งักฮุยเป็นขุนศึกที่มีชีวิตอยู่ในช่วงปลายราชวงศ์ซ่ง (ซ้อง) หลังยุคสามก๊กราว 700 กว่าปี ซึ่งช่วงนั้นเป็นช่วงที่
ราชสำนักจีนอ่อนแอถึงขีดสุด แผ่นดินจีนภาคเหนือซึ่งเป็นครึ่งหนึ่งของทั้งประเทศนั้น ตกอยู่ใต้การปกครองของ
พวกไต้กิมก๊ก ซึ่งเป็นชนเผ่านอกด่านเหลือแต่เพียงดินแดนทางตอนใต้เท่านั้นที่อยู่ในปกครองของราชวงศ์ซ่ง
บรรดาคนจีนทางภาคเหนือถูกกดขี่ข่มเหงและต้องตกเป็นทาสของพวกกิมเป็นเวลาหลายสิบปี จนเมื่องักฮุย ได้
กลายเป็นแม่ทัพใหญ่นำกองทัพออกต้านข้าศึกรบชนะพวกกิมหลายครั้ง นำดินแดนทางตอนเหนือกลับคืนมาได้
เกือบหมด และช่วยให้ชาวบ้านหลุดพ้นจากการทารุณของพวกกิมได้ ชาวบ้านจึงต่างพากันเคารพยกย่องสรรเสริญ
งักฮุยไปทั่ว
งักฮุยนั้นเป็นคนที่ซื่อสัตย์ภักดีต่อประเทศและราชสำนักมากตั้งแต่เด็ก เล่ากันว่าในวัยเด็กนั้นแม่ของเขาได้สักคำ 2
คำเอาไว้บนหลังว่า “尽忠报国” (จิ้นจงเป้ากั๋ว) ซื่อสัตย์รักชาติ ต่อมางักฮุยถูกใส่ความว่าเป็นกบฏโดยฉินไขว่ซึ่งเป็น
เสนาบดีกังฉิน ทำให้เขาต้องถูกจองจำ และถูกส่งไปรับโทษที่เมืองหลวง จนภายหลังก็ถูกวางยาพิษตายในคุก
ปัจจุบันงักฮุยก็ยังเป็นที่เคารพกันอยู่โดยเฉพาะในหมู่ชาวจีนแต้จิ๋ว แต่ถ้าจะให้ถามคนจีนในยุคปัจจุบันว่ารู้จักใครมาก
กว่ากันระหว่าง งักฮุย กับ กวนอู เชื่อเลยว่าแทบทุกคนย่อมต้องรู้จักกวนอูการที่ชาวจีนต่างพากันนับถือเทพเจ้ากวนอูกัน
มากมายขนาดนั้น เป็นเพราะราชสำนักชิงเป็นผู้ประชาสัมพันธ์ให้เทพเจ้ากวนอูการที่ราชวงศ์ชิง ซึ่งมาจากชาวแมนจู ชน
นอกด่านที่เข้ามาปกครองแผ่นดินจีน จงใจยกย่องเชิดชูกวนอู ขุนศึกชาวจีนที่เสียชีวิตไปแล้วกว่าพันปี ให้กลายเป็นเทพ
เจ้าขึ้น เกิดจากสาเหตุหลัก 2 ประการคือ
ในยุคที่ชาวแมนจูทำสงครามขับเคี่ยวกับราชวงศ์หมิงนั้น กษัตริย์แมนจู พระเจ้าสุ้นจื้อ ทรงใช้วิธีดึงพวกมองโกลเป็นพันธมิตร
โดยพระเจ้าสุ้นจื้อเลียนแบบเรื่องสามก๊ก ไปสาบานตนเป็นพี่น้องกับประมุขเผ่าต่างๆของพวกมองโกล การสาบานครั้งนั้น นัยว่า
พระเจ้าสุ้นจื้อเปรียบตัวเองเหมือนเล่าปี่ ส่วนประมุขของมองโกลเปรียบเหมือนกวนอู ครั้นพระเจ้าสุ้นจื้อตีด่านยึดแผ่นดินจีนได้
ปราบดาภิเษกเป็นฮ่องเต้แล้ว จึงจงใจเชิดชูกวนอู เผยแพร่ศาลเจ้ากวนอูให้แผ่ไปทุกสารทิศ ด้วยเกรงว่าเจ้ามองโกลจะน้อยใจ
ตั้งตัวเป็นศัตรูกับแมนจู
แม้ว่าเจ้าแมนจูได้เป็นฮ่องเต้ครองแผ่นดินจีนแล้วก็ตาม แต่ขุนนางส่วนใหญ่ก็ยังคงเป็นคนเชื้อสายฮั่น (จีน) และเนื่องจาก
ประเทศจีนเป็นประเทศที่มีอาณาเขตกว้างขวางมาก (อันดับ 3 ของโลก) การจะปกครองคนจีนให้ยอมก้มหัวให้กับราชวงศ์แมนจู
ซึ่งเป็นชนเผ่าจากนอกด่านย่อมไม่ใช่เรื่องง่าย ประวัติศาสตร์ได้บันทึกไว้ชัดเจนว่าในสมัยราชวงศ์ชิงนั้นได้เกิดขบวนการใต้ดินที่
มีเป้าหมายในการกู้ชาติจีน ออกมาต่อสู้กับราชสำนักชิงโดยตลอด ดังนั้นการที่จะทำให้ราชวงศ์ชิงเกิดความมั่นคงและปกครอง
แผ่นดินจีนได้ยาวนานที่สุดเท่าที่จะทำได้นั้น จึงจำเป็นต้องใช้นโยบายการปลูกฝังจิตสำนึกเรื่องของ “ความจงรักภักดี” ต่อเจ้านาย
ขึ้นในหมู่คนจีน ซึ่งทางราชสำนักชิงจงใจที่จะเชิดชูปลูกฝังยกย่องอุดมคติ “ความจงรักภักดี” ให้สูงเด่น และเลือกที่จะนำเอากวนอู
ซึ่งเป็นตัวละครที่เด่นดังในประวัติศาสตร์ มายกย่องให้สูงเด่น จนเป็นเทพเจ้า เพื่อเป็นตัวอย่างของความจงรักภักดี คนจีนจะได้หลง
ยึดติดกับความจงรักภักดีจนลืมไปว่า “ฮ่องเต้” ของตนเป็นคนต่างชาติ เป็นชาวแมนจูที่เข้ามายึดครองแผ่นดินจีน
ฮ่องเต้ ผู้ที่แต่งตั้งย้อนหลังให้กวนอูเป็น 忠義神武關聖大帝 (จงอี้เสินอู่กวนเสิ้งต้าตี้) “มหาเทพแห่งความภักดี ความเป็นธรรม
มนุสสธรรม ความกล้าหาญ" ก็ไม่ใช่ใครที่ไหน คือ พระเจ้าเฉียนหลงฮ่องเต้ แห่งราชวงศ์ชิงนั่นเอง
กลับกันในเมื่อต้องการสร้างสัญลักษณ์ของความจงรักภักดี ทำไมไม่แต่งตั้ง "งักฮุย" ซึ่งก็มีชื่อเสียงในเรื่องความภักดีเหมือนกัน
ให้เป็น“จงอี้เหญินหย่งเสินต้าตี้” เล่า
เหตุเป็นเพราะงักฮุยนั้นเป็นเหมือนสัญลักษณ์ของผู้ที่ต่อต้านข้าศึกต่างชาติ
งักฮุยนั้นซื่อสัตย์จงรักภักดีต่อราชวงศ์ซ่ง เหมือนกับที่
กวนอูภักดีต่อเล่าปี่ก็จริง แต่ชั่วชีวิตของงักฮุยนั้นต่อสู้กับศัตรูผู้รุกรานอย่างไต้กิมมาตลอด ขืนสร้างภาพให้งักฮุยเป็นเทพเจ้า ราชวงศ์ชิง
ซึ่งเป็นพวกต่างชาติอย่างแมนจูจะไปปกครองแผ่นดินจีนได้อย่างไร คนจีนมีหวังได้ลุกฮือขึ้นต่อสู้กับพวกแมนจูเพื่อปลดปล่อยประเทศ
ชาติเหมือนอย่างที่งักฮุยต่อสู้กับพวกกิมแน่ๆ
แต่กวนอูไม่ได้มีลักษณะของการต่อต้านชนต่างชาติแบบนั้น
เขาจงรักภักดีแต่กับเล่าปี่ซึ่งเป็นเจ้านายเท่านั้น ประวัติของกวนอูนั้นไม่ได้
มีเรื่องของการต่อสู้กับศัตรูผู้รุกรานจากต่างชาติเลย ความจงรักภักดีของเขาซึ่งคนทั่วไปยกย่องนั้น ไม่ได้เป็นความจงรักภักดีในเรื่องของ
ชนชาติ แต่เป็นในเรื่องของผู้ปกครอง ซึ่งนั่นคือสิ่งที่พวกแมนจูอยากให้ชาวจีนภักดีต่อราชวงศ์ชิงแบบนั้น นั่นเอง
สร้างเทพเจ้าองค์ใหม่เพื่อให้คนลืม...
งักฮุยเป็นขุนศึกที่มีชีวิตอยู่ในช่วงปลายราชวงศ์ซ่ง (ซ้อง) หลังยุคสามก๊กราว 700 กว่าปี ซึ่งช่วงนั้นเป็นช่วงที่
ราชสำนักจีนอ่อนแอถึงขีดสุด แผ่นดินจีนภาคเหนือซึ่งเป็นครึ่งหนึ่งของทั้งประเทศนั้น ตกอยู่ใต้การปกครองของ
พวกไต้กิมก๊ก ซึ่งเป็นชนเผ่านอกด่านเหลือแต่เพียงดินแดนทางตอนใต้เท่านั้นที่อยู่ในปกครองของราชวงศ์ซ่ง
บรรดาคนจีนทางภาคเหนือถูกกดขี่ข่มเหงและต้องตกเป็นทาสของพวกกิมเป็นเวลาหลายสิบปี จนเมื่องักฮุย ได้
กลายเป็นแม่ทัพใหญ่นำกองทัพออกต้านข้าศึกรบชนะพวกกิมหลายครั้ง นำดินแดนทางตอนเหนือกลับคืนมาได้
เกือบหมด และช่วยให้ชาวบ้านหลุดพ้นจากการทารุณของพวกกิมได้ ชาวบ้านจึงต่างพากันเคารพยกย่องสรรเสริญ
งักฮุยไปทั่ว
งักฮุยนั้นเป็นคนที่ซื่อสัตย์ภักดีต่อประเทศและราชสำนักมากตั้งแต่เด็ก เล่ากันว่าในวัยเด็กนั้นแม่ของเขาได้สักคำ 2
คำเอาไว้บนหลังว่า “尽忠报国” (จิ้นจงเป้ากั๋ว) ซื่อสัตย์รักชาติ ต่อมางักฮุยถูกใส่ความว่าเป็นกบฏโดยฉินไขว่ซึ่งเป็น
เสนาบดีกังฉิน ทำให้เขาต้องถูกจองจำ และถูกส่งไปรับโทษที่เมืองหลวง จนภายหลังก็ถูกวางยาพิษตายในคุก
ปัจจุบันงักฮุยก็ยังเป็นที่เคารพกันอยู่โดยเฉพาะในหมู่ชาวจีนแต้จิ๋ว แต่ถ้าจะให้ถามคนจีนในยุคปัจจุบันว่ารู้จักใครมาก
กว่ากันระหว่าง งักฮุย กับ กวนอู เชื่อเลยว่าแทบทุกคนย่อมต้องรู้จักกวนอูการที่ชาวจีนต่างพากันนับถือเทพเจ้ากวนอูกัน
มากมายขนาดนั้น เป็นเพราะราชสำนักชิงเป็นผู้ประชาสัมพันธ์ให้เทพเจ้ากวนอูการที่ราชวงศ์ชิง ซึ่งมาจากชาวแมนจู ชน
นอกด่านที่เข้ามาปกครองแผ่นดินจีน จงใจยกย่องเชิดชูกวนอู ขุนศึกชาวจีนที่เสียชีวิตไปแล้วกว่าพันปี ให้กลายเป็นเทพ
เจ้าขึ้น เกิดจากสาเหตุหลัก 2 ประการคือ
ในยุคที่ชาวแมนจูทำสงครามขับเคี่ยวกับราชวงศ์หมิงนั้น กษัตริย์แมนจู พระเจ้าสุ้นจื้อ ทรงใช้วิธีดึงพวกมองโกลเป็นพันธมิตร
โดยพระเจ้าสุ้นจื้อเลียนแบบเรื่องสามก๊ก ไปสาบานตนเป็นพี่น้องกับประมุขเผ่าต่างๆของพวกมองโกล การสาบานครั้งนั้น นัยว่า
พระเจ้าสุ้นจื้อเปรียบตัวเองเหมือนเล่าปี่ ส่วนประมุขของมองโกลเปรียบเหมือนกวนอู ครั้นพระเจ้าสุ้นจื้อตีด่านยึดแผ่นดินจีนได้
ปราบดาภิเษกเป็นฮ่องเต้แล้ว จึงจงใจเชิดชูกวนอู เผยแพร่ศาลเจ้ากวนอูให้แผ่ไปทุกสารทิศ ด้วยเกรงว่าเจ้ามองโกลจะน้อยใจ
ตั้งตัวเป็นศัตรูกับแมนจู
แม้ว่าเจ้าแมนจูได้เป็นฮ่องเต้ครองแผ่นดินจีนแล้วก็ตาม แต่ขุนนางส่วนใหญ่ก็ยังคงเป็นคนเชื้อสายฮั่น (จีน) และเนื่องจาก
ประเทศจีนเป็นประเทศที่มีอาณาเขตกว้างขวางมาก (อันดับ 3 ของโลก) การจะปกครองคนจีนให้ยอมก้มหัวให้กับราชวงศ์แมนจู
ซึ่งเป็นชนเผ่าจากนอกด่านย่อมไม่ใช่เรื่องง่าย ประวัติศาสตร์ได้บันทึกไว้ชัดเจนว่าในสมัยราชวงศ์ชิงนั้นได้เกิดขบวนการใต้ดินที่
มีเป้าหมายในการกู้ชาติจีน ออกมาต่อสู้กับราชสำนักชิงโดยตลอด ดังนั้นการที่จะทำให้ราชวงศ์ชิงเกิดความมั่นคงและปกครอง
แผ่นดินจีนได้ยาวนานที่สุดเท่าที่จะทำได้นั้น จึงจำเป็นต้องใช้นโยบายการปลูกฝังจิตสำนึกเรื่องของ “ความจงรักภักดี” ต่อเจ้านาย
ขึ้นในหมู่คนจีน ซึ่งทางราชสำนักชิงจงใจที่จะเชิดชูปลูกฝังยกย่องอุดมคติ “ความจงรักภักดี” ให้สูงเด่น และเลือกที่จะนำเอากวนอู
ซึ่งเป็นตัวละครที่เด่นดังในประวัติศาสตร์ มายกย่องให้สูงเด่น จนเป็นเทพเจ้า เพื่อเป็นตัวอย่างของความจงรักภักดี คนจีนจะได้หลง
ยึดติดกับความจงรักภักดีจนลืมไปว่า “ฮ่องเต้” ของตนเป็นคนต่างชาติ เป็นชาวแมนจูที่เข้ามายึดครองแผ่นดินจีน
ฮ่องเต้ ผู้ที่แต่งตั้งย้อนหลังให้กวนอูเป็น 忠義神武關聖大帝 (จงอี้เสินอู่กวนเสิ้งต้าตี้) “มหาเทพแห่งความภักดี ความเป็นธรรม
มนุสสธรรม ความกล้าหาญ" ก็ไม่ใช่ใครที่ไหน คือ พระเจ้าเฉียนหลงฮ่องเต้ แห่งราชวงศ์ชิงนั่นเอง
กลับกันในเมื่อต้องการสร้างสัญลักษณ์ของความจงรักภักดี ทำไมไม่แต่งตั้ง "งักฮุย" ซึ่งก็มีชื่อเสียงในเรื่องความภักดีเหมือนกัน
ให้เป็น“จงอี้เหญินหย่งเสินต้าตี้” เล่า
เหตุเป็นเพราะงักฮุยนั้นเป็นเหมือนสัญลักษณ์ของผู้ที่ต่อต้านข้าศึกต่างชาติ งักฮุยนั้นซื่อสัตย์จงรักภักดีต่อราชวงศ์ซ่ง เหมือนกับที่
กวนอูภักดีต่อเล่าปี่ก็จริง แต่ชั่วชีวิตของงักฮุยนั้นต่อสู้กับศัตรูผู้รุกรานอย่างไต้กิมมาตลอด ขืนสร้างภาพให้งักฮุยเป็นเทพเจ้า ราชวงศ์ชิง
ซึ่งเป็นพวกต่างชาติอย่างแมนจูจะไปปกครองแผ่นดินจีนได้อย่างไร คนจีนมีหวังได้ลุกฮือขึ้นต่อสู้กับพวกแมนจูเพื่อปลดปล่อยประเทศ
ชาติเหมือนอย่างที่งักฮุยต่อสู้กับพวกกิมแน่ๆ
แต่กวนอูไม่ได้มีลักษณะของการต่อต้านชนต่างชาติแบบนั้น เขาจงรักภักดีแต่กับเล่าปี่ซึ่งเป็นเจ้านายเท่านั้น ประวัติของกวนอูนั้นไม่ได้
มีเรื่องของการต่อสู้กับศัตรูผู้รุกรานจากต่างชาติเลย ความจงรักภักดีของเขาซึ่งคนทั่วไปยกย่องนั้น ไม่ได้เป็นความจงรักภักดีในเรื่องของ
ชนชาติ แต่เป็นในเรื่องของผู้ปกครอง ซึ่งนั่นคือสิ่งที่พวกแมนจูอยากให้ชาวจีนภักดีต่อราชวงศ์ชิงแบบนั้น นั่นเอง