ใช่เรอะ ?!?
เอาจริงๆ ไม่รู้จะเล่นทำไมมุกนี้ เพราะจะเล่นหรือไม่เล่นก็คงแทบจะไม่มีคนรู้จักหนัง 2 เรื่องนี้อยู่แล้ว แต่มันอดไม่ได้จริงๆ นะ
คือยังงี้จริงๆ แล้วหนังเรื่องนี้มันชื่อ Little Forest นี่ล่ะ แต่มันแบ่งออกเป็น 2 ภาคๆ ละ 2 ฤดูกาลคือ Summer/Autumn กะ Winter/Spring คือเป็นฤดูของญี่ปุ่น จะไม่มี Fall แต่กะชื่อที่เล่นไปข้างบนมี Fall เพราะเป็นฤดูของเกาหลีและมันก็เป็นหนังเกาหลีนั่นแหละ (อี 3-4 บรรทัดนี้ก็ไม่รู้จะเล่าทำไม ?)
เอาล่ะ ! มาว่ากันที่ตัวหนังซักที นี่เป็นหนังที่สร้างมาจากมังงะญี่ปุ่น มี 2 เล่มจบ มังงะที่ว่ายังไม่มีแปลไทย เราเลยไม่รู้ว่ามันเป็นยังไง แต่โชคดีมากที่มีคนซื้อหนังคู่นี้มาฉายในไทย
หนังเล่าเรื่องของ อิชิโกะ หญิงสาวที่ใช้ชีวิตในเมืองเล็กๆ แห่งนึงที่ชื่อว่า โคโมริ อยู่ในภูมิภาคโทโฮคุ ที่เนื้อหาจริงๆ ของหนังก็เป็นการตามติดชีวิตอิชิโกะนี่ล่ะ เล่าเรื่องผ่านการทำอาหารที่ได้มาจากวัตถุดิบที่หาได้ในท้องถิ่น
ดูๆ แล้วหนังมันไม่น่าจะมีอะไรน่าสนใจเลยนะ แต่เอาเข้าจริงทำไมหนังมันถึงดูเพลินและน่าติดตามขนาดนั้นก็ไม่รู้ หนังแบ่งออกเป็นหนังสั้น 4 เรื่องๆ ละ 1 ชั่วโมง ก็ตามฤดูกาลในชื่อหนังนั่นแหละ เปิดเรื่องมาในแต่ละตอน หนังก็จะบอกว่าโคโมริเนี่ยนะ เป็นชนบทห่างไกล จะไปไหนมาไหนทีก็ลำบาก บลาๆ แล้วก็พาคนดูไปดูชีวิตประจำวันของอิชิโกะว่าทำอะไรบ้าง กินอะไรบ้าง ซึ่งตรงนี้แหละที่กลายมาเป็นจุดเด่นของหนังเรื่องนี้ คือการทำอาหารในหนังเรื่องนี้มันไม่ได้เป็นอาหารหรูเริ่ดอะไรนะ แต่เป็นอาหารบ้านๆ (ของญี่ปุ่น) วัตถุดิบต่างๆ ก็ได้มาจากสวนที่ปลูกเอง ไม่ก็เดินหาในป่าในเขาอะไรไป แม้เราจะรู้สึกขัดๆ นิดนึงตรงที่บ้านของอิชิโกะ เป็นบ้างเล็กในป่าในเขา แต่กลับมีอุปกรณ์ทำอาหารครบครันมาก คือถ้าเป็นชนบทแบบไทยๆ ที่เราคุ้นเคย มันก็จะมีแค่หม้อ กะทะ ตะหลิว ทัพพี อะไรประมาณนี้ แค่นั้น เอ๊ะ ! หรือที่ญี่ปุ่นเค้ามีกันเป็นเรื่องปกติก็ไม่รู้ กรรมวิธีการการทำอาหารหลายๆ อย่างจะว่ายุ่งยากมันก็ยุ่งยากนะ แต่พอเราเห็นอิชิโกะทำ เราก็คิดว่ามันก็คงไม่ยากเท่าไหร่มั้ง คือเห็นดีเห็นงามไปหมด แล้วหนังก็จะแทรกเรื่องราวชีวิตของอิชิโกะเข้ามาให้คนดูรู้จักเธอมากขึ้นทีละนิดๆ ว่าเป็นใคร ทำไมถึงต้องมาใช้ชีวิตอยู่แบบนี้คนเดียว เพราะจากอาการของเธอที่ไม่แสดงออกมากแต่ก็ดูออกว่าเธอไม่ชอบชีวิตที่นี่ซักเท่าไหร่ แต่ก็เหมือนมีทางเลือกไม่มาก
น้องนางเอกนอกจากจะน่ารักมากๆ แล้ว หนังยังเก่งมากนะที่ทำให้คนดูรู้สึกผูกพันกะอิชิโกะในเวลาเพียงแค่ไม่กี่ชั่วโมง คือเวลาเธอแซดนะ เราจะรู้สึกแบดไปด้วย แต่พอเธอดูมีความหวังนะ เราก็จะเอาใจช่วยเธอ อย่างเวลาที่เธอตัดสินใจอะไรไปเราก็อยากให้สิ่งนั้นมันโอเคกะเธออ่ะ (เว่อไปมั้ยวะ ?) และแม้เมื่อถึงตอนจบหนังจะไม่ได้เคลียร์ทุกสิ่งอย่างที่หนังทิ้งประเด็นเอาไว้ อย่างประเด็นเรื่องแม่เราว่ามันก็ยังไม่เคลียร์นะ แต่ทั้งหมดทั้งมวลก็อยู่ในระดับที่คนดูโอเค (อย่างน้อยๆ ก็เราคนนึงล่ะที่รับได้) และแฮปปี้ไปกะอิชิโกะด้วย
สรุปและ หนังเล็กๆ แต่ความสนุกไม่เล็กนะ อยากให้หลายๆ คนได้ดูมากๆ ให้ไป 10 กะโหลกเลยฮะ (ภาคละ 5 กะโหลกอ่ะ)
ป.ล. จริงๆ แล้วหนังทั้ง 2 เรื่องนี้ไม่ได้ฉายพร้อมกันนะ Summer/Autumn ฉายไปตั้งกะเมษา Winter/Spring เพิ่งจะเข้าเดือนนี้ แต่โชคดีมากที่ House Rama RCA เค้าจัดฉายให้ดูกันแบบต่อเนื่องไปเลย ซึ่งก็วันนี้เป็นวันสุดท้ายแล้วแหละ
ป.ล.2 ถ้าดูแบบแยกภาค อาจจะไม่ได้ชอบมากขนาดนี้นะ อย่างตอนที่เราดู Summer/Autumn เราก็ชอบแหละ แต่ก็ไม่ได้ให้ถึง 5 กะโหลก และก็คิดว่าถ้าเราดู Winter/Spring อย่างเดียวเราก็คงไม่ให้ถึง 5 กะโหลกอีก แต่พอได้มาดูแบบต่อเนื่องแล้วเรารู้สึกว่าทุกอย่างมันสมบูรณ์ในตัวมันเองมาก มากจนไม่รู้จะหักกะโหลกตรงไหน งั้นก็เอาไปอย่างที่เห็นนั่นล่ะ
Little Forest: Spring, Summer, Fall, Winter... and Spring
ใช่เรอะ ?!?
เอาจริงๆ ไม่รู้จะเล่นทำไมมุกนี้ เพราะจะเล่นหรือไม่เล่นก็คงแทบจะไม่มีคนรู้จักหนัง 2 เรื่องนี้อยู่แล้ว แต่มันอดไม่ได้จริงๆ นะ
คือยังงี้จริงๆ แล้วหนังเรื่องนี้มันชื่อ Little Forest นี่ล่ะ แต่มันแบ่งออกเป็น 2 ภาคๆ ละ 2 ฤดูกาลคือ Summer/Autumn กะ Winter/Spring คือเป็นฤดูของญี่ปุ่น จะไม่มี Fall แต่กะชื่อที่เล่นไปข้างบนมี Fall เพราะเป็นฤดูของเกาหลีและมันก็เป็นหนังเกาหลีนั่นแหละ (อี 3-4 บรรทัดนี้ก็ไม่รู้จะเล่าทำไม ?)
เอาล่ะ ! มาว่ากันที่ตัวหนังซักที นี่เป็นหนังที่สร้างมาจากมังงะญี่ปุ่น มี 2 เล่มจบ มังงะที่ว่ายังไม่มีแปลไทย เราเลยไม่รู้ว่ามันเป็นยังไง แต่โชคดีมากที่มีคนซื้อหนังคู่นี้มาฉายในไทย
หนังเล่าเรื่องของ อิชิโกะ หญิงสาวที่ใช้ชีวิตในเมืองเล็กๆ แห่งนึงที่ชื่อว่า โคโมริ อยู่ในภูมิภาคโทโฮคุ ที่เนื้อหาจริงๆ ของหนังก็เป็นการตามติดชีวิตอิชิโกะนี่ล่ะ เล่าเรื่องผ่านการทำอาหารที่ได้มาจากวัตถุดิบที่หาได้ในท้องถิ่น
ดูๆ แล้วหนังมันไม่น่าจะมีอะไรน่าสนใจเลยนะ แต่เอาเข้าจริงทำไมหนังมันถึงดูเพลินและน่าติดตามขนาดนั้นก็ไม่รู้ หนังแบ่งออกเป็นหนังสั้น 4 เรื่องๆ ละ 1 ชั่วโมง ก็ตามฤดูกาลในชื่อหนังนั่นแหละ เปิดเรื่องมาในแต่ละตอน หนังก็จะบอกว่าโคโมริเนี่ยนะ เป็นชนบทห่างไกล จะไปไหนมาไหนทีก็ลำบาก บลาๆ แล้วก็พาคนดูไปดูชีวิตประจำวันของอิชิโกะว่าทำอะไรบ้าง กินอะไรบ้าง ซึ่งตรงนี้แหละที่กลายมาเป็นจุดเด่นของหนังเรื่องนี้ คือการทำอาหารในหนังเรื่องนี้มันไม่ได้เป็นอาหารหรูเริ่ดอะไรนะ แต่เป็นอาหารบ้านๆ (ของญี่ปุ่น) วัตถุดิบต่างๆ ก็ได้มาจากสวนที่ปลูกเอง ไม่ก็เดินหาในป่าในเขาอะไรไป แม้เราจะรู้สึกขัดๆ นิดนึงตรงที่บ้านของอิชิโกะ เป็นบ้างเล็กในป่าในเขา แต่กลับมีอุปกรณ์ทำอาหารครบครันมาก คือถ้าเป็นชนบทแบบไทยๆ ที่เราคุ้นเคย มันก็จะมีแค่หม้อ กะทะ ตะหลิว ทัพพี อะไรประมาณนี้ แค่นั้น เอ๊ะ ! หรือที่ญี่ปุ่นเค้ามีกันเป็นเรื่องปกติก็ไม่รู้ กรรมวิธีการการทำอาหารหลายๆ อย่างจะว่ายุ่งยากมันก็ยุ่งยากนะ แต่พอเราเห็นอิชิโกะทำ เราก็คิดว่ามันก็คงไม่ยากเท่าไหร่มั้ง คือเห็นดีเห็นงามไปหมด แล้วหนังก็จะแทรกเรื่องราวชีวิตของอิชิโกะเข้ามาให้คนดูรู้จักเธอมากขึ้นทีละนิดๆ ว่าเป็นใคร ทำไมถึงต้องมาใช้ชีวิตอยู่แบบนี้คนเดียว เพราะจากอาการของเธอที่ไม่แสดงออกมากแต่ก็ดูออกว่าเธอไม่ชอบชีวิตที่นี่ซักเท่าไหร่ แต่ก็เหมือนมีทางเลือกไม่มาก
น้องนางเอกนอกจากจะน่ารักมากๆ แล้ว หนังยังเก่งมากนะที่ทำให้คนดูรู้สึกผูกพันกะอิชิโกะในเวลาเพียงแค่ไม่กี่ชั่วโมง คือเวลาเธอแซดนะ เราจะรู้สึกแบดไปด้วย แต่พอเธอดูมีความหวังนะ เราก็จะเอาใจช่วยเธอ อย่างเวลาที่เธอตัดสินใจอะไรไปเราก็อยากให้สิ่งนั้นมันโอเคกะเธออ่ะ (เว่อไปมั้ยวะ ?) และแม้เมื่อถึงตอนจบหนังจะไม่ได้เคลียร์ทุกสิ่งอย่างที่หนังทิ้งประเด็นเอาไว้ อย่างประเด็นเรื่องแม่เราว่ามันก็ยังไม่เคลียร์นะ แต่ทั้งหมดทั้งมวลก็อยู่ในระดับที่คนดูโอเค (อย่างน้อยๆ ก็เราคนนึงล่ะที่รับได้) และแฮปปี้ไปกะอิชิโกะด้วย
สรุปและ หนังเล็กๆ แต่ความสนุกไม่เล็กนะ อยากให้หลายๆ คนได้ดูมากๆ ให้ไป 10 กะโหลกเลยฮะ (ภาคละ 5 กะโหลกอ่ะ)
ป.ล. จริงๆ แล้วหนังทั้ง 2 เรื่องนี้ไม่ได้ฉายพร้อมกันนะ Summer/Autumn ฉายไปตั้งกะเมษา Winter/Spring เพิ่งจะเข้าเดือนนี้ แต่โชคดีมากที่ House Rama RCA เค้าจัดฉายให้ดูกันแบบต่อเนื่องไปเลย ซึ่งก็วันนี้เป็นวันสุดท้ายแล้วแหละ
ป.ล.2 ถ้าดูแบบแยกภาค อาจจะไม่ได้ชอบมากขนาดนี้นะ อย่างตอนที่เราดู Summer/Autumn เราก็ชอบแหละ แต่ก็ไม่ได้ให้ถึง 5 กะโหลก และก็คิดว่าถ้าเราดู Winter/Spring อย่างเดียวเราก็คงไม่ให้ถึง 5 กะโหลกอีก แต่พอได้มาดูแบบต่อเนื่องแล้วเรารู้สึกว่าทุกอย่างมันสมบูรณ์ในตัวมันเองมาก มากจนไม่รู้จะหักกะโหลกตรงไหน งั้นก็เอาไปอย่างที่เห็นนั่นล่ะ