"เวลาที่ใจใครหลายๆคนมันเซ ร้อยทั้งร้อย เค้าจะไปทะเลกัน"
หลายคน ไปนั่งมองขอบฟ้า ให้ทะเลปลอบใจ
หลายคน ไประบายทุกข์ที่มีในใจให้ทะเลฟัง
หลายคน เอาความเหงาและความเศร้าไปฝากไว้
และหลายคน ไปค้นหาบางอย่าง ที่ซ่อนอยู่ลึกๆในใจ แต่ไม่สงบพอ จึงต้องพึ่งความสุขุม ความนิ่งของทะเล เพื่อให้ได้คำตอบที่ต้องการ
และเราก้อเช่นกัน เพราะต้องการคำตอบบางอย่างให้ชีวิต จึงเกิดเป็นทริปนี้ขึ้นมา
ทะเลหน้าฝน...ที่เสม็ด
จริงๆแล้วทริปนี้ เป็นทริปที่สนุกสุดๆ มีเดอะแก๊งร่วมเดินไปด้วยทั้งหมด เจ็ดคน
ไม่ได้เอาความเหงามาด้วย และไม่มีความเศร้าเจอปน
แค่มีคำถามเรื่องชีวิตกับตัวเอง ที่ยังหาคำตอบไม่ได้ ว่าจะสู้ต่อ หรือ ปล่อยไปตามทาง
เช้ามืดวันเสาร์ เราออกเดินทางโดยรถตู้โดยสารที่อนุสาวรีย์ชัยฯ ระหว่างทาง ก้อเกิดคำถามขึ้นในใจ วันนี้ฟ้าฝนจะเป็นใจมั๊ย ไม่เคยมาทะเลหน้านี้
ยิ่งใกล้จุดหมายปลายทาง เมฆฝนยิ่งคล้อยต่ำลงเรื่อยๆ ราวกับจะรู้ว่า ในใจของนักเดินทางคนนี้ มีเรื่องบางอย่างที่มันคับข้องอยู่ข้างใน
อีกสิบห้านาทีเก้าโมง เราก้อมาถึงท่าเรือนวลทิพย์ พร้อมสายฝนที่ตกลงมาพรำๆ พอให้ได้อารมณ์เหงาเบาๆ
กลางทะเล คลื่นลมสูงพอสมควร คำถามแรกในใจ
อุปสรรคที่เจอทุกวันนี้ ทำไมใจร้ายจัง มีเข้ามาไม่หยุด
ดูเหมือนทะเลจะตอบกลับมา ด้วยคลื่นสูงติดกันห้าหกลูก เรือเอียงเบาๆที่สี่สิบห้าองศา สายตาสอดส่องหาชูชีพทันที และมองระยะห่างจากฝั่งไว้ ไม่ไกลเท่าไหร่ น่าจะไปไหว จากนั้น พอเข้าเขตเกาะเสม็ด คลื่นก้อนิ่งสนิท เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น เป็นคำตอบแรกที่ได้จากทะเล ว่า อุปสรรคมันไม่ได้มีตลอดเวลา มันอยู่ที่เราจะรับมือกับมันยังไง ขอเพียงตั้งสติให้มั่น มันก้อจะผ่านไป ได้
แล้วเราก้อมาถึงซักที เสม็ดที่รัก
เริ่มต้นภารกิจเที่ยว ด้วยการเช่ารถมอเตอร์ไซค์ ขับไปรีสอร์ท เพื่อฝากสัมภาระ เพราะเค้าให้เช็คอินเที่ยง นี่เพิ่งจะสิบโมงเช้า
ฝนหยุดตก แต่ยังไม่ไว้ใจไม่ได้ เพราะฟ้ายังมืดครึ้มอยู่ พร้อมจะตกตลอดเวลา
จุดชมวิว คือที่แรกที่ตั้งใจจะไปนั่งมองทะเลให้ลึกสุดใจ
คงเพราะทะเลมันกว้างมาก มองเท่าไหร่ก้อไม่เคยเบื่อ ซักที
แล้วสายฝนก้อโปรยลงมาอีกครั้ง พร้อมกับเสียงโทรศัพท์ของทางรีสอร์ท โทรมาบอกว่า ห้องพร้อมแล้ว กลับไปหลบฝนกันก่อนแล้วกัน
เมื่อไหร่ฝนจะหยุด แล้วจะได้เที่ยวมั๊ย .... กลัวฝนมั๊ยล่ะ? ถ้าไม่ ก้อแค่หยิบร่มคนละคัน แล้วออกเดินทางกันต่อ
-คำถามในใจเกิดขึ้นอีกข้อนึงแล้ว
มีเรื่องที่เราตั้งความหวังเอาไว้ มันจะเป็นไงนะ ?-
ขับรถไปเรื่อยๆฝนก้อตกเรื่อยๆ แต่ก้อไม่แรงมาก และก้อมาถึง อ่าวพร้าว บรรยากาศแบบนี้ ไม่ได้เลวร้ายเลย มันให้อีกอารมณ์นึง เหมือนจะเหงาแต่ก้อไม่ใช่ สวยใช่เล่นเลย
ขอนั่งซึมซึบบรรยากาศอีกนิดนึงนะ
แล้วคำตอบจากทะเลก้อมา
เรื่องที่เราตั้งความหวังเอาไว้จะเป็นไง ... มันก้อขึ้นอยู่ที่เราเลือกที่จะมอง บางทีมันอาจจะไม่ได้ดั่งใจไปซะทุกเรื่อง อย่าไปตั้งความหวังกับใคร หรือเรื่องอะไร ให้มาก ปล่อยให้มันเป็นไป แล้วชีวิตจะเจอเรื่องเซอร์ไพร้ทุกวัน
วันนี้เที่ยวแค่นี้ก่อน พรุ่งนี้ตั้งใจไว้ว่า อยากจะเล่นน้ำ แต่ถ้าฝนยังไม่หยุดก้อคงอด แต่ก้อนั่นแหล่ะ อย่าไปคาดหวัง พรุ่งนี้ค่อยว่ากัน คืนนี้ ปลดปล่อยกับแสงสี เสียงเพลง เสียงฝนพรำ และเสียงหัวเราะกับเดอะแก๊งดีกว่า
หลังจากสุดเหวี่ยงกับค่ำคืน ได้นอนแต่หัวค่ำ เพราะตามันหวานฉ่ำมาก (ฮ่าๆ) เช้าวันใหม่จึงได้ตื่นมาตั้งแต่หกโมงเช้า แต่ทำไมมันหัวเยี่ยงนี้
นี่แหล่ะชีวิต มีทุกข์ มีสุขปนกันไป เราสร้างเองทั้งนั้น
หลังจากตั้งตัวให้เดินตรงได้แล้ว วันนี้ท้องฟ้า เป็นใจ เปิดทางให้แดดแรงๆ สองตา หมายจะให้เราได้รับรู้ว่า ฟ้าหลังฝนเป็นยังไง
มันสดใส มากจริงๆ วันนี้ที่อยากเล่นน้ำ ก้อสมใจอยากแล้วสินะ ช้าอยู่ไย
ชวนเดอะแก๊งขับไปที่อ่าวทับทิม ที่ที่เราจะเอาเท้าไปจุ่มน้ำ และเอาตัวไปคลุกกับทรายนุ่มๆ ริมชายหาด รอให้คลื่นซัดมาเบาๆ แล้วค่อยถลาทั้งตัวดำดิ่งลงไปใต้ท้องทะเล เป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดของทริป
ที่ทะเลตอบอีกคำถามในใจ ที่ตั้งคำถามไว้ก่อนนอน “ลองสู้กันอีกซักตั้งมั๊ย ชีวิต”
แล้วก็ได้คำตอบกลับมา
พยายามเข้านะ วันนี้สนุกให้เต็มที่ เก็บทุกความสดใส ของทะเล และท้องฟ้าในวันนี้ ไว้เป็นพลัง เพื่อใช้ในวันต่อไป
วันไหน ไม่ไหว ก้อกลับมา เราจะรอ .......
รักทะเลจัง
ท้ายนี้ มีไรจะบอก
ไม่ได้เป็นคนถ่ายรูปเก่ง
ไม่ได้เป็นเขียนแล้วน่าอ่านซักเท่าไหร่ แต่รีวิวนี้ มาจากอินเนอร์ล้วนๆ อย่างที่บอก ทริปนี้สนุกมาก
การไปเที่ยวคนเดียว ้เป็นอะไรที่ท้าทาย และสนุกไปอีกแบบ แต่การไปเที่ยวกับเพื่อนรู้ใจ มันสนุกกว่ากันเยอะอ่ะเนอะ
ขอบคุณที่ติดตามจนจบนะคะ
กระทู้นี้ใช้รูปจาก
cannon 650 แต่งรูปในมือถือล้วนๆ ไว้เจอกันทริปหน้าค่ะ
"เมื่อทะเลตอบทุกคำถาม ความพยายามจึงเริ่มขึ้นอีกครั้ง" ~ทะเลหน้าฝน~
หลายคน ไปนั่งมองขอบฟ้า ให้ทะเลปลอบใจ
หลายคน ไประบายทุกข์ที่มีในใจให้ทะเลฟัง
หลายคน เอาความเหงาและความเศร้าไปฝากไว้
และหลายคน ไปค้นหาบางอย่าง ที่ซ่อนอยู่ลึกๆในใจ แต่ไม่สงบพอ จึงต้องพึ่งความสุขุม ความนิ่งของทะเล เพื่อให้ได้คำตอบที่ต้องการ
และเราก้อเช่นกัน เพราะต้องการคำตอบบางอย่างให้ชีวิต จึงเกิดเป็นทริปนี้ขึ้นมา
ทะเลหน้าฝน...ที่เสม็ด
จริงๆแล้วทริปนี้ เป็นทริปที่สนุกสุดๆ มีเดอะแก๊งร่วมเดินไปด้วยทั้งหมด เจ็ดคน
ไม่ได้เอาความเหงามาด้วย และไม่มีความเศร้าเจอปน
แค่มีคำถามเรื่องชีวิตกับตัวเอง ที่ยังหาคำตอบไม่ได้ ว่าจะสู้ต่อ หรือ ปล่อยไปตามทาง
เช้ามืดวันเสาร์ เราออกเดินทางโดยรถตู้โดยสารที่อนุสาวรีย์ชัยฯ ระหว่างทาง ก้อเกิดคำถามขึ้นในใจ วันนี้ฟ้าฝนจะเป็นใจมั๊ย ไม่เคยมาทะเลหน้านี้
ยิ่งใกล้จุดหมายปลายทาง เมฆฝนยิ่งคล้อยต่ำลงเรื่อยๆ ราวกับจะรู้ว่า ในใจของนักเดินทางคนนี้ มีเรื่องบางอย่างที่มันคับข้องอยู่ข้างใน
อีกสิบห้านาทีเก้าโมง เราก้อมาถึงท่าเรือนวลทิพย์ พร้อมสายฝนที่ตกลงมาพรำๆ พอให้ได้อารมณ์เหงาเบาๆ
กลางทะเล คลื่นลมสูงพอสมควร คำถามแรกในใจ
อุปสรรคที่เจอทุกวันนี้ ทำไมใจร้ายจัง มีเข้ามาไม่หยุด
ดูเหมือนทะเลจะตอบกลับมา ด้วยคลื่นสูงติดกันห้าหกลูก เรือเอียงเบาๆที่สี่สิบห้าองศา สายตาสอดส่องหาชูชีพทันที และมองระยะห่างจากฝั่งไว้ ไม่ไกลเท่าไหร่ น่าจะไปไหว จากนั้น พอเข้าเขตเกาะเสม็ด คลื่นก้อนิ่งสนิท เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น เป็นคำตอบแรกที่ได้จากทะเล ว่า อุปสรรคมันไม่ได้มีตลอดเวลา มันอยู่ที่เราจะรับมือกับมันยังไง ขอเพียงตั้งสติให้มั่น มันก้อจะผ่านไป ได้
แล้วเราก้อมาถึงซักที เสม็ดที่รัก
เริ่มต้นภารกิจเที่ยว ด้วยการเช่ารถมอเตอร์ไซค์ ขับไปรีสอร์ท เพื่อฝากสัมภาระ เพราะเค้าให้เช็คอินเที่ยง นี่เพิ่งจะสิบโมงเช้า
ฝนหยุดตก แต่ยังไม่ไว้ใจไม่ได้ เพราะฟ้ายังมืดครึ้มอยู่ พร้อมจะตกตลอดเวลา
จุดชมวิว คือที่แรกที่ตั้งใจจะไปนั่งมองทะเลให้ลึกสุดใจ
คงเพราะทะเลมันกว้างมาก มองเท่าไหร่ก้อไม่เคยเบื่อ ซักที
แล้วสายฝนก้อโปรยลงมาอีกครั้ง พร้อมกับเสียงโทรศัพท์ของทางรีสอร์ท โทรมาบอกว่า ห้องพร้อมแล้ว กลับไปหลบฝนกันก่อนแล้วกัน
เมื่อไหร่ฝนจะหยุด แล้วจะได้เที่ยวมั๊ย .... กลัวฝนมั๊ยล่ะ? ถ้าไม่ ก้อแค่หยิบร่มคนละคัน แล้วออกเดินทางกันต่อ
-คำถามในใจเกิดขึ้นอีกข้อนึงแล้ว
มีเรื่องที่เราตั้งความหวังเอาไว้ มันจะเป็นไงนะ ?-
ขับรถไปเรื่อยๆฝนก้อตกเรื่อยๆ แต่ก้อไม่แรงมาก และก้อมาถึง อ่าวพร้าว บรรยากาศแบบนี้ ไม่ได้เลวร้ายเลย มันให้อีกอารมณ์นึง เหมือนจะเหงาแต่ก้อไม่ใช่ สวยใช่เล่นเลย
ขอนั่งซึมซึบบรรยากาศอีกนิดนึงนะ
แล้วคำตอบจากทะเลก้อมา
เรื่องที่เราตั้งความหวังเอาไว้จะเป็นไง ... มันก้อขึ้นอยู่ที่เราเลือกที่จะมอง บางทีมันอาจจะไม่ได้ดั่งใจไปซะทุกเรื่อง อย่าไปตั้งความหวังกับใคร หรือเรื่องอะไร ให้มาก ปล่อยให้มันเป็นไป แล้วชีวิตจะเจอเรื่องเซอร์ไพร้ทุกวัน
วันนี้เที่ยวแค่นี้ก่อน พรุ่งนี้ตั้งใจไว้ว่า อยากจะเล่นน้ำ แต่ถ้าฝนยังไม่หยุดก้อคงอด แต่ก้อนั่นแหล่ะ อย่าไปคาดหวัง พรุ่งนี้ค่อยว่ากัน คืนนี้ ปลดปล่อยกับแสงสี เสียงเพลง เสียงฝนพรำ และเสียงหัวเราะกับเดอะแก๊งดีกว่า
หลังจากสุดเหวี่ยงกับค่ำคืน ได้นอนแต่หัวค่ำ เพราะตามันหวานฉ่ำมาก (ฮ่าๆ) เช้าวันใหม่จึงได้ตื่นมาตั้งแต่หกโมงเช้า แต่ทำไมมันหัวเยี่ยงนี้
นี่แหล่ะชีวิต มีทุกข์ มีสุขปนกันไป เราสร้างเองทั้งนั้น
หลังจากตั้งตัวให้เดินตรงได้แล้ว วันนี้ท้องฟ้า เป็นใจ เปิดทางให้แดดแรงๆ สองตา หมายจะให้เราได้รับรู้ว่า ฟ้าหลังฝนเป็นยังไง
มันสดใส มากจริงๆ วันนี้ที่อยากเล่นน้ำ ก้อสมใจอยากแล้วสินะ ช้าอยู่ไย
ชวนเดอะแก๊งขับไปที่อ่าวทับทิม ที่ที่เราจะเอาเท้าไปจุ่มน้ำ และเอาตัวไปคลุกกับทรายนุ่มๆ ริมชายหาด รอให้คลื่นซัดมาเบาๆ แล้วค่อยถลาทั้งตัวดำดิ่งลงไปใต้ท้องทะเล เป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดของทริป
ที่ทะเลตอบอีกคำถามในใจ ที่ตั้งคำถามไว้ก่อนนอน “ลองสู้กันอีกซักตั้งมั๊ย ชีวิต”
แล้วก็ได้คำตอบกลับมา
พยายามเข้านะ วันนี้สนุกให้เต็มที่ เก็บทุกความสดใส ของทะเล และท้องฟ้าในวันนี้ ไว้เป็นพลัง เพื่อใช้ในวันต่อไป
วันไหน ไม่ไหว ก้อกลับมา เราจะรอ .......
รักทะเลจัง
ท้ายนี้ มีไรจะบอก
ไม่ได้เป็นคนถ่ายรูปเก่ง
ไม่ได้เป็นเขียนแล้วน่าอ่านซักเท่าไหร่ แต่รีวิวนี้ มาจากอินเนอร์ล้วนๆ อย่างที่บอก ทริปนี้สนุกมาก
การไปเที่ยวคนเดียว ้เป็นอะไรที่ท้าทาย และสนุกไปอีกแบบ แต่การไปเที่ยวกับเพื่อนรู้ใจ มันสนุกกว่ากันเยอะอ่ะเนอะ
ขอบคุณที่ติดตามจนจบนะคะ
กระทู้นี้ใช้รูปจาก
cannon 650 แต่งรูปในมือถือล้วนๆ ไว้เจอกันทริปหน้าค่ะ