เรื่อง ผจก.ธนาคารสแตนดาร์ด ชาร์เตอร์ สาขา เจริญนคร นำลูกค้าไปด่าในสาขา
ผมเป็นลูกค้า priority banking ของธนาคารสแตนดาร์ด ชาร์เตอร์ สาขาเจริญนคร ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2548 ซึ่งนับเป็นปีแรกที่ธนาคารถือกำเนิดในประเทศไทย และตลอดระยะเวลาที่ผ่าน ผมได้ให้ความร่วมมือในกิจกรรมต่าง ๆ ของธนาคาร รวมถึงสนับสนุน Product ต่าง ๆ ด้วยดีเสมอมา แต่เนื่องด้วยในวันที่ 29 พฤษภาคมที่ผ่านมา ผมเข้าไปใช้บริการชำระค่าเบี้ยประกันผ่านบัตรเครดิต โดยมีเจ้าหน้าที่จัดเตรียมเอกสารให้เรียบร้อย แต่ด้วยการชำระเงินประกันครั้งนี้ มียอดที่ค่อนข้างสูง ทางเจ้าหน้าที่ของสาขา ไม่ได้ติดต่อกับทางเจ้าของบัตรเครดิตในทันที และในช่วงเย็นวันเดียวกัน ผมได้รับการติดต่อจากเจ้าหน้าที่ของธนาคารสแตนดาร์ดคนเดิม แจ้งให้ผมโทรไปยังบริษัทเจ้าของบัตรเครดิต เพื่อทำการอนุญาตให้ตัดยอดชำระผ่านบัตรเครดิตได้ และเพื่อเป็นการตรวจสอบความถูกต้อง จึงขอเรียนสายกับคุณนันท์นภัส ผู้จัดการสาขา และชี้แจงว่า ตอนนี้ผมติดธุระอยู่ข้างนอก ไม่ค่อยสะดวก จึงขอรบกวนให้ทางผู้จัดการช่วยติดต่อกับบริษัทเจ้าของบัตรเครดิต และให้โทรกลับมาทางผม เพื่อจะได้ยืนยันการอนุญาตให้ตัดยอดประกันนั้นในทันที จนสุดท้าย ผมเองที่เป็นฝ่ายโทรกลับไปยังบริษัทเจ้าของบัตรเครดิต โดยไม่ได้รับการติดต่อหรือช่วยเหลือจากผู้จัดการสาขาเลย
ในวันรุ่งขึ้น คือวันที่ 30 พฤษภาคม 2558 ผมทราบข่าวว่า หลังจากที่ผมได้ขอความช่วยเหลือจากคุณ นันท์นภัส ผู้จัดการสาขาเจริญนครแล้วนั้น ผมกลับถูกนำไปต่อว่า และด่าประจานในสาขาด้วย ทำนองว่า “เวลามีเรื่องเดือดร้อนก็มาหา แต่เวลาขอให้ช่วยซื้อประกัน ก็ไปช่วยคนอื่น สาขาอื่นแทน” ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่สมควรอย่างยิ่ง ไม่ว่าจะต่อหน้าหรือลับหลัง เพราะถือว่าเป็นการกระทำที่ไม่ให้เกียรติลูกค้าอย่างร้ายแรง จึงตัดสินใจ แจ้งเพื่อร้องเรียนไปยัง call center 1595 ของธนาคาร
หลังจากนั้นในวันที่ 2 มิถุนายน 2558 ผมได้รับการติดต่อทางโทรศัพท์จากผู้จัดการท่านนี้ โดยเรื่องแรกที่คุยกันคือ การสอบถามความเรียบร้อยในการชำระเบี้ยประกันผ่านบัตรเครดิต ซึ่งผมยืนยันว่า ไม่ได้รับการช่วยเหลือจากทางธนาคาร สุดท้ายผมเป็นผู้โทรไปทางบริษัทบัตรเครดิตเอง และส่วนเรื่องที่สอง คือการสอบถามถึงเรื่องที่ผมแจ้งร้องเรียนกับทางธนาคารผ่าน call center ซึ่งผมยืนยันว่า เป็นผู้แจ้งเอง และเป็นการแจ้งร้องเรียนเรื่อง “ผู้จัดการธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ สาขาเจริญนคร นำลูกค้าไปด่าในสาขา” ซึ่งผู้จัดการที่โทรมาครั้งนี้ ก็คือ ผู้ที่ผมแจ้งร้องเรียนไปนั่นเอง แต่กลับจะมาสอบถามว่า ผมทราบเรื่องนี้ได้อย่างไร ผมจึงตอบกลับว่า ผมแจ้ง complaint คุณ แล้วคุณจะมาหาข้อมูลกับผมได้อย่างไร ผมขอไม่ตอบ
และในวันเดียวกันนั้น ผมก็ได้รับการติดต่อทางโทรศัพท์อีกครั้ง จากสำนักงานใหญ่ เพื่อเป็นการสรุปผลการร้องเรียน โดยเรื่องที่ทางสำนักงานใหญ่แจ้ง กลับเป็นเรื่องลูกค้าไม่พอใจในการให้บริการของพนักงานในสาขา ซึ่งผมแย้งไปว่า ที่ผมร้องเรียนคือเรื่องที่ ผู้จัดการสาขาเจริญนคร เอาลูกค้าไปด่าในสาขา และพนักงานในสาขาไม่มีส่วนในการถูกร้องเรียนครั้งนี้เลย
ในวันถัดมา คือ วันที่ 3 มิถุนายน 2558 ผมได้รับการติดต่อจากคุณ นฤมล ผู้จัดการฝ่ายลูกค้าสัมพันธ์ เพื่อสอบถามว่า ผมทราบข้อมูลนั้นจากไหน และใครเป็นคนบอก ผมจึงย้อนถามไปว่า ทางธนาคารควรสืบหาข้อมูลว่า เรื่องนี้เกิดขึ้นจริงหรือไม่ ไม่ใช่พยายามหาว่า ใครเป็นคนบอกผม การถามลักษณะนี้ ไม่ต่างอะไรกับการยอมรับในเรื่องที่เกิดขึ้น และจะลงโทษผู้ที่พูดแทน และผมยังคงย้ำว่า สิ่งที่ผมร้องเรียนคือ การที่ผู้จัดการสาขานำลูกค้าไปด่าและใช้ถ้อยคำที่รุนแรง หยาบคายในสาขาต่างหาก ซึ่งถือเป็นเรื่องร้ายแรง ทำลายชื่อเสียงของธนาคาร และเป็นการกระทำที่ไม่เหมาะสมมาก ๆ ทั้งต่อหน้าและลับหลัง ถือเป็นการไม่ให้เกียรติลูกค้าของธนาคารเลย ทั้งนี้คุณนฤมลได้แจ้งให้ผมทราบว่า เรื่องที่ร้องเรียนนี้ได้นำเสนอคุณอัจฉรา ผู้จัดการเขต BKK 1 เรียบร้อยแล้ว
จนกระทั่งเมื่อวันที่ 9 มิถุนายน 2558 คุณนฤมล ผู้จัดการฝ่ายลูกค้าสัมพันธ์ โทรเข้ามาเพื่อแจ้งผลสรุปในเรื่องราวที่เกิดขึ้นว่า จากการสอบถามได้ข้อสรุปว่า ไม่มีเรื่องตามที่ผมแจ้งร้องเรียนเกิดขึ้นในสาขาทั้งสิ้น ผมจึงสรุปกลับไปยังคุณนฤมล และขอให้ยืนยันด้วยว่า เรื่องที่เกิดขึ้นนี้ ทางธนาคารคิดว่า ผมพยายามกุขึ้นมาเอง หรือคิดขึ้นมาเองใช่หรือไม่ คุณนฤมลไม่มีคำตอบให้ในเรื่องนี้
และในอีก 30 นาทีต่อมา คุณอัจฉรา ผู้จัดการเขตBKK 1 ได้โทรเข้ามาหาผม เพื่อร่วมปรึกษาถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้น คุณอัจฉราได้ขอร้องให้ผมช่วยหาทางออกของเรื่องนี้ สุดท้ายผมได้แจ้งไปยังคุณอัจฉราว่า ถ้าจะกรุณาลูกค้าอย่างผม ผมขอให้ 1.ย้ายผู้จัดการคนนี้จากสาขาเจริญนคร เนื่องเพราะผมไม่สะดวกใจเวลาที่ผมต้องไปทำธุรกรรมกับทางสาขา และ 2. ทำหนังสือขอโทษต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ซึ่งคุณอัจฉราแจ้งว่า หากเป็นเรื่องหนังสือขอโทษ ก็สามารถทำได้ทันที ส่วนเรื่องการย้ายผู้จัดการสาขานั้น ต้องขอเวลาเพื่อปรึกษาผู้ใหญ่แล้วจะแจ้งให้ทราบในเร็ววัน
และในวันที่ 15 มิถุนายน 2558 คุณอัจฉรา ผู้จัดการเขต BKK 1 ได้โทรกลับมาเพื่อสรุปว่า จากการตรวจสอบเรื่องที่ผมร้องเรียน ไม่ปรากฏว่า มีเรื่องตามที่ผมร้องเรียนเกิดขึ้นในสาขาเจริญนคร ในวันที่ 29 พฤษภาคม แต่อย่างใด ผมจึงขอให้คุณอัจฉรายืนยันว่า เรื่องนี้เป็นผมกุเรื่อง หรือโกหกใช่หรือไม่ ซึ่งผมยืนยันว่า เรื่องนี้ได้เกิดขึ้นจริง จนสุดท้ายของการสนทนาในวันนั้น คุณอัจฉราจะขอเข้าไปตรวจสอบอีกครั้งในวันที่ 17 มิถุนายน และยืนยันว่า เรื่องการร้องเรียนนี้ ได้แจ้งให้คุณอรรัตน์ ชุติมิต ซึ่งเป็นหัวหน้าคุณอัจฉรา BKK 1 ทราบแล้ว
จนกระทั่งถึงวันนี้ คือวันที่ 27 มิถุนายน 2558 นับเป็นเวลา 30 วัน หลังจากที่ผมได้ร้องเรียนต่อธนาคาร ผมก็ยังไม่ได้รับผลสรุป และความยุติธรรมต่อเรื่องราวที่เกิดขึ้นแต่อย่างใด และในช่วงเวลาที่ผ่านมา ผมไม่ทราบว่า คุณอัจฉราต้องการที่จะยื้อเวลา เพื่อทำให้เกิดความเบื่อหน่ายแล้วปล่อยให้เรื่องเงียบไปเองหรือไม่
และในเมื่อทางธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ (ไทย) ไม่สามารถให้ความยุติธรรมต่อลูกค้าได้ และสิ่งที่ผ่านมา เป็นเครื่องยืนยันได้ว่า ทางธนาคารโดยการกระทำของเจ้าหน้าที่ระดับสูงบางท่านได้พยายามบิดเบือนข้อมูล จากการร้องเรียนผู้จัดการสาขา เป็นความไม่พอใจของลูกค้าในด้านการบริการของสาขาแทน จึงได้ทำหนังสือฉบับนี้เป็นการบอกกล่าว ข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น
Here for Good ???????
ขอขอบพระคุณเป็นอย่างสูง
ผู้จัดการธนาคาร Standard Chartered สาขาเจริญนคร ด่าลูกต้าในสาขา
ผมเป็นลูกค้า priority banking ของธนาคารสแตนดาร์ด ชาร์เตอร์ สาขาเจริญนคร ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2548 ซึ่งนับเป็นปีแรกที่ธนาคารถือกำเนิดในประเทศไทย และตลอดระยะเวลาที่ผ่าน ผมได้ให้ความร่วมมือในกิจกรรมต่าง ๆ ของธนาคาร รวมถึงสนับสนุน Product ต่าง ๆ ด้วยดีเสมอมา แต่เนื่องด้วยในวันที่ 29 พฤษภาคมที่ผ่านมา ผมเข้าไปใช้บริการชำระค่าเบี้ยประกันผ่านบัตรเครดิต โดยมีเจ้าหน้าที่จัดเตรียมเอกสารให้เรียบร้อย แต่ด้วยการชำระเงินประกันครั้งนี้ มียอดที่ค่อนข้างสูง ทางเจ้าหน้าที่ของสาขา ไม่ได้ติดต่อกับทางเจ้าของบัตรเครดิตในทันที และในช่วงเย็นวันเดียวกัน ผมได้รับการติดต่อจากเจ้าหน้าที่ของธนาคารสแตนดาร์ดคนเดิม แจ้งให้ผมโทรไปยังบริษัทเจ้าของบัตรเครดิต เพื่อทำการอนุญาตให้ตัดยอดชำระผ่านบัตรเครดิตได้ และเพื่อเป็นการตรวจสอบความถูกต้อง จึงขอเรียนสายกับคุณนันท์นภัส ผู้จัดการสาขา และชี้แจงว่า ตอนนี้ผมติดธุระอยู่ข้างนอก ไม่ค่อยสะดวก จึงขอรบกวนให้ทางผู้จัดการช่วยติดต่อกับบริษัทเจ้าของบัตรเครดิต และให้โทรกลับมาทางผม เพื่อจะได้ยืนยันการอนุญาตให้ตัดยอดประกันนั้นในทันที จนสุดท้าย ผมเองที่เป็นฝ่ายโทรกลับไปยังบริษัทเจ้าของบัตรเครดิต โดยไม่ได้รับการติดต่อหรือช่วยเหลือจากผู้จัดการสาขาเลย
ในวันรุ่งขึ้น คือวันที่ 30 พฤษภาคม 2558 ผมทราบข่าวว่า หลังจากที่ผมได้ขอความช่วยเหลือจากคุณ นันท์นภัส ผู้จัดการสาขาเจริญนครแล้วนั้น ผมกลับถูกนำไปต่อว่า และด่าประจานในสาขาด้วย ทำนองว่า “เวลามีเรื่องเดือดร้อนก็มาหา แต่เวลาขอให้ช่วยซื้อประกัน ก็ไปช่วยคนอื่น สาขาอื่นแทน” ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่สมควรอย่างยิ่ง ไม่ว่าจะต่อหน้าหรือลับหลัง เพราะถือว่าเป็นการกระทำที่ไม่ให้เกียรติลูกค้าอย่างร้ายแรง จึงตัดสินใจ แจ้งเพื่อร้องเรียนไปยัง call center 1595 ของธนาคาร
หลังจากนั้นในวันที่ 2 มิถุนายน 2558 ผมได้รับการติดต่อทางโทรศัพท์จากผู้จัดการท่านนี้ โดยเรื่องแรกที่คุยกันคือ การสอบถามความเรียบร้อยในการชำระเบี้ยประกันผ่านบัตรเครดิต ซึ่งผมยืนยันว่า ไม่ได้รับการช่วยเหลือจากทางธนาคาร สุดท้ายผมเป็นผู้โทรไปทางบริษัทบัตรเครดิตเอง และส่วนเรื่องที่สอง คือการสอบถามถึงเรื่องที่ผมแจ้งร้องเรียนกับทางธนาคารผ่าน call center ซึ่งผมยืนยันว่า เป็นผู้แจ้งเอง และเป็นการแจ้งร้องเรียนเรื่อง “ผู้จัดการธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ สาขาเจริญนคร นำลูกค้าไปด่าในสาขา” ซึ่งผู้จัดการที่โทรมาครั้งนี้ ก็คือ ผู้ที่ผมแจ้งร้องเรียนไปนั่นเอง แต่กลับจะมาสอบถามว่า ผมทราบเรื่องนี้ได้อย่างไร ผมจึงตอบกลับว่า ผมแจ้ง complaint คุณ แล้วคุณจะมาหาข้อมูลกับผมได้อย่างไร ผมขอไม่ตอบ
และในวันเดียวกันนั้น ผมก็ได้รับการติดต่อทางโทรศัพท์อีกครั้ง จากสำนักงานใหญ่ เพื่อเป็นการสรุปผลการร้องเรียน โดยเรื่องที่ทางสำนักงานใหญ่แจ้ง กลับเป็นเรื่องลูกค้าไม่พอใจในการให้บริการของพนักงานในสาขา ซึ่งผมแย้งไปว่า ที่ผมร้องเรียนคือเรื่องที่ ผู้จัดการสาขาเจริญนคร เอาลูกค้าไปด่าในสาขา และพนักงานในสาขาไม่มีส่วนในการถูกร้องเรียนครั้งนี้เลย
ในวันถัดมา คือ วันที่ 3 มิถุนายน 2558 ผมได้รับการติดต่อจากคุณ นฤมล ผู้จัดการฝ่ายลูกค้าสัมพันธ์ เพื่อสอบถามว่า ผมทราบข้อมูลนั้นจากไหน และใครเป็นคนบอก ผมจึงย้อนถามไปว่า ทางธนาคารควรสืบหาข้อมูลว่า เรื่องนี้เกิดขึ้นจริงหรือไม่ ไม่ใช่พยายามหาว่า ใครเป็นคนบอกผม การถามลักษณะนี้ ไม่ต่างอะไรกับการยอมรับในเรื่องที่เกิดขึ้น และจะลงโทษผู้ที่พูดแทน และผมยังคงย้ำว่า สิ่งที่ผมร้องเรียนคือ การที่ผู้จัดการสาขานำลูกค้าไปด่าและใช้ถ้อยคำที่รุนแรง หยาบคายในสาขาต่างหาก ซึ่งถือเป็นเรื่องร้ายแรง ทำลายชื่อเสียงของธนาคาร และเป็นการกระทำที่ไม่เหมาะสมมาก ๆ ทั้งต่อหน้าและลับหลัง ถือเป็นการไม่ให้เกียรติลูกค้าของธนาคารเลย ทั้งนี้คุณนฤมลได้แจ้งให้ผมทราบว่า เรื่องที่ร้องเรียนนี้ได้นำเสนอคุณอัจฉรา ผู้จัดการเขต BKK 1 เรียบร้อยแล้ว
จนกระทั่งเมื่อวันที่ 9 มิถุนายน 2558 คุณนฤมล ผู้จัดการฝ่ายลูกค้าสัมพันธ์ โทรเข้ามาเพื่อแจ้งผลสรุปในเรื่องราวที่เกิดขึ้นว่า จากการสอบถามได้ข้อสรุปว่า ไม่มีเรื่องตามที่ผมแจ้งร้องเรียนเกิดขึ้นในสาขาทั้งสิ้น ผมจึงสรุปกลับไปยังคุณนฤมล และขอให้ยืนยันด้วยว่า เรื่องที่เกิดขึ้นนี้ ทางธนาคารคิดว่า ผมพยายามกุขึ้นมาเอง หรือคิดขึ้นมาเองใช่หรือไม่ คุณนฤมลไม่มีคำตอบให้ในเรื่องนี้
และในอีก 30 นาทีต่อมา คุณอัจฉรา ผู้จัดการเขตBKK 1 ได้โทรเข้ามาหาผม เพื่อร่วมปรึกษาถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้น คุณอัจฉราได้ขอร้องให้ผมช่วยหาทางออกของเรื่องนี้ สุดท้ายผมได้แจ้งไปยังคุณอัจฉราว่า ถ้าจะกรุณาลูกค้าอย่างผม ผมขอให้ 1.ย้ายผู้จัดการคนนี้จากสาขาเจริญนคร เนื่องเพราะผมไม่สะดวกใจเวลาที่ผมต้องไปทำธุรกรรมกับทางสาขา และ 2. ทำหนังสือขอโทษต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ซึ่งคุณอัจฉราแจ้งว่า หากเป็นเรื่องหนังสือขอโทษ ก็สามารถทำได้ทันที ส่วนเรื่องการย้ายผู้จัดการสาขานั้น ต้องขอเวลาเพื่อปรึกษาผู้ใหญ่แล้วจะแจ้งให้ทราบในเร็ววัน
และในวันที่ 15 มิถุนายน 2558 คุณอัจฉรา ผู้จัดการเขต BKK 1 ได้โทรกลับมาเพื่อสรุปว่า จากการตรวจสอบเรื่องที่ผมร้องเรียน ไม่ปรากฏว่า มีเรื่องตามที่ผมร้องเรียนเกิดขึ้นในสาขาเจริญนคร ในวันที่ 29 พฤษภาคม แต่อย่างใด ผมจึงขอให้คุณอัจฉรายืนยันว่า เรื่องนี้เป็นผมกุเรื่อง หรือโกหกใช่หรือไม่ ซึ่งผมยืนยันว่า เรื่องนี้ได้เกิดขึ้นจริง จนสุดท้ายของการสนทนาในวันนั้น คุณอัจฉราจะขอเข้าไปตรวจสอบอีกครั้งในวันที่ 17 มิถุนายน และยืนยันว่า เรื่องการร้องเรียนนี้ ได้แจ้งให้คุณอรรัตน์ ชุติมิต ซึ่งเป็นหัวหน้าคุณอัจฉรา BKK 1 ทราบแล้ว
จนกระทั่งถึงวันนี้ คือวันที่ 27 มิถุนายน 2558 นับเป็นเวลา 30 วัน หลังจากที่ผมได้ร้องเรียนต่อธนาคาร ผมก็ยังไม่ได้รับผลสรุป และความยุติธรรมต่อเรื่องราวที่เกิดขึ้นแต่อย่างใด และในช่วงเวลาที่ผ่านมา ผมไม่ทราบว่า คุณอัจฉราต้องการที่จะยื้อเวลา เพื่อทำให้เกิดความเบื่อหน่ายแล้วปล่อยให้เรื่องเงียบไปเองหรือไม่
และในเมื่อทางธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ (ไทย) ไม่สามารถให้ความยุติธรรมต่อลูกค้าได้ และสิ่งที่ผ่านมา เป็นเครื่องยืนยันได้ว่า ทางธนาคารโดยการกระทำของเจ้าหน้าที่ระดับสูงบางท่านได้พยายามบิดเบือนข้อมูล จากการร้องเรียนผู้จัดการสาขา เป็นความไม่พอใจของลูกค้าในด้านการบริการของสาขาแทน จึงได้ทำหนังสือฉบับนี้เป็นการบอกกล่าว ข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น
ขอขอบพระคุณเป็นอย่างสูง