วยเชลยและบัคกี้ โดยได้รับการช่วยเหลือจากฮาเวิร์ดและเพกกี้ แอบขับเครื่องบินพาสตีฟมาโดดร่มที่ออสเตรีย และระหว่างที่บัคกี้กำลังสะลึมสะลือและสติเกือบหลุด เขาก็เห็นสตีฟเพื่อนรักของเขาโผล่เข้ามาช่วย สตีฟรีบเรียกสติบัคกี้กลับมา และรีบพาบัคกี้หนี
ด้านทางเร้ดสกัลล์นั้นหลังจากรู้ว่ากัปตันอเมริกาบุกโรงงานอาวุธไฮดราในเทือกเขาแอลป์ เร้ดสกัลล์จึงกดปุ่มนับถอยหลังเพื่อทำลายโรงงานอาวุธไฮดราแห่งนี้กลบเกลื่อนร่องรอย ระหว่างที่เพื่อนรักทั้งสองกำลังจะหนีข้ามสะพานเหล็ก เร้ดสกัลล์ก็โผล่มาขวางสตีฟ เร้ดสกัลล์และสตีฟสู้กันอย่างดุเดือด ดร.โซล่าเกรงว่าการปะทะกันจะยืดเยื้อ และจะหนีระเบิดไม่ทัน จึงสับสวิทย์ให้สะพานเหล็กแยกจากกัน และบัคกี้กับสตีฟก็หนีออกมาได้พร้อมกับบรรดาหน่วยรบ107
สตีฟนำพาบัคกี้และหน่วย107เดินเท้าสามสิบไมล์กลับมายังฐานของหน่วยSSRในอิตาลี บัคกี้เริ่มปรบมือให้กัปตันอเมริกาเพื่อนรักเป็นคนแรก ก่อนที่ทั้งกองทัพจะไชโยโห่ร้องชื่มชมสตีฟกันอื้ออึงไปทั่วทั้งฐาน
ผู้พันฟิลิปส์ไว้วางใจให้สตีฟตามถล่มฐานที่มั่นไฮดร้าไปทั่วทั้งยุโรป สตีฟจึงขอจัดตั้งหน่วยเฉพาะกิจนี้ขึ้นมาเอง ในชื่อว่าหน่วย Howling Commandos และคัดเลือกสมาชิกทีมเองอีกด้วย และแน่นอนว่าหนึ่งในสมาชิกทีมฮาวลิ่งคอมมานโดต้องมีจ่าบัคกี้ด้วยแน่นอน
ปี 1945 ตลอดระยะเวลาสามปีที่ผ่านมานับตั้งแต่จัดตั้งหน่วยฮาวลิ่งคอมมานโด บัคกี้ก็ทำหน้าที่ช่วยเพื่อนๆในทีมอย่างเป็นอย่างดี ทีมฮาวลิงฯของกัปตันโรเจอร์ตามถล่มฐานไฮดร้าไปทั่วยุโรป สร้างความเสียหายให้ไฮดร้าเป็นอย่างมาก เร้ดสกัลล์จึงวางแผนกำจัดทีมฮาวลิ่งคอมมานโดนี้ซะ
ในช่วงฤดูหนาว(Winter) ไฮดร้าจึงปล่อยข่าวลวงให้ทีมฮาวลิ่งคอมมานโดไปติดกับดักบนรถไฟ ผลคือทำให้บัคกี้เสียท่าและตกหน้าผาไป บัคกี้บาดเจ็บสาหัสและแขนขาด ไฮดร้าออกไปค้นหาศพของบัคกี้ และพบว่าบัคกี้ยังไม่ตาย จึงจับบัคกี้มายังห้องทดลองลับของไฮดร้าในสหภาพโซเวียต และไฮดร้าก็ช่วยชีวิตจ่าบัคกี้(Soldier) เพื่อจะนำมาทดลองต่อไป พร้อมกับใส่แขนเทียมที่เป็นไซเบอร์เนติคให้
ระหว่างนั้นบัคกี้ก็ฟื้นคืนสติขึ้นมา เมื่อพบว่าตนเองมีแขนเป็นเหล็กก็อาละวาดไปทั่ว นักวิทยาศาสตร์ไฮดร้าจึงฉีดยาสลบและจับบัคกี้แช่แข็งไว้ไม่มีกำหนด เพื่อรอการกลับมาของดร.โซล่ามาทดลองต่อไป จึงกำเนิด Winter Soldier ขึ้นมาในปี 1945 นี่เอง..
ปี 1947-1948 ดร.โซล่าก็เป็นอิสระจากการคุมขัง ซ้ำยังได้เป็นนักวิทยาศาสตร์ประจำชิลด์อีกด้วย ดร.โซล่ายังได้วิชาสะกดจิตใหม่มาจากดร.อิฟเชนโกขณะที่ติดคุกSSRอยู่ จึงนำมาใช้ล้างสมองบัคกี้ได้อย่างเสร็จสรรพ พร้อมกับสูตรยาจอมพลังของดร.เอิลสกิน ดร.โซล่าก็วิจัยสำเร็จ จึงทดลองกับบัคกี้ และได้ผล บัคกี้กลายเป็นมนุษย์ทรงพลังเทียบเท่ากัปตันอเมริกา และไม่มีความทรงจำใดๆหลงเหลืออยู่เลย
ไฮดร้าจะละลายน้ำแข็งบัคกี้ก็ต่อเมื่อมีเหตุการสำคัญให้บัคกี้ลอบสังหารเท่านั้น บัคกี้จึงอยู่ในสภาพโดนแช่แข็งซะเป็นส่วนใหญ่ในชีวิตที่ผ่านมา..