สำนักพิสูจน์หลักฐานตำรวจญี่ปุ่น ตรวจอาวุธปืนของ "คำรณวิทย์" ไม่พบหมายเลขทะเบียน คาดเป็นอาวุธที่ไม่ถูกต้องนำมาจากประเทศไท

กระทู้สนทนา


จากกรณีที่พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง อดีตผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ได้เดินทางไปประเทศญี่ปุ่น เมื่อวันที่ 18 มิ.ย.58 ด้วยสายการบินไทย เที่ยวบินที่ ทีจี 640 เวลา 21.00และถูกตรวจจับอาวุธปืนได้ที่สนามบินนาริตะ ขณะจะเดินทางกลับประเทศไทย เมื่อเวลา 17.00 น. ของวันที่ 22 มิ.ย. 2558 ล่าสุด ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตำรวจญี่ปุ่นได้นำอาวุธปืนนอร์ธอเมริกัน .22 นำส่งไปยังสำนักงานพิสูจน์หลักฐานของตำรวจญี่ปุ่น เพื่อทดสอบว่าอาวุธปืนดังกล่าวมีอานุภาพความรุนแรงมากน้อยแค่ไหน และอาวุธปืนกระบอกนี้ถูกต้องตามกฎหมายไทยหรือไม่ เพื่อนำข้อมูลการตรวจสอบทั้งหมดสรุปเสนอให้อัยการญี่ปุ่นพิจารณาประกอบสำนวนว่าจะสั่งฟ้องหรือไม่สั่งฟ้อง


ล่าสุดผู้สื่อข่าวคมชัดลึก ได้รับการเปิดเผยจากแหล่งข่าวระดับสูงของทางการญี่ปุ่นว่า ผลการตรวจอาวุธปืนของกลางที่พบเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานตรวจพบเพียงหมายเลขประจำปืนที่สลักไว้บ่งบอกถึงการผลิตจากโรงงานและเป็นการควบคุมของโรงงานผู้ผลิตว่าปืนขนาดดังกล่าวถูกนำไปขายที่ประเทศใดบ้าง โดยโรงงานผู้ผลิตจะสลักตัวอักษรเป็นภาษาอังกฤษ และหมายเลขอารบิกไว้ที่ตัวปืน


แหล่งข่าวระดับสูงของทางการประเทศญี่ปุ่น อ้างอีกว่า เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานญี่ปุ่นพยายามตรวจหาหมายเลขทะเบียน ปืนกระบอกที่ตรวจยึดมาจาก พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ซึ่งหมายเลขทะเบียนปืนหากเป็นอาวุธปืนที่เสียภาษีอย่างถูกต้องของประเทศไทยน่าจะตอกตัวอักษรไทยและเลขไทยไว้ตรงด้ามจับของอาวุธปืนเท่านั้นเพราะอาวุธปืนนอร์ธ อเมริกัน .22 เป็นอาวุธปืนขนาดเล็ก น่าจะตอกตัวอักษรไทยและเลขไทยได้บริเวณด้ามจับเพียงอย่างเดียวแต่ก็ยังตรวจไม่พบ


ผู้สื่อข่าวคมชัดลึกสอบถามไปยังแหล่งข่าวระดับสูงคนเดิมว่าอาวุธปืน ที่ตรวจยึดหมายถึงอาวุธปืนเถื่อนหรือไม่ แล้วจะพิจารณาเพิ่มข้อหาหรืออัตราโทษต่อ พล.ต.ท.คำรณวิทย์ หรือไม่ ได้รับคำอธิบายว่า ไม่สามารถระบุอย่างเป็นทางการได้ แต่เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานรายงานอย่างไม่เป็นทางการให้กับตำรวจสากลของประเทศญี่ปุ่น และตำรวจสากลของประเทศไทย เกี่ยวกับกรณีของ พล.ต.ท.คำรณวิทย์ อย่าง ต่อเนื่อง ส่วนเรื่องข้อหาหรืออัตราโทษที่จะเพิ่มขึ้นหรือไม่ คงไม่สามารถก้าวล่วงหน้าที่ของพนักงานอัยการได้ แต่ความเห็นส่วนตัวประชากรของประเทศญี่ปุ่นไม่สามารถครอบครองอาวุธปืนพกสั้นได้แต่พฤติการณ์ที่เกิดขึ้นถือว่าเป็นการครอบครองเป็นเรื่องที่ร้ายแรงมาก ส่วนอาวุธปืนมีทะเบียนหรือไม่มีทะเบียนคงไม่น่าจะมีผล


ขณะเดียวกันกรณีที่ พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผบ.ตร. สั่งการให้ พล.ต.ท.อำนวย นิ่มมะโน ผบช.ภ.1 ตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณี พล.ต.ท.คำรณวิทย์ เดินทางออกนอกประเทศไทย นำอาวุธปืนออกไปได้อย่างไร ซึ่ง พล.ต.ท.อำนวย มอบหมายให้ พล.ต.ต.ธนา ชูวงศ์ ผบก.ภ.จว.สมุทรปราการ ตรวจสอบ


มีรายงานว่า พล.ต.ต.ธนา ตรวจสอบข้อมูลทั้งหมดแล้วรายงานให้กับ พล.ต.อ.สมยศ และ พล.ต.ท.อำนวย ทราบว่า ในวันที่ พล.ต.ท.คำรณวิทย์ เดินทางไปถึงสนามบินสุวรรณภูมิ มีสัมภาระทั้งหมด 3 ใบ โดยกระเป๋าใบใหญ่ ลำเลียงเข้าสายพานบริเวณเค้าน์เตอร์ เช็คอินของผู้โดยสารชั้นธุรกิจของสายการบินไทย เพื่อโหลด ไว้ใต้ท้องเครื่องบิน ส่วนกระเป๋าอีกสองใบคือ กระเป๋าขนาดเล็กมีล้อลาก และกระเป๋า สะพายสีดำติดตัว ผ่านเครื่องเอ็กซ์เรย์ไม่พบความผิดปกติ แล้วถือขึ้นเครื่องบินโดยสาร


ข้อมูลดังกล่าวสอดคล้องกับคนใกล้ชิด พล.ต.ท.คำรณวิทย์ เปิดเผยว่า โดยปกติกระเป๋ายารักษาโรค จะใส่ไว้ในกระเป๋าเดินทาง ในวันที่จะเดินทางกลับจากประเทศญี่ปุ่น มายังประเทศไทย พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ได้หยิบกระเป๋ายารักษาโรคจากกระเป๋าใบใหญ่ มาใส่ไว้ในกระเป๋าใบเล็กที่จะถือขึ้นเครื่องบินจนกระทั่งเจ้าหน้าที่จุดตรวจค้นของประเทศญี่ปุ่น พบว่ามีอาวุธปืนอยู่ในกระเป๋า ยารักษาโรค แล้วเพิ่งรู้ว่าอาวุธ ปืนที่หาอยู่ในกระเป๋ายารักษาโรค

http://www.bangkokbiznews.com/news/detail/653871
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่