ใครก็ได้บอกผมที ตอนนี้เศรษฐกิจมันแย่จริงๆแล้วใช่มั้ยครับ ตอนนี้ค้าขายแย่มากเลยครับ เครียด

บ้านผมญาติผมค้าขายอยู่ในตลาดสดมาเกือบสามสิบปี ตอนนี้ค้าขายไม่ดีเลยครับ ค่าเช่าก็ยังต้องจ่าย แต่คนเดินสองปีที่ผ่านมานี้แย่มาก โดยเฉพาะ 3 เดือนที่ผ่านมาแย่แบบเห็นได้ชัด ปกติวันอาทิตย์นี่คนเดินกันให้วุ่น ทุกวันนี้ตบยุง ตอนนี้ทางบ้านกับญาติๆผม รัดเข็มขัดกันสุดๆ เพราะไม่รู้จะเป็นแบบนี้อีกนานแค่ไหน 2 เดือนมานี้เห็นได้ชัดมากกกกก ว่ามันแย่สุดๆ ไม่รู้คนไปไหนหมด บ้านผมกับญาติๆ ยังบอกว่าปี 40 ยังไม่ขนาดนี้ กลับกันด้วยซ้ำ ตอนปี 40 ดันขายดี แต่ ปีนี้มันคืออะไร??? ทุกวันนี้ผมต้องกินมาม่าสลับกับข้าว ไม่รู้จะเป็นไปแบบนี้อีกนานแค่ไหน อะไรไม่จำเป็น ไม่อยากซื้อ บอกตรงๆเครียดมากเลยครับ พ่อค้าแม่ค้ามีแต่คนบ่น บอกแย่สุดในรอบ 20 ปี แต่ก็ยังมีบางคนบอกเศรษฐกิจแย่อะไร คนเดินช็อปปิ้งเยอะแยะไปหมด ผมนี่งงจริงๆ มันเกิดอะไรขึ้น ก่อนหน้านี้เห็นคนตั้งกระทู้กันอยู่บ่อยๆบ่นกันอยู่บ่อยๆ ว่ามันแย่ ผมก็ไม่ค่อยเชื่อหรอกครับ คิดว่าเดี๋ยวมันก็ดีขึ้น แต่วันนี้เห็นกับตาเจอกับตัวแล้วครับ ยอมรับว่าพูดไม่ออกจริงๆ
แก้ไขข้อความเมื่อ
คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 11
ตอนนี้เศรษฐกิจแย่จริงๆค่ะ   เราว่าแย่แบบนี้เหมือนกันในทุกๆกลุ่มอาชีพ
ยิ่งเป็นอาชีพที่ไม่มีเงินสำรองเพียงพอ ยิ่งไปกันใหญ่ค่ะ

ตอนนี้ถ้าฟังข่าว เห็นว่าจะไม่มีการบังคับเรื่องค่าแรง300บาทแล้ว  ซึ่งถ้าว่ากันตามตรงกลุ่มโรงงานอุตสาหกรรมต่างๆยอดขายก็ตกลงค่ะ
ตอนนี้รัฐบาลเหมือนพยายามทำให้กลุ่มอุตสาหกรรมไปรอด และไม่ย้ายฐานการผลิตค่ะ

เราว่าประเทศไทยมันมีการเมืองเข้ามาแทรกแซงระบบเศรษฐกิจมากเกินไป  จนไม่เหลือสมดุลแล้วค่ะ
เช่น อยู่ๆก็มีค่าแรงขั้นต่ำ 300 ทั่วประเทศ  จำนำข้าว 15000  ช่วยเหลือชาวต่างๆไร่ละเท่านู้นเท่านี้  ประกันราคาพืชผลต่างๆอีก เยอะแยะจนระบบมันผิดเพี้ยนกันไปหมด  

ที่น่าเห็นใจที่สุดคือคนค้าขายนี่แหละค่ะ(โดยเฉพาะพวกของกิน) เพราะราคาสินค้า ค่าเช่าที่ ค่าแก๊สก็ขึ้นเอาขึ้นเอา  แต่กลับได้ยินรัฐบาลบอก พ่อค้าแม่ค้าก็ช่วยกันหน่อย  รู้ว่าเศรษฐกิจไม่ดีก็อย่าเพิ่งขึ้นราคา ช่วยๆกันจะได้ไปกันรอด (แม่ม อยากจะบอกจังเลยว่า ขนาดแค่ค่าแก๊สหุงต้มรัฐบาลยังตรึงราคาไว้กับที่ไม่ได้เล้ย อ้างว่าต้องการสะท้อนต้นทุนที่แท้จริง แล้วคนขายที่ไหนเขาจะเอาอะไรมาลดราคาได้  ที่ขึ้นราคาก็เพราะต้องสะท้อนต้นทุนที่แท้จริงเหมือนกันค่ะ นานๆทีก็เห็นมีคนมาเย้วๆทีนึง ว่าน้ำมันลดราคาแล้วทำไมค่าอาหารยังไม่ลด (ก็ลองใช้ความคิดกันหน่อยสิคะ ว่าถ้าน้ำมันลดราคา แต่ของอื่นๆแพงขึ้นๆ เป็นคุณจะลดราคาตามไหม)

ธนาคารตัวออ ธนาคารของรัฐบาล นี่ก็ตัวดีเลยค่ะ มาทำเรื่องค้ำสินเชื่อที นึกว่าตัวเองมากู้เงินเป็นล้าน ขอหลักฐานนู่นนี่นั่น อลังการงานสร้างมากๆ แค่เฉพาะเอกสารความหนาเกือบครึ่งนิ้วแหนะ  โหนึกในใจถ้าตัวเองไม่ได้ทำงานบริษัทที่บ้านคงตายกันก่อน เพราะหาคนมีเงินเดือนถึงค้ำให้ไม่ได้

วันก่อนก็เปิดดูสินเชื่ออีกหลายรายการของธนาคารนี้  แล้วก็นั่งหัวเราะกะคนที่บ้าน  คุณเชื่อไหมสินเชื่อเงินสดแบบฉับพลัน ธนาคารของรัฐ เงินกู้ 10000 บาท ใช้เวลาพิจารณา 1 อาทิตย์  แล้วต้องหาคนมีเงินเดือนค้ำให้อีกด้วย  

เมื่อวานก็นั่งดูข่าว  รัฐมนตรีท่านหนึ่ง  ท่านคงอยู่สูงมาก สูงจนไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไร  ออกมาบอกว่าต่อไปนี้จะมีนโยบายไม่ให้ประชาชนสร้างหนี้เพิ่มอีกแล้ว
ฟังแล้วนึกในใจ  เพราะมีคนมีความคิดแบบนี้ไงเศรษฐกิจมันถึงได้ล่มจมแบบนี้  การไม่ปล่อยสินเชื่อให้กับคนรากหญ้าแล้วหันไปปล่อยให้เอสเอ็มอีเนี่ยแหละเป็นความผิดพลาดอย่างร้ายแรงของคุณเชียวล่ะ  เคยฟังข่าวบ้างไหม ที่คนเป็นหนี้นอกระบบฆ่าตัวตายกันน่ะ  ถ้าไม่ปล่อยสินเชื่อในระบบให้เขาล้างหนี้นอกระบบออกไป  คนจะเป็นหนี้นอกระบบกันรุนแรงมากขึ้น  แล้วเศรษญกิจก็จะพังยิ่งขึ้น
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 13
                   คุณ  จขกท   เพิ่ง จะมา เริ่ม รู้สึก ตัว กัน ตอนนี้   หรือครับ    มันจะช้าเกินไป ไหมครับ    ถ้าไม่เริ่มปรับสภาพการค้าของตัวเอง  ก็จะเจอสภาพอย่างนี้อีกนาน นะครับ  

                   เศรษฐกิจ มัน เริ่มแย่ จริง ๆ   ก็ ตอนที่ รัฐบาลชุดที่แล้ว ประกาศ ประชานิยม   ใคร ซื้อรถ  แจกภาษีคืน  100,000 บาท ต่อคัน  เพื่อช่วยเหลือ บริษัท ขายรถยนต์ ที่ได้รับความเสียหาย ตอนน้ำท่วม  ปลายปี    2554   นั่นแหละ    แล้วคนไทย ที่บ้าเห่อ  ก็เลย ช่วยกันโหม ซื้อรถ ไปใช้ กันอย่างสนุกสนาน   ออกรถป้ายแดง กันเต็มท้องถนน    ทำให้ รถติด กัน อย่างมโหฬาร   บริษัทขายรถ ก็รวยกันใหญ่  ยอดขายพุ่งกระฉูด  แจกโบนัสให้พนักงานกันสนุกมือ  

                  พอหมดช่วงเทศกาลแจกภาษีคืน    คนไทย ก็เลยมีหนี้ ท่วมหัว กันเกือบค่อนประเทศ   ประจวบกับ ราคาพืชผลทางการเกษตรเริ่มตกต่ำ   รายได้เกษตรกร ก็ต้องลดลง   ทำให้มีการ ปิดถนน เรียกร้องขอความช่วยเหลือจากรัฐบาลในสมัยนั้น   จำได้ใช่ไหมครับ     แล้วพอปีต่อมา  บริษัทขายรถ  ก็ขายรถไม่ออก   คนหยุดซื้อกันเป็นแถว   รถป้ายแดง แทบจะขายไม่ได้    ทำให้รถมือสองพลอยได้รับผลกระทบไปด้วย คือ ขายไม่ออก   ยอดขายตก     ที่หนักกว่านั้น  พืชผลทางการเกษตร  เริ่มตกต่ำ    รายได้ตก  ทำให้ ชาวเกษตรกร ไม่มีรายได้ จับจ่าย ซื้อขายสินค้า   คนไทย ก็ มีหนี้ ครัวเรือน ท่วมหัว   ต้องประหยัดการใช้จ่าย      ต้องมานั่งผ่อนจ่ายหนี้ ซื้อรถ กันไป จนกว่าจะครบ 3 - 4  ปี  ข้างหน้านี้    ก็พอดี มาเจอปัญหา เรื่องจำนำข้าว และเรื่องการเมืองมากระทบ      ทำให้ชาวนาอดได้เงินค่าข้าว   รายได้ลดลง   ชาวนาบางคน ก็ถึงขนาดฆ่าตัวตาย  ไม่มีเงินจ่ายค่าหนี้   และไม่มีเงินปลูกข้าว    การค้าการขาย ก็เริ่ม ซบเซา มาตั้งแต่  คนเริ่มผ่อนหนี้ ค่าซื้อรถ แล้ว   ประจวบกับ  เรื่องราคายางตกต่ำ  ราคาน้ำมันปาลม์ ก็ ตกต่ำ  ราคา น้ำมัน ก็ลด ลง     เศรษฐกิจของต่างประเทศ ก็แย่   การส่งออกสินค้า ก็ พลอยแย่ไปด้วย     ทำให้รัฐ จัดเก็บภาษี ได้ ไม่เต็มเม็ด เต็มหน่วย   เช้ามาซ้ำเติมอีก    การเบิกจ่ายเงินงบประมาณ ก็เป็นไปอย่างล่าช้า   เงินหมุนเวียนในตลาด ก็แทบจะไม่ขยับ   ก็เลยเป็นเหตุให้ผู้บริโภค ต้องรอบคอบในการจับจ่ายซื้อสินค้า   ก็เลยทำให้การค้าการขายซบเซา ตั้งแต่นั้นมา  

                  ในขณะเดียวกัน  คนที่เป็นหนี้ธนาคาร  ก็ถูกปรับ ดอกเบี้ยกู้ เพิ่มขึ้น   คนที่ซื้อบ้าน   ซื้อคอนโด  ก็เลย มีหนี้ กันยกใหญ่     ในขณะที่ คนที่มีเงินฝากเงินในธนาคาร  ก็โดน ปรับลดดอกเบี้ยฝาก ให้ต่ำลง   เพราะ ทางการ อ้างว่า ต้องการปรับลดดอกเบี้ย เพื่อ กระตุ้นเศรษฐกิจ   แต่ ทำไป ทำมา  กลาย เป็นดอกเบี้ยฝาก  กลับ ลดลง  แต่ ดอกเบี้ย กู้ กลับเพิ่มขึ้น เพราะธนาคารเข้มงวดในการปล่อยกู้  รัฐขาดความเข้มงวดในเรื่องส่วนต่างของดอกเบี้ย      คนกลาง ก็เลยกินส่วนต่างดอกเบี้ยกันพุงกาง   รัฐไม่ได้เข้ามาช่วยแก้ ปัญหาตรงจุดนี้   ก็เลยทำให้คนไทยมีหนี้สินกันอ่วม กันถ้วนหน้า    ทำให้กำลังซื้อของผู้บริโภคลดลง   ก็เลยส่งผลกระทบต่อการค้าการขาย  ทำให้เกิดการขายที่ซบเซาเพิ่ม ขึ้นครับ

                  และจะเป็นอย่างนี้ กันต่อไป จนกว่า คนไทย จะผ่อนหนี้ ค่ารถ  หมด ในอีก 3 - 4  ปีข้างหน้า นี้    เมื่อเศรษฐกิจบ้านเรา เริ่มส่ออาการไม่ดี   การค้าการขาย ซบเซา   บางธุรกิจ เริ่มจะไปไม่ไหว   ก็มีการปลดคนงานออก  ทำให้คนงานบางคน เริ่มตกงาน   ทำให้ รายได้ บางส่วนหดหาย   ก็จะส่งผลกระทบ ทำให้การค้าการขาย ซบเซา กันมากขึ้น

                การค้าการขาย  ไม่ได้ ซบเซา เฉพาะบางพื้นที่ นะครับ   ทั่วประเทศ ได้รับผลกระทบหมด ครับ    ห้างสรรพสินค้า โลตัส บิ๊กซี  ยอดขายตกหมดครับ  ประจวบกับ เมื่อเดือนสองเดือนที่ผ่านมา  โรงเรียนเพิ่งเปิดเทอม   พ่อแม่ผู้ปกครองมีค่าใช้จ่ายเรื่องการเรียนของลูกมากขึ้น  ก็เลยต้องระมัดระวังในเรื่องการใช้จ่ายครับ  ทำให้กระทบต่อยอดขาย  ทำให้การค้าขายซบเซา ได้ครับ                       

                 ขอให้โชคดีครับ  

                 ( เป็นการแสดงความคิดเห็น ส่วนตัว ในเชิง วิชาการ  นะครับ   ไม่ได้มีเจตนาจะ ตำหนิใคร นะครับ  )
ความคิดเห็นที่ 27
นึกอะไรไม่ออกก็ให้โทษรัฐบาลชุดที่แล้ว เฮ้อ พวกคุณนี่มันคนดีจริงๆหรือไม่เคยโทษตัวเองกันเลย ว่าที่บ้านเมืองเป็นได้ขนาดนี้เพราะพวกคุณมีส่วนทำให้มันเป็น
ความคิดเห็นที่ 21
มันแย่ตั้งแต่ไอ่โฮ่งเทือกออกมาเป่าปรี๊ดแล้วครับ ใครไปร่วมขบวนด้วยก็ต้องบอกว่า โสน้าหน้า ล่ะครับ กรั่กๆๆ
ความคิดเห็นที่ 17
ภาวะเศษฐกิจแบบนี้เรียกได้ว่าสังคมแบ่งชนชั้น คือความแตกต่างระหว่างรายได้ของคนในประเทศยิ่งห่างออกไปเรื่อยๆ
ถ้าดำเนินการบริหารแบบนี้ไปเรื่อยๆ คนรวยก็ยิ่งรวยเพราะเขามีทุนมีโอกาส คนจนก็ยิ่งจนเพราะเขาไร้ช่องทาง
ทั้งช่องทางทำกินช่องทางทางสังคม รัฐจะให้ความสำคัญกับการลงทุนเพิ่มขึ้น คนที่ได้ประโยชน์ก็พวกนายทุน
พอรัฐจะช่วยเหลือคนจนผู้ยากไร้ ก็จะมีกระแสต่อต้านว่าประชานิยม บิดเบือนกลไกตลาดหรือการเมืองแทรกแซง
แต่พอรัฐส่งเสริมการลงทุน ผู้มีการศึกษาจบสูงๆก็จะได้รับโอกาสรับเงินเดือนสูงๆ นายทุนก็มีกำไรจากการลงทุน
ที่รัฐใช้งบประมาณไปส่งเสริมไปกระตุ้น นายทุนกอบโกยผลกำไร คนจนต้อยโอกาสด้อยการศึกษาได้งานทำในระดับล่าง
เงินเดือนเล็กน้อยแค่พอประทังชีวิตแลกเศษอาหารข้างทาง
ไม่มีคนต่อต้านเพราะมองแค่คนมีงานทำ ไม่ได้มองไปถึงคุณภาพของคนทำงาน หรือการกระจายรายได้  
แล้วแต่นายจ้างกำหนด !!!
ถ้ายึดการบริหารตามแนวนี้คนรวยก็ยิ่งรวยคนจนก็ยิ่งจนและเพิ่มจำนวนมากขึ้น
ถ้าวันหนึ่งลูกหลานของท่านถูกผลักเข้าสู่สังคมคนจนแล้วจะรู้สึก อาจจะเรียกร้องหาประชานิยม การคุ้มครองแรงงาน
หรือสวัสดิการต่างๆเพื่อยกระดับความเป็นมนุษย์ อาจเลยไปถึงเรียกร้องหาความเท่าเทียมในสังคมก็เป็นได้
ความคิดเห็นที่ 23
ถามเศรษฐกิจ แย่ ไม๊...ควรดุในภาพ รวม ครับ....เศรษฐกิจของไทยมีหลายเซ้คเตอร์.
ในอดีตมา มีบางตัวดี บางตัวแย่..แล้วแต่สถานการณ์นั้น..อาทิ ถ้าเกิดปัญหาค่าเงิน การส่งออกอาจจะแย่..แต่พวกนำเข้าได้อานิสงค์ อะไรประมาณนี้หรือกลับกัน..

แต่เอาคร่าวๆ ขอแบ่งเป้น สี่ส่วน
1. ภาคส่งออก....อันนี้ต้องมาดูว่าแย่เพราะอะไร...ส่วนนึงเพราะตลาดโลก..อีกส่วนเพราะเราถูกตั้งกำแพงกีดกัน จะเป็นเรื่อง tier 3 หรือ เรื่องอื่น แต่ช่วงนี้น่าจะต้องยอมรับว่าเป็นเพราะ เราอยุ่ในช่วงการบริหารงานโดยรัฐบาลที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง..ตามกติกาสากล การพูดคุยต่อรองทางการค้าเป้นเรื่องยาก.. ถ้ามีการต่อรองก็แบบเสียเปรียบ..ต้องเข้าใจว่า.ไม่ใช่ขายไม่ได้เลย..ที่เคยค้ากับคุ่ค้าคงค้าได้อยู่แต่อัตราการเจริญเติบโตแย่ลง..โดยเฉลี่ย...แต่ภาคนี้ฐานทางเศรษฐกิจ ยังแข็งแรงกว่า แต่ก็ลงท้ายที่ สายป่านใครยาวกว่า....ถึงจะอยู่ได้..

2.ภาคท่องเที่ยว... ส่วนนี้.ตัวเลขนักท่องเที่ยวอาจจะไม่ลด..แต่คุณภาพนักท่องเที่ยว..และเม็ดเงินที่ได้จากการท่องเที่ยวต่อหัว..น้อยลงมาก..จากนักท่องเที่ยวเกรด A พวกยุโรป ซึ่งเข้ามาอยู่แบบระยะยาว และใช้จ่ายต่อหัวสุง..ลดน้อยลง.. เหลือแต่นักท่องเที่ยวที่ใช้จ่ายน้อย.และปริมาณเยอะ..ซึ่งผลกระทบมัน ก็ลามไปถึงการค้าขายที่ต่อเนื่องกับธุรกิจท่องเที่ยว ภาคต่อที่ไม่ได้เกี่ยวกับการบริโภคของกิน หรืออะไร อาจจะขายได้ยากมากขึ้น..
แต่ผลกระทบเรื่องใหม่ ที่เกี่ยวกับ icao และ ปัญหา เรื่อง mers น่าจะสร้างปัญหาใหญ่ให้กับภาคการท่องเที่ยวแน่ๆ ถ้าแก้ไขไม่ได้

3.ภาคเกษตร.. ด้วยนโยบายของรัฐบาลที่ปล่อยให้ราคาสินค้าเกษตรไปตามยถากรรม หรือช่วยในลักษณะ ให้เปล่าเพื่อลดการผลิตลง. เพราะไม่สามารถไปเปิดตลาดการค้าให้เพิ่มขึ้นได้..  ราคาสินค้าเกษตรส่วนมาก โดยเฉพาะ สินค้าหลัก แบบข้าว ยาง ราคาลดต่ำกว่าครึ่ง..ซึ่งคนส่วนมากของประเทศประกอบอาชีพนี้

4.การค้าภายในประเทศ..  กำลังซื้อภายในประเทศในภาพรวม ตกลงอย่างมากจนรู้สึกกันได้ทั่ว..อาจจะมีพวกสวนกระแสบ้าง แต่น้อยกว่า พวกที่ประสพปัญหาแน่ๆ..เพราะ ภาพรวม คนของส่วนมากในประเทศ ไม่มีกำลังซื้อ.. และถ้าแก้ไขปัญหาไม่ได้..มันลามไปถึงมนุษย์เงินเดือน ที่จะต้องถูกลด เวลาทำงาน หรือโดนปรับออก หรือลดโอที ลดโบนัส ลดเงินเดือน.. ถ้าลามไปถึงขั้นนั้นแล้ว..เราก็เจอ ปัญหาเต็มรุปแบบแล้วหล่ะครับ..

*****************************************************************************

การแก้ไขปัญหา ในแต่ละรัฐบาล..การมีนโยบาย ต่างๆ เป็นการแก้ไขปัญหาในช่วงเวลา นั้นๆ..

การกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยผ่านประชาชน ในภาคต่างๆ ก็ตามแต่รัฐบาลนั้นๆ จะออกนโยบาย..ในยุคนึงมีการกระตุ้น เศรษฐกิจผ่านมนุษย์เงินเดือน มีการแจกเงินฟรีๆ ให้ ผู้มีรายชื่อประกันตน คนละ 2000 บาท นั้นก็เป้นนโยบายนึง..ส่วนจะสัมฤทธิ์ผลหรือไม่ ไม่ขอกล่าวถึง.

การกระตุ้นเศรษฐกิจ ผ่านประชาชนระดับรากหญ้า โดยผ่านทางการเพิ่มราคาสินค้าเกษตร..ก็เป้นอีกช่องทางนึง..ซึ่งส่วนตัวถ้ามองกันในแง่ลบ คงเป้นการใช้งบประมาณ.ที่ออกจะมากเกิน และมีแนวโน้ม มากขึ้นในแต่ละฤดูกาล.. แต่ถ้ายังควบคุมให้อยู่ในกรอบของการสร้างหนี้สาธารณะได้..และรอบการหมุนเวียน สามารถทำให้สินค้าเกษตรมีราคาได้.. ก็เป้นการกระตุ้นเศรษฐกิจภายในประเทศอีกวิธีนึง..ที่ถึงประชาชนส่วนมากของประเทศ..
ซึ่งน่าจะดีกว่า การให้เปล่า.และลดพื้นที่การผลิต.


ส่วนนโยบายรถคันแรก..ก็เป้นการกระตุ้นเศรษฐกิจหลังปัญหาน้ำท่วม ในชนชั้นกลาง*ล่าง เพื่อช่วยต่อลมหายใจให้อุตสาหกรรมรถยนต์..และธุรกิจต่อเนื่อง..ซึ่งก็หมุนตัวเลขจีดีพีหลังน้ำท่วมให้..ฟื้นกลับมาโดยเร็ว.

ส่วนปัญหาที่เกิดขึ้น คงเป้นเรื่องของการจราจร..และปัญหาหนี้เสีย..ซึ่งคนทั่วไปมักมองกันที่กรุงเทพ..แต่ในความเป้นจริงรถคันแรก ได้กระจายไปทั่วประเทศ ไม่ใช่คนกรุงเทพ เท่านั้นที่ใช้นโยบายนี้..และอานิสงค์ไปถึงธุรกิจต่อเนื่องที่เกี่ยวกับรถยนต์..และผู้ที่ประสพปัญหา รถยนต์เสียหายเพราะน้ำท่วมด้วย..

ส่วนเรื่องความเสียหายจากโครงการรถ คันแรก ใครน่าจะลองหา ดูว่า มีรถยนต์ในโครงการนี้ มีรถที่ถูกยึดจำนวนเท่าไหร่..ถ้าเทียบเปอร์เซ็นต์แล้วไม่ได้มากมายนัก..สำหรับ รถล้านคันที่ออกมา..ก็ถือว่าโครงการประสพผลสำเร็จ... แต่ข้อเสีย ก็คือมันเกิดการไปเร่งดีมานต์ เกิดไป..มันน่าจะส่งผลกระทบต่อการขายในปีถัดๆ ไป..
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่