ชีวิตที่เรียบง่าย หรือ ผิดเพี้ยน
June 22, 2015 at 5:08pm
ทุกวันนี้ คนเรามีความต้องการสิ่งต่างๆมากมาย และการจะได้มาซึ่งสิ่งเหล่านั้นก็คือการใช้เงินแลกเปลี่ยนมันมา
ไม่ว่าจะเป็น บ้านหลังโต คอนโดหลังงาม รถยนต์คันหรู มือถือเทคโนโลยีไฮเทค เข้าห้างดูหนังกินร้านหรู เสื้อผ้าแฟชั่น และ กาแฟแก้วโต พร้อมอาหารเลิศรสต่างๆ
ซึ่งจะเห็นว่า ที่บอกมาข้างต้น มันยังไม่หมด เพราะ มันยังมีปลีกย่อยอีกมากหลายพาราตะ ทุกๆอย่างในชีวิต มันก็น่าเอาเงินไปซื้อมาให้หมด
ทั้งจำเป็นและไม่จำเป็น ไม่ว่าเราจะเดินทางไปไหน ก็จะมีสินค้าต่างๆมาคอยยั่วยุให้เรา ต้องใช้เงินเพื่อนซื้อมัน
จนหลายคนทำงานอย่างหนัก ใช้เวลาวันละ 8 ชม และยังทำ OT เพิ่มเติมอีก เพื่อให้ได้เงินเดือนหลายๆหมื่น
แต่พอสิ้นเดือนก็ไม่มีเหลือเก็บ มันละเหยหายไปหมดแทบจะบอกว่าเหมือนกับหยดน้ำบนกระทะที่ร้อนจัด
ผมคิดว่า #มันน่าจะเป็นชีวิตที่มีความผิดเพี้ยน #มันต้องมีอะไรที่ไม่ถูกต้องแน่นอน
หลังจากที่ได้ฟังแนวคิดของ #โจนจันได ปราชญ์ชาวบ้านแห่งยุค 2000
ลองดูได้จากลิงค์
https://www.youtube.com/watch?v=21j_OCNLuYg
ผนวกกับได้ไตร่ตรองวิเคราะห์ตามความเป็นจริง ก็พบว่า
ชีวิตของเราจริงๆแล้ว ต้องการเพียงแค่ไม่กี่อย่าง นั่นคือ #ความสุข #ความรัก และ #ความรื่นรมย์ในชีวิต เท่านั้นเอง
( #Happiness , #Love , and #EnjoyLife )
และคนเรามีความต้องการพื้นฐานเพียงแค่ 4 อย่าง เพื่อให้ดำรงอยู่ได้โดยไม่ลำบากนัก นั่นคือ
#อาหารให้พออิ่มท้อง #เสื้อผ้าแค่พอปิดบังให้ไออุ่น #ที่อยู่อาศัยเล็กๆพอคุ้มแดดกันฝน และ #ยารักษาโรค
( #Food , #Cloth , #Home and #Medicine )
แต่เพราะ #สังคมที่เปลี่ยนไป #มีการทำธุรกิจเข้ามาเกี่ยวข้อง #การมีเงินเพื่อแลกเปลี่ยนเข้ามามีบทบาท
นักธุรกิจก็จะหาวิธีหาเงินให้ได้มากที่สุด ก็เริ่มมีการทำการตลาดเพื่อให้คนมีความต้องการสินค้าของพวกเขา แล้วก็เอาเงินมาซื้อมัน
จากของที่เราไม่มีความจำเป็นต้องใช้ แต่เพราะความอยากได้มัน มันก็จะมีค่าขึ้นมา และเมื่อมีของที่อยากได้เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ
คนเราก็ต้องมีการไปทำงานเพื่อจะได้หาเงิน เอามาซื้อสินค้าที่ถูกกระตุ้นให้เราเกิดความต้องการมันขึ้นมา
คนเราก็จะต้องใช้เวลาในชีวิต เพื่อแลกกับเงินที่จะเป็นค่าจ้างให้ทำงานนั้นๆ ยิ่งใครมีความต้องการสินค้าต่างๆเยอะ เราก็จะต้องใช้เวลาไปแลกเงินมาเยอะขึ้น
บางคนถึงกับยอมลดเวลาที่ให้กับคนในครอบครัว หรือคนที่ตนรัก เพื่อเอาไปทำงานหางาน
ทำให้ความสัมพันธ์กับคนในครอบครัวก็ยิ่งห่างเหินกันออกไป กับเพื่อนฝูงก็ห่างกันไป และกับคนรักก็ห่างออกไปเช่นกัน
ไม่เพียงแค่นั้น #กลุ่มนักธุรกิจยังมาออกแบบระบบสังคม โดยการวางคุณสมบัติของพนักงานตำแหน่งต่างๆที่ต้องการ
ทำให้การศึกษาไทยเริ่มตีกรอบ พยายามปั้นแรงงานที่มีความรู้และ ความสามารถที่ตรงกับสิ่งที่พวกนักธุรกิจต้องการ
การศึกษาสมัยใหม่ จึงเน้นฝึกให้คนมีความจำที่ดี และวัดผลจากเกรดที่ทำได้ ใครที่ทำนอกกรอบถือว่าทำผิด เมื่อก่อนอาจจะมีการทำโทษต่างๆ
แต่ปัจจุบันจะใช้สังคมกดดันแทน นั่นคือ ใครที่ทำอะไรแตกต่างออกไป จะโดนเพื่อนๆโห่ร้อง และแซวให้รู้สึกอาย และรู้สึกผิด
สร้างเป็นบรรทัดฐาน จนสุดท้ายเราก็เข้าใจไปเองว่า #การทำตามกฏกติการที่เขาตั้งให้ถูกต้องและไม่โดนแซว #การทำอะไรนอกลู่ถือเป็นเรื่องผิดสังคมไม่ยอมรับ
จะเห็นได้ว่า ทุกสิ่งอย่างมันเริ่มมาจากกลุ่มคนที่เป็นนักธุรกิจ ที่พยายามควบคุมให้สังคมเป็นไปตามสิ่งที่พวกเขาต้องการ
มันสั่งสมมานานจนกลายเป็นเรื่องที่เราทำตามๆกัน โดยไม่รู้สึกว่ามันผิดปกติ หรือ มันผิดเพี้ยนแต่ประการใด เพราะใครๆเขาก็ทำกันทั้งนั้น
พวกเขาค่อยๆเปลี่ยนสังคม และเมื่อเราไม่รู้ว่าอะไรถูกอะไรผิด เราก็ทำตามๆไป บางคนก็ทำตั้งแต่เกิดจนถึงวาระสุดท้ายของชีวิต
ดังนั้น ถ้าเราย้อนมามองที่รากของปัญหา
#ปัญหามันคือสิ่งที่คนอื่นยัดเยียดใส่หัวเราว่าเราต้องมีเงินเยอะๆเพื่อที่จะได้มีชีวิตที่สุขสบายและประสบความสำเร็จ
(เอาเรื่องความสำเร็จไปผูกกับเงิน แต่ไม่สอนว่า เงินเป็นแค่ของกลางที่ใช้แลกเปลี่ยนสินค้ากันเท่านั้นเอง)
#ทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิตของเรามันต้องใช้เงินแลกมาแทบจะเกือบทุกอย่าง
#คุณจะมีอิสระทางการเงินก็ต่อเมื่อคุณสามารถหาเงินมาเพียงพอต่อการใช้ในแต่ละเดือนหลังเกษียรอายุงานจนคุณตาย
#คุณจะหาเงินให้ได้มากก็จะแปลผันกับวิธีการหาเงินของคุณซึ่งมีหลายวิธีตามความสามารถและการศึกษาที่คุณมีและประสบการณ์การทำงานของคุณ
แน่นอน ผมเป็นคนหนึ่งที่คิดว่า #เงินยังมีความสำคัญอยู่ เพราะ เราไม่ต้องการที่จะทำทุกอย่างด้วยตัวเองหรอก
คนเราไม่มีเวลามากพอในการเรียนรู้ทุกๆเรื่อง แต่สิ่งนี้ทำให้ผมได้คิดว่า
#เป้าหมายชีวิตของคนเราทุกคนนั่นคือความสุขในการมีและได้ใช้ชีวิตตามที่ตนเองต้องการ
#การมีเงินจะช่วยให้เราแลกเวลาที่เราจะไปทำสิ่งที่เราต้องการกับกิจกรรมหรือสินค้าที่เราไม่อยากทำ
#การหาเงินที่ได้จากการทำสิ่งที่รักจึงเป็นวิธีการที่ถูกต้องที่สุดแต่จะยากในตอนเริ่มแรกเพราะต้องหากระแสเงินสดมาหมุนเวียนช่วงตั้งไข่
#ขอให้อยู่กับปัจจุบันตั้งใจทำงานในขณะนั้นให้ดีที่สุดด้วยความรักที่จะทำและจงให้ความสำคัญกับมันเพราะคุณจะกลับมาแก้ไขอะไรมันไม่ได้อีก
#อย่ารอให้มีความสุขเมื่อทำสิ่งใดจนกว่าจะสำเร็จตามเป้าแต่จงมีความสุขทุกโมงยามเวลาที่ทำมันแม้ว่ามันยังไม่สำเร็จก็ตาม
ชีวิตที่เรียบง่าย หรือ ผิดเพี้ยน
June 22, 2015 at 5:08pm
ทุกวันนี้ คนเรามีความต้องการสิ่งต่างๆมากมาย และการจะได้มาซึ่งสิ่งเหล่านั้นก็คือการใช้เงินแลกเปลี่ยนมันมา
ไม่ว่าจะเป็น บ้านหลังโต คอนโดหลังงาม รถยนต์คันหรู มือถือเทคโนโลยีไฮเทค เข้าห้างดูหนังกินร้านหรู เสื้อผ้าแฟชั่น และ กาแฟแก้วโต พร้อมอาหารเลิศรสต่างๆ
ซึ่งจะเห็นว่า ที่บอกมาข้างต้น มันยังไม่หมด เพราะ มันยังมีปลีกย่อยอีกมากหลายพาราตะ ทุกๆอย่างในชีวิต มันก็น่าเอาเงินไปซื้อมาให้หมด
ทั้งจำเป็นและไม่จำเป็น ไม่ว่าเราจะเดินทางไปไหน ก็จะมีสินค้าต่างๆมาคอยยั่วยุให้เรา ต้องใช้เงินเพื่อนซื้อมัน
จนหลายคนทำงานอย่างหนัก ใช้เวลาวันละ 8 ชม และยังทำ OT เพิ่มเติมอีก เพื่อให้ได้เงินเดือนหลายๆหมื่น
แต่พอสิ้นเดือนก็ไม่มีเหลือเก็บ มันละเหยหายไปหมดแทบจะบอกว่าเหมือนกับหยดน้ำบนกระทะที่ร้อนจัด
ผมคิดว่า #มันน่าจะเป็นชีวิตที่มีความผิดเพี้ยน #มันต้องมีอะไรที่ไม่ถูกต้องแน่นอน
หลังจากที่ได้ฟังแนวคิดของ #โจนจันได ปราชญ์ชาวบ้านแห่งยุค 2000
ลองดูได้จากลิงค์ https://www.youtube.com/watch?v=21j_OCNLuYg
ผนวกกับได้ไตร่ตรองวิเคราะห์ตามความเป็นจริง ก็พบว่า
ชีวิตของเราจริงๆแล้ว ต้องการเพียงแค่ไม่กี่อย่าง นั่นคือ #ความสุข #ความรัก และ #ความรื่นรมย์ในชีวิต เท่านั้นเอง
( #Happiness , #Love , and #EnjoyLife )
และคนเรามีความต้องการพื้นฐานเพียงแค่ 4 อย่าง เพื่อให้ดำรงอยู่ได้โดยไม่ลำบากนัก นั่นคือ
#อาหารให้พออิ่มท้อง #เสื้อผ้าแค่พอปิดบังให้ไออุ่น #ที่อยู่อาศัยเล็กๆพอคุ้มแดดกันฝน และ #ยารักษาโรค
( #Food , #Cloth , #Home and #Medicine )
แต่เพราะ #สังคมที่เปลี่ยนไป #มีการทำธุรกิจเข้ามาเกี่ยวข้อง #การมีเงินเพื่อแลกเปลี่ยนเข้ามามีบทบาท
นักธุรกิจก็จะหาวิธีหาเงินให้ได้มากที่สุด ก็เริ่มมีการทำการตลาดเพื่อให้คนมีความต้องการสินค้าของพวกเขา แล้วก็เอาเงินมาซื้อมัน
จากของที่เราไม่มีความจำเป็นต้องใช้ แต่เพราะความอยากได้มัน มันก็จะมีค่าขึ้นมา และเมื่อมีของที่อยากได้เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ
คนเราก็ต้องมีการไปทำงานเพื่อจะได้หาเงิน เอามาซื้อสินค้าที่ถูกกระตุ้นให้เราเกิดความต้องการมันขึ้นมา
คนเราก็จะต้องใช้เวลาในชีวิต เพื่อแลกกับเงินที่จะเป็นค่าจ้างให้ทำงานนั้นๆ ยิ่งใครมีความต้องการสินค้าต่างๆเยอะ เราก็จะต้องใช้เวลาไปแลกเงินมาเยอะขึ้น
บางคนถึงกับยอมลดเวลาที่ให้กับคนในครอบครัว หรือคนที่ตนรัก เพื่อเอาไปทำงานหางาน
ทำให้ความสัมพันธ์กับคนในครอบครัวก็ยิ่งห่างเหินกันออกไป กับเพื่อนฝูงก็ห่างกันไป และกับคนรักก็ห่างออกไปเช่นกัน
ไม่เพียงแค่นั้น #กลุ่มนักธุรกิจยังมาออกแบบระบบสังคม โดยการวางคุณสมบัติของพนักงานตำแหน่งต่างๆที่ต้องการ
ทำให้การศึกษาไทยเริ่มตีกรอบ พยายามปั้นแรงงานที่มีความรู้และ ความสามารถที่ตรงกับสิ่งที่พวกนักธุรกิจต้องการ
การศึกษาสมัยใหม่ จึงเน้นฝึกให้คนมีความจำที่ดี และวัดผลจากเกรดที่ทำได้ ใครที่ทำนอกกรอบถือว่าทำผิด เมื่อก่อนอาจจะมีการทำโทษต่างๆ
แต่ปัจจุบันจะใช้สังคมกดดันแทน นั่นคือ ใครที่ทำอะไรแตกต่างออกไป จะโดนเพื่อนๆโห่ร้อง และแซวให้รู้สึกอาย และรู้สึกผิด
สร้างเป็นบรรทัดฐาน จนสุดท้ายเราก็เข้าใจไปเองว่า #การทำตามกฏกติการที่เขาตั้งให้ถูกต้องและไม่โดนแซว #การทำอะไรนอกลู่ถือเป็นเรื่องผิดสังคมไม่ยอมรับ
จะเห็นได้ว่า ทุกสิ่งอย่างมันเริ่มมาจากกลุ่มคนที่เป็นนักธุรกิจ ที่พยายามควบคุมให้สังคมเป็นไปตามสิ่งที่พวกเขาต้องการ
มันสั่งสมมานานจนกลายเป็นเรื่องที่เราทำตามๆกัน โดยไม่รู้สึกว่ามันผิดปกติ หรือ มันผิดเพี้ยนแต่ประการใด เพราะใครๆเขาก็ทำกันทั้งนั้น
พวกเขาค่อยๆเปลี่ยนสังคม และเมื่อเราไม่รู้ว่าอะไรถูกอะไรผิด เราก็ทำตามๆไป บางคนก็ทำตั้งแต่เกิดจนถึงวาระสุดท้ายของชีวิต
ดังนั้น ถ้าเราย้อนมามองที่รากของปัญหา
#ปัญหามันคือสิ่งที่คนอื่นยัดเยียดใส่หัวเราว่าเราต้องมีเงินเยอะๆเพื่อที่จะได้มีชีวิตที่สุขสบายและประสบความสำเร็จ
(เอาเรื่องความสำเร็จไปผูกกับเงิน แต่ไม่สอนว่า เงินเป็นแค่ของกลางที่ใช้แลกเปลี่ยนสินค้ากันเท่านั้นเอง)
#ทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิตของเรามันต้องใช้เงินแลกมาแทบจะเกือบทุกอย่าง
#คุณจะมีอิสระทางการเงินก็ต่อเมื่อคุณสามารถหาเงินมาเพียงพอต่อการใช้ในแต่ละเดือนหลังเกษียรอายุงานจนคุณตาย
#คุณจะหาเงินให้ได้มากก็จะแปลผันกับวิธีการหาเงินของคุณซึ่งมีหลายวิธีตามความสามารถและการศึกษาที่คุณมีและประสบการณ์การทำงานของคุณ
แน่นอน ผมเป็นคนหนึ่งที่คิดว่า #เงินยังมีความสำคัญอยู่ เพราะ เราไม่ต้องการที่จะทำทุกอย่างด้วยตัวเองหรอก
คนเราไม่มีเวลามากพอในการเรียนรู้ทุกๆเรื่อง แต่สิ่งนี้ทำให้ผมได้คิดว่า
#เป้าหมายชีวิตของคนเราทุกคนนั่นคือความสุขในการมีและได้ใช้ชีวิตตามที่ตนเองต้องการ
#การมีเงินจะช่วยให้เราแลกเวลาที่เราจะไปทำสิ่งที่เราต้องการกับกิจกรรมหรือสินค้าที่เราไม่อยากทำ
#การหาเงินที่ได้จากการทำสิ่งที่รักจึงเป็นวิธีการที่ถูกต้องที่สุดแต่จะยากในตอนเริ่มแรกเพราะต้องหากระแสเงินสดมาหมุนเวียนช่วงตั้งไข่
#ขอให้อยู่กับปัจจุบันตั้งใจทำงานในขณะนั้นให้ดีที่สุดด้วยความรักที่จะทำและจงให้ความสำคัญกับมันเพราะคุณจะกลับมาแก้ไขอะไรมันไม่ได้อีก
#อย่ารอให้มีความสุขเมื่อทำสิ่งใดจนกว่าจะสำเร็จตามเป้าแต่จงมีความสุขทุกโมงยามเวลาที่ทำมันแม้ว่ามันยังไม่สำเร็จก็ตาม