ผมรบกวนถามข้อมูลและความคิดเห็นเกี่ยวกับหนังเรื่องนี้หน่อยครับ
1.อาร์เธอร์ ชาลส์ คลาร์ก เขียนนิยายไปพร้อมๆกับเขียนบทภาพยนตร์ร่วมกับสแตนลีย์ คูบริก ใช่ไหมครับ ส่วนอีก 3 เล่มต่อมาเขียนในภายหลังจากเล่มแรกหรือหลังจากหนังออกฉายไปแล้ว
2.ได้ข่าวว่าทั้งคู่มีความขัดแย้งทางความคิดกันอยู่บ้าง และไม่รู้ว่าโดยรวมแล้วบทภาพยนตร์อิงความคิดใครเป็นหลัก เคยได้ข่าวว่าแตกคอกันจน สแตนลีย์ คูบริก ได้เครดิตไปคนเดียว แต่ผมดูเครดิตตอนจบ บทภาพยนตร์ ก็ให้เครดิตกับทั้งคู่ ไม่ทราบว่ากรณีนี้เป็นแบบไหนกันแน่
3.ขณะที่เขียนเล่มแรกคิดว่า อาร์เธอร์ ชาลส์ คลาร์ก คิดเรื่องราวทั้งหมดจนถึงเล่ม 4 ไปแล้วหรือยัง คิดไว้คร่าวๆ หรืออาจเปลี่ยนความคิดบางอย่างในการเขียนเล่มต่อๆมา เพราะเว้นระยะห่างกันพอสมควร
4.เป็นไปได้หรือไม่ว่า ตอนเขียนบทภาพยนตร์ สแตนลีย์ คูบริก อาจจะคิดกับหนังของเขาอีกอย่างหนึ่ง โดยเฉพาะสัญลักษณ์ทั้งหลาย แต่ภายหลัง อาร์เธอร์ ชาลส์ คลาร์ก ไปเขียนอีก 3 เล่ม เขาอาจจะคิดต่างกันกับ สแตนลีย์ คูบริก ก็ได้
5.สรุปคือ หนังเรื่องนี้ดูเข้าใจยาก แต่เห็นหลายความคิดเห็นหรือวิจารณ์บอกว่าจะเข้าใจง่ายขึ้นถ้าอ่านนิยายครบทั้ง 4 เล่ม แต่เป็นไปได้หรือไม่ว่า สิ่งที่อยู่ในนิยายอีก 3 เล่มต่อมา มันอาจจะไม่ตรงกับสิ่งที่หนังเป็น หรือสิ่งที่ สแตนลีย์ คูบริก คิด
เพราะเท่าที่เคยดูหนังของ สแตนลีย์ คูบริก มาเขาค่อนข้างมีความเป็นศิลปินสูง หนังของเขาค่อนข้างแนว สร้างมานานแล้วแต่มาดูปัจจุบันก็ยังสนุก และไม่ล้าสมัย ประเด็นที่เขาสื่อก็ยังคงทรงพลังอยู่ หนังของเขาเท่าที่ผมดูจะตลกร้าย เสียดสีมนุษย์ เสียดสีสังคม วิพากษ์มนุษย์ สังคมจนกระทั่งโลกด้วย
จริงๆแล้ว สแตนลีย์ คูบริกอาจจะคิดอีกอย่างหนึ่ง ส่วน อาร์เธอร์ ชาลส์ คลาร์ก พอไปเขียนอีก 3 เล่มอาจจะคิดอีกอย่างหนึ่ง เป็นไปได้หรือไม่ และไม่ทราบว่ามีข้อมูลในส่วนนี้อย่างไรบ้างครับ
รบกวนสอบถามความคิดเห็นและข้อมูลหน่อยครับ
ขอบคุณมากนะครับ
### เพิ่มเติมข้อมูลครับ ###
ผมเคยอ่านข้อมูลมา(ไม่รู้เป็นข้อมูลที่ถูกต้องหรือเปล่านะครับ) นิยายเล่ม 2-4 โดยเฉพาะเล่ม 4 จะอธิบายสิ่งที่เข้าใจยากในเล่มแรก ทีนี้คนก็เลยเอาสิ่งที่อธิบายนั้นมาตีความหนัง
ดังนั้นเป็นไปได้หรือไม่ว่าสิ่งที่หนังสืออธิบายในเล่มๆ ต่อๆมา มันอาจจะไม่ตรงกับสิ่งที่ สแตนลีย์ คูบริก คิด เพราะสิ่งที่ สแตนลีย์ คูบริก ทำเขาอาจจะตั้งใจให้เราตีความเอาเอง หรือเปิดให้เราตีความ แต่ในหนังสืออีก 3 เล่มก็เป็นสิ่ง อาร์เธอร์ ชาลส์ คลาร์ก เขาคิดภายหลังจากที่หนังออกฉายแล้ว เขาคิดและอธิบายในมุมของเขา ซึ่งมันอาจจะไม่ตรงกับสิ่งที่หนังต้องการสื่อ หรือมันแตกต่างกัน
### เพิ่มเติม 2 ###
คือผมคิดว่าถ้าเราเอาเนื้อหาจากหนังสือมาอธิบายหนัง โดยเฉพาะการอธิบายสิ่งที่ชวนสงสัยในหนัง ในหนังสือเล่มที่ 4 สิ่งที่เปิดให้เราตีความมันก็จะกลายเป็นสิ่งที่เข้าใจได้ง่ายเลย เพราะมันอธิบายไว้หมดแล้ว ถ้ามองในมุมนี้หนังจะลดความลุ่มลึกลงไปเยอะเลย
มันเป็นไปได้ไหมครับว่าจริงๆแล้ว คูบริก อาจจะไม่ได้คิดแบบนั้นก็ได้ เขาอาจอยากจะให้เราตีความเอาเอง ส่วนหนังสือก็เป็นการอธิบายหรือตีความในแนวคิดของ อาร์เธอร์ ชาลส์ คลาร์ก
คือถ้าเราไม่เอาสิ่งที่หนังสืออีก 3 เล่มอธิบาย เอาแค่เนื้อหาที่เห็นในหนัง มันอาจจะตีความได้หลายอย่าง ตรงกับความต้องการของ คูบริก หรือเปล่าครับ
ผมขออนุญาตเอาลิงค์ที่วิจารณ์หนังเรื่องนี้มานะครับ
http://ppantip.com/topic/31966071
จากที่ท่าน จขกท ในลิงค์นี้อธิบายและตีความผมค่อนข้างจะเห็นด้วยเลย เพราะ คูบริก ก็เคยทำหนังเสียดสีเกี่ยวกับสงครามเย็นมาแล้วในหนังเรื่อง Dr. Strangelove
หรือจะตีความเป็นเรื่องปรัชญาพุทธก็ได้อีก
หรือจะตีความแบบในหนังสือก็ได้อีก
คือผมสงสัยว่าจริงๆแล้ว คูบริก แกอยากทำหนังปลายเปิดให้เราตีความเอาเอง ส่วนหนังสือเล่มต่อๆมา ก็อธิบายในมุมของผู้เขียนเองหรือเปล่าครับ
คือถ้าเป็นแบบหนังสือ เนื้อหาก็ลึกล้ำอยู่ก็จริง แต่ถ้าเราตัดเนื้อหาในหนังสือที่อธิบายสิ่งต่างๆไป เอาแค่เนื้อหาในหนังหรือสิ่งที่ คูบริก ต้องการนำเสนอ และก็จบแบบไม่อธิบาย ให้ตีความกันเอง หนังมันจะลุ่มลึกกว่าเยอะเลย ในความคิดของผม
รบกวนถามเกี่ยวกับหนังเรื่อง 2001: A Space Odyssey หน่อยครับ
1.อาร์เธอร์ ชาลส์ คลาร์ก เขียนนิยายไปพร้อมๆกับเขียนบทภาพยนตร์ร่วมกับสแตนลีย์ คูบริก ใช่ไหมครับ ส่วนอีก 3 เล่มต่อมาเขียนในภายหลังจากเล่มแรกหรือหลังจากหนังออกฉายไปแล้ว
2.ได้ข่าวว่าทั้งคู่มีความขัดแย้งทางความคิดกันอยู่บ้าง และไม่รู้ว่าโดยรวมแล้วบทภาพยนตร์อิงความคิดใครเป็นหลัก เคยได้ข่าวว่าแตกคอกันจน สแตนลีย์ คูบริก ได้เครดิตไปคนเดียว แต่ผมดูเครดิตตอนจบ บทภาพยนตร์ ก็ให้เครดิตกับทั้งคู่ ไม่ทราบว่ากรณีนี้เป็นแบบไหนกันแน่
3.ขณะที่เขียนเล่มแรกคิดว่า อาร์เธอร์ ชาลส์ คลาร์ก คิดเรื่องราวทั้งหมดจนถึงเล่ม 4 ไปแล้วหรือยัง คิดไว้คร่าวๆ หรืออาจเปลี่ยนความคิดบางอย่างในการเขียนเล่มต่อๆมา เพราะเว้นระยะห่างกันพอสมควร
4.เป็นไปได้หรือไม่ว่า ตอนเขียนบทภาพยนตร์ สแตนลีย์ คูบริก อาจจะคิดกับหนังของเขาอีกอย่างหนึ่ง โดยเฉพาะสัญลักษณ์ทั้งหลาย แต่ภายหลัง อาร์เธอร์ ชาลส์ คลาร์ก ไปเขียนอีก 3 เล่ม เขาอาจจะคิดต่างกันกับ สแตนลีย์ คูบริก ก็ได้
5.สรุปคือ หนังเรื่องนี้ดูเข้าใจยาก แต่เห็นหลายความคิดเห็นหรือวิจารณ์บอกว่าจะเข้าใจง่ายขึ้นถ้าอ่านนิยายครบทั้ง 4 เล่ม แต่เป็นไปได้หรือไม่ว่า สิ่งที่อยู่ในนิยายอีก 3 เล่มต่อมา มันอาจจะไม่ตรงกับสิ่งที่หนังเป็น หรือสิ่งที่ สแตนลีย์ คูบริก คิด
เพราะเท่าที่เคยดูหนังของ สแตนลีย์ คูบริก มาเขาค่อนข้างมีความเป็นศิลปินสูง หนังของเขาค่อนข้างแนว สร้างมานานแล้วแต่มาดูปัจจุบันก็ยังสนุก และไม่ล้าสมัย ประเด็นที่เขาสื่อก็ยังคงทรงพลังอยู่ หนังของเขาเท่าที่ผมดูจะตลกร้าย เสียดสีมนุษย์ เสียดสีสังคม วิพากษ์มนุษย์ สังคมจนกระทั่งโลกด้วย
จริงๆแล้ว สแตนลีย์ คูบริกอาจจะคิดอีกอย่างหนึ่ง ส่วน อาร์เธอร์ ชาลส์ คลาร์ก พอไปเขียนอีก 3 เล่มอาจจะคิดอีกอย่างหนึ่ง เป็นไปได้หรือไม่ และไม่ทราบว่ามีข้อมูลในส่วนนี้อย่างไรบ้างครับ
รบกวนสอบถามความคิดเห็นและข้อมูลหน่อยครับ
ขอบคุณมากนะครับ
### เพิ่มเติมข้อมูลครับ ###
ผมเคยอ่านข้อมูลมา(ไม่รู้เป็นข้อมูลที่ถูกต้องหรือเปล่านะครับ) นิยายเล่ม 2-4 โดยเฉพาะเล่ม 4 จะอธิบายสิ่งที่เข้าใจยากในเล่มแรก ทีนี้คนก็เลยเอาสิ่งที่อธิบายนั้นมาตีความหนัง
ดังนั้นเป็นไปได้หรือไม่ว่าสิ่งที่หนังสืออธิบายในเล่มๆ ต่อๆมา มันอาจจะไม่ตรงกับสิ่งที่ สแตนลีย์ คูบริก คิด เพราะสิ่งที่ สแตนลีย์ คูบริก ทำเขาอาจจะตั้งใจให้เราตีความเอาเอง หรือเปิดให้เราตีความ แต่ในหนังสืออีก 3 เล่มก็เป็นสิ่ง อาร์เธอร์ ชาลส์ คลาร์ก เขาคิดภายหลังจากที่หนังออกฉายแล้ว เขาคิดและอธิบายในมุมของเขา ซึ่งมันอาจจะไม่ตรงกับสิ่งที่หนังต้องการสื่อ หรือมันแตกต่างกัน
### เพิ่มเติม 2 ###
คือผมคิดว่าถ้าเราเอาเนื้อหาจากหนังสือมาอธิบายหนัง โดยเฉพาะการอธิบายสิ่งที่ชวนสงสัยในหนัง ในหนังสือเล่มที่ 4 สิ่งที่เปิดให้เราตีความมันก็จะกลายเป็นสิ่งที่เข้าใจได้ง่ายเลย เพราะมันอธิบายไว้หมดแล้ว ถ้ามองในมุมนี้หนังจะลดความลุ่มลึกลงไปเยอะเลย
มันเป็นไปได้ไหมครับว่าจริงๆแล้ว คูบริก อาจจะไม่ได้คิดแบบนั้นก็ได้ เขาอาจอยากจะให้เราตีความเอาเอง ส่วนหนังสือก็เป็นการอธิบายหรือตีความในแนวคิดของ อาร์เธอร์ ชาลส์ คลาร์ก
คือถ้าเราไม่เอาสิ่งที่หนังสืออีก 3 เล่มอธิบาย เอาแค่เนื้อหาที่เห็นในหนัง มันอาจจะตีความได้หลายอย่าง ตรงกับความต้องการของ คูบริก หรือเปล่าครับ
ผมขออนุญาตเอาลิงค์ที่วิจารณ์หนังเรื่องนี้มานะครับ
http://ppantip.com/topic/31966071
จากที่ท่าน จขกท ในลิงค์นี้อธิบายและตีความผมค่อนข้างจะเห็นด้วยเลย เพราะ คูบริก ก็เคยทำหนังเสียดสีเกี่ยวกับสงครามเย็นมาแล้วในหนังเรื่อง Dr. Strangelove
หรือจะตีความเป็นเรื่องปรัชญาพุทธก็ได้อีก
หรือจะตีความแบบในหนังสือก็ได้อีก
คือผมสงสัยว่าจริงๆแล้ว คูบริก แกอยากทำหนังปลายเปิดให้เราตีความเอาเอง ส่วนหนังสือเล่มต่อๆมา ก็อธิบายในมุมของผู้เขียนเองหรือเปล่าครับ
คือถ้าเป็นแบบหนังสือ เนื้อหาก็ลึกล้ำอยู่ก็จริง แต่ถ้าเราตัดเนื้อหาในหนังสือที่อธิบายสิ่งต่างๆไป เอาแค่เนื้อหาในหนังหรือสิ่งที่ คูบริก ต้องการนำเสนอ และก็จบแบบไม่อธิบาย ให้ตีความกันเอง หนังมันจะลุ่มลึกกว่าเยอะเลย ในความคิดของผม