The DUFF (Ari Sandel,2015)
หวายหนังได้เรต PG-13 แต่แสบสันต์พอๆกับหนังเรต R หนังมันฉลาดพอควรนะในการบิดพล็อตหนังไฮสคูลที่มีอยู่ไม่กี่แบบหรอก แถมมาตรฐานของหนังแนวนี้ Mean Girl ก็ทำสกอร์ไว้สูงลิบตามมาด้วย Easy A ในขณะที่ The Duff นี่แหละที่เป็นลูกไล่พอฟัดพอเหวี่ยงได้เลย คราวนี้มันไม่ได้พยายามมอง "ระบบ" ทั้งหมด แต่เลือกโฟกัสลงมาที่ตัวนางเอกบริอังก้า(เม ไวท์แมน) แทน
ด้วยความที่นางเป็นคนที่ "ไม่สวย" ในทุกมุม วันนึงหลังจากที่นางโดนผู้ชายหล่อย่างเวส(ร็อบบี้ อเมล) กรอกหูว่าเป็น THE DUFF (อันย่อมาจาก อ้วน-ปลวก-ประจำ-แก๊งค์) นางจึงรู้สึกขึ้นมาว่าหนังหน้าเธอเป็นรองเพื่อนซี้ทั้งสองคน จนเป็นอันแตกหักกับเพื่อนตัวเองแล้วพยายามอยากเป็น "อีสวย" ด้วยการยื่นข้อตกลงกับเวสในการแลกเปลี่ยนในการติววิชาเคมีให้เขาสอบผ่านเป็นการแลกเปลี่ยน
หมัดเด็ดของมันคือความพยามพิสูจน์ "ตัวตน" ของนางเอกว่าท้ายที่สุดแล้ว การเป็นชะนีปลวกนั้นมันก็เป็นบริอังก้านั่นแหละ แต่การที่เธอ "รู้สึก" กับตัวเองที่เธอ "สวย" สู้เพื่อนไม่ได้นั้นทำให้เธอกลายเป็น "ดัฟ" ของคนอื่น ทั้งที่จริงแล้วมันก็เป็นสิ่งที่เธอ "คิดไปเอง" เช่นเดียวกับการที่เพื่อนของเธอบอกว่าทุกคนต่างก็มีความไม่มั่นใจในบางเรื่องด้วยกันทั้งนั้นแหละ
แต่สิ่งที่ทำให้เราตะขิดตะขวงใจพอควรก็คือ "ทางออก" ของหนังเรื่องนี้ว่าท้ายที่สุดแล้ว "ความสวย" นี่แหละก็ยังเป็นใบเบิกทางสำคัญที่ "ผู้ชาย" สะดุดตาอยู่ดี (เป็นจังหวะที่เรารู้สึกว่าหนังพลาดมากในซีน "เฉิดฉายในงานโฮมคัมมิ่ง AKA งานพรอม) เลยแอบหักคะแนนหนังที่ทำให้สิ่งที่หนังพยายามพูดมามันเป๋ไปหน่อย
โดยรวมเรา ENJOY กับหนังมาก มุกตลกดีงาม ฮามาก(ถ้าเธอเกทกับวัฒนธรรมวัยรุ่น US และบรรดาซีรีย์ รายการทีวี) พระเอกแซ่บมากเหมือนทอม ครูซสมัยยังเอ๊าะ แม่นางเอกก็สมาร์ทเริ่ดเป็น Working Woman ผัวทิ้งที่เก๋เว่อร์
อีกหนึ่งความสนุก (ที่เราคาดหวังอยากดูหนังเรื่องนี้ในโรงคือการแปล Subtitle เป็นภาษาไทย ซึ่งหนังวัยรุ่นแสลงหนัก และการเปลี่ยน "บริบท" ในหนังในคนไทยเกทได้เป็นความท้าทายอีกประการหนึ่งของผู้แปล ขอบคุณคุณต๊อบ พลากร ที่ทำให้หนัง "สนุก" ขึ้นอีกเท่าตัว)
#TheDUFF #MaeWhitman #RobbieAmell #KenJeong
อ่านรีวิวเรื่องอื่นๆได้ที่นี่ครับ >>
https://www.facebook.com/EntertainmentBite
[SR] [ตัดเกรด-ยกนิ้วขึ้น] The DUFF เป็นชะนีวัยรุ่นมันเหนื่อย
The DUFF (Ari Sandel,2015)
หวายหนังได้เรต PG-13 แต่แสบสันต์พอๆกับหนังเรต R หนังมันฉลาดพอควรนะในการบิดพล็อตหนังไฮสคูลที่มีอยู่ไม่กี่แบบหรอก แถมมาตรฐานของหนังแนวนี้ Mean Girl ก็ทำสกอร์ไว้สูงลิบตามมาด้วย Easy A ในขณะที่ The Duff นี่แหละที่เป็นลูกไล่พอฟัดพอเหวี่ยงได้เลย คราวนี้มันไม่ได้พยายามมอง "ระบบ" ทั้งหมด แต่เลือกโฟกัสลงมาที่ตัวนางเอกบริอังก้า(เม ไวท์แมน) แทน
ด้วยความที่นางเป็นคนที่ "ไม่สวย" ในทุกมุม วันนึงหลังจากที่นางโดนผู้ชายหล่อย่างเวส(ร็อบบี้ อเมล) กรอกหูว่าเป็น THE DUFF (อันย่อมาจาก อ้วน-ปลวก-ประจำ-แก๊งค์) นางจึงรู้สึกขึ้นมาว่าหนังหน้าเธอเป็นรองเพื่อนซี้ทั้งสองคน จนเป็นอันแตกหักกับเพื่อนตัวเองแล้วพยายามอยากเป็น "อีสวย" ด้วยการยื่นข้อตกลงกับเวสในการแลกเปลี่ยนในการติววิชาเคมีให้เขาสอบผ่านเป็นการแลกเปลี่ยน
หมัดเด็ดของมันคือความพยามพิสูจน์ "ตัวตน" ของนางเอกว่าท้ายที่สุดแล้ว การเป็นชะนีปลวกนั้นมันก็เป็นบริอังก้านั่นแหละ แต่การที่เธอ "รู้สึก" กับตัวเองที่เธอ "สวย" สู้เพื่อนไม่ได้นั้นทำให้เธอกลายเป็น "ดัฟ" ของคนอื่น ทั้งที่จริงแล้วมันก็เป็นสิ่งที่เธอ "คิดไปเอง" เช่นเดียวกับการที่เพื่อนของเธอบอกว่าทุกคนต่างก็มีความไม่มั่นใจในบางเรื่องด้วยกันทั้งนั้นแหละ
แต่สิ่งที่ทำให้เราตะขิดตะขวงใจพอควรก็คือ "ทางออก" ของหนังเรื่องนี้ว่าท้ายที่สุดแล้ว "ความสวย" นี่แหละก็ยังเป็นใบเบิกทางสำคัญที่ "ผู้ชาย" สะดุดตาอยู่ดี (เป็นจังหวะที่เรารู้สึกว่าหนังพลาดมากในซีน "เฉิดฉายในงานโฮมคัมมิ่ง AKA งานพรอม) เลยแอบหักคะแนนหนังที่ทำให้สิ่งที่หนังพยายามพูดมามันเป๋ไปหน่อย
โดยรวมเรา ENJOY กับหนังมาก มุกตลกดีงาม ฮามาก(ถ้าเธอเกทกับวัฒนธรรมวัยรุ่น US และบรรดาซีรีย์ รายการทีวี) พระเอกแซ่บมากเหมือนทอม ครูซสมัยยังเอ๊าะ แม่นางเอกก็สมาร์ทเริ่ดเป็น Working Woman ผัวทิ้งที่เก๋เว่อร์
อีกหนึ่งความสนุก (ที่เราคาดหวังอยากดูหนังเรื่องนี้ในโรงคือการแปล Subtitle เป็นภาษาไทย ซึ่งหนังวัยรุ่นแสลงหนัก และการเปลี่ยน "บริบท" ในหนังในคนไทยเกทได้เป็นความท้าทายอีกประการหนึ่งของผู้แปล ขอบคุณคุณต๊อบ พลากร ที่ทำให้หนัง "สนุก" ขึ้นอีกเท่าตัว)
#TheDUFF #MaeWhitman #RobbieAmell #KenJeong
อ่านรีวิวเรื่องอื่นๆได้ที่นี่ครับ >> https://www.facebook.com/EntertainmentBite