คำนำ(7 sins the series)
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้"7 sins the series" คือ 7 เรื่องราวที่จะสะท้อนอัตตาแห่งมหาบาป 7 ประการซึ่งซุ่มซ่อนตัวอย่างเงียบเชียบอยู่ในจิตใจของมนุษย์ทุกผู้
แต่ไม่ใช่ว่า ตัวตนเหล่านั้นจะไม่ถูกแสดงออกมาให้ใครเห็น เพียงแต่มนุษย์เรากลับมองข้ามสิ่งเหล่านี้ไป พร้อมกับแกล้งมองเห็นเป็นเพียง
เรื่องเล็ก ๆ ที่ไม่ควรเอามาใส่ใจ...ด้วยการพร่ำบอกตัวเองว่า "มันเป็นเรื่องธรรมดา" แต่ถ้าวันหนึ่งสิ่งเล็ก ๆ ในมุมมืดเหล่านี้ กลับกลายเป็น
มื้ออาหารอันโอชะที่หลอกล่อพญามัจจุราชให้ติดตามทวงคืนชีวิต เป็นบรรณาการตอบแทนแก่การใช้ชีวิตอย่างเผลอเรอ...อาจจะเป็นเวลาที่
พวกเขาเหล่านั้นจะได้ตระหนักถึงความหนักหนาของมัน โดยมีความตายเป็นค่าสอนสั่ง...เมื่อถึงตอนนั้น อาจจะไม่มีแม้แต่เวลาให้เสียใจ
สำหรับนิยายชุดนี้ผมได้เขียนขึ้นหลังจากที่ได้มีการเผยแพร่ผลงานเรื่อง "หมู่บ้านเงาจันทร์" ซึ่งเป็นหนึ่งในซีรีย์ชุด "ปริศนาเงาจันทร์"
แล้วได้เห็นการตอบกลับจากผู้อ่านหลายคนซึ่งอาจจะยังมีอายุน้อย หรือยังไม่คุ้นชินกับภาษาที่ออกไปทางนิยายสมัยเก่า รวมทั้งแนวเรื่อง
ของนิยายชุดนั้น ซึ่งในตัวเนื้อเรื่องเองจะเต็มไปด้วยปม ปริศนา และบรรยากาศของเรื่องที่ค่อนข้างหนัก และซับซ้อน
ผมจึงตั้งใจเขียนนิยายชุดนี้ขึ้นมาเพื่อตอบสนองกลุ่มผู้อ่านอีกกลุ่มหนึ่ง โดยพยายามที่จะใช้สำนวน ภาษาให้อ่าน และเข้าใจได้ง่ายขึ้น
วางการดำเนินเรื่องให้กระชับเป็นไปอย่างรวดเร็วขึ้น พร้อมทั้งลดความซับซ้อนของเนื้อเรื่อง และปริศนาลง ดังนั้นหากใครที่เคยอ่านนิยายชุด
"ปริศนาเงาจันทร์" มาบ้างแล้วอาจจะรับรู้ได้ว่า กลวิธีการเขียนจะแตกต่างกันพอสมควร
ผมหวังเป็นอย่างยิ่งว่า นิยายชุดนี้จะสร้างความสนุก และเพลิดเพลินให้ผู้อ่านได้บ้างไม่มากก็น้อย อีกทั้งยังแอบหวังอยู่เล็ก ๆ ว่า ผู้อ่าน
กลุ่มเดิมจะยังคงให้การต้อนรับนิยายชุดนี้ไว้ในสายตา และติดตามอยู่เป็นเพื่อนกันต่อไปนะครับ ยินดีรับคำแนะนำ และติชมเหมือนเดิมครับ
ผู้เขียนต้องขอขอบคุณทุกท่านไว้ล่วงหน้าที่กรุณาสละเวลาเข้ามาอ่านนะครับ... ขอบคุณมากครับ
คำนำ(Sloth : ขี้เกียจ...ตัวเป็นศพ)
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้Sloth หนึ่งใน 7 มหาบาปอันเป็นตัวแทนแห่งความเกียจคร้าน เพิกเฉย เฉื่อยชา และความชะล่าใจ แม้มองดูผิวเผินอาจจะเป็นเพียงลักษณะ
นิสัยส่วนตัวของมนุษย์เองเสียมากกว่า หากแต่ทุกการกระทำล้วนแล้วแต่ย่อมมีผลของมันสะท้อนมาเสมอ ไม่ว่าจะดี หรือร้ายก็ตาม
แม้หลายครั้งเราจะสามารถแก้ไขความผิดพลาดนั้นได้ แล้วเก็บเอามันมาเป็นบทเรียน ...แต่บางครั้งโชคชะตาก็มักจะเล่นตลกกับความเป็น
ไปได้ที่ไม่คาดฝันอยู่เสมอ ครั้งนี้เองก็เช่นกัน หนึ่งในมหาบาปที่ถูกมองข้ามจะกลายเป็นสิ่งที่จะเปลี่ยนเส้นทางชีวิตของเด็กหนุ่มชมรมว่ายน้ำ
คนหนึ่งไปตลอดกาล
ทางรอดเดียวที่เหลืออยู่ อาจจะเป็นการไขปริศนาของสิ่งที่เกิดขึ้นให้ออก เพื่อรับทราบความจริง และตระหนักถึงน้ำหนักของบาปที่แบกรับไว้
ก่อนที่ลมหายใจสุดท้ายจะถูกทวงคืน
แล้วถ้าเป็นคุณ...คุณจะทำมันได้สำเร็จหรือไม่
ตอนที่ 1 : ห้องน้ำสยองขวัญ
ยามค่ำคืนที่เหล่าหรีดหริ่งเรไรต่างร่วมกันขับขานท่วงทำนองแห่งเพลงไพร ดุจดั่งเป็นบทสดุดีแด่ดวงจันทรา ผู้คนส่วนใหญ่ต่างกำลังเอนกายลงนอน เตรียมตัวพักผ่อนหลังจากเหน็ดเหนื่อยตรากตรำทำงานเยี่ยงข้าทาสแห่งเงินตรา...แต่ก็แค่กับคนส่วนใหญ่
เด็กหนุ่มคนหนึ่งกำลังพยายามโหมแรงกาย และแรงใจที่มีทั้งหมด พยุงตัวเองแหวกว่ายอยู่ในสระว่ายน้ำไร้ผู้คน เขาทุ่มเทให้กับการฝึกซ้อมจนเวลาล่วงเข้าสู่ดึกดื่นค่ำมืด หวังพัฒนาให้กล้ามเนื้อทุกส่วนสัด และระบบประสาทมีประสิทธิภาพมากกว่าที่เป็น
หากแต่ร่างกายของมนุษย์นั้นอ่อนแอ เปราะบาง ขีดจำกัดของการใช้งานมาถึงได้ง่ายกว่าที่เจ้าตัวจะสามารถคาดคิด แม้กำลังใจจะยังคงเต็มเปี่ยม ทว่ากลับถูกความเหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้าพุ่งขึ้นแซงหน้า ร่างกายของเด็กหนุ่มจึงเริ่มแข็งเกร็ง การทำงานของประสาทเชื่องช้าลง เป็นสัญญาณที่ส่งให้ทราบถึงการโหยหาช่วงพักผ่อน
เขาตระหนักได้ถึงอันตรายของมันดี จึงพยายามดิ้นรนไปถึงขอบสระให้ได้เร็วที่สุด ก่อนที่ร่างกายจะแข็งเกร็งอยู่กลางน้ำ ไม่สามารถพยุงให้ตัวเองลอยได้อีกต่อไป
...ซึ่งเมื่อเวลานั้นมาถึง มันย่อมหมายถึงความตาย
...
มนุษย์ปุถุชนทั่วไปหาใช่อรหันต์ไม่ ล้วนแล้วแต่มี เกิด แก่ เจ็บ ตาย ที่หนีไม่พ้นตามกาลเวลา...
หยดน้ำจากฟ้าที่ใสสะอาด และบริสุทธิ์ เคลื่อนตัวผ่านผืนดินแห้งกรัง แลโคลนตมชุ่มแฉะ อีกทั้งสิ่งปนเปื้อนต่าง ๆ ตามทาง ก่อนจะไหลมาบรรจบพบรวมกับหยดน้ำหยาดอื่น ๆ เพื่อก่อตัวรวมกันเป็นกระแสชลธาร บางส่วนรวมตัวกันเป็นแอ่งน้ำ บ่อดิน หรือบึงโคลนสกปรก และเน่าเหม็น ก่อนที่จะถูกเปลวแสงร้อนแรงแห่งดวงอาทิตย์โลมเลียแผดเผา ระเหยเป็นเพียงละอองไอลอยขึ้นสู่ผืนฟ้าเบื้องบน รอวันเวลาที่จะถูกกลั่นตัวลงมาเป็นหยดหยาดพิรุนทร์
1 อันบริสุทธิ์ผุดผ่องอีกครั้ง
อาจเปรียบได้เช่นชีวิตมนุษย์ เมื่อแรกเกิด จิตใจของเราทุกคนล้วนแล้วแต่ใสสะอาดดั่งดวงแก้วไร้ตำหนิ ปราศจากความมืดมิดหลบซ่อนอยู่ภายใน แต่เมื่อเวลาได้โบกบินผินผ่าน จิตใจของเราก็ดูดซึม รวบรวมเอาบาปกรรมนานับประการมาสั่งสมไว้ในตัว มากบ้าง น้อยบ้าง หัวใจที่เคยใสราวกระจกกลับค่อย ๆ ขุ่นมัวขึ้นตามกาลเวลา หากแต่สิ่งที่ต่างออกไป คือบาปกรรมที่เราได้กระทำนั้น ไม่ว่าจะโดยตั้งใจ หรือไม่ตั้งใจก็ดี ยังคงรอวันที่จะทวงถามการชำระความอยู่ร่ำไป
เมื่อใดที่เราพลาด หรือเผอเรอ ความตายก็อาจจะมาเยี่ยมเยือนโดยไม่รู้ตัว...
ดวงอาทิตย์สีทองกำลังแขวนตัวอยู่ตรงขอบฟ้าทางทิศตะวันตกราวกับสปอร์ตไลท์ขนาดใหญ่ แสงแดดอันอบอุ่นกระจายตัวโอบกอดทั่วทั้งแผ่นฟ้าเบื้องบน และผืนธรณีเบื้องล่าง ทิวเมฆบางเบาถูกอาบไล้ด้วยเปลวแสงแห่งดวงตะวัน จนแปรเปลี่ยนเป็นสีอำพันสว่างใส เคลื่อนคล้อยอย่างสง่างามราวกับลีลาของอิสตรีสูงค่า ผินผ่านบดบังลูกไฟขนาดยักษ์อยู่เป็นระยะ ๆ ก่อนที่ผ่านเลยไป ทิ้งให้ดวงสุริยาต้องเฝ้าครวญคิดรำพันถึง ดุจดั่งภาพจิตกรรมที่สวยงามแห่งแสงเงายามเย็น
เงาสะท้อนของต้นไม้ใหญ่น้อย และสุมทุมพุ่มพฤกษ์ซึ่งถูกประดับประดาไว้ข้างสระกระเบื้องขนาดใหญ่ โบกพลิ้วไปมาตามแรงลมที่โชยไหว พลางทอดตัวสะท้อนกับผิวน้ำซึ่งใสเหมือนกระจกเงา ระรอกคลื่นเล็ก ๆ กระเพื่อมตัวขึ้นลงอย่างแผ่วเบา หยอกล้อกับลำแสงสีทองช่วงสุดท้ายของวัน สะท้อนประกายระยิบระยับราวกับแก้วมณีอันมีค่า เมื่อได้เพ่งพิศมองดูด้วยจิตใจที่สงบ จะเห็นเป็นราวกับอีกโลกหนึ่งที่แปลกตาไปคล้ายความฝัน
ด้านหนึ่งของสระว่ายน้ำที่ถูกปูกระเบื้องสีฟ้าอ่อน เด็กหนุ่มในชุดกางเกงว่ายน้ำสีคราม กำลังนั่งอยู่บนพื้นหินละเอียดของขอบสระกระเบื้อง พลางทอดสายตามองดูบนแผ่นฟ้ากว้างใหญ่สุดหยั่งถึงอย่างเหม่อลอย ทิวเมฆทั้งเล็กใหญ่ต่างกำลังล่องลอยผ่านไปอย่างช้า ๆ ตามจังหวะของกระแสลมโชยเอื่อย บางก้อนก่อตัวเป็นรูปร่างคล้ายสรรพสัตว์ต่าง ๆ ทั้งกระต่าย ช้าง นก และอย่างอื่นอีกมากมายจนเกินจะพรรณนาได้หมดสิ้น บ้างก็ดูคล้ายกับเป็นเพียงก้อนสำลีไร้รูปทรงเพียงเท่านั้น แต่ที่เห็นจะถูกใจเด็กหนุ่มที่สุด คงจะหนีไม่พ้นกลุ่มเมฆที่มีรูปร่างคล้ายกับคนกำลังนอนไขว่ห้างอย่างสบายอารมณ์ราวกับไม่รู้สึกรู้สาในความวุ่นวายของผู้คนเบื้องล่าง
เด็กหนุ่มถอนหายใจออกมาเบา ๆ พลางคิดไปว่า คงจะดีไม่น้อย หากตอนนี้เขาเองก็กำลังทำเช่นนั้นอยู่บนเตียงแสนนุ่มสบายภายในห้องนอนของตน โดยไม่ต้องมีทั้งการบ้าน หรือหน้าที่ล้างถ้วยล้างจาน ปัดกวาดเช็ดถู อย่างที่พ่อแม่ได้ย้ำนักย้ำหนาให้ทำอยู่ทุกวัน
ชื่อของเขาคือ ‘ปธานิน
2 ’ เด็กหนุ่มรูปร่างเล็ก เนื้อตัวผอมบาง ไว้ผมสั้นเกรียนติดหนังหัว ถึงแม้ว่าเขาจะมีชื่อเป็นสมาชิกคนหนึ่งของชมรมว่ายน้ำโรงเรียนมัธยม แต่ในความเป็นจริงแล้ว เด็กหนุ่มเองก็ไม่ได้อยากจะเข้าชมรมอะไรพวกนี้สักเท่าใดนัก หากโรงเรียนไม่ได้มีกฎบังคับให้นักเรียนต้องเลือกเข้าอย่างน้อยหนึ่งชมรม สำหรับเขา แค่เพียงการเรียนอย่างหน้าดำคร่ำเครียดในระดับมัธยมศึกษาปีที่หกอันแสนหนักหน่วงเอง ก็ทำให้รู้สึกเบื่อหน่ายกับการใช้ชีวิตในแต่ละวันได้มากพอดู ปธานินอดคิดไม่ได้ ถ้าหากเลือกได้ เขาคงเลือกที่จะนอนเอกเขนกอยู่บ้านอย่างสบายใจมากกว่า เด็กหนุ่มจึงได้แต่ก้มลงมองสระว่ายน้ำตรงหน้า พลางถอนหายใจออกมาดัง ๆ ด้วยความเซ็ง
“เฮ้ย! นิน ยังไม่ลงไปซ้อมกับเขาอีกเหรอวะ” เสียงของเด็กหนุ่มในชุดกางเกงว่ายน้ำสีดำแดงดังขึ้น เขามีรูปร่างสูง กำยำล่ำสัน แผงอกนูนได้รูป เพราะผ่านการฝึกฝนว่ายน้ำมาเป็นอย่างดี ผิวพรรณทั่วตัวมีสีน้าผึ้งเข้มกร้านแดดเสมอกัน ชื่อของเขาคือ ‘พนธกร
3’ อันมีความหมายตรงกับภาพพจน์ที่เขามี ทว่าใคร ๆ ต่างก็เรียกเขาว่า ‘บอย’
“วันนี้ขี้เกียจหว่ะ อยากกลับไปนอนดูทีวีอยู่บ้านมากกว่า” ปธานินตอบด้วยแววตาเลื่อนลอย น้ำเสียงเจือปนด้วยความเบื่อหน่าย พลางหาวหวอดโดยไม่รู้ตัว
“กูก็เห็นเป็นอย่างนี้ทุกวัน เอาน่า... ไหน ๆ ก็เปลี่ยนกางเกงว่ายน้ำมาแล้ว มาแข่งกันสักรอบดีกว่า” บอยตีมือลงที่ไหล่ของปธานินเบา ๆ ครั้งหนึ่ง หวังกระตุ้นให้เพื่อนสนิทได้รู้สึกแอคทีฟขึ้นมาบ้าง
1 หยดหยาดพิรุนทร์ = ฝน
2 ปธานิน อ่านว่า ปะ-ทา-นิน แปลว่า ผู้มีความเพียรอันยิ่งใหญ่
3 พนธกร อ่านว่า พน-ทะ-กอน แปลว่า สร้างความผูกพัน เป็นที่รักเป็นที่ผูกพัน
--- ยังไม่จบครับ อ่านต่อด้านล่างเลยครับ ---
Sloth : ขี้เกียจตัวเป็นศพ (7 sins the series เล่ม 1) ตอนที่ 1 : ห้องน้ำสยองขวัญ
แนวเรื่อง : ลึกลับ ระทึกขวัญ สยองขวัญ หักมุม
ผู้แต่ง : Phakin (ภาคิน) -- https://www.facebook.com/phakin.uttabolyukol
มนุษย์เราทุกผู้ล้วนมีบาป ซึ่งนั่นอาจกลายเป็นหนทางแห่งความตาย...
บนเส้นทางชีวิตมีบ่อยครั้งที่ต้องเลือกว่า จะทำ หรือไม่ทำ...
แต่ปลายทางคงเลือกไม่ได้ว่า จะตาย หรือไม่ตาย
ถ้าชอบช่วยกดไลค์แฟนเพจไว้ติดตามข่าวสารเรื่องนี้ และเรื่องอื่น ๆ ด้วยนะครับ
https://www.facebook.com/phakin.uttabolyukol
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ยามค่ำคืนที่เหล่าหรีดหริ่งเรไรต่างร่วมกันขับขานท่วงทำนองแห่งเพลงไพร ดุจดั่งเป็นบทสดุดีแด่ดวงจันทรา ผู้คนส่วนใหญ่ต่างกำลังเอนกายลงนอน เตรียมตัวพักผ่อนหลังจากเหน็ดเหนื่อยตรากตรำทำงานเยี่ยงข้าทาสแห่งเงินตรา...แต่ก็แค่กับคนส่วนใหญ่
เด็กหนุ่มคนหนึ่งกำลังพยายามโหมแรงกาย และแรงใจที่มีทั้งหมด พยุงตัวเองแหวกว่ายอยู่ในสระว่ายน้ำไร้ผู้คน เขาทุ่มเทให้กับการฝึกซ้อมจนเวลาล่วงเข้าสู่ดึกดื่นค่ำมืด หวังพัฒนาให้กล้ามเนื้อทุกส่วนสัด และระบบประสาทมีประสิทธิภาพมากกว่าที่เป็น
หากแต่ร่างกายของมนุษย์นั้นอ่อนแอ เปราะบาง ขีดจำกัดของการใช้งานมาถึงได้ง่ายกว่าที่เจ้าตัวจะสามารถคาดคิด แม้กำลังใจจะยังคงเต็มเปี่ยม ทว่ากลับถูกความเหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้าพุ่งขึ้นแซงหน้า ร่างกายของเด็กหนุ่มจึงเริ่มแข็งเกร็ง การทำงานของประสาทเชื่องช้าลง เป็นสัญญาณที่ส่งให้ทราบถึงการโหยหาช่วงพักผ่อน
เขาตระหนักได้ถึงอันตรายของมันดี จึงพยายามดิ้นรนไปถึงขอบสระให้ได้เร็วที่สุด ก่อนที่ร่างกายจะแข็งเกร็งอยู่กลางน้ำ ไม่สามารถพยุงให้ตัวเองลอยได้อีกต่อไป
...ซึ่งเมื่อเวลานั้นมาถึง มันย่อมหมายถึงความตาย
...
มนุษย์ปุถุชนทั่วไปหาใช่อรหันต์ไม่ ล้วนแล้วแต่มี เกิด แก่ เจ็บ ตาย ที่หนีไม่พ้นตามกาลเวลา...
หยดน้ำจากฟ้าที่ใสสะอาด และบริสุทธิ์ เคลื่อนตัวผ่านผืนดินแห้งกรัง แลโคลนตมชุ่มแฉะ อีกทั้งสิ่งปนเปื้อนต่าง ๆ ตามทาง ก่อนจะไหลมาบรรจบพบรวมกับหยดน้ำหยาดอื่น ๆ เพื่อก่อตัวรวมกันเป็นกระแสชลธาร บางส่วนรวมตัวกันเป็นแอ่งน้ำ บ่อดิน หรือบึงโคลนสกปรก และเน่าเหม็น ก่อนที่จะถูกเปลวแสงร้อนแรงแห่งดวงอาทิตย์โลมเลียแผดเผา ระเหยเป็นเพียงละอองไอลอยขึ้นสู่ผืนฟ้าเบื้องบน รอวันเวลาที่จะถูกกลั่นตัวลงมาเป็นหยดหยาดพิรุนทร์1 อันบริสุทธิ์ผุดผ่องอีกครั้ง
อาจเปรียบได้เช่นชีวิตมนุษย์ เมื่อแรกเกิด จิตใจของเราทุกคนล้วนแล้วแต่ใสสะอาดดั่งดวงแก้วไร้ตำหนิ ปราศจากความมืดมิดหลบซ่อนอยู่ภายใน แต่เมื่อเวลาได้โบกบินผินผ่าน จิตใจของเราก็ดูดซึม รวบรวมเอาบาปกรรมนานับประการมาสั่งสมไว้ในตัว มากบ้าง น้อยบ้าง หัวใจที่เคยใสราวกระจกกลับค่อย ๆ ขุ่นมัวขึ้นตามกาลเวลา หากแต่สิ่งที่ต่างออกไป คือบาปกรรมที่เราได้กระทำนั้น ไม่ว่าจะโดยตั้งใจ หรือไม่ตั้งใจก็ดี ยังคงรอวันที่จะทวงถามการชำระความอยู่ร่ำไป
เมื่อใดที่เราพลาด หรือเผอเรอ ความตายก็อาจจะมาเยี่ยมเยือนโดยไม่รู้ตัว...
ดวงอาทิตย์สีทองกำลังแขวนตัวอยู่ตรงขอบฟ้าทางทิศตะวันตกราวกับสปอร์ตไลท์ขนาดใหญ่ แสงแดดอันอบอุ่นกระจายตัวโอบกอดทั่วทั้งแผ่นฟ้าเบื้องบน และผืนธรณีเบื้องล่าง ทิวเมฆบางเบาถูกอาบไล้ด้วยเปลวแสงแห่งดวงตะวัน จนแปรเปลี่ยนเป็นสีอำพันสว่างใส เคลื่อนคล้อยอย่างสง่างามราวกับลีลาของอิสตรีสูงค่า ผินผ่านบดบังลูกไฟขนาดยักษ์อยู่เป็นระยะ ๆ ก่อนที่ผ่านเลยไป ทิ้งให้ดวงสุริยาต้องเฝ้าครวญคิดรำพันถึง ดุจดั่งภาพจิตกรรมที่สวยงามแห่งแสงเงายามเย็น
เงาสะท้อนของต้นไม้ใหญ่น้อย และสุมทุมพุ่มพฤกษ์ซึ่งถูกประดับประดาไว้ข้างสระกระเบื้องขนาดใหญ่ โบกพลิ้วไปมาตามแรงลมที่โชยไหว พลางทอดตัวสะท้อนกับผิวน้ำซึ่งใสเหมือนกระจกเงา ระรอกคลื่นเล็ก ๆ กระเพื่อมตัวขึ้นลงอย่างแผ่วเบา หยอกล้อกับลำแสงสีทองช่วงสุดท้ายของวัน สะท้อนประกายระยิบระยับราวกับแก้วมณีอันมีค่า เมื่อได้เพ่งพิศมองดูด้วยจิตใจที่สงบ จะเห็นเป็นราวกับอีกโลกหนึ่งที่แปลกตาไปคล้ายความฝัน
ด้านหนึ่งของสระว่ายน้ำที่ถูกปูกระเบื้องสีฟ้าอ่อน เด็กหนุ่มในชุดกางเกงว่ายน้ำสีคราม กำลังนั่งอยู่บนพื้นหินละเอียดของขอบสระกระเบื้อง พลางทอดสายตามองดูบนแผ่นฟ้ากว้างใหญ่สุดหยั่งถึงอย่างเหม่อลอย ทิวเมฆทั้งเล็กใหญ่ต่างกำลังล่องลอยผ่านไปอย่างช้า ๆ ตามจังหวะของกระแสลมโชยเอื่อย บางก้อนก่อตัวเป็นรูปร่างคล้ายสรรพสัตว์ต่าง ๆ ทั้งกระต่าย ช้าง นก และอย่างอื่นอีกมากมายจนเกินจะพรรณนาได้หมดสิ้น บ้างก็ดูคล้ายกับเป็นเพียงก้อนสำลีไร้รูปทรงเพียงเท่านั้น แต่ที่เห็นจะถูกใจเด็กหนุ่มที่สุด คงจะหนีไม่พ้นกลุ่มเมฆที่มีรูปร่างคล้ายกับคนกำลังนอนไขว่ห้างอย่างสบายอารมณ์ราวกับไม่รู้สึกรู้สาในความวุ่นวายของผู้คนเบื้องล่าง
เด็กหนุ่มถอนหายใจออกมาเบา ๆ พลางคิดไปว่า คงจะดีไม่น้อย หากตอนนี้เขาเองก็กำลังทำเช่นนั้นอยู่บนเตียงแสนนุ่มสบายภายในห้องนอนของตน โดยไม่ต้องมีทั้งการบ้าน หรือหน้าที่ล้างถ้วยล้างจาน ปัดกวาดเช็ดถู อย่างที่พ่อแม่ได้ย้ำนักย้ำหนาให้ทำอยู่ทุกวัน
ชื่อของเขาคือ ‘ปธานิน2 ’ เด็กหนุ่มรูปร่างเล็ก เนื้อตัวผอมบาง ไว้ผมสั้นเกรียนติดหนังหัว ถึงแม้ว่าเขาจะมีชื่อเป็นสมาชิกคนหนึ่งของชมรมว่ายน้ำโรงเรียนมัธยม แต่ในความเป็นจริงแล้ว เด็กหนุ่มเองก็ไม่ได้อยากจะเข้าชมรมอะไรพวกนี้สักเท่าใดนัก หากโรงเรียนไม่ได้มีกฎบังคับให้นักเรียนต้องเลือกเข้าอย่างน้อยหนึ่งชมรม สำหรับเขา แค่เพียงการเรียนอย่างหน้าดำคร่ำเครียดในระดับมัธยมศึกษาปีที่หกอันแสนหนักหน่วงเอง ก็ทำให้รู้สึกเบื่อหน่ายกับการใช้ชีวิตในแต่ละวันได้มากพอดู ปธานินอดคิดไม่ได้ ถ้าหากเลือกได้ เขาคงเลือกที่จะนอนเอกเขนกอยู่บ้านอย่างสบายใจมากกว่า เด็กหนุ่มจึงได้แต่ก้มลงมองสระว่ายน้ำตรงหน้า พลางถอนหายใจออกมาดัง ๆ ด้วยความเซ็ง
“เฮ้ย! นิน ยังไม่ลงไปซ้อมกับเขาอีกเหรอวะ” เสียงของเด็กหนุ่มในชุดกางเกงว่ายน้ำสีดำแดงดังขึ้น เขามีรูปร่างสูง กำยำล่ำสัน แผงอกนูนได้รูป เพราะผ่านการฝึกฝนว่ายน้ำมาเป็นอย่างดี ผิวพรรณทั่วตัวมีสีน้าผึ้งเข้มกร้านแดดเสมอกัน ชื่อของเขาคือ ‘พนธกร3’ อันมีความหมายตรงกับภาพพจน์ที่เขามี ทว่าใคร ๆ ต่างก็เรียกเขาว่า ‘บอย’
“วันนี้ขี้เกียจหว่ะ อยากกลับไปนอนดูทีวีอยู่บ้านมากกว่า” ปธานินตอบด้วยแววตาเลื่อนลอย น้ำเสียงเจือปนด้วยความเบื่อหน่าย พลางหาวหวอดโดยไม่รู้ตัว
“กูก็เห็นเป็นอย่างนี้ทุกวัน เอาน่า... ไหน ๆ ก็เปลี่ยนกางเกงว่ายน้ำมาแล้ว มาแข่งกันสักรอบดีกว่า” บอยตีมือลงที่ไหล่ของปธานินเบา ๆ ครั้งหนึ่ง หวังกระตุ้นให้เพื่อนสนิทได้รู้สึกแอคทีฟขึ้นมาบ้าง
1 หยดหยาดพิรุนทร์ = ฝน
2 ปธานิน อ่านว่า ปะ-ทา-นิน แปลว่า ผู้มีความเพียรอันยิ่งใหญ่
3 พนธกร อ่านว่า พน-ทะ-กอน แปลว่า สร้างความผูกพัน เป็นที่รักเป็นที่ผูกพัน
--- ยังไม่จบครับ อ่านต่อด้านล่างเลยครับ ---