〰
บันทึกการเดินทางแบบฉบับผู้หญิงลุยเดี่ยว〰
ใครว่าเป็นผู้หญิงแล้วเที่ยวคนเดียวคนไม่ได้
โลกเปิดรับเราเสมอ...ขอแค่เรากล้าที่จะก้าวออกมา...ถ้าเรามัวแต่กลัวเราก็คงอยู่แต่กับอะไรเดิมๆและไม่มีวันได้เรียนรู้เรื่องราวใหม่ๆ...
คนที่กล้าไม่ได้หมายความว่าเค้าไม่กลัว แต่เค้าคือคนที่กล้าจะเดินออกไปเผชิญกับความกลัวที่อยู่ข้างหน้า
มือใหม่หัดเขียน กระทุ้นี้ถือว่าเป็นครั้งแรกของเราเลยค่ะหลังจากเกาะติดกระทู้รีวิวการท่องเที่ยวของเพื่อนๆสักพักใหญ่ๆ เนื่องจากอยากแชร์ประสบการณ์ท่องเที่ยวของตัวเองซึ่งเป็นผู้หญิงเที่ยวคนเดียว เผื่อว่าจะเป็นแนวทางที่เป็นประโยชน์และสร้างความมั่นใจให้กับผู้หญิง ที่อยากจะลองออกเดินทางท่องเที่ยวคนเดียวแบบเราค่ะ
เนื่องจากเราเป็นคนที่ชอบถ่ายรูปมากและชอบท่องเที่ยว เลยอยากจะออกเดินทางเก็บภาพสวยๆมาฝากเพื่อนๆในที่นี้กัน และเราคิดว่าการออกเดินทางไปยังที่ที่เราไม่เคยไป มันเหมือนเป็นการเปิดโลก ทำให้เราได้พบเจออะไรใหม่ๆแบบที่ไม่เคยเจอ ออกจากอะไรเดิมๆที่เป็นอยู่ แล้วโอกาสก็มาถึงเมื่อเราตัดสินใจลาออกจากงานประจำ เลยคิดว่าครั้งนี้อยากจะออกเดินทางท่องเที่ยว เพื่อชาร์จแบตเติมพลังให้กับตัวเองก่อนหางานใหม่ ให้รางวัลกับตัวเองสักหน่อย
การเดินทางในครั้งนี้เราตัดใจว่าจะออกเดินทางคนเดียว เพราะเป็นสิ่งที่อยากลองทำมานานแล้ว ซึ่งเชื่อว่าหลายๆคนอยากลอง แต่มันก็ค่อนข้างมีความเสี่ยง เราต้องมีความกล้า และดูแลตัวเองได้ในระดับนึง ซึ่งเราคิดว่ามันจะทำให้เราจะได้ประสบการณ์ใหม่ๆที่ท้าทายและน่าจดจำ ใครจะไปรู้บางทีเราอาจจะติดใจการเที่ยวแบบนี้ก็ได้
ออกไปค้นหา คำตอบรออยู่ข้างหน้า เพราะถ้าไม่ลองก็คงไม่รู้ แค่คิดก็น่าสนุกแล้วล่ะสิ อิอิ
ตอนแรกเราคิดว่าจะเดินทางไปเที่ยวทางเหนือแต่ด้วยสภาพอากาศเราจึงตัดสินใจว่าจะไปเที่ยวทะเล
เอาล่ะมาหาข้อมูลกัน!
สรุป สถานที่ที่เราตัดสินใจเลือกนั่นก็คือ
เกาะเสม็ด เนื่องจากเป็นทะเลที่ขึ้นชื่อ สวย และอยู่ไม่ไกลจากกรุงเทพ น่าจะประหยัดเวลาและค่าใช้จ่าย เลยตัดสินใจเลือกเกาะเสม็ดนี่แหละ เปิดอ่านรีวิวมีค่อนข้างน้อย เลยตัดสินใจไปแบบไม่ได้วางแผนอะไรมาก
เก็บกระเป๋าออกเดินทางกันดีกว่า LET GO!!!!!!!
วันแรกของการเดินทาง
เช้าแล้วหรอรู้สึกเหมือนพึ่งได้นอน เราตื่นมาเวลา 5.30 น. ลุกไปอาบน้ำแต่งตัว มุ่งหน้าไปยังเมเจอร์รังสิตเพื่อรถไปขึ้นรถตู้ สายรังสิต -บ้านแพ ค่ารถ 250บาท รถออกเวลา 7.15 ระหว่างนั้นก็นั่งฟังเพลงมาตลอดทาง แล้วก็หลับๆตื่น และแล้วเราก็เดินทางมาถึงท่าเรือนวลทิพย์ในเวลา 11.00 น. ซึ่งเราเห็นว่ามีน้องผู้หญิงกับผู้ชายคู่นึงนั่งรถมาจากเมเจอร์รังสิตและมาลงที่ท่าเรือนวลทิพย์เหมือนกับเรา สักพักได้คุยกันเลยรู้ว่าน้องจะไปหาดทรายแก้ว เลยได้เพื่อนนั่งเรือมายังเกาะเสม็ดด้วยกัน ทริปนี้โชคดีมากเราได้เพื่อนใหม่ระหว่างทางอีก 2 คน น้องๆน่ารักมากคอยถามเราตลอดเลยว่าถ่ายรูปไหม งี้ก็เข้าทางเราเลยสิ555 ส่วนสภาพอากาศฟ้ามืด เหมือนฝนกำลังจะตก ถือว่าได้บรรยากาศอีกแบบนึง
พายุ ถั่งโถม สักเพียงไหน จะไม่ยอมแพ้คำขู่
ป้ายน่ารักๆ
ท่าเรือนวลทิพย์ เราซื้อตั๋วเรือทั้งไป - กลับเกาะเสม็ด ราคา 100บาท
เมฆฝนมาแล้วว
ภายใต้ท้องฟ้าสีดำ Greasy Cafe ก็มานะครัช 555
บรรยากาศภายในเรือ ฝนเริ่มลงเม็ด
กลางทะเล คลื่นแรงและสูงมาก คนในเรือพากันกรี๊ด
เย้ เห็นรูปปั้นผีเสื้อสมุทรมาแต่ไกล แสดงว่าเราก็มาถึงเกาะเสม็ดแล้ว
และเราก็มาถึงเกาะเสม็ดเวลา 12.05 เราลงเรือมาพร้อมกับน้องอีก 2คนที่เจอตอนแรก คุยกันไปมาพวกเราก็เริ่มสนิทกัน จึงได้แลกเบอร์โทรศัพท์กันไว้
มิตรภาพดีดีเกิดขึ้นได้จากการเดินทางจริงๆ เรากับน้องๆเดินไปขึ้นสองแถวไปยังหาดทรายแก้วซึ่งปกติจะคนละ 10บาท แต่ตอนนั้นไม่ค่อยมีคนเค้าเลยพวกเราคนละ 20บาท ระหว่างอยู่บนรถเราก็ถามน้องเค้าว่าพักที่ไหน ซึ่งน้องเค้าได้จองห้องพักไว้แล้วอยู่ติดหาดเลย แต่เรายังไม่ได้จองเลย เพราะอยากมาเลือกโลเคชั่นและเห็นสถานที่จริง คิดว่าวันธรรมดาคนไม่น่าจะเยอะ น่าจะพอมีห้องว่างบ้าง
งานนี้ตากฝนมาบนรถสองแถว
และแล้วเราก็มาถึงหาดทรายแก้ว เกาะเสม็ด!!
บรรยากาศค่อนข้างเงียบเหงาเนื่องจากสายฝนที่ตกอยู่ปรอยๆ
และเรากับน้องๆก็แยกย้ายกันไปยังที่พักซึ่งน้องไปพักอยู่แถวริมหาด แต่เราออกมาเดินหาที่พักอยู่แถวหน้าอุทยานซึ่งคิดว่าน่าจะราคาถูกกว่าริมหาด สุดท้ายเราก็มาพักที่บ้านฟ้าใสห้องแอร์ อยู่ติดกับเซเว่นแฝดเลยค่ะ คิดว่าสะดวกสบายใกล้หาด และราคาก็โอเค โดยราคาค่าห้องพักคืนละ 1,000 บาท เราพักอยู่ชั้น 2
นี่คือด้านหน้าของที่พักเรา
ส่วนนี่เป็นห้องพักคืนนี้ของเรา สีสันสดใส แต่แอบหวั่นนิดๆคืนนี้ต้องนอนคนเดียวแล้วสินะ
เอาล่ะออกไปเดินเล่นริมหาดกันดีกว่า เปิดประตูออกไปฝนยังตกอยู่ ติดฝนออกไปไหนไม่ได้ เราก็เลยอาบน้ำแต่งตัวกะว่าฝนหยุดตกแล้วจะไปถ่ายรูปสวยๆ หลังอาบน้ำเสร็จเราก็มาแต่งตัวและแล้วเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น พรึ๊บ! มืดดดดดดดดดด ไฟดับบบบ อะไรเนี่ย เปิดประตูออกไปข้างนอก อ่าวไฟทางเดินก็ติดหนิ เราตกใจเลยจ้าจังหวะนั้นคิดว่าเอาแล้วไง หนูพึ่งมาถึงเองนะเนี่ย TT สักพักเราก็ไปเรียกพี่แม่บ้านมาดู ปรากฎว่า อ่อไฟดับทั้งหมด ที่ทางเดินไม่ดับตอนแรกเพราะมีไฟสำรอง ห้องอื่นก็ดับหมด เห้อค่อยโล่งอก นึกว่าเจอดีเข้าซะแล้ว
เราเดินออกมาข้างนอกที่พักเรียบร้อย เริ่มหิวข้าวสะแล้วสิ เลยจัดข้าวกระเพาหมูสับ จานนี้ 60บาท ราคาถือว่าโอเครจ้า
กินเสร็จเราก็เดินเข้าหาดทรายแก้วอีกครั้งเพื่อไปเก็บภาพบรรยากาศสวยๆ
ด้านหน้าอุทยานที่เดินผ่านก่อนเข้าหาดทรายแก้วจ้า
และก็เดินมาถึงหาดอีกครั้ง บรรยากาศหลังฝนหยุดตก
จากเหตุการณ์ไฟดับ คนเริ่มออกมาเดินเล่นกันริมหาด
คนเริ่มเยอะขึ้นแล้ว
ร้านนี้ยังไม่เปิด น่าจะเปิดช่วงค่ำๆ
บรรยากาศรอบๆ
เรือน้อยลำหนึ่ง
หวงยางหลากสี
มันคืออะไรกัน เหมือนจะมีลูกโป่งอยู่ด้วย
ถ่ายรูปไปได้สักพัก น้องที่เราเจอตอนแรกโทรมาชวนไปเล่นน้ำ เย้มีเพื่อนเล่นน้ำแว้ววว
หลังจากเราเล่นน้ำได้สักพัก ก็มานั่งชมวิวสวยๆอยู่ตรงนี้
คลื่นแรงเนื่องจากพายุเข้า
เรือเล็กกำลังออกจากฝั่ง
อุ้ยอะไรลางๆ อิอิ
ฟ้ากับทะเลมันช่างกลมกลืน
ฟ้าเริ่มเปิด
เมฆฝนเริ่มหายไป
สวยจริงๆทะเลยามเย็น
เสียงน้ำ เสียงลม เสียงคลื่นกระทบฝั่ง มันทำให้เราลืมเรื่องราวที่ไม่สบายใจต่างๆในชีวิตไปชั่วขณะ
รู้สึกได้รับพลังบางอย่าง
อยากหยุดเวลาไว้ตรงนี้จริงๆ
สดชื่น
สงบ
มีความสุข
ฟ้าเริ่มมืดแล้ว เราก็เดินกลับที่พัก ระหว่างทางเดินกลับก็เลยเก็บภาพบรรยากาศมาฝากกันต่อ
เค้ากำลังเล่นอะไรกัน อิอิ
รีสอร์ทริมหาด
ร้านอาหารริมหาด
ลมเย็นสบาย
มาคนเดียวแอบอิจฉา
ร้านเริ่มเปิดไฟ
แสงสีเริ่มมา
เรากลับถึงห้องประมาณทุ่มครึ่ง อาบน้ำเสร็จสักพักน้องๆก็โทรมาชวนเราไปกินข้าว มื้อนี้เราจัดข้าวผัดกระเผาปลาหมึกกับส้มตำปูปลาร้า เสียดายลืมถ่ายรูปมาฝากแต่ขอบอกว่าแซ่บมาก กินเสร็จเราก็แวะไปเดินเล่นรับลมริมหาด บรรยากาศฟินมากนี่ขนาดไม่มีคู่555 แล้วเราก็เดินกลับมายังที่พักอีกครั้งประมาณ4ทุ่ม น้องๆน่ารักมากเดินมาส่งเราถึงหน้าที่พักเลยค่ะ ไม่คิดว่าจะได้รับมิตรภาพดีๆเช่นนี้
ขอบคุณอะไรก็แล้วแต่ที่ทำให้พวกเราได้มาเจอกัน พอถึงห้องเราก็ตรวจสอบความเรียบร้อยล๊อคประตูให้แน่นหนาปิดม่านให้มิดชิด และคืนนี้ก็จบลงด้วย
"SAMED ISLAND" เกาะสวย น้ำใส ไม่ไกลกรุง Ver.I ROAM ALONE
ใครว่าเป็นผู้หญิงแล้วเที่ยวคนเดียวคนไม่ได้
โลกเปิดรับเราเสมอ...ขอแค่เรากล้าที่จะก้าวออกมา...ถ้าเรามัวแต่กลัวเราก็คงอยู่แต่กับอะไรเดิมๆและไม่มีวันได้เรียนรู้เรื่องราวใหม่ๆ...
คนที่กล้าไม่ได้หมายความว่าเค้าไม่กลัว แต่เค้าคือคนที่กล้าจะเดินออกไปเผชิญกับความกลัวที่อยู่ข้างหน้า
มือใหม่หัดเขียน กระทุ้นี้ถือว่าเป็นครั้งแรกของเราเลยค่ะหลังจากเกาะติดกระทู้รีวิวการท่องเที่ยวของเพื่อนๆสักพักใหญ่ๆ เนื่องจากอยากแชร์ประสบการณ์ท่องเที่ยวของตัวเองซึ่งเป็นผู้หญิงเที่ยวคนเดียว เผื่อว่าจะเป็นแนวทางที่เป็นประโยชน์และสร้างความมั่นใจให้กับผู้หญิง ที่อยากจะลองออกเดินทางท่องเที่ยวคนเดียวแบบเราค่ะ
เนื่องจากเราเป็นคนที่ชอบถ่ายรูปมากและชอบท่องเที่ยว เลยอยากจะออกเดินทางเก็บภาพสวยๆมาฝากเพื่อนๆในที่นี้กัน และเราคิดว่าการออกเดินทางไปยังที่ที่เราไม่เคยไป มันเหมือนเป็นการเปิดโลก ทำให้เราได้พบเจออะไรใหม่ๆแบบที่ไม่เคยเจอ ออกจากอะไรเดิมๆที่เป็นอยู่ แล้วโอกาสก็มาถึงเมื่อเราตัดสินใจลาออกจากงานประจำ เลยคิดว่าครั้งนี้อยากจะออกเดินทางท่องเที่ยว เพื่อชาร์จแบตเติมพลังให้กับตัวเองก่อนหางานใหม่ ให้รางวัลกับตัวเองสักหน่อย
การเดินทางในครั้งนี้เราตัดใจว่าจะออกเดินทางคนเดียว เพราะเป็นสิ่งที่อยากลองทำมานานแล้ว ซึ่งเชื่อว่าหลายๆคนอยากลอง แต่มันก็ค่อนข้างมีความเสี่ยง เราต้องมีความกล้า และดูแลตัวเองได้ในระดับนึง ซึ่งเราคิดว่ามันจะทำให้เราจะได้ประสบการณ์ใหม่ๆที่ท้าทายและน่าจดจำ ใครจะไปรู้บางทีเราอาจจะติดใจการเที่ยวแบบนี้ก็ได้ ออกไปค้นหา คำตอบรออยู่ข้างหน้า เพราะถ้าไม่ลองก็คงไม่รู้ แค่คิดก็น่าสนุกแล้วล่ะสิ อิอิ
ตอนแรกเราคิดว่าจะเดินทางไปเที่ยวทางเหนือแต่ด้วยสภาพอากาศเราจึงตัดสินใจว่าจะไปเที่ยวทะเล
เอาล่ะมาหาข้อมูลกัน!
สรุป สถานที่ที่เราตัดสินใจเลือกนั่นก็คือ เกาะเสม็ด เนื่องจากเป็นทะเลที่ขึ้นชื่อ สวย และอยู่ไม่ไกลจากกรุงเทพ น่าจะประหยัดเวลาและค่าใช้จ่าย เลยตัดสินใจเลือกเกาะเสม็ดนี่แหละ เปิดอ่านรีวิวมีค่อนข้างน้อย เลยตัดสินใจไปแบบไม่ได้วางแผนอะไรมาก
เก็บกระเป๋าออกเดินทางกันดีกว่า LET GO!!!!!!!
วันแรกของการเดินทาง
เช้าแล้วหรอรู้สึกเหมือนพึ่งได้นอน เราตื่นมาเวลา 5.30 น. ลุกไปอาบน้ำแต่งตัว มุ่งหน้าไปยังเมเจอร์รังสิตเพื่อรถไปขึ้นรถตู้ สายรังสิต -บ้านแพ ค่ารถ 250บาท รถออกเวลา 7.15 ระหว่างนั้นก็นั่งฟังเพลงมาตลอดทาง แล้วก็หลับๆตื่น และแล้วเราก็เดินทางมาถึงท่าเรือนวลทิพย์ในเวลา 11.00 น. ซึ่งเราเห็นว่ามีน้องผู้หญิงกับผู้ชายคู่นึงนั่งรถมาจากเมเจอร์รังสิตและมาลงที่ท่าเรือนวลทิพย์เหมือนกับเรา สักพักได้คุยกันเลยรู้ว่าน้องจะไปหาดทรายแก้ว เลยได้เพื่อนนั่งเรือมายังเกาะเสม็ดด้วยกัน ทริปนี้โชคดีมากเราได้เพื่อนใหม่ระหว่างทางอีก 2 คน น้องๆน่ารักมากคอยถามเราตลอดเลยว่าถ่ายรูปไหม งี้ก็เข้าทางเราเลยสิ555 ส่วนสภาพอากาศฟ้ามืด เหมือนฝนกำลังจะตก ถือว่าได้บรรยากาศอีกแบบนึง
พายุ ถั่งโถม สักเพียงไหน จะไม่ยอมแพ้คำขู่
ป้ายน่ารักๆ
ท่าเรือนวลทิพย์ เราซื้อตั๋วเรือทั้งไป - กลับเกาะเสม็ด ราคา 100บาท
เมฆฝนมาแล้วว
ภายใต้ท้องฟ้าสีดำ Greasy Cafe ก็มานะครัช 555
บรรยากาศภายในเรือ ฝนเริ่มลงเม็ด
กลางทะเล คลื่นแรงและสูงมาก คนในเรือพากันกรี๊ด
เย้ เห็นรูปปั้นผีเสื้อสมุทรมาแต่ไกล แสดงว่าเราก็มาถึงเกาะเสม็ดแล้ว
และเราก็มาถึงเกาะเสม็ดเวลา 12.05 เราลงเรือมาพร้อมกับน้องอีก 2คนที่เจอตอนแรก คุยกันไปมาพวกเราก็เริ่มสนิทกัน จึงได้แลกเบอร์โทรศัพท์กันไว้ มิตรภาพดีดีเกิดขึ้นได้จากการเดินทางจริงๆ เรากับน้องๆเดินไปขึ้นสองแถวไปยังหาดทรายแก้วซึ่งปกติจะคนละ 10บาท แต่ตอนนั้นไม่ค่อยมีคนเค้าเลยพวกเราคนละ 20บาท ระหว่างอยู่บนรถเราก็ถามน้องเค้าว่าพักที่ไหน ซึ่งน้องเค้าได้จองห้องพักไว้แล้วอยู่ติดหาดเลย แต่เรายังไม่ได้จองเลย เพราะอยากมาเลือกโลเคชั่นและเห็นสถานที่จริง คิดว่าวันธรรมดาคนไม่น่าจะเยอะ น่าจะพอมีห้องว่างบ้าง
งานนี้ตากฝนมาบนรถสองแถว
และแล้วเราก็มาถึงหาดทรายแก้ว เกาะเสม็ด!!
บรรยากาศค่อนข้างเงียบเหงาเนื่องจากสายฝนที่ตกอยู่ปรอยๆ
และเรากับน้องๆก็แยกย้ายกันไปยังที่พักซึ่งน้องไปพักอยู่แถวริมหาด แต่เราออกมาเดินหาที่พักอยู่แถวหน้าอุทยานซึ่งคิดว่าน่าจะราคาถูกกว่าริมหาด สุดท้ายเราก็มาพักที่บ้านฟ้าใสห้องแอร์ อยู่ติดกับเซเว่นแฝดเลยค่ะ คิดว่าสะดวกสบายใกล้หาด และราคาก็โอเค โดยราคาค่าห้องพักคืนละ 1,000 บาท เราพักอยู่ชั้น 2
นี่คือด้านหน้าของที่พักเรา
ส่วนนี่เป็นห้องพักคืนนี้ของเรา สีสันสดใส แต่แอบหวั่นนิดๆคืนนี้ต้องนอนคนเดียวแล้วสินะ
เอาล่ะออกไปเดินเล่นริมหาดกันดีกว่า เปิดประตูออกไปฝนยังตกอยู่ ติดฝนออกไปไหนไม่ได้ เราก็เลยอาบน้ำแต่งตัวกะว่าฝนหยุดตกแล้วจะไปถ่ายรูปสวยๆ หลังอาบน้ำเสร็จเราก็มาแต่งตัวและแล้วเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น พรึ๊บ! มืดดดดดดดดดด ไฟดับบบบ อะไรเนี่ย เปิดประตูออกไปข้างนอก อ่าวไฟทางเดินก็ติดหนิ เราตกใจเลยจ้าจังหวะนั้นคิดว่าเอาแล้วไง หนูพึ่งมาถึงเองนะเนี่ย TT สักพักเราก็ไปเรียกพี่แม่บ้านมาดู ปรากฎว่า อ่อไฟดับทั้งหมด ที่ทางเดินไม่ดับตอนแรกเพราะมีไฟสำรอง ห้องอื่นก็ดับหมด เห้อค่อยโล่งอก นึกว่าเจอดีเข้าซะแล้ว
เราเดินออกมาข้างนอกที่พักเรียบร้อย เริ่มหิวข้าวสะแล้วสิ เลยจัดข้าวกระเพาหมูสับ จานนี้ 60บาท ราคาถือว่าโอเครจ้า
กินเสร็จเราก็เดินเข้าหาดทรายแก้วอีกครั้งเพื่อไปเก็บภาพบรรยากาศสวยๆ
ด้านหน้าอุทยานที่เดินผ่านก่อนเข้าหาดทรายแก้วจ้า
และก็เดินมาถึงหาดอีกครั้ง บรรยากาศหลังฝนหยุดตก
จากเหตุการณ์ไฟดับ คนเริ่มออกมาเดินเล่นกันริมหาด
คนเริ่มเยอะขึ้นแล้ว
ร้านนี้ยังไม่เปิด น่าจะเปิดช่วงค่ำๆ
บรรยากาศรอบๆ
เรือน้อยลำหนึ่ง
หวงยางหลากสี
มันคืออะไรกัน เหมือนจะมีลูกโป่งอยู่ด้วย
ถ่ายรูปไปได้สักพัก น้องที่เราเจอตอนแรกโทรมาชวนไปเล่นน้ำ เย้มีเพื่อนเล่นน้ำแว้ววว
หลังจากเราเล่นน้ำได้สักพัก ก็มานั่งชมวิวสวยๆอยู่ตรงนี้
คลื่นแรงเนื่องจากพายุเข้า
เรือเล็กกำลังออกจากฝั่ง
อุ้ยอะไรลางๆ อิอิ
ฟ้ากับทะเลมันช่างกลมกลืน
ฟ้าเริ่มเปิด
เมฆฝนเริ่มหายไป
สวยจริงๆทะเลยามเย็น
เสียงน้ำ เสียงลม เสียงคลื่นกระทบฝั่ง มันทำให้เราลืมเรื่องราวที่ไม่สบายใจต่างๆในชีวิตไปชั่วขณะ
รู้สึกได้รับพลังบางอย่าง
อยากหยุดเวลาไว้ตรงนี้จริงๆ
สดชื่น
สงบ
มีความสุข
ฟ้าเริ่มมืดแล้ว เราก็เดินกลับที่พัก ระหว่างทางเดินกลับก็เลยเก็บภาพบรรยากาศมาฝากกันต่อ
เค้ากำลังเล่นอะไรกัน อิอิ
รีสอร์ทริมหาด
ร้านอาหารริมหาด
ลมเย็นสบาย
มาคนเดียวแอบอิจฉา
ร้านเริ่มเปิดไฟ
แสงสีเริ่มมา
เรากลับถึงห้องประมาณทุ่มครึ่ง อาบน้ำเสร็จสักพักน้องๆก็โทรมาชวนเราไปกินข้าว มื้อนี้เราจัดข้าวผัดกระเผาปลาหมึกกับส้มตำปูปลาร้า เสียดายลืมถ่ายรูปมาฝากแต่ขอบอกว่าแซ่บมาก กินเสร็จเราก็แวะไปเดินเล่นรับลมริมหาด บรรยากาศฟินมากนี่ขนาดไม่มีคู่555 แล้วเราก็เดินกลับมายังที่พักอีกครั้งประมาณ4ทุ่ม น้องๆน่ารักมากเดินมาส่งเราถึงหน้าที่พักเลยค่ะ ไม่คิดว่าจะได้รับมิตรภาพดีๆเช่นนี้ ขอบคุณอะไรก็แล้วแต่ที่ทำให้พวกเราได้มาเจอกัน พอถึงห้องเราก็ตรวจสอบความเรียบร้อยล๊อคประตูให้แน่นหนาปิดม่านให้มิดชิด และคืนนี้ก็จบลงด้วย