เป็นภาคจบต่อจาก Little Forest (Summer/Autumn) : ติดตามเรื่องราวภาคแรกได้ในที่นี่ >
https://www.facebook.com/photo.php?fbid=886569654719342&set=a.560682527308058.1073741825.100000989470695&type=3&theater
สำหรับภาคจบของหนัง Slow Life นอกกระแสที่กำลังเป็นกระแสอันดับหนึ่งในตอนนี้อย่าง Little Forest, ตัวหนังเองก็ยังเลือกที่จะดำเนินเรื่องอยู่ในรูปแบบที่ตัวเองยึดมาในภาคแรก คือการนำเสนอแนวคิดเกี่ยวกับสิ่งต่างๆรอบตัวของอิชิโกะ (Ai Hashimoto) ผ่านอาหารแต่ละจานๆอันเกิดจากผลผลิตที่เธอลงมือปลูกและเก็บเกี่ยวด้วยตัวเอง และการปฏิสัมพันธ์ของสังคมชนบทที่มีเอกลักษณ์เป็นของตัวเอง
ถึงแม้ความละเมียดละไมของฉากทำอาหารชวนหิวอันเป็นเอกลักษณ์ของเรื่องนี้จะด้อยลงไปบ้าง เนื่องจากหนังต้องปันเวลาไปให้การขับเคลื่อนประเด็นปมในใจของอิชิโกะให้สมบูรณ์ในภาคจบนี้, แต่ก็ยังอยู่ในมาตรฐานที่ยังชื่นชมได้ ซึ่งการดำเนินเรื่องจะมีการสอดแทรก flashback เกี่ยวกับแม่ที่ทิ้งอิชิโกะไปมาเป็นระยะ ผสมผสานกับความสัมพันธ์ที่ซับซ้อนมากขึ้นในสังคมเล็กๆรอบตัวเธอ รวมไปถึง conflict ต่างๆที่ชวนให้ขบคิดจากการสนทนาในชีวิตประจำวัน
ในตัวของโทนหนังก็ยังถูกควบคุมได้หมดจด ดังที่เราได้ติดตามชีวิตอิชิโกะมาตลอดสองฤดูกาลที่ผ่านมา เราอาจจะมองเห็นว่าตัวนางเอกนั้นมีชีวิตที่ 'แสนสุข' ท่ามกลางธรรมชาติที่งดงาม อาหารที่อร่อยและดีต่อสุขภาพ ... แต่ในขณะเดียวกันความรู้สึก 'โดดเดี่ยว' ของตัวละครอย่างอิชิโกะที่ต้องทำอย่างด้วยตัวเองคนเดียวก็ค่อยๆก่อตัวขึ้นมา ผสมผสานกับความรู้สึกแปลกแยกออกจากสังคมชนบทอย่างโคะโมริอีก (อย่าลืมสิ่งที่หนังพยายามเน้นยำมาตลอด ว่าอิชิโกะไม่ได้อยู่ที่โคะโมริเพราะอยากอยู่ แต่เพราะเธอไม่มีที่จะไปต่างหาก)
สิ่งที่สังเกตได้อีกอย่างคืออารมณ์เกรี้ยวกราดของตัวละครที่ก่อตัวขึ้นมาในความขัดแย้งของตัวเอง ซึ่งก็นำพาไปสู่ฉากจบที่ราบเรียบแต่กินใจตามครรลองอย่างที่มันควรจะเป็น, สิ่งที่ต้องชื่นชมคือหนังเลือกที่จะรับมือกับปูมหลังในการจากไปของแม่อิชิโกะอย่างสับสนและไม่ชัดเจน และไม่ได้คลี่คลายให้หายความข้องใจ, อาจเป็นเพราะในชีวิตของคนเรานั้น ทุกๆอย่างมันก็ไม่ได้สำคัญที่จะต้องมีคำตอบที่ชัดเจนเสมอไปกระมัง?
เหนือสิ่งอื่นใดคือความงดงามในการตัดสินใจของอิชิโกะที่เลือกที่จะค้นหา 'สิ่งสำคัญ' ที่จะเข้ามาเติมเต็มช่องว่างในหัวใจของตัวเองที่โคะโมริยังให้เธอไม่ได้ในตอนนี้ ซึ่งการที่เธอรับมืออย่างปุถุชนทั่วไปก็คือความเรียบง่ายตามโครงเรื่องที่วางไว้ตั้งแต่เริ่มต้น, ถึงแม้มันอาจจะไม่ใช่หนังที่เลือกที่จะ 'แก้ปัญหารอบตัว' ด้วยตนเอง แต่การ 'หนี' ไปค้นหาคำตอบของตัวเองก็ดูเป็นธรรมชาติมนุษย์ที่สุดแล้ว
สัญลักษณ์ของฉากเต้นซึ่งอยู่ตอนท้ายของเรื่อง และการเปิดตัวอีกครั้งของโรงเรียนประถมโคะโมริ ก็เป็นสัญลักษณ์ของการ 'เริ่มต้นใหม่' ที่อิชิโกะเลือกด้วยตัวเอง ทั้งการเต้น (ที่เคยเป็นสิ่งที่เธอชอบสมัยยังมีโรงเรียนอยู่) ที่ดูหนักแน่นและแข็งแกร่งจากการสื่อความหมายผ่านแววตาที่ยอดเยี่ยมที่สุด.
"ถ้าชีวิตคือการปรับเปลี่ยนตัวเองให้สอดคล้องไปตามฤดูกาล และค้นหาคำตอบที่ตัวเองค้นหา, Little Forest (Winter/Spring) ก็คือการก้าวพ้นฤดูหนาวที่โดดเดี่ยวและเงียบเหงาไปยังฤดูใบไม้ผลิที่สวยงามและเปี่ยมไปด้วยความหวังนี่เอง."
คะแนนความเห็น : 11/10
ฟิน by Kanok Jayz Hunhaboon
ติดตามรีวิวย้อนหลังได้ที่ :
https://www.facebook.com/jayz.hunhaboon/media_set?set=a.560682527308058.1073741825.100000989470695&type=1
[เรื่องที่ 90] Little Forest (Winter/Spring) - ชีวิตคือการเปลี่ยนผันตามฤดูกาล
สำหรับภาคจบของหนัง Slow Life นอกกระแสที่กำลังเป็นกระแสอันดับหนึ่งในตอนนี้อย่าง Little Forest, ตัวหนังเองก็ยังเลือกที่จะดำเนินเรื่องอยู่ในรูปแบบที่ตัวเองยึดมาในภาคแรก คือการนำเสนอแนวคิดเกี่ยวกับสิ่งต่างๆรอบตัวของอิชิโกะ (Ai Hashimoto) ผ่านอาหารแต่ละจานๆอันเกิดจากผลผลิตที่เธอลงมือปลูกและเก็บเกี่ยวด้วยตัวเอง และการปฏิสัมพันธ์ของสังคมชนบทที่มีเอกลักษณ์เป็นของตัวเอง
ถึงแม้ความละเมียดละไมของฉากทำอาหารชวนหิวอันเป็นเอกลักษณ์ของเรื่องนี้จะด้อยลงไปบ้าง เนื่องจากหนังต้องปันเวลาไปให้การขับเคลื่อนประเด็นปมในใจของอิชิโกะให้สมบูรณ์ในภาคจบนี้, แต่ก็ยังอยู่ในมาตรฐานที่ยังชื่นชมได้ ซึ่งการดำเนินเรื่องจะมีการสอดแทรก flashback เกี่ยวกับแม่ที่ทิ้งอิชิโกะไปมาเป็นระยะ ผสมผสานกับความสัมพันธ์ที่ซับซ้อนมากขึ้นในสังคมเล็กๆรอบตัวเธอ รวมไปถึง conflict ต่างๆที่ชวนให้ขบคิดจากการสนทนาในชีวิตประจำวัน
ในตัวของโทนหนังก็ยังถูกควบคุมได้หมดจด ดังที่เราได้ติดตามชีวิตอิชิโกะมาตลอดสองฤดูกาลที่ผ่านมา เราอาจจะมองเห็นว่าตัวนางเอกนั้นมีชีวิตที่ 'แสนสุข' ท่ามกลางธรรมชาติที่งดงาม อาหารที่อร่อยและดีต่อสุขภาพ ... แต่ในขณะเดียวกันความรู้สึก 'โดดเดี่ยว' ของตัวละครอย่างอิชิโกะที่ต้องทำอย่างด้วยตัวเองคนเดียวก็ค่อยๆก่อตัวขึ้นมา ผสมผสานกับความรู้สึกแปลกแยกออกจากสังคมชนบทอย่างโคะโมริอีก (อย่าลืมสิ่งที่หนังพยายามเน้นยำมาตลอด ว่าอิชิโกะไม่ได้อยู่ที่โคะโมริเพราะอยากอยู่ แต่เพราะเธอไม่มีที่จะไปต่างหาก)
สิ่งที่สังเกตได้อีกอย่างคืออารมณ์เกรี้ยวกราดของตัวละครที่ก่อตัวขึ้นมาในความขัดแย้งของตัวเอง ซึ่งก็นำพาไปสู่ฉากจบที่ราบเรียบแต่กินใจตามครรลองอย่างที่มันควรจะเป็น, สิ่งที่ต้องชื่นชมคือหนังเลือกที่จะรับมือกับปูมหลังในการจากไปของแม่อิชิโกะอย่างสับสนและไม่ชัดเจน และไม่ได้คลี่คลายให้หายความข้องใจ, อาจเป็นเพราะในชีวิตของคนเรานั้น ทุกๆอย่างมันก็ไม่ได้สำคัญที่จะต้องมีคำตอบที่ชัดเจนเสมอไปกระมัง?
เหนือสิ่งอื่นใดคือความงดงามในการตัดสินใจของอิชิโกะที่เลือกที่จะค้นหา 'สิ่งสำคัญ' ที่จะเข้ามาเติมเต็มช่องว่างในหัวใจของตัวเองที่โคะโมริยังให้เธอไม่ได้ในตอนนี้ ซึ่งการที่เธอรับมืออย่างปุถุชนทั่วไปก็คือความเรียบง่ายตามโครงเรื่องที่วางไว้ตั้งแต่เริ่มต้น, ถึงแม้มันอาจจะไม่ใช่หนังที่เลือกที่จะ 'แก้ปัญหารอบตัว' ด้วยตนเอง แต่การ 'หนี' ไปค้นหาคำตอบของตัวเองก็ดูเป็นธรรมชาติมนุษย์ที่สุดแล้ว
สัญลักษณ์ของฉากเต้นซึ่งอยู่ตอนท้ายของเรื่อง และการเปิดตัวอีกครั้งของโรงเรียนประถมโคะโมริ ก็เป็นสัญลักษณ์ของการ 'เริ่มต้นใหม่' ที่อิชิโกะเลือกด้วยตัวเอง ทั้งการเต้น (ที่เคยเป็นสิ่งที่เธอชอบสมัยยังมีโรงเรียนอยู่) ที่ดูหนักแน่นและแข็งแกร่งจากการสื่อความหมายผ่านแววตาที่ยอดเยี่ยมที่สุด.
"ถ้าชีวิตคือการปรับเปลี่ยนตัวเองให้สอดคล้องไปตามฤดูกาล และค้นหาคำตอบที่ตัวเองค้นหา, Little Forest (Winter/Spring) ก็คือการก้าวพ้นฤดูหนาวที่โดดเดี่ยวและเงียบเหงาไปยังฤดูใบไม้ผลิที่สวยงามและเปี่ยมไปด้วยความหวังนี่เอง."
คะแนนความเห็น : 11/10
ฟิน by Kanok Jayz Hunhaboon
ติดตามรีวิวย้อนหลังได้ที่ : https://www.facebook.com/jayz.hunhaboon/media_set?set=a.560682527308058.1073741825.100000989470695&type=1