“คืนบาปที่...Buffalo”
ลักษณะเตียงนอนที่อยู่ในศูนย์ฯนั้น
ได้เคยเล่าไปแล้วว่า ใน 1 ฐานเตียง จะมีอยู่ 4 ที่นอน และนอนได้ 4 คน
โดยเป็นเตียงล่าง 2 คน เตียงบน 2 คน
เตียงล่าง ระหว่างฝั่งซ้ายและฝั่งขวามีคันกั้นทึบ ไม่สามารถมองเห็นกันได้
ส่วนเตียงบนไม่ทึบ หล่อเป็นคันกั้นระหว่างเตียงแค่ 1 ฟุตเท่านั้น
ดังนั้น เตียงด้านบนจึงเหมือนนอนอยู่ข้างๆ กัน สามารถพลิกตัวข้ามคันกั้นแบบสบายๆ หากมีใจต่อกัน
เตียงบนฝั่งผมคือ เอลเกนโญ หนุ่ม(สาว)น้อยอายุ 18 ปี จากกัวเตมาลา
ส่วนอีกฝั่งเป็น ฮวน กอนซาเลซ เพื่อนสนิทของเอลเกนโญ
อายุเท่ากัน และเพศสภาพแบบเดียวกัน
ทั้งสองคนเดินทางมาหาอนาคตด้วยกันที่อเมริกา
มาโดยไม่มีอะไรเลย ไม่มีวีซ่า ไม่มีแม้กระทั่งพาสปอร์ต
ไม่มีความรู้ภาษาอังกฤษเลย เพราะที่บ้านเกิดพูดภาษาสแปนิช
พูดได้แต่ Yes No Okay การฟังก็แทบไม่รู้เรื่อง
พวกเขามาที่นี่ มาด้วยหัวใจเท่านั้น
มาตามรอยปู่ ย่า ตา ยาย พี่ ป้า น้า อา ซึ่งได้ก่อร่างสร้างทางเอาไว้
ประสบความสำเร็จบ้าง ล้มเหลวบ้าง ก็ว่ากันไป
แต่พวกรุ่นใหม่ก็ไม่เคยคิดจะย่อท้อ
ยังคงเดินตามรอยทางเหล่านั้นด้วยความหวังต่อไป
ผมคุยกับเอลเกนโญบ่อย เนื่องจากอยู่ในซุ้มฐานเตียงเดียวกัน
รู้เรื่องบ้าง ไม่รู้เรื่องบ้าง
บางทีก็มี “ครูซ” หนุ่มน้อยวัย 19 ปี
จากกัวเตมาลาอีกคนมาช่วยแปลให้
ครูซ ใช้ภาษาอังกฤษได้ดีพอควร เนื่องจากมาอยู่ที่ศูนย์ฯนี้ ประมาณ 11 เดือนเข้าให้แล้ว
ทำให้เขาได้เรียนรู้ภาษาอังกฤษ และพยายามสนทนากับเพื่อนร่วมห้องคนอื่น ๆ
เอลเกนโญบอกผ่านครูซว่า
เขาคิดถึงพ่อ-แม่ และครอบครัว แต่ก็ไม่อยากกลับบ้าน
เขาอยากอยู่ที่นี่ อยากทำงานที่นี่ อยากรู้จักอเมริกา
“อ้าว..แล้วโดนจับมาอยู่ที่นี่ จะทำงานได้อย่างไรล่ะ“ ผมถาม
“ก็ร้องขอต่อศาล ขออยู่ที่นี่ต่อ“ เขาตอบ
“แล้วถ้าศาลไม่อนุญาต และส่งกลับบ้านล่ะ“
“ก็กลับ แต่ก็คงหาทางมาใหม่“
นั่นคือคำตอบที่แทบไม่ต้องคิด ของพวกเขาเกือบทุกคนที่อยู่ที่นี่
และก็ไม่น่าแปลกใจนัก เพราะบางคนผมได้ข้อมูลว่าโดนจับเป็นครั้งที่ 2 ครั้งที่ 3 แล้ว !!
แต่เอลเกนโญ และฮวน นี่คือครั้งแรกของพวกเขา
โดนจับที่ชายแดนรัฐแอริโซนา ที่ติดกับเม็กซิโก แล้วถูกส่งตัวมาที่นี่
ในบรรดาพวกอายุรุ่นราวคราวเดียวกัน ประมาณ 18-19 ปี นั้น
มีอยู่ไม่ต่ำกว่า 8-9 คน ผมก็ไม่รู้จักทั้งหมดหรอก
แต่รู้ว่า มีแค่ฮวนและเอลเกนโญนี่แหละ ที่แสดงตัวเป็นสาว
2 คนนี้ พอได้อยู่เตียงบนข้างกัน ก็เลยคุยกัน เม้าท์มอยเอ็นจอยปากกันทุกคืน
แต่เธอ 2 คน ไม่กินกันเอง
อาจจะด้วยเป็นผู้เล่นศูนย์หน้าหรือปีก จึงมีหน้าที่รุกอย่างเดียว
หรืออาจจะเป็นฟูลแบ็ค และเซ็นเตอร์ฮาล์ฟ จึงเป็นฝั่งรับด้วยกัน
และด้วยความที่เป็นเพื่อนสนิทกัน จึงไม่สามารถมาต่อสู้กันเองได้
เมื่อวัยกำลังห้าว ไฉนเลยอยากจะเปล่าเปลี่ยวเดียวดายดั่งควายลืมทุ่ง
และเนื่องจากศูนย์ฯแห่งนี้ มีพวก Hispanic ที่พูดภาษาสแปนิชเป็นส่วนใหญ่
ทั้งเม็กซิโก กัวเตมาลา ฮอนดูรัส มันก็ทำให้รู้สึกอบอุ่น
หันไปทางไหนก็มีเพื่อนพูดภาษาเดียวกันทั้งนั้น
ได้พูดได้คุย ได้รู้จักเพื่อนเยอะแยะไปหมด
ทั้งรุ่นเดียวกัน รุ่นพี่ รุ่นน้อง จนกระทั่งถึงรุ่นพ่อ
ฮวนกับเอลเกนโญ แม้จะไม่แฮปปี้นักกับการถูกจำกัดเสรีภาพ
แต่เธอทั้งสองก็ไม่ยี่หระ เพราะมันเป็นวิถีที่เธอเลือกแล้ว
บ่ายวันหนึ่ง มีเจ้าหน้าที่คนหนึ่งเดินมาที่เตียงผม
แต่ไม่ได้ตั้งใจมาสนทนากับผมหรอก
เขามาบอกให้ฮวนเก็บของทั้งหมด โดยไม่ได้พูดอะไรมากไปกว่านั้น
ฮวนทำหน้าเหรอหรา เลือดสาวสูบฉีดแดงก่ำ ดั่งระกำจันทบุรี !!
เอลเกนโญก็งงๆ แต่ก็มาช่วยฮวนเก็บของ
แล้วฮวนก็สะพายถุงผ้าเดินตามเจ้าหน้าที่ออกจากห้องไป
“เฮ้ย…มันเกิดอะไรขึ้นวะ ใครรู้เรื่องบ้างเนี่ย !!“ เสียงเอะอะโวยวายเกิดขึ้นบริเวณฐานบัญชาการเตียงผม
“เดี๋ยวฉันจะลองไปสืบดู“ หนุ่มเม็กซิโกรายหนึ่งอาสา แล้วเดินลงไปชั้นล่าง
ครึ่งชั่วโมงผ่านไป
ข้อเท็จจริงจากแหล่งข่าวจึงได้เปิดเผยขึ้น
ฮวน เกิดศรศิลป์กินกันกับหนุ่มรุ่นกระทงรายหนึ่ง
กัวเตมาลาเหมือนกัน พูดภาษาเดียวกัน อายุ 18 ปีเท่ากัน
ที่สำคัญ หน้าตาหล่อเหลา ผิวขาวเนียน แววตาซุกซนขี้เล่น
ผมดำขลับตัดกับใบหน้าใสๆ ดูน่ามองยิ่งนัก
เก้ง กวาง บ่าง ชะนี เห็นแล้วน้ำลายฟูมปาก !!
เมื่อความรักสุกงอม
การวางแผนนัดหมายฟีตเจอริ่งในค่ำคืนหนึ่งจึงเกิดขึ้น
ยุทธศาสตร์ครั้งนี้ จะสำเร็จไม่ได้ หากไม่มีการร่วมมือกันทั้ง 3 ฝ่าย แบบไตรภาคี
คือ ฮวน เอลเกนโญ และหนุ่มน้อยหน้าใส
ในวันดวลปืนนั้น
ฮวนให้เอลเกนโญเพื่อนสนิทไปนอนที่เตียงพ่อหนุ่มน้อย ซึ่งอยู่ห่างออกไป 4 เตียง
แล้วให้พ่อหนุ่มน้อยหน้ามนนั่น มานอนที่เตียงเอลเกนโญแทน
แน่นอน...เธอและเขาจะเนียนเสมือนอยู่เตียงเดียวกัน สวรรค์ก็จะเป็นของเรา
แค่นี้...ยุทธการตามฝัน วันเขย่าโลก ก็เริ่มต้นขึ้นได้แล้ว
เพลง Smoke On The Water ของวงร็อคระดับตำนานอย่าง Deep Purple บรรเลงไปท่ามกลางความมืดมิด
และความหนาวเหน็บของฤดูที่ยังไม่สิ้นกลิ่นหิมะ
เมื่อความสุขผ่านพ้นไป ความบรรลัยก็เข้ามาแทนที่
ในคืนอันหอมหวานนั้น
หาได้รอดพ้นสายตาของผู้เฝ้ามองรายหนึ่งไปได้ไม่
มันคือ..กล้องวงจรปิดนั่นเอง !!
ผมไม่แน่ใจนักว่า ในห้องเรา มีกล้องทั้งหมดอยู่กี่ตัว
แต่ที่แน่ๆ มี 2 ตัว อยู่บนเพดานห้อง วางตัวอยู่ในระยะที่ห่างกันพอสมควร เพื่อให้เห็นครอบคลุมทุกพื้นที่ของชั้นบน
ฮวนกับคู่จิ้นของหล่อนอาจจะประมาทว่ากล้องมันจะจับภาพในความมืดไม่ได้
ก็เลยกระทำการศึกลงไปโดยไม่ไตร่ตรองให้รอบคอบ
แต่ผมกลับสงสัยไปกว่านั้นว่า เจ้าหน้าที่จะรู้ได้อย่างไรว่ามีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้น จึงต้องไปดูกล้องวงจรปิด
เจ้าหน้าที่จะนั่งเฝ้ากล้องอยู่ตลอดเวลาหรือ? ไม่มีทางหรอก !!
นอกจากว่า จะมีเหตุการณ์อะไรที่ไม่ปกติเกิดขึ้น จึงจะมาดูกล้องในภายหลัง
แต่นี่..ไม่ใช่แบบนั้น...
ไม่มีอะไรเกิดขึ้น..ทั้งกลางวันและกลางคืนที่ผ่านไป
อาจจะมีพายุบ้าง..แต่นั่นคือ..พายุอารมณ์ที่โหมกระหน่ำระหว่างหนุ่มสาว
อาจจะมีคลื่นที่สาดกระเซ็น แต่ก็ไม่กระเด็นไปถูกใคร
แล้วเจ้าหน้าที่จะมาดูกล้องเพื่ออะไร?...และทำไม?....
มันน่าจะมีอะไรสักอย่างแน่ ๆ
เจ้าหน้าที่นึกอยากจะดูขึ้นมาเฉยๆ หรือจะมีคนเห็นแล้วไปฟ้อง
ทุกคนเออออ เห็นด้วยว่า น่าจะมีคนไปฟ้อง
อืม...แล้วใครกันวะ..!!
ความจริงถูกเฉลยหลังอาหารค่ำผ่านไป
ไอ้ "นาร์ เดเน่" หนุ่มสูงยาวเข่าดีจากเซเนกัลนั่นเอง
มันเกิดตื่นขึ้นมากลางดึก แล้วจะเดินไปเข้าห้องน้ำ
พลันสายตามันเหลือบไปเห็นเตียงชั้นบนข้างๆ มีความเคลื่อนไหวผิดปกติ
พอเพ่งมองฝ่าความมืดได้ระยะ
มันก็ได้เห็นภาพการโรมรันพันตูของสองหนุ่มสาว
แม้จะไม่ชัดเจนแบบดิจิตอลนัก
แต่มันก็แน่ใจว่า ไม่ใช่หมีแพนด้ามานั่งพลอดรักกันแน่ ๆ !!
ไอ้นาร์ ตัดสินใจไปแจ้งเจ้าหน้าที่ในวันรุ่งขึ้น โดยไม่ได้ปรึกษาใครก่อน
แต่มันคงเห็นว่า นี่เป็นการกระทำที่ไม่เหมาะสม ไม่ถูกต้อง และผิดกฎระเบียบของที่นี่
นั่นจึงเป็นที่มาของการเรียกดูเทปวงจรปิดของเจ้าหน้าที่
แล้วบทลงโทษ ก็ตามมาในบ่ายวันนั้นเอง
ฮวน ถูกสั่งให้เก็บของและย้ายไปอยู่ห้องอื่น
ส่วนเอลเกนโญ และหนุ่มน้อยคู่ฟีตเจอริ่ง ไม่ได้โดนลงโทษอะไร คงอยู่ตำแหน่งเดิม และที่เดิม
แม้เราจะงงๆ กับบทลงโทษในครั้งนี้
แต่เราก็พูดอะไรไม่ได้ เพราะนั่นเป็นสิ่งที่เจ้าหน้าที่ได้พิจารณาตัดสินแล้ว
จะว่าไป ก็เป็นการลงโทษสถานเบาด้วยซ้ำ
ฮวน แค่ไปอยู่ห้องใหม่ อยู่ฝั่งตรงข้ามกัน
เสียแต่ต้องห่างจากเพื่อนรัก คู่จิ้น และต้องไปปรับตัวกับเพื่อนใหม่เท่านั้น
สุดท้าย...ทุกๆ คนก็ยังแฮปปี้กับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น
ทางศูนย์ฯได้จัดการบริหารเหตุการณ์นี้อย่างนุ่มนวล แบบบัวไม่ให้ช้ำ น้ำไม่ให้ขุ่น
และคนที่น่าจะแฮปปี้อย่างที่สุดอีกคนหนึ่ง ก็น่าจะเป็นผม
เพราะแม้ผมจะเป็นคนที่นอนหลับค่อนข้างสนิท และลึกพอสมควร
และไม่ได้ยินเสียง "Smoke On The Water" จากวงร็อคที่เร่าร้อนในคืนนั้น
แต่ใครจะไปรู้ล่ะว่า...ถ้าคู่ชกคู่นั้นไม่โดนจับแยกซะก่อน
มันจะมาลงสนามประลองมวยกันอีก
และถ้ามันดังขึ้นๆ ทุกวันๆ ผมก็คงจะได้ยินมันเข้าสักวันหนึ่งก็เป็นได้
เฮ้ออ...ไม่อยากจะคิดเลย...
เพราะเตียงบาป ฉบับ Buffalo นั้น
มันอยู่บนหัวผมนั่นเอง !!
@@@@@@@@
โปรดติดตามตอนต่อไป ; "อีผิน..ฟิลิปปินส์ผู้เลอโฉม (1)"
เรื่องสั้นชุด "ชีวิตต่างแดน" ตอน "คืนบาปที่...Buffalo" โดย..."ตุ๊กดุ๋ย เลิฟลี่"
“คืนบาปที่...Buffalo”
ลักษณะเตียงนอนที่อยู่ในศูนย์ฯนั้น
ได้เคยเล่าไปแล้วว่า ใน 1 ฐานเตียง จะมีอยู่ 4 ที่นอน และนอนได้ 4 คน
โดยเป็นเตียงล่าง 2 คน เตียงบน 2 คน
เตียงล่าง ระหว่างฝั่งซ้ายและฝั่งขวามีคันกั้นทึบ ไม่สามารถมองเห็นกันได้
ส่วนเตียงบนไม่ทึบ หล่อเป็นคันกั้นระหว่างเตียงแค่ 1 ฟุตเท่านั้น
ดังนั้น เตียงด้านบนจึงเหมือนนอนอยู่ข้างๆ กัน สามารถพลิกตัวข้ามคันกั้นแบบสบายๆ หากมีใจต่อกัน
เตียงบนฝั่งผมคือ เอลเกนโญ หนุ่ม(สาว)น้อยอายุ 18 ปี จากกัวเตมาลา
ส่วนอีกฝั่งเป็น ฮวน กอนซาเลซ เพื่อนสนิทของเอลเกนโญ
อายุเท่ากัน และเพศสภาพแบบเดียวกัน
ทั้งสองคนเดินทางมาหาอนาคตด้วยกันที่อเมริกา
มาโดยไม่มีอะไรเลย ไม่มีวีซ่า ไม่มีแม้กระทั่งพาสปอร์ต
ไม่มีความรู้ภาษาอังกฤษเลย เพราะที่บ้านเกิดพูดภาษาสแปนิช
พูดได้แต่ Yes No Okay การฟังก็แทบไม่รู้เรื่อง
พวกเขามาที่นี่ มาด้วยหัวใจเท่านั้น
มาตามรอยปู่ ย่า ตา ยาย พี่ ป้า น้า อา ซึ่งได้ก่อร่างสร้างทางเอาไว้
ประสบความสำเร็จบ้าง ล้มเหลวบ้าง ก็ว่ากันไป
แต่พวกรุ่นใหม่ก็ไม่เคยคิดจะย่อท้อ
ยังคงเดินตามรอยทางเหล่านั้นด้วยความหวังต่อไป
ผมคุยกับเอลเกนโญบ่อย เนื่องจากอยู่ในซุ้มฐานเตียงเดียวกัน
รู้เรื่องบ้าง ไม่รู้เรื่องบ้าง
บางทีก็มี “ครูซ” หนุ่มน้อยวัย 19 ปี
จากกัวเตมาลาอีกคนมาช่วยแปลให้
ครูซ ใช้ภาษาอังกฤษได้ดีพอควร เนื่องจากมาอยู่ที่ศูนย์ฯนี้ ประมาณ 11 เดือนเข้าให้แล้ว
ทำให้เขาได้เรียนรู้ภาษาอังกฤษ และพยายามสนทนากับเพื่อนร่วมห้องคนอื่น ๆ
เอลเกนโญบอกผ่านครูซว่า
เขาคิดถึงพ่อ-แม่ และครอบครัว แต่ก็ไม่อยากกลับบ้าน
เขาอยากอยู่ที่นี่ อยากทำงานที่นี่ อยากรู้จักอเมริกา
“อ้าว..แล้วโดนจับมาอยู่ที่นี่ จะทำงานได้อย่างไรล่ะ“ ผมถาม
“ก็ร้องขอต่อศาล ขออยู่ที่นี่ต่อ“ เขาตอบ
“แล้วถ้าศาลไม่อนุญาต และส่งกลับบ้านล่ะ“
“ก็กลับ แต่ก็คงหาทางมาใหม่“
นั่นคือคำตอบที่แทบไม่ต้องคิด ของพวกเขาเกือบทุกคนที่อยู่ที่นี่
และก็ไม่น่าแปลกใจนัก เพราะบางคนผมได้ข้อมูลว่าโดนจับเป็นครั้งที่ 2 ครั้งที่ 3 แล้ว !!
แต่เอลเกนโญ และฮวน นี่คือครั้งแรกของพวกเขา
โดนจับที่ชายแดนรัฐแอริโซนา ที่ติดกับเม็กซิโก แล้วถูกส่งตัวมาที่นี่
ในบรรดาพวกอายุรุ่นราวคราวเดียวกัน ประมาณ 18-19 ปี นั้น
มีอยู่ไม่ต่ำกว่า 8-9 คน ผมก็ไม่รู้จักทั้งหมดหรอก
แต่รู้ว่า มีแค่ฮวนและเอลเกนโญนี่แหละ ที่แสดงตัวเป็นสาว
2 คนนี้ พอได้อยู่เตียงบนข้างกัน ก็เลยคุยกัน เม้าท์มอยเอ็นจอยปากกันทุกคืน
แต่เธอ 2 คน ไม่กินกันเอง
อาจจะด้วยเป็นผู้เล่นศูนย์หน้าหรือปีก จึงมีหน้าที่รุกอย่างเดียว
หรืออาจจะเป็นฟูลแบ็ค และเซ็นเตอร์ฮาล์ฟ จึงเป็นฝั่งรับด้วยกัน
และด้วยความที่เป็นเพื่อนสนิทกัน จึงไม่สามารถมาต่อสู้กันเองได้
เมื่อวัยกำลังห้าว ไฉนเลยอยากจะเปล่าเปลี่ยวเดียวดายดั่งควายลืมทุ่ง
และเนื่องจากศูนย์ฯแห่งนี้ มีพวก Hispanic ที่พูดภาษาสแปนิชเป็นส่วนใหญ่
ทั้งเม็กซิโก กัวเตมาลา ฮอนดูรัส มันก็ทำให้รู้สึกอบอุ่น
หันไปทางไหนก็มีเพื่อนพูดภาษาเดียวกันทั้งนั้น
ได้พูดได้คุย ได้รู้จักเพื่อนเยอะแยะไปหมด
ทั้งรุ่นเดียวกัน รุ่นพี่ รุ่นน้อง จนกระทั่งถึงรุ่นพ่อ
ฮวนกับเอลเกนโญ แม้จะไม่แฮปปี้นักกับการถูกจำกัดเสรีภาพ
แต่เธอทั้งสองก็ไม่ยี่หระ เพราะมันเป็นวิถีที่เธอเลือกแล้ว
บ่ายวันหนึ่ง มีเจ้าหน้าที่คนหนึ่งเดินมาที่เตียงผม
แต่ไม่ได้ตั้งใจมาสนทนากับผมหรอก
เขามาบอกให้ฮวนเก็บของทั้งหมด โดยไม่ได้พูดอะไรมากไปกว่านั้น
ฮวนทำหน้าเหรอหรา เลือดสาวสูบฉีดแดงก่ำ ดั่งระกำจันทบุรี !!
เอลเกนโญก็งงๆ แต่ก็มาช่วยฮวนเก็บของ
แล้วฮวนก็สะพายถุงผ้าเดินตามเจ้าหน้าที่ออกจากห้องไป
“เฮ้ย…มันเกิดอะไรขึ้นวะ ใครรู้เรื่องบ้างเนี่ย !!“ เสียงเอะอะโวยวายเกิดขึ้นบริเวณฐานบัญชาการเตียงผม
“เดี๋ยวฉันจะลองไปสืบดู“ หนุ่มเม็กซิโกรายหนึ่งอาสา แล้วเดินลงไปชั้นล่าง
ครึ่งชั่วโมงผ่านไป
ข้อเท็จจริงจากแหล่งข่าวจึงได้เปิดเผยขึ้น
ฮวน เกิดศรศิลป์กินกันกับหนุ่มรุ่นกระทงรายหนึ่ง
กัวเตมาลาเหมือนกัน พูดภาษาเดียวกัน อายุ 18 ปีเท่ากัน
ที่สำคัญ หน้าตาหล่อเหลา ผิวขาวเนียน แววตาซุกซนขี้เล่น
ผมดำขลับตัดกับใบหน้าใสๆ ดูน่ามองยิ่งนัก
เก้ง กวาง บ่าง ชะนี เห็นแล้วน้ำลายฟูมปาก !!
เมื่อความรักสุกงอม
การวางแผนนัดหมายฟีตเจอริ่งในค่ำคืนหนึ่งจึงเกิดขึ้น
ยุทธศาสตร์ครั้งนี้ จะสำเร็จไม่ได้ หากไม่มีการร่วมมือกันทั้ง 3 ฝ่าย แบบไตรภาคี
คือ ฮวน เอลเกนโญ และหนุ่มน้อยหน้าใส
ในวันดวลปืนนั้น
ฮวนให้เอลเกนโญเพื่อนสนิทไปนอนที่เตียงพ่อหนุ่มน้อย ซึ่งอยู่ห่างออกไป 4 เตียง
แล้วให้พ่อหนุ่มน้อยหน้ามนนั่น มานอนที่เตียงเอลเกนโญแทน
แน่นอน...เธอและเขาจะเนียนเสมือนอยู่เตียงเดียวกัน สวรรค์ก็จะเป็นของเรา
แค่นี้...ยุทธการตามฝัน วันเขย่าโลก ก็เริ่มต้นขึ้นได้แล้ว
เพลง Smoke On The Water ของวงร็อคระดับตำนานอย่าง Deep Purple บรรเลงไปท่ามกลางความมืดมิด
และความหนาวเหน็บของฤดูที่ยังไม่สิ้นกลิ่นหิมะ
เมื่อความสุขผ่านพ้นไป ความบรรลัยก็เข้ามาแทนที่
ในคืนอันหอมหวานนั้น
หาได้รอดพ้นสายตาของผู้เฝ้ามองรายหนึ่งไปได้ไม่
มันคือ..กล้องวงจรปิดนั่นเอง !!
ผมไม่แน่ใจนักว่า ในห้องเรา มีกล้องทั้งหมดอยู่กี่ตัว
แต่ที่แน่ๆ มี 2 ตัว อยู่บนเพดานห้อง วางตัวอยู่ในระยะที่ห่างกันพอสมควร เพื่อให้เห็นครอบคลุมทุกพื้นที่ของชั้นบน
ฮวนกับคู่จิ้นของหล่อนอาจจะประมาทว่ากล้องมันจะจับภาพในความมืดไม่ได้
ก็เลยกระทำการศึกลงไปโดยไม่ไตร่ตรองให้รอบคอบ
แต่ผมกลับสงสัยไปกว่านั้นว่า เจ้าหน้าที่จะรู้ได้อย่างไรว่ามีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้น จึงต้องไปดูกล้องวงจรปิด
เจ้าหน้าที่จะนั่งเฝ้ากล้องอยู่ตลอดเวลาหรือ? ไม่มีทางหรอก !!
นอกจากว่า จะมีเหตุการณ์อะไรที่ไม่ปกติเกิดขึ้น จึงจะมาดูกล้องในภายหลัง
แต่นี่..ไม่ใช่แบบนั้น...
ไม่มีอะไรเกิดขึ้น..ทั้งกลางวันและกลางคืนที่ผ่านไป
อาจจะมีพายุบ้าง..แต่นั่นคือ..พายุอารมณ์ที่โหมกระหน่ำระหว่างหนุ่มสาว
อาจจะมีคลื่นที่สาดกระเซ็น แต่ก็ไม่กระเด็นไปถูกใคร
แล้วเจ้าหน้าที่จะมาดูกล้องเพื่ออะไร?...และทำไม?....
มันน่าจะมีอะไรสักอย่างแน่ ๆ
เจ้าหน้าที่นึกอยากจะดูขึ้นมาเฉยๆ หรือจะมีคนเห็นแล้วไปฟ้อง
ทุกคนเออออ เห็นด้วยว่า น่าจะมีคนไปฟ้อง
อืม...แล้วใครกันวะ..!!
ความจริงถูกเฉลยหลังอาหารค่ำผ่านไป
ไอ้ "นาร์ เดเน่" หนุ่มสูงยาวเข่าดีจากเซเนกัลนั่นเอง
มันเกิดตื่นขึ้นมากลางดึก แล้วจะเดินไปเข้าห้องน้ำ
พลันสายตามันเหลือบไปเห็นเตียงชั้นบนข้างๆ มีความเคลื่อนไหวผิดปกติ
พอเพ่งมองฝ่าความมืดได้ระยะ
มันก็ได้เห็นภาพการโรมรันพันตูของสองหนุ่มสาว
แม้จะไม่ชัดเจนแบบดิจิตอลนัก
แต่มันก็แน่ใจว่า ไม่ใช่หมีแพนด้ามานั่งพลอดรักกันแน่ ๆ !!
ไอ้นาร์ ตัดสินใจไปแจ้งเจ้าหน้าที่ในวันรุ่งขึ้น โดยไม่ได้ปรึกษาใครก่อน
แต่มันคงเห็นว่า นี่เป็นการกระทำที่ไม่เหมาะสม ไม่ถูกต้อง และผิดกฎระเบียบของที่นี่
นั่นจึงเป็นที่มาของการเรียกดูเทปวงจรปิดของเจ้าหน้าที่
แล้วบทลงโทษ ก็ตามมาในบ่ายวันนั้นเอง
ฮวน ถูกสั่งให้เก็บของและย้ายไปอยู่ห้องอื่น
ส่วนเอลเกนโญ และหนุ่มน้อยคู่ฟีตเจอริ่ง ไม่ได้โดนลงโทษอะไร คงอยู่ตำแหน่งเดิม และที่เดิม
แม้เราจะงงๆ กับบทลงโทษในครั้งนี้
แต่เราก็พูดอะไรไม่ได้ เพราะนั่นเป็นสิ่งที่เจ้าหน้าที่ได้พิจารณาตัดสินแล้ว
จะว่าไป ก็เป็นการลงโทษสถานเบาด้วยซ้ำ
ฮวน แค่ไปอยู่ห้องใหม่ อยู่ฝั่งตรงข้ามกัน
เสียแต่ต้องห่างจากเพื่อนรัก คู่จิ้น และต้องไปปรับตัวกับเพื่อนใหม่เท่านั้น
สุดท้าย...ทุกๆ คนก็ยังแฮปปี้กับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น
ทางศูนย์ฯได้จัดการบริหารเหตุการณ์นี้อย่างนุ่มนวล แบบบัวไม่ให้ช้ำ น้ำไม่ให้ขุ่น
และคนที่น่าจะแฮปปี้อย่างที่สุดอีกคนหนึ่ง ก็น่าจะเป็นผม
เพราะแม้ผมจะเป็นคนที่นอนหลับค่อนข้างสนิท และลึกพอสมควร
และไม่ได้ยินเสียง "Smoke On The Water" จากวงร็อคที่เร่าร้อนในคืนนั้น
แต่ใครจะไปรู้ล่ะว่า...ถ้าคู่ชกคู่นั้นไม่โดนจับแยกซะก่อน
มันจะมาลงสนามประลองมวยกันอีก
และถ้ามันดังขึ้นๆ ทุกวันๆ ผมก็คงจะได้ยินมันเข้าสักวันหนึ่งก็เป็นได้
เฮ้ออ...ไม่อยากจะคิดเลย...
เพราะเตียงบาป ฉบับ Buffalo นั้น
มันอยู่บนหัวผมนั่นเอง !!
@@@@@@@@
โปรดติดตามตอนต่อไป ; "อีผิน..ฟิลิปปินส์ผู้เลอโฉม (1)"