Margaret "Peggy" Carter
เพกกี้ คาร์เตอร์ เกิดวันที่ 9 เมษายน ค.ศ.1919 เป็นลูกสาวเพียงคนเดียวของ Harrison Carter และ Amanda Carter เธอเกิดและเตินโตในกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ เพกกี้จบการศึกษาระดับมัธยมที่ St Martin-In-The-Fields High School ซึ่งเป็นโรงเรียนหญิงล้วน
ปี ค.ศ. 1939 (อายุ20) เพกกี้ก็ได้เข้าร่วมเป็นทหารหญิงในกองทัพของสหราชอาณาจักร เข้ารับใช้ชาติไม่นานเพกกี้ก็ได้ไปสังกัดเจ้าหน้าที่ฝ่ายที่ปรึกษาของหน่วย Strategic Scientific Reserve หรือ SSR ประจำอังกฤษ
ปี ค.ศ. 1940 (อายุ21) เพกกี้ได้รับมอบหมายให้แฝงตัวเข้าไปที่ปราสาท Kaufmann ณ บริเวณเทือกเขาเอลฟ์ ซึ่งเป็นฐานทัพใหญ่ของ Hydra ซึ่งนำโดยผู้พัน Johann Schmidt โดยเพกกี้ปลอมตัวเป็นสาวใช้ชื่อว่า Eva การแฝงตัวครั้งนี้ทำให้เพกกี้รู้เรื่องราวของไฮดร้าและผู้พันชมิธค่อนข้างเยอะมาก และในการแฝงตัวครั้งนี้ เพกกี้ก็มีส่วนช่วยให้ Dr. Abraham Erskine หนีพวกไฮดร้าออกมาได้
หลังจากช่วยดร.เอิลสกินหนีแล้ว เพกกี้ยังแฝงตัวติดตามกองทัพไฮดร้าไปถึงเมือง Guernica ประเทศสเปน และเห็นแสนยานุภาพของอาวุธทำลายล้างสูงแห่งกองทัพไฮดร้าในการถล่มสเปนครั้งนี้ และนี่คือชนวนเหตุ World War II หรือ สงครามโลกครั้งที่สองนั่นเอง เพกกี้จึงได้รับคำสั่งจากรัฐบาลอังกฤษ ให้นำข้อมูลนี้ไปรายงานกับผู้นำฝ่ายสัมพันธมิตรอย่าง"อเมริกา"ให้รับทราบถึงเรื่องราวหน่วยรบล้ำสมัยของเยอรมันหน่วยนี้ รัฐบาลสหรัฐฯจึงขอตัวเพกกี้จากรัฐบาลอังกฤษ ให้มาช่วยงานด้านข่าวกรองในสงคราม ฝ่ายสัมพันธมิตรจึงมีความคิดจัดตั้งหน่วยงานทางทหารเฉพาะทาง เพื่อต่อกรกับหน่วยไฮดร้าโดยเฉพาะ กองทัพสหัฐฯจึงมอบหมายให้ Chester Phillips นายทหารฝีมือดีมาจัดตั้งองค์กร ผู้พันฟิลิปจึงก่อตั้งหน่วยงานที่ชื่อ "Strategic Scientific Reserve" หรือหน่วย SSR ประจำสหรัฐ โดยมีเพกกี้เป็นรองหัวหน้าหน่วย กองทัพสหรัฐนั้นยังได้เชิญ Howard Stark มาเป็นที่ปรึกษาระดับสูงของหน่วยด้วย
เพกกี้ช่วยดร.เอิลสกินให้มาขอลี้ภัยมาอยู่อเมริกา เพกกี้จึงเชิญดร.เอิลสกินให้มาช่วยงานหน่วย SSR ด้านวิทยาศาสตร์อีกด้วย ดร.เอิลสกินจึงเสนอโครงการสุดยอดทหารให้กับหน่วย จึงเกิดโปรเจค " Re-Birth " ขึ้นมา เพื่อผลิตสุดยอดทหารนักรบเหนือมนุษย์ให้แก่กองทัพสหรัฐฯเพื่อต่อกรกับไฮดร้า
ปี ค.ศ. 1943 (อายุ24) ดร.เอิลสกินก็นำเด็กหนุ่มผอมแห้งจากบรูคลินที่ชื่อ Steve Rogers มาเข้าหน่วย SSR เพื่อทดสอบเบื้องต้นว่า สตีฟนั้นเหมาะสมกับทหารคนแรกในโปรเจครีเบิร์ธหรือไม่
ประวัติสตีฟ โรเจอร์ส ในสปอยล์ครับ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้กำเนิด Captain America /
Steven Grant Rogers
Steve เกิดเมื่อวันพฤหัสบดีที่ 4 กรกฎาคม 1918 (เกิดวันเดียวกับวันชาติอเมริกา) เป็นบุตรชายเพียงคนเดียวของ Sarah และ Joseph Rogers มีพื้นเพอยู่ที่ Brooklyn, New York City เมื่อครั้งที่สตีฟเกิดได้ไม่นาน โจเซฟพ่อของเขาเสียชีวิตในการรบจากสงครามโลกครั้งที่ 1 ซาร่าแม่ของสตีฟซึ่งเป็นนางพยาบาลจึงเลี้ยงดูบุตรชายเพียงผู้เดียวตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา
เมื่อครั้งยังเด็ก ด้วยความที่สตีฟเป็นเด็กตัวเล็ก สตีฟจึงมักถูกเด็กเกเรแถวนั้นกลั่นแกล้งเป็นประจำ แต่สตีฟก็ไม่เคยวิ่งหนีสักครั้งเดียว สตีฟสู้ไม่ได้แต่ก็ยังสู้ สร้างความประทับใจให้เด็กอีกคนที่เห็นเหตุการณ์นี้อยู่บ่อยๆนั่นก็คือ James "Bucky" Barnes นั่นเอง บัคกี้จึงตัดสินใจเข้าไปช่วยสตีฟ ทั้งสองช่วยกันจนเจ็บตัวทั้งคู่ บัคกี้และสตีฟจึงเป็นเพื่อนรักกันตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา..
สตีฟและบัคกี้เรียนที่ George Washington High School ซึ่งอยู่ในบรู๊คลินตั้งแต่ปี 1932 - 1936 และสตีฟแยกไปเรียนต่อคนเดียวที่ Auburndale Art School อีกสองปี คือ 1937 - 1938 (อยู่ในบรู๊คลินเช่นกัน)
ในปี 1940 (ตอนนี้สตีฟอายุเกือบ 22ปี ) ซาร่า แม่ของสตีฟก็เสียชีวิตลงด้วยการติดเชื้อวัณโรค จากการเข้าไปช่วยเหลือหน่วยกาชาดของสหประชาชาติในตอนเริ่มสงครามโลกครั้งที่สอง ศพของเธอถูกฝังไว้ข้างกับหลุมศพโจเซฟสามีเธอนั่นเอง บัคกี้เพื่อนรักของสตีฟเห็นว่าต่อจากนี้สตีฟต้องอยู่เพียงลำพังคนเดียว จึงเอ่ยปากชวนสตีฟไปอยู่ด้วย แต่สตีฟไม่ต้องการความช่วยเหลือ เขาอยู่คนเดียวได้ บัคกี้ก็ยังเป็นห่วงเพิ่อนรักและยังย้ำคำพูดที่ว่า..
"ประเด็นก็คือ.. นายยังมีชั้น ชั้นจะเคียงข้างนายจนสุดทาง"
ต่อมาในปี 1942 อเมริกาก็เข้าร่วมกับสงครามโลกครั้งที่สองอย่างเป็นทางการ ทั้งสตีฟและบัคกี้พร้อมกับชายวัยหนุ่มในบรู๊คลินทั้งหมดก็เข้าสู่การอบรมถึงความเป็นมาของเรื่องราวสงครามครั้งนี้ เพื่อเตรียมตัวถูกเกณฑ์ไปรบที่ยุโรปกับกองทัพนาซี เพียงแค่สองอาทิตย์ บัคกี้ก็ถูกคัดเลือกจากกองทัพ และไปประจำสังกัดหน่วยรบ 107 ทันที แต่สตีฟจัดเป็นแค่ชั้น 4F ซึ่งไม่ผ่านเกณฑ์การคัดเลือก
หลังจากนั้นสตีฟก็พยามยามไปสมัครทหารอีกหลายครั้งด้วยหลักฐานปลอม (อยากเป็นทหารมาก) จนกระทั่งวันนึง Dr.Abraham Erskine ผู้เป็นนักวิทยาศาสตร์แกนนำในโครงการ" Re-Birth " สนใจในความมุ่งมั่นของเด็กหนุ่มผู้นี้ จึงเรียกตัวสตีฟเข้าไปพบเพื่อประเมินในขั้นตอนแรก ปรากฎว่าดร.เอิลสไกน์ถูกใจสตีฟมาก จึงเซ็นใบอนุมัติให้สตีฟเข้ากรมเป็นทหารได้ และให้สตีฟขึ้นตรงกับกำลังพลกองหนุนของหน่วย SSR ทันที
ผู้พันฟิลิปหัวกน้าหน่วย SSR นั้นไม่ค่อยปลื้มกับสตีฟนัก เพราะด้วยรูปร่างที่ผอมบางและตัวเล็กมาก ไม่คิดว่าสตีฟจะรบไหว แต่ดร.เอิลสไกน์กลับเห็นว่า สตีฟมีคุณสมบัติที่เหนือกว่าทุกคน นั่นคือจิตใจที่ดีนั่นเอง เพกกี้ก็เห็นแววผู้นำและความเด็ดเดี่ยวของสตีพเช่นกัน เมื่อการทดลองเสร็จสมบูรณ์ สตีฟได้กลายเป็นสุดยอดทหารในโครงการรีเบิร์ทคนแรก แต่ดร.เอิลสไกน์กลับถูกลอบสังหารโดยสายลับของไฮดร้า เมื่อไม่มี ดร.เอิลสไกร์ จึงไม่มีใครสามารถผลิตสุดยอดทหารได้อีกเลยนับแต่นั้น โครงการรีเบิร์ทจึงถูกยุบไป
ด้านสตีฟถูกแต่งตั้งให้เป็น"กัปตันอเมริกา" หน้าที่คือโฆษณาปลุกใจอเมริกันชนให้รักชาติ ชาวอเมริกันรักสตีฟ แต่ทหารส่วนใหญ่ไม่ชอบกัปตันอเมริกา เนื่องด้วยวันๆเอาแต่โชว์ตัว ไม่เคยออกรบ ผู้พันฟิลิปก็ไม่เชื่อถือสตีฟว่าจะรบเป็น แต่เพกกี้ก็เชื่อมั่นในตัวสตีฟเสมอ
จนวันนึงสตีฟได้ข่าวว่าหน่วยรบ 107 ของบัคกี้เพื่อนรัก ถูกจับเป็นเชลยที่ค่ายไฮดร้า ฮาเวิร์ดและเพกกี้จึงช่วยสตีฟลอบเข้าเขตที่เยอรมันยึดครอง สตีฟไปช่วยหน่วยรบ 107 ได้ทั้งหน่วย สตีฟพบบัคกี้กำลังถูก ดร.โซล่าล้างสมอง เพื่อสร้างสุดยอดนักฆ่าที่สั่งได้ทุกอย่าง แต่สตีฟไปช่วยไว้ทัน ผู้พันชมิธเห็นว่าคงจะต้านสตีฟไไว้ไม่อยู่ จึงกดปุ่มระเบิดเวลาถอยหลังเพื่อทำลายฐานทัพทิ้งทันที สตีฟและผู้พันชมิธปะทะกันเป็นครั้งแรก ด.ร.โซล่าเห็นว่าการสู้คงยืดเยื้อกลัวจะหนีไม่ทันระเบิด จึงสับสวิทย์แยกสะพานที่ทั้งคู่สู้กันอยู่ ต่างฝ่ายจึงต่างแยกกันหนีระเบิดไป ตั้งแต่นั้นผู้พันชมิธก็เปิดเผยความเป็นเร้ดสกัลล์เต็มตัว สตีฟนำพาทั้งหน่วย 107 กลับค่ายได้สำเร็จ หลังจากนั้นกัปตันอเมริกาก็ได้รับการยอมรับจากเพื่อนทหารและผู้พันฟิลิป กัปตันโรเจอร์ได้ก่อตั้งหน่วยฮาวลิ่งคอมมานโดซึ่งเป็นหน่วยจู่โจมสายลับของ SSR เพื่อทำลายฐานไฮดร้าโดยเฉพาะ ในทีมมีบัคกี้ด้วย ตลอดสามปีภาระกิจต่างๆที่หน่วยฮาวลิ่งคอมมานโดบุกฐานไฮดร้าถูกถ่ายทอดให้อเมริกันชนได้ชมตลอด
ผู้พันชมิธแค้นใจมาก สั่งให้ ดร.โซล่าวางแผนล่อทีมกัปตันโรเจอร์ไปติดกับบนรถไฟที่กำลังวิ่งเลาะหน้าผา กัปตันโรเจอร์และบัคกี้พลาด บัคกี้ถูกเล่นงานจนเสียหลักตกหน้าผาไป ในที่สุดทีมฮาวลิ่งคอมมานโดก็จับตัว ดร.โซล่าได้สำเร็จกัปตันโรเจอร์คิดว่าบัคกี้ตายแล้ว แต่ที่จริงบัคกี้ไม่ตาย และแขนขาด ไฮดร้าจับบัคกี้ไปล้างสมองอีกครั้งและใส่แขนเหล็กให้ ทำการทดลองสร้างสุดยอดนักฆ่าต่อไป
กัปตันโรเจอร์บุกฐานใหญ่ของไฮดร้าในเทือกเขาเอลฟ์และถล่มฐานได้สำเร็จ ผู้พันชมิธนำแทซเซอแร๊คหนีไปขึ้นเครื่องบินวัลคีรี่ และขับออกไปพร้อมระเบิดทำลายล้างสูง หวังถล่มอเมริกา ผู้พันฟิลิปและเพกกี้ช่วยกัปตันโรเจอร์ตามขึ้นเครื่องบินทัน
ระหว่างสู้กันนั้น แทซเซอแร๊คได้หลุดออกมาจากสิ่งบรรจุ ผู้พันชมิธจับแทซเซอแร๊คและโดนดูดไปที่ใดที่หนึ่งในจักรวาล(ยังไม่ตายนะเอ้อ) แทซเซอแร๊คหลุดมือผู้พันชมิธและหลอมพื้นเครื่องบินหล่นลงในทะเลน้ำแข็งบริเวณเขตอาร์คติค กัปตันโรเจอร์จึงตัดสินใจบังคับเครื่องลงทะเลน้ำแข็งเช่นกัน หน่วย SSR และฮาเวิร์ดออกทำการค้นหา พบเพียงแทซเซอแร๊ค ทุกคนคิดว่ากัปตันโรเจอร์ตาย แต่กัปตันโรเจอร์ไม่ตาย และถูกแช่แข็งในทะเลน้ำแข็งเขตอาร์คติคอยู่ในภาวะจำศีล..
ปี ค.ศ. 1945 (อายุ 26) สตีฟก็จมหายไปพร้อมกับเครื่องบินรบวัลคีรีของไฮดร้าที่ทะเลน้ำแข็งเขตอาร์คติก เพกกี้จึงหัวใจสลายที่คนรักจากไป แต่เพกกี้ก็ยังสานต่อเจตนารมณ์ของสตีฟ เพกกี้นำกำลังพลและหน่วยฮาวลิ่งคอมมานโดที่สตีฟจัดตั้งขึ้น บุกถล่มฐานเล็กฐานน้อยยิบย่อยของไฮดร้าไปทั่วยุโรปแทบทุกประเทศ
จนมาถึงประเทศออสเตรีย เพกกี้นำหน่วยฮาวลิ่งคอมมานโดมาจับกุมตัว Werner Reinhardt นายทหารระดับสูงของไฮดร้าได้ทัน เพกกี้จับไรฮาร์ตไปขังลืมไว้ที่ " The Rat " ซึ่งเป็นคุกลับของหน่วย SSR และเป็นการขังแบบไม่มีกำหนด
มาอ่านประวัติ Agent Carter อย่างคร่าวๆกันครับ
เพกกี้ คาร์เตอร์ เกิดวันที่ 9 เมษายน ค.ศ.1919 เป็นลูกสาวเพียงคนเดียวของ Harrison Carter และ Amanda Carter เธอเกิดและเตินโตในกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ เพกกี้จบการศึกษาระดับมัธยมที่ St Martin-In-The-Fields High School ซึ่งเป็นโรงเรียนหญิงล้วน
ปี ค.ศ. 1939 (อายุ20) เพกกี้ก็ได้เข้าร่วมเป็นทหารหญิงในกองทัพของสหราชอาณาจักร เข้ารับใช้ชาติไม่นานเพกกี้ก็ได้ไปสังกัดเจ้าหน้าที่ฝ่ายที่ปรึกษาของหน่วย Strategic Scientific Reserve หรือ SSR ประจำอังกฤษ
ปี ค.ศ. 1940 (อายุ21) เพกกี้ได้รับมอบหมายให้แฝงตัวเข้าไปที่ปราสาท Kaufmann ณ บริเวณเทือกเขาเอลฟ์ ซึ่งเป็นฐานทัพใหญ่ของ Hydra ซึ่งนำโดยผู้พัน Johann Schmidt โดยเพกกี้ปลอมตัวเป็นสาวใช้ชื่อว่า Eva การแฝงตัวครั้งนี้ทำให้เพกกี้รู้เรื่องราวของไฮดร้าและผู้พันชมิธค่อนข้างเยอะมาก และในการแฝงตัวครั้งนี้ เพกกี้ก็มีส่วนช่วยให้ Dr. Abraham Erskine หนีพวกไฮดร้าออกมาได้
หลังจากช่วยดร.เอิลสกินหนีแล้ว เพกกี้ยังแฝงตัวติดตามกองทัพไฮดร้าไปถึงเมือง Guernica ประเทศสเปน และเห็นแสนยานุภาพของอาวุธทำลายล้างสูงแห่งกองทัพไฮดร้าในการถล่มสเปนครั้งนี้ และนี่คือชนวนเหตุ World War II หรือ สงครามโลกครั้งที่สองนั่นเอง เพกกี้จึงได้รับคำสั่งจากรัฐบาลอังกฤษ ให้นำข้อมูลนี้ไปรายงานกับผู้นำฝ่ายสัมพันธมิตรอย่าง"อเมริกา"ให้รับทราบถึงเรื่องราวหน่วยรบล้ำสมัยของเยอรมันหน่วยนี้ รัฐบาลสหรัฐฯจึงขอตัวเพกกี้จากรัฐบาลอังกฤษ ให้มาช่วยงานด้านข่าวกรองในสงคราม ฝ่ายสัมพันธมิตรจึงมีความคิดจัดตั้งหน่วยงานทางทหารเฉพาะทาง เพื่อต่อกรกับหน่วยไฮดร้าโดยเฉพาะ กองทัพสหัฐฯจึงมอบหมายให้ Chester Phillips นายทหารฝีมือดีมาจัดตั้งองค์กร ผู้พันฟิลิปจึงก่อตั้งหน่วยงานที่ชื่อ "Strategic Scientific Reserve" หรือหน่วย SSR ประจำสหรัฐ โดยมีเพกกี้เป็นรองหัวหน้าหน่วย กองทัพสหรัฐนั้นยังได้เชิญ Howard Stark มาเป็นที่ปรึกษาระดับสูงของหน่วยด้วย
เพกกี้ช่วยดร.เอิลสกินให้มาขอลี้ภัยมาอยู่อเมริกา เพกกี้จึงเชิญดร.เอิลสกินให้มาช่วยงานหน่วย SSR ด้านวิทยาศาสตร์อีกด้วย ดร.เอิลสกินจึงเสนอโครงการสุดยอดทหารให้กับหน่วย จึงเกิดโปรเจค " Re-Birth " ขึ้นมา เพื่อผลิตสุดยอดทหารนักรบเหนือมนุษย์ให้แก่กองทัพสหรัฐฯเพื่อต่อกรกับไฮดร้า
ปี ค.ศ. 1943 (อายุ24) ดร.เอิลสกินก็นำเด็กหนุ่มผอมแห้งจากบรูคลินที่ชื่อ Steve Rogers มาเข้าหน่วย SSR เพื่อทดสอบเบื้องต้นว่า สตีฟนั้นเหมาะสมกับทหารคนแรกในโปรเจครีเบิร์ธหรือไม่
ปี ค.ศ. 1945 (อายุ 26) สตีฟก็จมหายไปพร้อมกับเครื่องบินรบวัลคีรีของไฮดร้าที่ทะเลน้ำแข็งเขตอาร์คติก เพกกี้จึงหัวใจสลายที่คนรักจากไป แต่เพกกี้ก็ยังสานต่อเจตนารมณ์ของสตีฟ เพกกี้นำกำลังพลและหน่วยฮาวลิ่งคอมมานโดที่สตีฟจัดตั้งขึ้น บุกถล่มฐานเล็กฐานน้อยยิบย่อยของไฮดร้าไปทั่วยุโรปแทบทุกประเทศ
จนมาถึงประเทศออสเตรีย เพกกี้นำหน่วยฮาวลิ่งคอมมานโดมาจับกุมตัว Werner Reinhardt นายทหารระดับสูงของไฮดร้าได้ทัน เพกกี้จับไรฮาร์ตไปขังลืมไว้ที่ " The Rat " ซึ่งเป็นคุกลับของหน่วย SSR และเป็นการขังแบบไม่มีกำหนด