***************************************************************************************************************************************
http://www.84000.org/tipitaka/attha/v.php?B=23&A=6314&Z=6367&pagebreak=0
พระไตรปิฎก เล่มที่ ๒๓ พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๑๕
อังคุตตรนิกาย สัตตก-อัฏฐก-นวกนิบาต
สังขิตตสูตร
[๑๖๐] ครั้งนั้นแล
ภิกษุรูปหนึ่งได้เข้าเฝ้าพระผู้มีพระภาคถึงที่ประทับ ฯลฯ
ครั้นแล้วได้กราบทูลพระผู้มีพระภาคว่า
ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ขอประทานพระวโรกาส
ขอพระผู้มีพระภาคโปรดแสดงธรรมโดยย่อแก่ข้าพระองค์
ที่ข้าพระองค์ได้ฟังแล้ว พึงเป็นผู้หลีกออกจากหมู่อยู่ผู้เดียว ไม่ประมาท มีความเพียร มีใจเด็ดเดี่ยวอยู่เถิด ฯ
พระผู้มีพระภาคตรัสว่า
โมฆบุรุษบางพวกในโลกนี้ ย่อมเชื้อเชิญเราโดยหาเหตุมิได้
เมื่อเรากล่าวธรรมแล้ว ย่อมสำคัญเราว่าควรติดตาม ด้วยคิดว่าข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ขอพระผู้มีพระภาคโปรดแสดงธรรมโดยย่อแก่ข้าพระองค์
ขอพระสุคตโปรดแสดงธรรมโดยย่อ ไฉนหนอเราพึงรู้ทั่วถึงเนื้อความแห่งภาษิตของพระผู้มีพระภาค
ไฉนหนอเราพึงเป็นทายาทแห่งภาษิตของพระผู้มีพระภาค เพราะฉะนั้นแหละภิกษุ
เธอพึงศึกษาอย่างนี้ว่า
จิตของเราจักตั้งมั่น ดำรงอยู่ด้วยดีในภายใน
และธรรมอันเป็นบาปอกุศลที่เกิดขึ้นแล้วจักไม่ครอบงำจิตได้
ดูกรภิกษุ เธอพึงศึกษาอย่างนี้แล
ดูกรภิกษุ
เมื่อใด จิตของเธอ
เป็นจิตตั้งมั่นดำรงอยู่ด้วยดีแล้วในภายใน
และ
ธรรมอันเป็นบาปอกุศลที่เกิดขึ้นแล้วไม่ครอบงำจิตได้
เมื่อนั้น เธอพึงศึกษาอย่างนี้ว่า เราจักเจริญ กระทำให้มากซึ่งเมตตาเจโตวิมุติ
ทำให้เป็นดุจยาน ทำให้เป็นที่ตั้ง ให้มั่นคง สั่งสม ปรารภดีแล้ว
ดูกรภิกษุ เธอพึงศึกษาอย่างนี้แล
ดูกรภิกษุ
เมื่อใด เธอเจริญกระทำให้มากซึ่งสมาธินี้อย่างนี้แล้ว
เมื่อนั้นเธอพึงเจริญสมาธินี้แม้มีวิตกวิจาร
พึงเจริญสมาธินี้แม้ไม่มีวิตก มีแต่วิจาร
พึงเจริญสมาธินี้แม้ไม่มีวิตก ไม่มีวิจาร
พึงเจริญสมาธินี้แม้มีปีติ
พึงเจริญสมาธินี้แม้ไม่มีปีติ
พึงเจริญสมาธินี้แม้สหรคตด้วยความสำราญ
พึงเจริญสมาธินี้แม้สหรคตด้วยอุเบกขา
ดูกรภิกษุ
เมื่อใด เธอเจริญสมาธินี้อย่างนี้ เจริญดีแล้ว
เมื่อนั้น เธอพึงศึกษาอย่างนี้ว่า เราจักเจริญ กระทำให้มากซึ่งกรุณาเจโตวิมุติ ฯลฯ
มุทิตาเจโตวิมุติ ฯลฯ
เราจักเจริญกระทำให้มากซึ่ง
อุเบกขาเจโตวิมุติ
ทำให้เป็นดุจยาน ทำให้เป็นที่ตั้ง ให้มั่นคง สั่งสม ปรารภดีแล้ว
ดูกรภิกษุ เธอพึงศึกษาอย่างนี้แล
ดูกรภิกษุ
เมื่อใด เธอเจริญกระทำให้มากซึ่งสมาธินี้อย่างนี้แล้ว
เมื่อนั้น เธอพึงเจริญสมาธินี้แม้มีวิตก มีวิจาร ...
พึงเจริญสมาธินี้แม้สหรคตด้วยอุเบกขา
ดูกรภิกษุ
เมื่อใด เธอเจริญสมาธินี้อย่างนี้ เจริญดีแล้ว
เมื่อนั้น เธอพึงศึกษาอย่างนี้ว่า เราจักพิจารณากายในกายอยู่
มีความเพียร มีสัมปชัญญะ มีสติ กำจัดอภิชฌาและโทมนัสในโลกเสีย
ดูกรภิกษุ เธอพึงศึกษาอย่างนี้แล
ดูกรภิกษุ
เมื่อใด เธอเจริญกระทำให้มากซึ่งสมาธินี้อย่างนี้แล้ว
เมื่อนั้น เธอพึงเจริญสมาธินี้แม้มีวิตก มีวิจาร ...
เธอพึงเจริญสมาธินี้แม้สหรคตด้วยอุเบกขา
ดูกรภิกษุ
เมื่อใด เธอเจริญสมาธินี้อย่างนี้เจริญดีแล้ว
เมื่อนั้น เธอพึงศึกษาอย่างนี้ว่า เราจักพิจารณาเวทนาในเวทนาทั้งหลายอยู่ ฯลฯ
พิจารณาจิตในจิตอยู่ ฯลฯ
พิจารณาธรรมในธรรมทั้งหลายอยู่
มีความเพียร มีสัมปชัญญะ มีสติ กำจัดอภิชฌาและโทมนัสในโลกเสีย
ดูกรภิกษุ เธอพึงศึกษาอย่างนี้แล
ดูกรภิกษุ เมื่อใด เธอเจริญกระทำให้มากซึ่งสมาธินี้อย่างนี้แล้ว
เมื่อนั้น เธอพึงเจริญสมาธินี้แม้มีวิตก มีวิจาร
พึงเจริญสมาธินี้แม้ไม่มีวิตก มีแต่วิจาร
พึงเจริญสมาธินี้แม้ไม่มีวิตก ไม่มีวิจาร
พึงเจริญสมาธินี้แม้มีปีติ
พึงเจริญสมาธินี้แม้ไม่มีปีติ
พึงเจริญสมาธินี้แม้สหรคตด้วยความสำราญ
พึงเจริญสมาธินี้แม้สหรคตด้วยอุเบกขา
ดูกรภิกษุ
เมื่อใด เธอเจริญสมาธินี้อย่างนี้ เจริญดีแล้ว
เมื่อนั้น เธอจักเดินไปทางใดๆ ก็จักเดินเป็นสุขในทางนั้นๆ
ยืนอยู่ในที่ใดๆ ก็จักยืนเป็นสุขในที่นั้นๆ
นั่งอยู่ในที่ใดๆ ก็จักนั่งอยู่เป็นสุขในที่นั้นๆ
นอนอยู่ที่ใดๆ ก็จักนอนเป็นสุขในที่นั้นๆ ฯ
ครั้งนั้นแล ภิกษุรูปนั้น อันพระผู้มีพระภาคตรัสสอนด้วยพระโอวาท
นี้แล้ว ลุกจากอาสนะ ถวายบังคมพระผู้มีพระภาค กระทำประทักษิณแล้ว
หลีกไป
ภิกษุนั้นหลีกจากหมู่อยู่ผู้เดียว ไม่ประมาท มีความเพียร มีใจเด็ดเดี่ยว
ไม่นานนัก ก็กระทำให้แจ้งซึ่งที่สุด แห่งพรหมจรรย์อันยอดเยี่ยม ที่กุลบุตร
ออกบวชเป็นบรรพชิตโดยชอบต้องการนั้น ด้วยปัญญาอันยิ่งเอง ในปัจจุบัน
เข้าถึงอยู่ รู้ชัดว่าชาติสิ้นแล้ว พรหมจรรย์อยู่จบแล้ว กิจที่ควรทำ ทำเสร็จแล้ว
กิจอื่นเพื่อความเป็นอย่างนี้มิได้มี และภิกษุรูปนั้นได้เป็นพระอรหันต์องค์หนึ่งใน
จำนวนพระอรหันต์ทั้งหลาย ฯ
จบสูตรที่ ๑๐
เนื้อความพระไตรปิฎก เล่มที่ ๒๓ บรรทัดที่ ๖๓๑๔ - ๖๓๖๗. หน้าที่ ๒๗๓ - ๒๗๕.
http://www.84000.org/tipitaka/attha/v.php?B=23&A=6314&Z=6367&pagebreak=0
ศึกษาอรรถกถานี้ ได้ที่ :-
http://www.84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=23&i=160
ศึกษาพระไตรปิฏกฉบับภาษาบาลี อักษรไทย ได้ที่ :-
[160]
http://budsir.mahidol.ac.th/cgi-bin/Budsir.cgi/SearchItem?mode=1&valume=23&item=160&Roman=0
สารบัญพระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๓
http://www.84000.org/tipitaka/read/?สารบัญพระไตรปิฎกเล่มที่_๒๓
http://www.84000.org/tipitaka/read/?index_23
***************************************************************************************************************************************
@@@@@@@ ขอพระผู้มีพระภาคโปรดแสดงธรรมโดยย่อแก่ข้าพระองค์ @@@@@@@
http://www.84000.org/tipitaka/attha/v.php?B=23&A=6314&Z=6367&pagebreak=0
อังคุตตรนิกาย สัตตก-อัฏฐก-นวกนิบาต
สังขิตตสูตร
[๑๖๐] ครั้งนั้นแล ภิกษุรูปหนึ่งได้เข้าเฝ้าพระผู้มีพระภาคถึงที่ประทับ ฯลฯ
ครั้นแล้วได้กราบทูลพระผู้มีพระภาคว่า
ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ขอประทานพระวโรกาส
ขอพระผู้มีพระภาคโปรดแสดงธรรมโดยย่อแก่ข้าพระองค์
ที่ข้าพระองค์ได้ฟังแล้ว พึงเป็นผู้หลีกออกจากหมู่อยู่ผู้เดียว ไม่ประมาท มีความเพียร มีใจเด็ดเดี่ยวอยู่เถิด ฯ
พระผู้มีพระภาคตรัสว่า
โมฆบุรุษบางพวกในโลกนี้ ย่อมเชื้อเชิญเราโดยหาเหตุมิได้
เมื่อเรากล่าวธรรมแล้ว ย่อมสำคัญเราว่าควรติดตาม ด้วยคิดว่าข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ขอพระผู้มีพระภาคโปรดแสดงธรรมโดยย่อแก่ข้าพระองค์
ขอพระสุคตโปรดแสดงธรรมโดยย่อ ไฉนหนอเราพึงรู้ทั่วถึงเนื้อความแห่งภาษิตของพระผู้มีพระภาค
ไฉนหนอเราพึงเป็นทายาทแห่งภาษิตของพระผู้มีพระภาค เพราะฉะนั้นแหละภิกษุ
เธอพึงศึกษาอย่างนี้ว่า
จิตของเราจักตั้งมั่น ดำรงอยู่ด้วยดีในภายใน
และธรรมอันเป็นบาปอกุศลที่เกิดขึ้นแล้วจักไม่ครอบงำจิตได้
ดูกรภิกษุ เธอพึงศึกษาอย่างนี้แล
ดูกรภิกษุ เมื่อใด จิตของเธอเป็นจิตตั้งมั่นดำรงอยู่ด้วยดีแล้วในภายใน
และธรรมอันเป็นบาปอกุศลที่เกิดขึ้นแล้วไม่ครอบงำจิตได้
เมื่อนั้น เธอพึงศึกษาอย่างนี้ว่า เราจักเจริญ กระทำให้มากซึ่งเมตตาเจโตวิมุติ
ทำให้เป็นดุจยาน ทำให้เป็นที่ตั้ง ให้มั่นคง สั่งสม ปรารภดีแล้ว
ดูกรภิกษุ เธอพึงศึกษาอย่างนี้แล
ดูกรภิกษุ เมื่อใด เธอเจริญกระทำให้มากซึ่งสมาธินี้อย่างนี้แล้ว
เมื่อนั้นเธอพึงเจริญสมาธินี้แม้มีวิตกวิจาร
พึงเจริญสมาธินี้แม้ไม่มีวิตก มีแต่วิจาร
พึงเจริญสมาธินี้แม้ไม่มีวิตก ไม่มีวิจาร
พึงเจริญสมาธินี้แม้มีปีติ
พึงเจริญสมาธินี้แม้ไม่มีปีติ
พึงเจริญสมาธินี้แม้สหรคตด้วยความสำราญ
พึงเจริญสมาธินี้แม้สหรคตด้วยอุเบกขา
ดูกรภิกษุ เมื่อใด เธอเจริญสมาธินี้อย่างนี้ เจริญดีแล้ว
เมื่อนั้น เธอพึงศึกษาอย่างนี้ว่า เราจักเจริญ กระทำให้มากซึ่งกรุณาเจโตวิมุติ ฯลฯ
มุทิตาเจโตวิมุติ ฯลฯ
เราจักเจริญกระทำให้มากซึ่งอุเบกขาเจโตวิมุติ
ทำให้เป็นดุจยาน ทำให้เป็นที่ตั้ง ให้มั่นคง สั่งสม ปรารภดีแล้ว
ดูกรภิกษุ เธอพึงศึกษาอย่างนี้แล
ดูกรภิกษุ เมื่อใด เธอเจริญกระทำให้มากซึ่งสมาธินี้อย่างนี้แล้ว
เมื่อนั้น เธอพึงเจริญสมาธินี้แม้มีวิตก มีวิจาร ...
พึงเจริญสมาธินี้แม้สหรคตด้วยอุเบกขา
ดูกรภิกษุ เมื่อใด เธอเจริญสมาธินี้อย่างนี้ เจริญดีแล้ว
เมื่อนั้น เธอพึงศึกษาอย่างนี้ว่า เราจักพิจารณากายในกายอยู่
มีความเพียร มีสัมปชัญญะ มีสติ กำจัดอภิชฌาและโทมนัสในโลกเสีย
ดูกรภิกษุ เธอพึงศึกษาอย่างนี้แล
ดูกรภิกษุ เมื่อใด เธอเจริญกระทำให้มากซึ่งสมาธินี้อย่างนี้แล้ว
เมื่อนั้น เธอพึงเจริญสมาธินี้แม้มีวิตก มีวิจาร ...
เธอพึงเจริญสมาธินี้แม้สหรคตด้วยอุเบกขา
ดูกรภิกษุ เมื่อใด เธอเจริญสมาธินี้อย่างนี้เจริญดีแล้ว
เมื่อนั้น เธอพึงศึกษาอย่างนี้ว่า เราจักพิจารณาเวทนาในเวทนาทั้งหลายอยู่ ฯลฯ
พิจารณาจิตในจิตอยู่ ฯลฯ
พิจารณาธรรมในธรรมทั้งหลายอยู่
มีความเพียร มีสัมปชัญญะ มีสติ กำจัดอภิชฌาและโทมนัสในโลกเสีย
ดูกรภิกษุ เธอพึงศึกษาอย่างนี้แล
ดูกรภิกษุ เมื่อใด เธอเจริญกระทำให้มากซึ่งสมาธินี้อย่างนี้แล้ว
เมื่อนั้น เธอพึงเจริญสมาธินี้แม้มีวิตก มีวิจาร
พึงเจริญสมาธินี้แม้ไม่มีวิตก มีแต่วิจาร
พึงเจริญสมาธินี้แม้ไม่มีวิตก ไม่มีวิจาร
พึงเจริญสมาธินี้แม้มีปีติ
พึงเจริญสมาธินี้แม้ไม่มีปีติ
พึงเจริญสมาธินี้แม้สหรคตด้วยความสำราญ
พึงเจริญสมาธินี้แม้สหรคตด้วยอุเบกขา
ดูกรภิกษุ เมื่อใด เธอเจริญสมาธินี้อย่างนี้ เจริญดีแล้ว
เมื่อนั้น เธอจักเดินไปทางใดๆ ก็จักเดินเป็นสุขในทางนั้นๆ
ยืนอยู่ในที่ใดๆ ก็จักยืนเป็นสุขในที่นั้นๆ
นั่งอยู่ในที่ใดๆ ก็จักนั่งอยู่เป็นสุขในที่นั้นๆ
นอนอยู่ที่ใดๆ ก็จักนอนเป็นสุขในที่นั้นๆ ฯ
ครั้งนั้นแล ภิกษุรูปนั้น อันพระผู้มีพระภาคตรัสสอนด้วยพระโอวาท
นี้แล้ว ลุกจากอาสนะ ถวายบังคมพระผู้มีพระภาค กระทำประทักษิณแล้ว
หลีกไป ภิกษุนั้นหลีกจากหมู่อยู่ผู้เดียว ไม่ประมาท มีความเพียร มีใจเด็ดเดี่ยว
ไม่นานนัก ก็กระทำให้แจ้งซึ่งที่สุด แห่งพรหมจรรย์อันยอดเยี่ยม ที่กุลบุตร
ออกบวชเป็นบรรพชิตโดยชอบต้องการนั้น ด้วยปัญญาอันยิ่งเอง ในปัจจุบัน
เข้าถึงอยู่ รู้ชัดว่าชาติสิ้นแล้ว พรหมจรรย์อยู่จบแล้ว กิจที่ควรทำ ทำเสร็จแล้ว
กิจอื่นเพื่อความเป็นอย่างนี้มิได้มี และภิกษุรูปนั้นได้เป็นพระอรหันต์องค์หนึ่งใน
จำนวนพระอรหันต์ทั้งหลาย ฯ
เนื้อความพระไตรปิฎก เล่มที่ ๒๓ บรรทัดที่ ๖๓๑๔ - ๖๓๖๗. หน้าที่ ๒๗๓ - ๒๗๕.
http://www.84000.org/tipitaka/attha/v.php?B=23&A=6314&Z=6367&pagebreak=0
ศึกษาอรรถกถานี้ ได้ที่ :-
http://www.84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=23&i=160
ศึกษาพระไตรปิฏกฉบับภาษาบาลี อักษรไทย ได้ที่ :-
[160] http://budsir.mahidol.ac.th/cgi-bin/Budsir.cgi/SearchItem?mode=1&valume=23&item=160&Roman=0
สารบัญพระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๓
http://www.84000.org/tipitaka/read/?สารบัญพระไตรปิฎกเล่มที่_๒๓
http://www.84000.org/tipitaka/read/?index_23
***************************************************************************************************************************************