๒๕ มิ.ย.๕๘ หลังจากการอภิปรายในสภาสหภาพพม่า (Pyidaunsu Hluttaw) เพื่อขอแก้ไขรัฐธรรมนูญ ๔ มาตรา ๖ หัวข้อ เป็นเวลา ๓ วัน จบลง ก็มีการลงคะแนนเสียงลับ
ปรากฏว่า ส.ส.สภาสหภาพ ๖๖๔ คน ไม่มาประชุม ๕๐ คน คงเหลือ ๕๘๓ คน การแก้ไขรัฐธรรมนูญ ต้องได้เสียง ส.ส.สนับสนุนมากกว่า ๗๕%
- มีเพียง ม.๕๙ (ฆ) ที่ได้ ๕๕๖ เสียง = ๙๕.๓๗% (เปลี่ยนคำว่า การทหาร เป็น การป้องกันประเทศ) แต่จะต้องผ่านการลงประชามติทั่วประเทศ เป็นด่านที่ ๒ ต่อไป
อีก ๕ หัวข้อ เสียงที่ได้ไม่ถึง ๗๕% จึงไม่ผ่านการแก้ไข คือ
- ม.๕๙ (จ) ได้ ๓๒๑ เสียง = ๕๕.๐๖% (ขอแก้ไข คุณสมบัติประธานาธิบดี/รองประธานาธิบดี)
- ม.๖๐ (ค) ได้ ๓๘๖ เสียง = ๖๖.๒๑% (ขอแก้ไขให้ ประธานาธิบดี/รองประธานาธิบดี ต้องมาจาก ส.ส. ของเดิมไม่เป็น ส.ส.ก็ได้)
- ม.๔๑๘ (ข) ได้ ๓๘๖ เสียง = ๖๖.๒๑% (ขอแก้ไขอำนาจหน้าที่ของ จนท.เขต/รัฐในสถานการณ์ฉุกเฉิน)
- ม.๔๓๖ (ก) ได้ ๓๘๘ เสียง = ๖๖.๕๕% (ขอแก้ไขเสียงสนับสนุนแก้ไขรัฐธรรมนูญ จาก ๗๕% เป็น ๗๐%)
- ม.๔๓๖ (ข) ได้ ๓๘๘ เสียง = ๖๖.๕๕% (ขอแก้ไขเสียงสนับสนุน ในมาตราที่ไม่ต้องลงประชามติ)
ล่าสุด ขอแก้ไข เปอร์เซนต์ใหม่
ในที่สุด นางซูจี ยังไม่มีคุณสมบัติเป็นประธานาธิบดี
ปรากฏว่า ส.ส.สภาสหภาพ ๖๖๔ คน ไม่มาประชุม ๕๐ คน คงเหลือ ๕๘๓ คน การแก้ไขรัฐธรรมนูญ ต้องได้เสียง ส.ส.สนับสนุนมากกว่า ๗๕%
- มีเพียง ม.๕๙ (ฆ) ที่ได้ ๕๕๖ เสียง = ๙๕.๓๗% (เปลี่ยนคำว่า การทหาร เป็น การป้องกันประเทศ) แต่จะต้องผ่านการลงประชามติทั่วประเทศ เป็นด่านที่ ๒ ต่อไป
อีก ๕ หัวข้อ เสียงที่ได้ไม่ถึง ๗๕% จึงไม่ผ่านการแก้ไข คือ
- ม.๕๙ (จ) ได้ ๓๒๑ เสียง = ๕๕.๐๖% (ขอแก้ไข คุณสมบัติประธานาธิบดี/รองประธานาธิบดี)
- ม.๖๐ (ค) ได้ ๓๘๖ เสียง = ๖๖.๒๑% (ขอแก้ไขให้ ประธานาธิบดี/รองประธานาธิบดี ต้องมาจาก ส.ส. ของเดิมไม่เป็น ส.ส.ก็ได้)
- ม.๔๑๘ (ข) ได้ ๓๘๖ เสียง = ๖๖.๒๑% (ขอแก้ไขอำนาจหน้าที่ของ จนท.เขต/รัฐในสถานการณ์ฉุกเฉิน)
- ม.๔๓๖ (ก) ได้ ๓๘๘ เสียง = ๖๖.๕๕% (ขอแก้ไขเสียงสนับสนุนแก้ไขรัฐธรรมนูญ จาก ๗๕% เป็น ๗๐%)
- ม.๔๓๖ (ข) ได้ ๓๘๘ เสียง = ๖๖.๕๕% (ขอแก้ไขเสียงสนับสนุน ในมาตราที่ไม่ต้องลงประชามติ)
ล่าสุด ขอแก้ไข เปอร์เซนต์ใหม่